ตอนที่37 หาปัญหามักง่ายเสมอ
ตอนที่37 หาปัญหามักง่ายเสมอ
“แต่ถ้าเขาคนนั้นคือคนที่เจ้ารักล่ะ?”
“คนที่ข้ารัก?”
หลี่หวงกล่าวทวนคำนี้ซ้ำไปเวียนมาด้วยความสงสัย ก่อนจะส่ายหัวกล่าวตอบอย่างเย็นชาไปว่า
“ข้าไม่มีคนที่ตนรู้สึกแบบนั้น”
หลิงฉางเจวี่ยที่ได้ยินแบบนั้นำพลันเจ็บจี๊ดราวกับมีคมมีดทิ่มแทงทะลุหัวใจ ช่างเป็นอะไรที่เจ็บปวดยิ่งนัก
หลังจากที่หลี่หวงกล่าวประโยคนี้ออกมา เขารู้สึกเสียใจกับนางอย่างยิ่ง
หลิงฉางเจวี่ยทิ้งเพียงรอยจูบบนแก้มของนางและกล่าวน้ำเสียงอ่อนโยนต่อว่า
“สำหรับเรื่องตัวตนของข้า สักวันเจ้าจะทราบในไม่ช้า ได้ฟังเช่นนี้แล้ว...ยังดีกว่าต้องมารอคอยอย่างไร้จุดหมายจริงหรือไม่?”
หลี่หวงไม่ค่อยชอบภาพฉากอะไรที่หวานเลียนแบบนี้ จึงยกมือผลักหลิงฉางเจวี่ยออกไปและกล่าวพร้อมสีหน้าบึ้งตึงว่า
“ข้าจะลองเชื่อเจ้าสักครา”
หลินฉางเจวี่ยยิ้มและเดินกลับไปนั่งกล่าวว่า
“ขอบคุณสำหรับความไว้ใจฮูหยินของข้า เช่นนั้นรีบกินข้าวเอาแรงเถิด”
หลี่หวงหยิบตะเกียบขึ้นมาอีกครั้งและกินอาหารตรงหน้าอย่างเพลิดเพลิน ดื่มด่ำกับแสงเทียนยามรัตติกาล เคียงคู่ไปกับสายลมเย็นและหลิงฉางเจวี่ย
หลัวจากนั้นหลิงฉางเจวี่ยก็เหาะเหินเดินอากาศมาส่งหลี่หวงกลับจวนดังเดิม ก่อนจะลาจากนางไป
เขาทะยานลง ณ ทะเลสาบแห่งหนึ่งอันเงียบสงัด ยืนชื่นชมทัศนีย์ภาพยามค่ำคืน ยกมือไพล่หลัง พลางกดสายตาเฝ้ามองผิวน้ำนิ่งสงบ ทว่าจิตใจของเขากลับเดือดพล่าน
“หลี่หวง...ไยเจ้าถึงเป็นคนน่ากลัวปานนี้กัน?”
นางเคยพบเคยผ่านอะไรในชีวิตกันแน่ ถึงต้องดูระมัดระวังตัวมากถึงขนาดนี้?
“สตรีพิษ เจ้าจะใจร้ายกับข้าหรือไม่?”
เมื่อนึกถึงภาพฉากที่หลี่หวงพูดว่า ‘ข้าไม่มีคนที่ตนรู้สึกแบบนั้น’ หลินฉางเจวี่ยพลันรู้สึกปวดใจอย่างบอกไม่ถูก ทั้งยังจดจำได้แม่นไม่เสื่อมคลาย
ถึงจะพยายามหาคำตอบว่า เหตุใดนางถึงถามแบบนั้น แต่สุดท้ายเขากลับรู้สึกมืดแปดด้าน
หลิงฉางเจวี่ยนอนไม่หลับตลอดทั้งคืนนั้น
หลี่หวงเองก็ได้แต่เดินวนไปวนมารอบเรือนบุปผาโปรยปราย นอนไม่หลับเช่นกัน
มารหัวใจ สิ่งนี้เปรียบเสมือนมารหัวใจของทั้งสอง
ผ่านไปอีกหนึ่งคืน หลี่หวงลุกขึ้นจากฟูกนอนอย่างเกียจคร้าน ในตอนนี้วงกลมใต้ขอบตายิ่งดูดำคล่ำขึ้นไปอีก
“นายท่าน ยามนี้คลื่นอารมณ์ภายในใจกลับสับสนวุ่นวาย”
เหยาอวี้จับจ้องไปที่ใบหน้าอันแสนเหนื่อยล้าของหลี่หวง ก่อนจะเปิดปากกล่าวออกมา
“ก็แค่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น อย่าได้กังวลไป”
หลี่หวงกล่าวตอบออกไปแบบนั้น และลุกขึ้นจากฟูกเดินไปล้างหน้าล้างตา และเปลี่ยนเสื้อผ้าแพรพรรณ
เหยาอวี้หันลอยกลับมานั่งบนฟูก พลางครุ่นคิดอย่างเงียบงัน
ก็แค่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น? มันหมายความว่าอย่างไร?
มันเป็นวิญญาณแห่งศาสตราวุธ ไม่มีทั้งอารมณ์และความรู้สึก หรือแม้แต่สิ่งที่เรียกว่าความปรารถนาแบบมนุษย์ แต่ถึงแบบนั้นมันก็เฝ้ามองและสังเกตอากัปกิริยาของหลี่หวงตลอดมา จึงสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน
ดีหรือไม่ดีกลับพูดได้ยาก แต่สำหรับคนที่ไม่รู้จักคำว่า‘ความรัก’อย่างหลี่หวง บางทีนี่จะอาจเป็นปัญหาที่รบกวนจิตใจกว่าที่คิด
อย่างไรก็ตาม หน้าที่ความรับผิดชอบหลักของมันก็คือ การช่วยและสนับสนุนให้เจ้านายของมันกลายขึ้นมาเป็นนักหลอมโอสถที่เก่งกาจ สำหรับเรื่องส่วนตัวของเจ้านาย มันกลับไม่อยากยุ่งจนล้ำเส้นเกินไป
หลี่หวงจัดการทุกอย่างดูเชื่องช้าไปหมด ก่อนจะออกไปรับประทานข้าวเช้า
“เมื่อวานเสี่ยวอี้ไม่ได้กลับมา?”
หลี่หวงเอ่ยถามสาวรับใช้ทั้งสองที่กำลังหันผักอยู่ในครัว
“โปรดอภัยด้วยนายหญิง คุณชายสามยังไม่กลับมาตั้งแต่เมื่อคืนเลย”
สาวรับใช้นางหนึ่งรีบกล่าวขอโทษทันที
“งั้นฝากเตรียมอาหารเช้าเผื่อเขาไว้ด้วย เสร็จแล้วค่อยไปทำงานบ้านอื่น”
หลี่หวงกล่าวเสียงเรียบ
“รับทราบ”
หลังจากสาวรับใช้ทั้งสองโค้งคำนับให้ หลี่หวงก็เดินไปรับประทานอาหารตามปกติ
ระหว่างทานนั่นเอง หลี่หวงพลันถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงโวยวายดังขึ้นจากด้านนอกเรือนบุปผาโปรยปราย พร้อมกับสาวรับใช้ทั้งสองคนนั้นที่รีบเร่งเข้ามาหา
หลี่หวงเหลือบหางตามองพวกนางเล็กน้อยก่อนพยักหน้าให้ ซึ่งทั้งสองก็เข้าใจในทันทีและพาเจ้าของเสียงโวยวายด้านนอกเข้ามา
“....”
หลี่หวงยกถ้วยชาขึ้นมาริมจิบอย่างแช่มช้า โดยไม่สนใจจวิ๋นรั่วผู้เป็นแขกที่นั่งตรงข้ามเลย
“นี่! จวิ๋นหลี่หวง!”
จวิ๋นรั่วที่เห็นว่าหลี่หวงไม่สนใจตนเลย ก็เลยตะโกนขานชื่ออีกครั้ง เจือน้ำเสียงไม่ค่อยสู้ดีนัก
“คนอื่นใช้ก้นเพื่อผายลม แต่ไฉนเจ้าถึงใช้ปาก?”
หลี่หวงกล่าวน้ำเสียงห้วนคำหนึ่งเหมือนจะรำคาญ พลางคิดกับตัวเองในใจว่า
‘เหอะ อยากตัดลิ้นไม่ก็กรอกพิษทำลายกล่องเสียงนังนี่ทิ้งเสียจริง พอมีปากก็ใช้คุ้มเหลือเกิน แหกปากไม่หยุด’
“เจ้า!!”
จวิ๋รรั่วรีบเร่งระงับความโกรธลงภายในใจทันที เพราะนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายยังจำเป็นต่อตนอยู่ คิดได้ดังนั้นจึงรีบปั้นยิ้มกล่าวกับหลี่หวงขึ้นทันทีว่า
“หลี่หวง เอ่อ...ครั้งก่อนที่เจ้าให้โอสถข้ามา ไฉนคนที่รับประทานไปถึงบอกว่าอ้วกไม่หยุดเลยล่ะ?”
“แปดวันจึงจะเห็นผล นี่แค่วันที่สอง ยังอยู่ในกระบวนการแท้งเด็ก”
หลี่หวงกล่าวขึ้นย่างแช่มช้า
“แล้วมีวิธีใดที่สามารถ...ซ่อนชีพจรได้หรือไม่?”
จวิ๋นรั่วทราบดีว่าแม่ของนางกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากแล้ว มิฉะนั้นคงไม่บังคับให้นางไปหาทางช่วยโดยด่วนแบบนี้
จะอย่างไรขณะที่ทุกอย่างกำลังเป็นไปได้ด้วยดี จู่ๆท่านพ่อก็พลันสังเกตเห็นถึงความผิดปกติบางอย่างของแม่นางเข้า จึงได้เชื้อเชิญหมอจากหอโอสถมาตรวจชีพจรให้ เกรงว่าอีกไม่นานก็น่าจะมาถึงแล้วด้วย และถ้าหากแม่ของนางถูกจับได้ขึ้นมา มีหวังทุกอย่างคงต้องจบสิ้น!
สุดท้ายนี้จวิ๋นรั่วไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องรีบวิ่งเต้นมาหาหลี่หวงถึงเรือนบุปผาโปรยปรายแห่งนี้
“ไม่มี”
ถึงมีหลี่หวงก็ไม่ให้
เมื่อจวิ๋นรั่วได้ยินแบบนั้น ความหวังทั้งหมดของนางก็พังทลายลงทันที
สายตาของจวิ๋นรั่วจับจ้องหลี่หวงเขม็งอย่างดุร้ายยิ่ง ทั้งที่ทราบดีว่าผลลัพธ์หลังจากนี้จะออกมาเป็นอย่างไน แต่ไฉนนังแพศยานี่ยังกล้าพูดออกมาอย่างสบายใจปานนี้กัน!
“แต่ข้าสามารถถ่วงเวลาหมอจากหอโอสถได้ แต่ข้ามีหนึ่งเงื่อนไข”
ผ่านไปเนินนาน หลังจากริมจิบชาจนหมดถ้วยนึง หลี่หวงก็เอ่ยน้ำเสียงเรียบขึ้นมาอีกครั้ง
“เงื่อนไขอะไร?”
ทันใดนั้นแววตาของจวิ๋นรั่วพลันเปล่งประกายแสงแห่งความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
“หยุดพล่ามกับข้า”
“ได้! ได้! อย่าว่าแต่พูดด้วยเลย ต่อไปนี้ข้าจะไม่มารบกวนเจ้าอีกแล้ว!”
จวิ๋นรั่วรีบเอ่ยปากสาบานกับฟ้าดินทันที นี่เป็นโอกาสเดียวที่นางจะช่วยแม่ตนเองได้
หลี่หวงที่ได้ยินแบบรนั้น ก็จับจ้องจวิ๋นรั่วด้วยรอยยิ้มที่ไม่ใช่รอยยิ้ม ซึ่งนี่ทำเอาจวิ๋นรั่วที่มองอยู่ตกใจอย่างมาก
“เช่นนั้นก็ไสหัวไปซะ อย่าเข้ามาเหยียบย้ำเรือนบุปผาโปรยปรายของข้าอีก”
หลี่หวงตะโกนออกคำสั่ง ขับไล่อีกฝ่ายออกไปโดยตรง
แม้ว่านางจะรู้สึกโกรธไม่น้อยที่โดนขับไล่ไสส่ง ทว่านางกลับไม่กล้าพูดอะไรเช่นกัน รอจนกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย การจะแก้แค้นนังแพศยาหลี่หวงก็ยังไม่มีคำว่าสายเกินไป!
จวิ๋นรั่วรีบตรงออกจากเรือนบุปผาโปรยปรายและกลับเข้าไปในเรือนพิรุธร่วงโรยทันที
“ไฉนถึงเสนอเงื่อนไขเช่นนั้นออกไป?”
เหยาอวี้เอ่ยถามเจือสีหน้างุนงง
“เพราะหนึ่ง พวกนางสองแม่ลูกจะตกหลุมที่ตัวเองขุดขึ้นเอง”
“หมายถึงว่าอันใด?”
ฮั่วหยางเองก็พุ่งตรงเข้ามาถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน
“ข้าไม่เชื่อว่า พวกนางสองแม่ลูกจะทนไม่มาหาเรื่องข้าได้แน่นอน”
“แล้วอย่างไรต่อ?”
ครั้งนี้หลี่หวงกลับไม่ตอบ แต่ระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่นอย่างน่าประหลาด
เหยาอวี้และฮั่วหยางมองหน้าสบตากันไปมา พลางรู้สึกเสียวสันหลังวาบราวกับหนาวเหน็บจับขั้วกระดูก จนเนื้อตัวสั่นเทาอย่างอดมิได้
พวกมันทั้งสองหันไปมองทางหลี่หวงอีกครั้งด้วยสีหน้าหวาดผวา
ยอมล่วงเกินเทพเซียนยังดีกว่าล่วงเกินนายท่านผู้นี้!
หลี่หวงไม่สนว่าเด็กน้อยสองตัวนี้จะคิดเห็นอย่างไรกับตน นางลุกขึ้นและเดินทางออกไปยังหอโอสถทันที
ณ หอโอสถ
“ทำความเคารพคุณหนูใหญ่!”
เมื่อหลี่หวงก้าวเข้ามาในหอโอสถ หมอทุกท่านต่างหยุดมือที่กำลังพัลวันและโค้งคำนับให้หลี่หวงโดยพร้อมเพรียง
“อืม”
หลี่หวงพยักหน้าตอบเล็กน้อย
“คุณหนูใหญ่ วันนี้มาเยี่ยมเยือนหอโอสถของทางเรา มิทราบว่ามีธุระหรือเหตุใดอันใดรึ?”
หนึ่งในผู้อาวุโสของหอโอสถตรงเข้ามาพร้อมประสานมือเอ่ยถามอย่างสุภาพ
“ระยะนี้ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบายเนื้อสบายตัว”
หลี่หวงแสร้งปั้นหน้าไม่สบายใจ กล่าวน้ำเสียงแผ่วอ่อนดูไม่ค่อยสู้ดีนัก
สีหน้าของอาวุโสคนนั้นแปรเปลี่ยนไปอย่างมาก ดูจริงจังขึ้นถนัดตาในทันที จากนั้นก็รีบเร่งนำทางหลี่หวงเชิญไปนั่งประจำที่ตรวจอย่างนอบน้อม
“คุณหนูใหญ่ เราชายชราขออนุญาตจับชีพจรของท่านเล็กน้อย”
หลี่หวงพยักหน้าพร้อมยื่นมือออกไปวางตรงหน้า เมื่อผู้อาวุโสคนนั้นถาบนิ้วบนข้อมือของนางก็ถึงกับหน้าเปลี่ยนสี
“คุณหนูใหญ่...ท่านมีอาการอย่างไรบ้าง?”
ผู้อาวุโสคนนั้นปาดเหงื่อไปทีหนึ่งและเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
“ร่างกายอ่อนเพลีย กินไม่ได้นอนไม่หลับ รู้สึกปวดเมื่อยทั่วกระดูกไปหมด”
หลี่หวงกล่าวอธิบายอาการทั้งหมดออกไปตามตรง
ผู้อาวุโสถึงกับสันสนอย่างยิ่งภายในใจ จังหวะชีพจรนี่มันอะไรกัน? ไร้เสถียรสับสนจนไม่สามารถอธิบายได้
ราวกับถูกธาตุไฟเข้าแทรก...
“ข้าจะรีบเร่งตรวจหาสาเหตุโดยเร็วที่สุด คุณหนูใหญ่โปรดกลับจวนไปพักผ่อนให้เพียงพอ หลังจากทราบแล้วจะรีบหลอมกลั่นโอสถไปให้”
ผู้อาวุโสคนนั้นรีบกล่าวอย่างกระอักกระอ่วนใจ นี่มันโรคอะไรกัน? เกรงว่าต้องรีบระดมพลผู้อาวุโสทุกท่านในหอโอสถเพื่อตรวจหาความจริงโดยเร็วที่สุด!
“ขอบคุณผู้อาวุโสอย่างยิ่ง”
หลี่หวงพยักหน้าและลุกขึ้นจากไปทันที
การจะหาปัญหาใส่หัวใครสักคนมักง่ายเสมอ
แน่นอนว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนทั้งหมด
หลังจากออกมาจากหอโอสถ หลี่หวงก็แสยะยิ้มขึ้นมาทีหนึ่ง ดูเหมือนจะพึงพอใจกับผลลัพธ์เช่นนี้มาก ซึ่งนี่ก็เพียงพอแล้วที่จะปั่นหัวให้หมอในหอโอสถยุ่งไปอีกหลายวัน
ซึ่งมันก็เป็นตามที่นางคิดไว้ไม่มีผิด
หลังจากที่นางจากออกไป หอโอสถวุ่นวายแทบระเบิด แต่ละคนต่างวิ่งไปเปิดตำราแพทย์ อ่านทบทวนทั้งหมดในทันที ไม่ว่ายังไงก็ต้องหาสาเหตุของอาการเจ็บป่วยของคุณหนูใหญ่ให้ได้ มิฉะนั้นหอโอสถจะต้องเสียชื่อเสียงครั้งใหญ่!