ตอนที่แล้วบทที่ 50 เมืองหยกงาม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 52 อันดับ1แซ่จิน

บทที่ 51 คำขอโทษ


กำลังโหลดไฟล์

ภายในคุกที่ตั้งอยู่ใต้จวนเจ้าเมืองลี่หลิน มันส่งกลิ่นหอมตลบอบอวนโชยออกมาตามทิศทางของกระแสลม กลิ่นที่หอมหวนชวนให้ชื่นใจนั้นแฝงไปด้วยความอำมหิตดำมืด มันคือกลิ่นของกำยานหลงลืม

“สำเร็จ สำเร็จแล้ว” แม่เฒ่าโหยวร้องออกด้วยความยินดี ก่อนจะกล่าวถามออกไปยังสตรีรูปร่างงามเบื้องหน้า “เจ้าจำตัวเองได้หรือไม่”

สตรีที่มีแววตาสีดำ ใบหน้าไร้อารมณ์ ไม่กล่าวคำใดตอบมา “…..”

น้ำเสียงของแม่เฒ่าโหยวเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

“ดี ดีมาก เจ้าชื่อเสี่ยวซวง จำเอาไว้ให้ดี เจ้านั้นเป็นภรรยาของท่านเจ้าเมือง จงรักภักดีถวายกายให้แก่ท่านคือหน้าที่ของเจ้า เข้าใจหรือไม่?” มันพยามปลูกฝังความทรงจำใหม่ให้แก่นาง

ใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกของเสี่ยวซวงพยักหน้าลงช้าๆเป็นการตอบรับ

แม่เฒ่าโหยวยกยิ้มอย่างภูมิใจก่อนจะกล่าวออก“ทหารปลดเครื่องพันธนาการของนางออกให้หมด”

…..

ในเวลาเดียวกัน บริเวณลานกว้างจวนเจ้าเมืองลี่หลิน

“เจ้า...เจ้าเป็นใคร” ชายร่างเตี้ยตำแหน่งเจ้าเมืองกล่าวถามออก

“ข้านั้นได้รับไหว้วานจาก ฉางอินให้มาช่วยคนรักของเขา ข้าเองก็ไม่ยากยุ่งเกี่ยวกับพวกสวะชั้นต่ำมากนัก

แค่เพียงเจ้านำตัวนางออกมา เจ้าจงมีความสุขกับตำแหน่งเจ้าเมืองและข่มเหงพวกมันตามใจชอบต่อไป” ดวงตาของหนิงเทียนหรี่เล็กลงมันกล่าวออกอย่างช้าๆให้ได้ยินทั่วถึง

ใบหน้าของชาวเมืองไร้สีเลือดกลับไปทันที ความสิ้นหวังถาโถมเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง บางคนถึงกับคุกสองเข่าลงกับพื้น บ้างก็ร้องโหออกไม่หยุด

เจ้าเมืองลี่หลินตัวสั่นอย่างเห็นได้ชัด มันยังคงกล่าวตอบไป “เสี่ยวซวง....เป็นสมบัติของข้า ข้า...ข้าไม่มีทางมอบให้เจ้าเด็ดขาด”กล่าวจบมันตะโกนออกด้วยเสียงสั่นเครือ

“ทหาร!!! ไปตามม่ออู่ มาเดียวนี้”

“ขอรับ” ทหารยามรับคำสั่งพร้อมกับรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

“เจ้าหนุ่ม...ตอนนี้ยังไม่สายที่จะออกไปจากที่นี่ ข้าจะไม่ติดใจเอาความเจ้า” เจ้าเมืองกล่าวออกดั่งคนขี้ขลาดเห็นได้ชัดว่ามันทำเป็นแต่การรังแกชาวบ้านเท่านั้น

หนิงเทียนจับจ้องไปด้วยสายตาที่สมเพชเหลือล้น ดินแดนนักรบขั้นกลางพร้อมทั้งนิสัยขี้ขลาดเช่นนี้

ถ้ามันไม่จ่ายสินบนที่มากมาย ก็ต้องเป็นเพราะพวกเบื้องบนที่ตาถั่ว ถึงสั่งให้พวกไร้ประโยชน์มาเป็นเจ้าเมืองที่ใหญ่โตได้

เพียงชั่วครู่เสียงชุดเกราะกระทบกันดังออกมา ปรากฏร่างชายที่หนิงเทียนเคยพบเมื่อไม่กี่ชั่วยามมานี้

เมื่อมันเห็นม่ออู่ ท่าทางที่แสดงถึงความหวาดกลัวหมดไป พร้อมกล่าวออกด้วยความเหย่อหยิง “เจ้ามาก็ดีแล้ว ช่วยข้ากำจัดคนชั่วที่มาก่อกวนเดียวนี้”

ม่ออู่จับจ้องไปยังใบหน้าของหนิงเทียนอย่างไม่วางตาก่อนจะกล่าวออก “ดูเหมือนพวกเราจะมีชะตาที่ตรงกันนะ”

“ท่านแม่ทัพ ท่านจำคำพูดของข้าได้หรือไม่? ....” หนิงเทียนยังกล่าวออกด้วยรอยยิ้ม

“คำพูดเจ้า?!!”

“เหรียญทองของข้ามันเป็นอัปมงคลจริงๆนะ ดูสิมันทำให้แม่ทัพที่เกรียงไกรอย่างท่านต้องกลายเป็นคนพิการในอนาคตได้ น่าเศร้าน่าเศร้า” หนิงเทียนระบายลมหายใจออกจากปาก

“สารเลว เจ้าบอกว่าใครเป็นคนพิ.....” ยังไม่ทันสิ้นเสียงกล่าว กลิ่นหอมเจือจางโชยมาแตะจมูกของมัน ร่างกายของมันแข็งทื่อทันที ม่ออู่พยามเค้นเสียงออก “ยา...พิษ”

“ไม่ต้องห่วงท่านแม่ทัพ พิษนี้ไม่ได้ร้ายแรงอันใด มันเป็นเพียงโอสถพิษที่ข้าปรุงเล่นในยามว่างเท่านั้นและท่านที่เป็นถึงผู้ฝึกตนในแดนองครักษ์คงจะรู้สึกชาขยับไม่ได้เพียงแค่1-2ชั่วยามเท่านั้นเอง”

กล่าวจบมันเดินตรงไปยังม่ออู่อย่างด้วยสีหน้าที่ราวกับปีศาจ

“ท่านแม่ทัพ ถ้าจะโทษขอให้ท่านไปโทษ10เหรียญทองในกระเป๋าท่านแล้วกัน ที่มันได้นำพาเรื่องโชคร้ายเช่นนี้เข้ามาในชีวิตท่าน”

กล่าวจบหนิงเทียนดึงดาบเก่าๆจากมือของชาวบ้านคนหนึ่งออกมาพร้อมทั้งแทงไปยังจุดตันเถียนของม่ออู่

เพียงชั่วไม่กี่ลมหายใจ จากแม่ทัพที่เกรียงไกรกลับกลายเป็นคนพิการที่นอนทอดร่างอยู่กับพื้น

เจ้าเมืองลี่หลินเห็นภาพเช่นนั้นมันถอยหลังออกด้วยสัญชาตญาณ พร้อมทั้งทรุดกายลงกับพื้นด้วยความหวาดกลัว

“ข้า...ข้าได้รับแต่งตั้งจากท่านเจ้าเมืองไห่หนาน เจ้าจะทำร้ายข้าไม่ได้” มันหยิบยกชื่อเจ้าเมืองไห่หนานออกมาขู่หมายจะหยุดการกระทำที่เลวร้ายของหนิงเทียน

เมืองไห่หนานนั้นเป็น1ใน3เมืองใหญ่ของทวีปฟ้าสวรรค์แต่นั้นเป็นเพียงมุมมองของคนภายนอกเท่านั้น เนื้อแท้ของมันแล้ว เมืองไห่หนานนับได้ว่าเป็นผู้นำของ3เมืองใหญ่

ถ้ากล่าวถึงเจ้าเมืองไห่หนานแล้ว นอกเหนือจากผู้คนที่อาศัยในอาณาจักรฟ้าสวรรค์ทั่วทั้งทวีปฟ้าสวรรค์ไม่มีผู้ใดไม่ยอมก้มหัวให้แก่มัน

ไม่แปลกที่มันจะหยิบหยกขุมอำนาจที่ทรงพลังมาเพื่อเปิดเส้นทางรอดให้แก่มัน

หนิงเทียนหาได้สนใจคำใดๆไม่ มันยังก้าวเดินตรงไปยังเจ้าเมืองลี่หลินด้วยท่าทีสบายๆ

“ฆ่า...ทหารฆ่ามัน ปกป้องข้า” เห็นปีศาจร้ายกำลังย่างกายเข้ามา เจ้าเมืองลี่หลินตะโกนสั่งสุดเสียง

ทหารยามที่ได้ยินเช่นนั้น บังเกิดสองความคิดขึ้นภายในหัว ก้าวเดินก็ตาย ก้าวถอยก็ไม่รอด

แต่มีสิ่งเดียวที่เป็นกำลังใจให้แก่พวกมัน คือจำนวนที่มากกว่า เมื่อตัดสินใจได้เช่นนั้นมัน กรูกันมายืนตั้งแถวเป็นโล่ปกป้องเจ้าเมืองลี่หลินตามหน้าที่

หนิงเทียนมองไปยังเหล่าทหารที่ปกป้องเจ้านายด้วยแววตาชื่นชม ตัวมันเองก็เคยเป็นเช่นนั้นมาก่อน มันจึงได้หยุดก้าวและละทิ้งเจตนาฆ่าลง พร้อมทั้งหันไปกล่าวกับฝูงชาวเมืองที่จับกุมอาวุธอยู่

“ชีวิตของใคร มันผู้นั้นที่เป็นเจ้าของสมควรดูแลด้วยตนเอง ไม่มีใครช่วยเหลือพวกเจ้าได้

คนที่เอาแต่รอการช่วยเหลือจากผู้อื่นอย่าได้หวังว่าจะมีปาฎิหาริย์ พวกเจ้าตัดสินใจเองว่า อาวุธในมือจะหันใส่ใคร” กล่าวจบมันตรงไปยังเจ้าเมือง

“อย่า...อย่าเข้ามา!!” เจ้าเมืองลี่หลินปิดตาแน่นพวกยกสองมือไปกุมไว้ที่ศีรษะ สองเข่าหดลงแนบอก

ในขณะที่มือของหนิงเทียนกำลังจับกุมไปยังลำคอหมายจะเค้นเรื่องเสี่ยวซวงออกมา จู่ๆแสงสะท้อนสีเงินคมกริบพุ่งเข้าใส่หน้าอกของหนิงเทียนอย่างไม่ทันได้ระวังตัว

เคร้ง!!!!! เสียงของกระบี่และดาบทั้งสองเข้าปะทะกันจนเกิดประกายไฟแลบออก

ในชั่วเสี้ยวลมหายใจ หนิงเทียนยกพิรุณโปรยปกป้องรังสีดาบที่โจมตีเข้ามาได้ทันท่วงที ส่งผลให้มันกระเด็นถอยหลังออกไปเท่านั้น

เจ้าเมืองลี่หลิน หรี่ตาเปิดออกเล็กน้อย เมื่อเห็นเงาร่างของเสี่ยวซวง ดวงตาของมันเปิดกว้างออกทั้งหมด พร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างน่าเกลียด “แม่เฒ่าโหยวทำสำเร็จแล้ว”

“ไป เสี่ยวซวงที่รัก ไปตัดหัวมันให้ข้าและพวกเราจะได้อยู่กันอย่างมีความสุข” มันกล่าวสั่งเสียงดัง เวลานี้มันเหมือนปลาที่ได้น้ำ ท่าทีของมันกระตือรือร้นเป็นอย่างยิ่ง

หนิงเทียนที่มองไปยังหญิงสาวตรงหน้ามันด้วยสองตาที่เปิดกว้าง คิ้วของมันขมวดเข้าหากันทันที “ครึ่งก้าวสู่แดนปราชญ์”

สิ้นเสียงคำสั่งฆ่าของเจ้าเมืองลี่หลิน เสี่ยวซวงย่างเท้าเข้ามาด้วยสีหน้าที่ไร้ซึ่งอารมณ์

หนิงเทียนยังคงจับจ้องไปยังนางอย่างไม่วางตา มันเกิดฉุกคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมา

“ผู้หญิงคนนี้ เสี่ยวซวงที่ฉางอินพูดถึง? แต่เดี๋ยวก่อนใบหน้าไร้ความรู้สึกดวงตาเลื่อนลอย หรือว่า.....จะถูกกำยานหลงลืม”

ถึงแม่เฒ่าโหยวจะกล่าวออกว่ามันเป็นทักษะสะกดจิตแต่แท้จริงแล้วมันเป็นผลมาจากกำยานลงลืม

กำยานหลงลืมเป็นเพียงพิษชนิดหนึ่งที่ทำให้ผู้ที่สูดดมมันหลงลืมอดีตทุกอย่างและจดจำเพียงคำสั่งแรกเท่านั้น

ในตำราหมื่นพิษของบิดารองไม่มีพิษชนิดไหนที่หนิงเทียนไม่รู้จัก ไม่มีพิษชนิดไหนที่มันไม่รู้วิธีแก้ เมื่อคิดได้เช่นนั้น หนิงเทียนพุ่งร่างหมายจะจับกุมตัวนางทันที

ขณะเดียวกันเสี่ยวซวงตวัดดาบใหญ่ในมือของนางไปยังหนิงเทียนด้วยแววตาที่เลือนลอย

เห็นรังสีดาบที่รุนแรงเช่นนั้น หนิงเทียนได้แต่ ถอยหลบออกอย่างจนใจ ภายใต้คมดาบที่พุ่งใส่ราวพายุ มันไม่เหลือช่องว่างให้หนิงเทียนก้าวออกถึงตัวของนางได้เลย

“ปราชญ์ขั้นแรก เมื่อครู่นางยังอยู่ในแดนองครักษ์ นี้มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น!!!” อาการตกใจปรากฎในแววตาของหนิงเทียน

ไม่มีเวลาให้มันได้คิดมากนัก จู่ๆเสี่ยวซวงหายไปจากสายตาของมันในทันใด

“เร็วมาก!! การเคลื่อนที่นี้คือ...” หนิงเทียนคิดไปพร้อมกับบิดร่างไปทางขวา ยกกระบี่พิรุณโปรยขึ้น

เพล้ง!!!! ดาบขนาดใหญ่เข้าปะทะกับกระบี่พิรุณโปรยที่หนิงเทียนยกไว้ในคราแรก คราวนี้มันบิดข้อมือส่งกระบี่ไปทางซ้าย

เพล้ง!!!เป็นเช่นเคยราวกับว่ากระบี่ของหนิงเทียนล่วงรู้ถึงการโจมตีของดาบยักษ์จึงตั้งรอในทิศทางที่มันจะจู่โจมมา

แม้จะสามารถรับการโจมตีของเสี่ยวซวงได้ทั้งหมด แต่คิ้วของมันยังคงขมวดเพิ่มเข้าไปอีก

“บัดซบ ปราชญ์ขั้น2 ฉางอินคนรักเจ้าเป็นตัวอะไรกันแน่”

พลังของเสี่ยวซวงยังคงเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง การปะทะของมันมันใช้เวลาราว2เค่อ

'แฮ่ก แฮ่ก' เวลานี้หนิงเทียนหอบหายใจแรง

มันนั้นใช้เพียงพลังกายล้วนๆในการต่อสู้ครั้งกับแดนแห่งปราชญ์ ไม่น่าใจแปลกที่มันจะหมดแรงและเหนื่อยหอบเช่นนี้

ขณะนี้ ดวงตาของหนิงเทียนเบิกกว้างขึ้นเมื่อมองไปยังสตรีตรงหน้ามัน เสี่ยวซวงผู้มีใบหน้าและรูปร่างอันงดงาม แต่กลับมีพลังดุจเช่นปีศาจร้ายตัวหนึ่ง

พลังของนางเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนเวลานี้นางเข้าสู่เส้นทางปราชญ์ขั้น4ภายในเวลาไม่ถึงชั่วยามและมันยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงเลย

“แย่แน่ๆ ถ้ายังเป็นเช่นนี้ต่อไป ดาบในมือนางคงได้ลิ้มรสเลือดของข้าแน่ๆ”คิดเช่นนั้นมันหยิบโอสถพิษเก้านิทราไว้ในมือแน่น

มันไม่มีพลังปราณที่จะสลายพิษระดับปฐพีให้ลอยล่องไปกับสายลมได้ มีเพียงแต่ต้องส่งมันเข้าร่างนางโดยตรงเท่านั้นถึงจะได้ผล

เสี่ยวซวงเริ่มขยับตัวอีกครั้งนางพุ่งออกด้วยท่าเท้าแปลกๆ พร้อมกับยกมือที่ถือดาบขึ้นและสะบัดข้อมือ พลังดาบขนาดยักษ์ถูกปลดปล่อยออกไปในอากาศ

หนิงเทียนรู้สึกราวกับว่าร่างกายของมันถูกบดทับด้วยคลื่นพลังขนาดใหญ่

เวลานี้หนิงเทียนกัดฟันแน่น มันพุ่งร่างไปข้างหน้า ใช้มือขวาพลักปลายดาบที่ใหญ่โตให้เบี่ยงทิศออกไปเล็กน้อย

ก่อนที่จะใช้มือซ้ายโอบกอดเอวนางไว้แน่น จากนั้นมันดึงมือขวาที่เกิดแผลยาวจากคมอากาศเมื่อครู่พร้อมกับส่งโอสถพิษเก้านิทราออกไป

โอสถเก้านิทราที่เวลานี้ถูกยอมด้วยเลือดของหนิงเทียนจนกลายเป็นสีแดงทั้งเม็ดลอยเข้าสู่ร่างกายของเสี่ยวซวง เพียงไม่ถึงสามลมหายใจ นางปิดตาทิ้งร่างลงในอ้อมกอดของหนิงเทียน

ในขณะที่มันกำลังทำสิ่งที่อันตรายถึงชีวิตอยู่นั้น เสียงเฮลั่นดังออกมาจากกลุ่มฝูงชนทั้งหมด พวกมันที่มีจำนวนมากกว่ากลุ่มทหารนับสิบเท่าร่วมมือกันจับเจ้าเมืองลี่หลินมัดไว้ได้

“เฮ้ๆๆๆๆ เราชนะแล้ว พวกเราปลอดภัยแล้ว” เสียงชาวบ้านตะโกนกู่ร้องด้วยความยินดี

หนิงเทียนไม่ได้แสดงความรู้สึกใดออกมาแม้แต่น้อย มันเพียงแต่มองไปยังเจ้าเมืองลี่หลินด้วยสายตาเย็นชาพร้อมกับหันเดินจากไปโดยที่สองมือยังโอบอุ้มเสี่ยวซวงอยู่

หนิงเทียนเดินมาอยู่ชั่วเวลาหนึ่งก่อนจะวางร่างของเสี่ยวซวงลงในที่ปลอดภัยพร้อมหยิบกล่องสีขาวสว่างออกมาจากแหวนมิติ

ภายในมันบรรจุโอสถสวรรค์ชำระล้างอยู่2เม็ด หนิงเทียนหยิบขึ้นมาใส่ปากเสี่ยวซวงไปหนึ่งเม็ด ก่อนที่จะเก็บกล่องสีขาวลงแหวนมิติไปดังเดิม

เวลาผ่านไปราวๆครึ่งวัน ในช่วงเวลาคาบเกี่ยวระหว่างกลางวันและกลางคืน

ดวงตาของเสี่ยวซวงค่อยๆเปิดออก นางลืมตาพร้อมยันกายรุกขึ้นนั่ง สายตาของนางจับจ้องไปยังหนิงเทียนอย่างไม่กระพริบตา

“ท่านคือ...” นางกล่าวถามด้วยความสงสัย

ไม่ทันได้ตอบคำถามใดหนิงเทียนหยิบแผนที่หนังสัตว์ออกพร้อมกับส่งไปให้เสี่ยวซวง “นี้คือสิ่งเดียวที่คนรักของเจ้านั้นเหลือไว้ ข้าขอโทษที่ช่วยเขาไม่ได้

เขาเป็นคนดีมาก ข้าขอโทษจริงๆ” น้ำเสียงของมันแผ่วเบาปนไปด้วยความเศร้า มันยังกล่าวอธิบายต่อไป

“แม้มันอาจจะฟังดูเหมือนคำแก้ตัว แต่เวลานั้นข้าได้รับบาดเจ็บสาหัสแม้แต่ขยับร่างยังไม่สะดวก การที่ข้าเอาชีวิตรอดมาได้ก็เต็มกลืนแล้ว”

ในขณะที่หนิงเทียนกล่าวออก หยดน้ำใสๆไหลอาบสองแก้มของเสี่ยงซวงมันหยดลงบนแผนที่หนังสัตว์จนเปียกชุ่ม

“ข้าได้กล่าวออกไปหมดแล้ว ข้าคงต้องไปก่อน ดูแลตัวเองให้ดีๆ อย่าได้คิดทำร้ายตัวเอง ฉางอินกำลังมองเจ้าอยู่บนฟ้า”

หนิงเทียนหันหลังจากไปพร้อมกับดวงตะวันที่กำลังลาลับขอบฟ้า มันส่งแสงสีแดงอ่อนๆมากระทบไปยังร่างของผู้คน

หนิงเทียนปิดตาของมันลงชั่วครู่พลันนึกถึงบัณฑิตชุดขาวที่กำลังขุดหลุมฝั่งกลบร่างของมัน จากนั้นมันเปิดตาขึ้นและค่อยๆเดินจากไปอย่างเงียบเฉียบ

“ให้ข้าไปกับท่าน” เสียงอันแผ่วเบาปราศจากความรู้สึกดังออกมา

หนิงเทียนหยุดเท้าลง ก่อนจะกล่าวออก“ลืมมันไป...ข้าไม่ใช่คนดีอย่างที่เจ้าคิด และเส้นทางที่ข้าจะก้าวไปนั้นเต็มไปด้วยอันตราย”

พร้อมกับยิ้มขึ้นเพียงชั่วครู่ก่อนจะโบกมือลา มันไม่แม้แต่จะหันกลับไปมองด้านหลังด้วยซ้ำ

หนิงเทียนออกจากเมืองลี่หลินภายในวันนั้นทันที แม้เวลานี้มันจะไม่มีแผนที่แล้วแต่ทุกเส้นทางเดินมันสลักลงในหัวของมันเรียบร้อย

มันใช้เวลาเพียงวันเดียวในการข้ามภูเขามายังพื้นทะเลทรายที่ทอดยาวไปยังเมืองฉางผิง ในทุกๆวันดวงตะวันทั้งแปดภายในร่างของหนิงเทียนค่อยๆจะเติมเต็มพลังที่ละน้อย

ในช่วงเวลากลางวันที่มีแสงร้อนแรงมันจะเพิ่มความเร็วในการดูดซับได้เป็นสองเท่าของเวลากลางคืน

เวลานี้เหลือระยะทางอีกไม่ไกลแล้วที่จะถึงเมืองฉางผิง หนิงเทียนยังคงเดินทางอย่างไม่เร่งรีบ มันไม่ได้เดินทางเต็มเวลาทั้งวันทั้งคืน

มันเดินทางเพียงกลางวัน ตกค่ำมันจะนั่งสมาธิโคจรพลังซึมซับหินลมปราณขั้นสูง เพื่อเต็มเติบดวงตะวันทั้งแปดภายในร่าง

หนิงเทียนพึมพำกับตัวเองอย่างแผ่วเบา“อย่างน้อยที่สุดก่อนจะถึงเมืองฉางผิง ข้าจะต้องเติมเต็มมันให้ได้ถึง7ส่วน

พ่อบ้านมู่อย่าได้โทษข้า ถ้าข้าไปถึงไม่ทันการณ์ ให้โทษว่าเป็นเคราะห์กรรมของหลานสาวเจ้าแล้วกัน”

เวลาต่อมาหนิงเทียนนำเนื้อสัตว์และน้ำผึ้งหยกออกมาจากแหวนมิติ พร้อมทั้งระบายลมหายใจออกมา

เฮ้อ “มากินด้วยกันเถอะ!! เจ้าตามข้ามาตลอดสิบวันไม่เหนื่อยบ้างหรือไง”

สิ้นเสียงของมันปรากฏร่างสตรีที่มีรูปลักษณ์สวยงาม เดินออกมาจากเงามืด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด