ตอนที่38 จวิ๋นหลี่จิว
ตอนที่38 จวิ๋นหลี่จิว
จะกล่าวไป ในจวนแห่งนี้ไม่มีผู้ใดสามารถล่วงเกินคุณหนูใหญ่ได้อีกก็ว่าได้!
หลังจากที่สองแม่ลูกทราบว่า เกิดเรื่องชุลมุนครั้งใหญ่ในหอโอสถจนต้องเลื่อนวันตรวจชีพจรของฮูหยินรองออกไปอย่างไม่มีกำหนด ซูซือก็ถอนหายใจยกใหญ่ด้วยความโล่งอก
“ยังดีที่นังแพศยายังทำตามสัญญา”
ฮูหยินรองเค้นเสียงเย็นออกมาทีหนึ่ง ยกมือเท้าสะเอวตอบกลับไป
“ท่านแม่ แล้วตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”
จวิ๋นรั่วไม่สนใจว่าผู้ใดจะเดือดร้อน ขอเพียงท่านแม่คนนี้สบายดีก็เกินพอแล้ว
“แม่ไม่เป็นอะไร แต่ไยร่างกายของข้านับวันถึงยิ่งอ่อนล้าลงเรื่อยๆ เจ้าบอกว่าท้องแค่สองเดือนเองมิใช่รึ? เหตุใดถึงรู้สึกเหนื่อยง่ายขนาดนี้แล้ว?”
“บางทีช่วงนี้ท่านแม่มีเรื่องต้องคิดกังวลเยอะเป็นพิเศษ ทำให้อ่อนเพลียได้ง่ายกว่าปกติ เอ่อ...ท่านแม่ หมู่นี้เกรงว่าอย่าเพิ่งออกไปไหนเป็นดีที่สุด อยู่เรือนพักผ่อนเถิดเจ้าคะ”
จวิ๋นรั่วเอ่ยปากขอร้องให้แม่ตนเองหยุดเที่ยวได้แล้ว เพราะหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่านางเองก็ไม่สามารถตามเช็ดตามเก็บความลับได้สนิทแล้วเช่นกัน
“ไม่ได้ หลายวันมานี้แม่มีนัดกับแขกคนอื่นแล้ว ไม่ไปไม่ได้!”
พอฮูหยินรองกล่าวจบ ก็เดินไปที่โต๊ะเครื่องประทินผิวและกล่าวต่อว่า
“รั่วเอ๋อร์แต่งหน้าให้แม่หน่อย สักประเดี๋ยวต้องรีบออกไปแล้ว แต่จะว่าไป...พ่อของเจ้าอยู่ที่ใด? คอยคุ้มกันระหว่างข้าออกไปด้วย”
จวิ๋นรั่วเดินไปหยิบดินสอไม้เขียนคิ้วขึ้นมา และเริ่มบรรจงเขียนคิ้วกรีดเป็นทรงโค้งคันธนูสวยแต่งหน้าให้
ตั้งแต่เมื่อใดกันที่ท่านแม่กลับมาเป็นคนแบบนี้?
ฮูหยินรองมองตัวเองในกระจกพร้อมคลี่ยิ้มเผยออกมา
รอเดี๋ยวเถิด! อีกไม่นานนังแพศยาจวิ๋นหลี่หวงจะต้องถูกกำจัดทิ้ง!
ณ ลานหลังเรือนบุปผาโปรยปราย
หลี่หวงกำลังฝึกปรือเพลงกระบี่อยู่ ทันใดนั้นก็เห็นสาวรับใช้กลุ่มหนึ่งอุ้มจวิ๋นอี้เข้ามาถึงตัวลานด้านใน
“เกิดอะไรขึ้น?”
หลี่หวงเอ่ยถามขึ้นประโยคหนึ่ง
“คุณหนูใหญ่ คุณชายสามเขาร้องไห้เสียใจหนักจนหมดสติไป ท่านประมุขจึงสั่งให้พวกเราพาคุณชายกลับมาพักผ่อนที่นี่”
สาวรับใช้กลุ่มนั้นเร่งกล่าวตอบ
หลี่หวงเบนสายตามองไปที่ห้องนอนของจวิ๋นอี้ บรรดาสาวรับใช้เหล่านั้นกำลังจัดเตรียมฟูกปูที่นอน เตรียมการวุ่นวายดูชุลมุนไปหมด เห็นแบบนั้นนางพลันถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
“ไปเถอะ เดี๋ยวข้าจัดการเอง”
หลี่หวงโบกมือปัดไล่พวกสาวรับใช้ออกไปโดยตรง
ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ชักจะไม่แน่ใจแล้วว่าระหว่างคนตายกับคนเป็น ฝ่ายไหนต้องทรมานใจกว่า?
หลี่หวงยักไหล่สะบัดทิ้งความคิดทั้งหมดไป และสั่งให้ฮั่วหยางไปปูฟูกนอนและอุ้มจวิ๋นอี้เข้านอนพักผ่อน ส่วนนางก็ฝึกเพลงกระบี่ต่อ
ในช่วงบ่าย ณ จวนตระกูลจวิ๋นแห่งนี้มีแขกพิเศษที่ต้องต้อนรับ
จวิ๋นหลี่จิว
เขาเป็นชายหนุ่มจากตระกูลจวิ๋นสาขาหลัก ทั้งยังเป็นเยาว์ชนอันดับหนึ่งที่เก่งกาจที่สุดในบรรดารุ่นเดียวกัน อายุยี่สิบปี
“เหตุใด คุณชายหลี่จิวถึงมายังสาขาย่อยแห่งนี้ได้? มีคำสั่งจากตระกูลสาขาหลักกระมัง?”
จวิ๋นจ้านไม่ยักรู้มาก่อนเลยว่า ตระกูลจวิ๋นสาขาหลักจะส่งคนมาเยี่ยมเยือน พอทราบข่าวจากผู้อาวุโสก็รีบวางมือจากกิจธุระ ตรงเข้ามาต้อนรับโดยด่วนที่สุด พอมาถึงก็เห็นจวิ๋นหลี่จิวนั่งจิบชาอย่างสบายใจคอยอยู่
“ลุงจ้านไม่จำเป็นต้องตื่นตกใจปานนั้น ข้ามีคำสั่งจากตระกูลสาขาหลักก็จริง แต่ไม่สะดวกเอ่ยอธิบายที่นี่ แล้วน้องหลี่หวงล่ะ? ข้าไม่ได้เจอนางตั้งนานแล้ว”
จวิ๋นหลี่จิวคลี่ยิ้มกว้างใครเห็นต่างรู้สึกสดใสไปตามๆ กัน ทุกอากัปกิริยาเปี่ยมล้นไปด้วยความสุภาพ สมกับเป็นลูกหลานที่ได้รับการสั่งสอนอย่างดีจากตระกูลสาขาหลัก
ทว่าจวิ๋นจ้านกลับใจสั่นระรัวด้วยความตื่นตระหนก ถึงแบบนั้นเขาก็ยังพยายามฝืนยิ้มอยู่และกล่าวตอบไปว่า
“หลี่หวงน่าจะอยู่ในเรือนพักของนาง เช่นนั้นให้ลุงจ้านอาสาพาเจ้าไปเอง”
จวิ๋นหลี่จิวพยักหน้าตอบ เพราะจะอย่างไรเขาไม่รู้จักเส้นทางภายในจวนแห่งนี้เลย มีคนนำทางย่อมดีกว่าเป็นธรรมดา
จวิ๋นจ้านนำทางเดินออกไปอยู่เบื้องหน้า ทว่าแผ่นหลังกลับเริ่มมีเหงื่อซึมซาบจนเปียกชุ่ม นั่นเป็นเพราะจวิ๋นหลี่จิวดูเป็นธรรมชาติและไม่สามารถสร้างแรกกดดันแก่เขาเลย แต่เพราะแบบนี้นี่แหละ เขาเลยยิ่งรู้สึกกดดันเข้าไปใหญ่
“ลุงจ้าน ทั่วจวนแห่งนี้...”
หลังจากจวิ๋นหลี่จิวเดินตรงเข้าไปได้สักพัก เขาก็เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติ เนื่องจากบรรยากาศภายในนี้ค่อนข้างเงียบผิดปกติ แถมยังถูกประดับไปด้วยผ้าขาวไปทั่วทั้งบริเวณ หรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับที่แห่งนี้?
“ภรรยาของข้าเพิ่งเสียไป ตอนนี้ยังอยู่ในระหว่างพิธีศพ จึงไม่สามารถจัดงานต้อนรับคุณชายได้ โปรดขออภัยด้วย”
จวิ๋นจ้านคลี่ยิ้มบางเร้นแฝงความขมขื่นไว้ภายในใจ
จวิ๋นหลี่จิวรีบโค้งคำนับไปทางโถงหลักที่ใช้จัดงานศพให้ทีหนึ่ง และกล่าวว่า
“ป้าหานเสียชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อย ดีกว่าคนเฒ่าคนแก่ที่ก่อนลาจากโลกใบนี้เต็มไปด้วยความทรมานจากความชรา ลุงจ้านโปรดอย่าได้โศกเศร้าเสียใจไป”
“ขอบคุณ ขอบคุณ...”
จวิ๋นจ้านถอนหายใจอีกเฮือก
คู่สามีภรรยาที่อยู่กินด้วยกันมาหลายปี จะบอกว่าไม่มีความรู้สึกผูกพันเลยก็ฟังดูจะเป็นเรื่องโกหก เพียงว่าความโศกเศร้าเสียใจที่ก่อเกิด คงอยู่กับเวลาและความคิดของแต่ละคนแล้ว
หานชิงเสียชีวิต จวิ๋นอี้พิการตาบอด แต่ปัญหาที่กวนใจของจวิ๋นจ้านที่สุดในขณะนี้ เกรงว่าจะเป็นเรื่องลูก
จวิ๋นหลี่จิวเฝ้าสังกตสีหน้าอันเลื่อนลอยของจวิ๋นจ้าน ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาก็เผยรอยยิ้มปลอบใจส่งไปให้
หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็เดินทางมาถึงเรือนบุปผาโปรยปราย
“ข้ามาถึงแล้ว หลี่หวงไม่ค่อยชอบให้ใครเข้าไปรบกวนมากนัก คุณชายหลี่จิว เชิญเข้าไปเองเถิด”
จวิ้นจ้านหยุดอยู่หน้าทางเข้าเรือนบุปผาโปรยปราย และเขาไม่ต้องการที่จะเผชิญหน้ากับหลี่หวงในยามนี้
เพราะหากหลี่หวงฟ้องเรื่องราวตลอดปกปีที่ผ่านมาให้จวิ๋นหลี่จิวฟัง เขาก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเช่นกัน
มันจบแล้ว!
หวังว่าหลี่หวงจะเมตตาข้าบ้าง!
จวิ๋นหลี่จิวไม่ได้ใส่ใจหรือสงสัยอะไรกับคำพูดนี้นัก แค่พยักหน้าตอบและเดินเข้าไปในเรือนบุปผาโปรยปรายโดยตรง
ฟุบ ฟุบ...
เสียงคมกระบี่ฉีกห้วงอากาศดังก้องผ่านเข้ามาในหูของจวิ๋นหลี่จิว
สิ่งที่จวิ๋นหลี่จิวชื่นชอบมีน้อยจนนับนิ้วได้ และการร่ายรำเพลงกระบี่ก็คือหนึ่งในนั้น เมื่อได้ยินสุ้มเสียงเช่นนี้ เขาดก็อดรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมามิได้!
“เพลงกระบี่ช่างงดงาม! งดงามจริงๆ!”
เขาถึงกับต้องเอ่ยปากชื่นชมอย่างช่วยไม่ได้
หลี่หวงที่กำลังฝึกกระบี่อยู่ในลาน ชั่วขณะพลันหยุดฝีเท้าลงทันใด นั่นเสียงผู้ใดกัน?
หรือมีผู้บุกรุก?
“น้องหลี่หวง ไม่ได้พบกันเสียนาน!”
ขณะที่หลี่หวงกำลังขมวดคิ้วสงสัย จู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งปรากฏดังขึ้นจากด้านหลังของนาง!
หลี่หวงรีบหันควับกลับไปมองต้นเสียง นัยน์ตาสีม่วงของนางพลันสบประกายเข้ากับนัยน์ตาสีดำขลับของอีกฝ่ายโดยตรง!
ช่างเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาอะไรปานนี้!
ผมยาวสีดำพลิ้วไสว มันยาวจนเกือบถึงข้อเท้า แต่ดูเหมือนว่าเจ้าของกลับไม่มีนิสัยชอบผูกผม จึงปล่อยยาวตามอิสระ งามเป็นประกายระยิบระยับดั่งมณีนิล
ชายหนุ่มรูปงามสวมเสื้อคลุมขาวบริสุทธิ์ มีลวดลายสีทองตัด ทว่าเขาคนนี้คล้ายดูจะมักง่ายเล็กน้อย ถึงไม่ยอมจัดเสื้อผ้าให้ดีจนเปิดคอเสื้อกว้าง เผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้าและแผ่นอกสีขาวนวล!
บริเวณเอวถูกกลัดด้วยสายคาดสีดำอย่างหลวมๆ ราวกับจะหลุดร่วงลงมาได้ทุกเมื่อ
แล้วที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ เพราะสายคาดเอวสีดำเส้นนี้ยังมีขวดน้ำเต้าห้อยอยู่ จึงยิ่งทำให้หลี่หวงสงสัยว่า ถ้าเดินเร็วไปสัดนิดท่อนล่างจะร่วงหลุดลงมาจริงๆ หรือไม่?
หลี่หวงกวาดสายตามองใบหน้าอันหล่อเหลาและงดงามประดุจหยกขาวนั่น ทันใดนั้นเศษเสี้ยวความทรงจำหนึ่งก็หวนคืนกลับมา! ปรากฏว่าเป็นเขา!
จวิ๋นหลี่จิว!
“พี่จิว!”
หลี่หวงร้องอุทานลั่นด้วยความดีใจ ก่อนจะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ส่งให้อีกฝ่าย
จวิ๋นหลี่จิวรู้สึกประหลาดใจอย่างมากเมื่อเห็นหลี่หวง นางเปลี่ยนไปราวกับคนละคน จนไม่รู้จะอธิบายเช่นไร?
เขาเดินไปอุ้มร่างบางของหลี่หวงชูขึ้นสูงโดยทันที ทำเหมือนกับสมัยที่ยังเป็นเด็ก!
“ไม่ได้เจอกันตั้งหกปี น้องหลี่หวงสวยขึ้นเป็นกอง! ทว่า...ส่วนสูงของเจ้ายังคงน่าห่วงจริงๆ!”
จวิ๋นหลี่จิวอุ้มนางไว้ในอ้อมอกและพาเดินเล่นทั่วลานด้านหลัง
“ไฉนเจ้าถึงน้ำหนักเบาปานนี้? นี่ดูผอมลงหรือไม่? หรือเจ้าไม่ได้ทานอาหารดีๆ เลย?”
หลี่หวงฟังคำพูดเหล่านั้นที่แสนห่วงใยดั่งพี่ชาย นางได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มีความสุข
ในความทรงจำของนาง จวิ๋นหลี่จิวเป็นบุตรชายของลุงใหญ่ ในบรรดารุ่นเยาว์ชนทั้งหมดของตระกูลจวิ๋น เขาเป็นหนึ่งในพี่น้องที่มีสายเลือดใกล้เคียงกันที่สุด
เพราะหลี่หวงไม่เคยมีพ่อมีแม่คอยดูแลตั้งแต่ยังเด็ก แถมจวิ๋นหลี่จิวก็มีอายุมากกว่านางเกือบสิบปี ดังนั้นในช่วงวัยเด็ก หลี่หวงมักจะได้จวิ๋นหลี่จิวคนนี้นี่แหละที่คอยอยู่ดูแลและเป็นเพื่อนเล่น
จวิ๋นหลี่จิวเคยแอบพาหลี่หวงไปงานประมูลอยู่คราหนึ่ง พอเห็นว่าหลี่หวงอยากได้สิ่งของบนเวทีจนดวงตาเป็นประกาย จนท้ายที่สุดก็เป็นจวิ๋นหลี่จิวที่ต้องใช้เงินเก็บที่มี ประมูลโคมไฟมาที่นางอยากได้มาให้ เหตุผลก็ช่างง่ายดายนัก เพราะเขาอยากเห็นนางมีความสุข
ความทรงจำโดยส่วนใหญ่เกี่ยวกับพี่ชายคนนี้ ล้วนแต่เป็นความทรงจำอันแสนวิเศษทั้งสิ้น หลี่หวงจึงทำตามสัญชาตญาณของร่างกาย โผเข้ากอดอีกฝ่ายและหาได้หยิบใช้น้ำเสียงเย็นชาขึ้นมาเอ่ยกล่าวด้วย
“พี่จิว ก็ข้ายังเด็กอยู่เลย!”
หลี่หวงทำแก้มป๋องใส่ ดูเชื่องไปในทันทีที่อยู่ต่อหน้าเขา
“ฮ่าฮ่า…เจ้ายังเด็กมากจริงๆ”
จวิ๋นหลี่จิวระเบิดหัวเราะเสียงดัง พลางลูบผมของหลี่หวงด้วยความรักใคร่
“เวลาผ่านพ้นไปเร็วมาก หกปีเสมือนพริบตา น้องหลี่หวง เจ้าสามารถบ่มเพาะพลังได้แล้วจริงๆ ทั้งยังงดงามขึ้นมาก...”
เมื่อได้ยินคำชมของจวิ๋นหลี่จิว หลี่หวงก็อดยิ้มออกมามิได้
เฮ้ออ...เจ้าพี่คนนี้พูดอย่างกับเป็นเสือผู้หญิง?
“หลายปีมานี้ พี่จิวเป็นอย่างไรบ้าง?”
***************
ไรท์อาจจะมีพิมพ์ผิดพิมพ์ตกบ้างนะครับ ยังไงต้องขออภัยด้วย จะพยายามตรวจสอบให้ดีกว่านี้ คือช่วงนี้ยุ่งมากก นี่ต้องทำการตลาดให้เพจตัวเอง สร้างคอนเทนต์เรียกคนอ่านเข้ามา ล่าสุดต้องหาคนมาวาดปกนิยายเรื่องนี้ให้ใหม่ เลยค่อนข้างทำอะไรรีบร้อนไปหน่อย T T