ตอนที่แล้วตอนที่ 265+266 เอาเงินมาจากไหน?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 269+270 เสแสร้ง

ตอนที่ 267+268 เย็น


กำลังโหลดไฟล์

อารมณ์ของเจียงเหยาดีขึ้นมากหลังจากวางสายและไม่นานต่อมาก็มีสายเรียกเข้าจากเจ้าหน้าที่ธนาคารเพื่อยืนยันการโอนเงินอีกครั้ง หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ได้รับข้อความและเปิดอ่าน เธอนับจำนวนศูนย์ในจำนวนเงินที่มีการโอนเข้า ดวงตาของเธอเบิกกว้างขึ้นที่เห็นศูนย์ในแต่ละตัว กระทั่งตัวแข็งค้าง

การรู้ว่าลู่ชิงสีร่ำรวยและมีเงินมากมายก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่การได้เห็นจำนวนเงินด้วยตาของเธอเอง เธอไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะรวยได้ขนาดนี้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาหยิ่งผยองขนาดที่พูดออกมาง่าย ๆ ว่าให้จ่ายคืนหวงเฉิงจิ้งสองเท่า ก็แน่นอนล่ะสิว่าเขามีความสามารถและเงินเพียงพอที่จะทำเช่นนั้น

วันเวลาที่จะถึงวันชาติดำเนินไปอย่างช้า ๆ ทว่าก็ดูเร็วเป็นพิเศษ

ในเช้าของวันที่ 30 ชั้นเรียนช่วงเช้าสิ้นสุดเวลา 10.40 น. เจียงเหยากลับมาที่ห้องพักเพื่อเก็บสัมภาระที่เธอจัดไว้ตั้งแต่เช้าก่อนออกไปเรียน แล้วมุ่งหน้าไปยังสนามบิน

หลังจากใช้เวลาบินถึงสามชั่วโมง เครื่องบินแล่นผ่านทะเลเมฆและเริ่มร่อนลงสู่พื้นดินอย่างช้า ๆ เมื่อมองดูเมืองที่ไม่คุ้นตามีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จากจุดที่เธอมองในระยะไกล เจียงเหยารู้สึกตื่นเต้นอยู่ในใจ

เมื่อลงจากเครื่องบิน เจียงเหยาวิ่งไปตลอดทางพร้อมกับถือกระเป๋าเดินทางของเธอ เมื่อเธอถึงประตูทางออก เธอเห็นชายในเครื่องแบบทหารที่กำลังมองหาเธอในทิศทางที่เธอออกมา

“ชิงสี!” แม้ว่าพวกเขาจะห่างกันเพียงครึ่งเดือน แต่สำหรับเจียงเหยา เธอรู้สึกราวกับเป็นเวลานานทั้งศตวรรษ

เธอไม่รู้ว่าลู่ชิงสีจะเห็นเธอหรือเปล่า เธอตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้นทันทีที่เธอจำคนของเธอได้ หลังจากตะโกน เธอก็รีบมุ่งตรงไปยังชายคนนั้น

“ระวัง อย่าวิ่งเร็วนักสิ” ลู่ชิงสีตำหนิเบา ๆ ขณะที่เขามองดูร่างที่พุ่งตรงมาหาเขาราวกับลมกระโชกแรง เท้าของเขาเคลื่อนเข้าหาเธอครึ่งทาง

เขาใช้แขนข้างหนึ่งคว้าผู้หญิงที่วิ่งเข้ามาเพื่อช่วยจับตัวเธอไว้ แขนอีกข้าง เขารับสัมภาระที่เธอถืออยู่ในมือของเธออย่างรวดเร็วซึ่งกำลังคุกคามการทรงตัวของเธอ

“อายุเท่าไหร่แล้วหึ? ยังจะทำตัวเป็นเด็ก ๆ ในที่ที่คนเยอะแยะอยู่อีก ไม่กลัวจะล้มหรือไง?” ลู่ชิงสียัคงตำหนิในความประมาทของเธอด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ขณะที่เขาปรับที่จับกระเป๋าเดินทางของเธอ

เมื่อเห็นริมฝีปากบึ้งตึงจากการถูกเขาดุ เขาจึงปล่อยและลูบศีรษะเธอ ใช้มืออีกข้างจับมือเธอไว้ “มาเถอะ รถจอดไว้ข้างนอก”

เจียงเหยาฮึมฮัมเป็นสัญญาณบอกว่าเข้าใจแล้ว ขณะที่เธอเกาปลายจมูก เธอแอบคิดกับตัวเองว่าปฏิกิริยาและการทักทายของลู่ชิงสีเย็นลงเล็กน้อย

เธอคิดว่าเขาจะอ้าแขนทั้งสองข้างเพื่อโอบกอดเธอแน่น แม้ว่าเขาจะไม่พูดในสิ่งที่เธอคาดหวังไว้ก็ตาม อย่างน้อย เขาก็ควรจะโอบกอดเธอไว้

ทั้งหมดที่เขาคือการอ้าปากต่อว่าการกระทำของเธอเท่านั้น จากนั้นก็จับมือเธอและพาเธอจากไป

แม้ว่าที่เมืองจินจะเป็นต่างเมือง แต่ก็เป็นเมืองเศรษฐกิจที่มีการพัฒนามากกว่าเมืองหนานเจียงหลายเท่า อุณหภูมิในเมืองจินยังหนาวเย็นกว่าหนานเจียงหลายเท่า ทันทีที่พวกเขาก้าวออกจากสนามบิน เจียงเหยาตัวสั่นเมื่อมีลมพัดมา

มีหลายคนที่เข้าและออกที่ทางเข้าสนามบิน หลายคนเป็นเหมือนเจียงเหยาที่มาจากทางใต้ที่มาจากเมืองที่อุ่นกว่า

ลู่ชิงสีเหลือบมองเจียงเหยาจากมุมหางตาและจ้องมองไปที่ชุดเครื่องแบบทหารของเขา รู้สึกช่วยไมได้ในสถานการณ์เช่นนี้ เขารีบเปิดประตูรถและพาเธอเข้าไปนั่งในรถ “ผม บอกคุณแล้วให้แต่งตัวหนา ๆ ห่อย เพราะอุณหภูมิที่นี่ต่ำกว่าทางใต้ ดูสิ คุณก็ไม่ฟัง”

เมื่อพูดเช่นนั้น เขาก็ปิดประตูรถอย่างรวดเร็ว และเข้าไปในอีกฝั่ง จากนั้นก็เอนตัวไปคาดเข็มขัดนิรภัยให้กับเจียงเหยา

เจียงเหยาอารมณ์เดือดขึ้น ตั้งแต่ที่ได้พบกับท่าทางเฉยเมยของลู่ชิงสีที่ในสนามบิน และฟังการจู้จี้ของเขาอย่างต่อเนื่อง เธอยกมือขึ้นและผลักเขาออกไปอย่างแรงและพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ลู่ชิงสี เราไม่ได้เจอหน้ากันเป็นเดือนแล้วนะ พอเจอกัน คุณก็ได้แต่บ่นฉันอย่างนั้นเหรอ?”

__

ชายผู้ที่ถูกเรียกชื่อเต็ม ทำได้เพียงจ้องดูหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ อย่างมีความหมาย เห็นได้ชัดว่าเธอไม่พอใจ จากนั้นเขาก็เปิดเครื่องทำความร้อนและขับรถออกจากที่จอดรถของสนามบิน

สนามบินของเมืองจินอยู่ในเขตชานเมือง เมื่อพวกเขาออกจากสนามบินแล้ว บนท้องถนนจึงมีรถสัณจรไปมาน้องลง มีเพียงถนนที่มุ่งเข้าสู่เมืองจิน ทำให้เริ่มมีการจราจรค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตาม ถนนที่นำไปสู่กองทัพที่ลู่ชิงสีสังกัดนั้นค่อนข้างเป็นถนนอีกเส้นที่แตกต่างออกไป แทบไม่มีรถอยู่บนถนนเลย เมื่อเทียบกับอีกเส้นทาง

หลังจากผ่านไปประมาณสิบห้านาที ลู่ชิงสีขับรถลงจอดข้างทาง เขาหันไปมองท่าทางที่สงสัยของเจียงเหยา ในที่สุดเขาก็พูดออกมา “ผมอยู่ในเครื่องแบบ ดูไม่มีนักถ้าจะแสดงออกมากจนเกินไป”

เขาไม่สนใจจริง ๆ ว่าเจียงเหยาจะเข้าใจความหมายที่เขาพูดหรือไม่ เขาไม่สามารถอดทนได้อีก เขาดึงตัวเจียงเหยาที่ยังคงตะลึงกับการกระทำของเขาและคำพูดของเขาที่ดึงเธอเข้าไปในอ้อมแขน เขาปลดเข็มขัดนิรภัยออก ประกบริมฝีปากลงกับริมฝีปากของหญิงโดยไม่ลังเล

เขาสัมผัสได้ถึงความทุกข์ที่แผ่ออกมาจากเธอเพราะทัศนคติของเขาตอนที่ทักทายเธอที่สนามบิน มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าเขาคิดถึงเธอมากแค่ไหน

ถ้าไม่ใช่เพราะเครื่องแบบที่เขาสวม ทันทีที่พบหน้ากัน เขาอยากจะดึงเธอไว้ในอ้อมแขน กอดเธอไว้แน่นและไม่มือโดยไม่คำนึงถึงสายตาทุกคู่ที่มองมา และจูบเธออย่างไร้เหตุผล สัมผัสถึงความอบอุ่นของร่างกายเธอในขณะที่กำลังหล่อหลอมเป็นของเขา

จูบของลู่ชิงสีค่อนข้างหนักหน่วงบ้าคลั่ง ในใจของเขาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ซี่งเธอคิดว่าเขาเต็มใจที่จะเย็นชากับเธอ เขารู้สึกรำคาญเล็กน้อยที่เธอยังไม่เข้าใจเขาเลย

การระบายความคับข้องใจค่อย ๆ บางเบาลง เมื่อเธอตอบสนองต่อการจูบของเขาอย่างกระฉับกระเฉง กอดริมฝีปากเข้าไปหาเขาแรงขึ้นมากเท่าที่ตำแหน่งของพวกเขาจะอนุญาต

แล้วถ้าเธอเข้าใจเขาผิด ๆ ล่ะ ถ้าเธอไม่สนใจเขาแล้ว เธอจะตอบรับการกระทำของเขาอย่างนี้เหรอ?

“แฮ่ก แฮ่ก”

ในที่สุดเจียงเหยาก็ได้รับการปล่อยตัวหลังจากผ่านไปเกือบ 10 นาที เธอเอนหลังพิงเบาะนั่ง ใบหน้าของเธอแดงก่ำขณะที่หอบเบา ๆ เพราะขาดออกซิเจน เมื่อรู้ว่าเธอได้หายใจแล้ว เขาไม่เต็มใจที่จะจบ จึงใช้มือหันหน้าเธอเข้าหาแล้วจูบต่อ

“ต่อไป อย่าคิดมากอีกนะ” ลู่ชิงสีพูดโดยไม่มีทีท่าว่าจะขับรถต่อ เขาวางแขนข้างหนึ่งพิงอยู่ที่ประตูหน้าต่างรถ ในขณะที่อีกข้างกุมมืออันอ่อนนุ่มของเจียงเหยาไว้แน่น “มันจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของกองทัพ ถ้ามีผู้ชายที่สวมเครื่องแบบทหารโอบกอดและจูบในที่สาธารณะท่มกลางสายตาของผู้คนมากมาย”

เจียงเหยาตอบด้วยเสียงฮึมฮัม ในที่สุดก็เข้าใจความหมายของคำพูดที่เขาพูดเกี่ยวกับการสวมเครื่องแบบ และอธิบายทัศนคติที่เย็นชาของเขาก่อนหน้านี้

ภายในใจของเขาช่างตรงกันข้ามกับภาพลักษณ์ที่เย็นชาภายนอก

“มารอนานแล้วเหรอ?” เจียงเหยาถามหลังจากที่พยายามเค้นเสียงออกมาอยู่นาน เธอยกมือที่วางของเธอขึ้นลูบไล้เครื่องแบบของเขา “รู้สึกเย็นราวกับน้ำแข็งแหนะ”

“ผมเพิ่งมาถึง” ลู่ชิงสีกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ ราวกับว่ามันไม่ได้สำคัญอะไร “เราควรเข้าไปในเมือง หาซื้อเสื้อโค้ตให้กับคุณก่อน แล้วค่อยกลับกองทัพดีไหม?”

เจียงเหยากลอกตากับคำถามของเขา “ไม่สายเกินไปหน่อยเหรอ ที่เพิ่งมาถามเอาตอนนี้”

ลู่ชิงสีพ่นลมหายใจออกมาโดยไม่ได้พูดอะไรอีก ในขณะที่เขาเห็นชุดที่เธอสวมอยู่ก็มีอะไรบางอย่างติดอยู่ที่ลิ้น ทว่าเขาไม่สามารถต้านทานความต้องการที่จะขึ้นรถให้เร็วที่สุด และออกมาหาสถานที่เงียบ ๆ เพื่อทักทายด้วยการจุมพิตก่อนที่จะทำอย่างอื่น

โชคดีที่เจียงเหยาไม่ได้รู้ความคิดที่กำลังวิ่งพล่านอยู่ในหัวของเขา ขณะที่ชี้ไปที่กระเป๋าเดินทางที่ถูกโยนไว้เบาะหลัง “ฉันเก็บเสื้อโค้ตหนา ๆ ไว้ข้างในค่ะ ก็คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่าอากาศเมืองจินนั้นกว่าหนานเจียงมาก นี่ฉันก็สวมเสื้อโค้ทมาแล้วนะ แต่ไม่คิดว่าอากาศจะหนาวขนาดนี้”

ที่กองทัพตั้งอยู่บนภูเขา อุณหภูมิต่ำกว่าในตัวเมือง คุณเปลี่ยนเสื้อโค้ทก่อนเถอะ” ลู่ชิงสีกล่าวในขณะที่เขาพยักหน้ารับ

โดยไม่รอคำตอบจากเจียงเหยา เขาก็เอื้อมมือไปที่เบาะหลัง ลากกระเป๋าของเธอมาเปิด หาเสื้อโค้ทที่อยู่ข้างใน เขาเอาเสื้อคลุมร่างกายของเธอเพื่อให้แน่ใจก่อนที่จะแสดงท่าทางพอใจออกมา

เขาถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ ขณะที่ดวงตาของเขาก้มลงมองริมฝีปากที่บวมเล็กน้อยของเธอ รั้งตัวเองไว้แต่ยังคงอดใจไมได้ที่จะกดลงจูบเบา ๆ ที่ริมฝีปากและหน้าผากของหญิงคนรัก แล้วผละออก เพื่อเดินทางต่อในที่สุด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด