ข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 28 ทำไมถึงมีกลิ่นผู้หญิงติดตัวท่านมา
ข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 28 ทำไมถึงมีกลิ่นผู้หญิงติดตัวท่านมา
ในที่สุดหญิงสาวก็ยอมเห็นด้วยกับข้อเสนอของคงหนิง
หว่านเอ๋อให้สัญญาว่าเมื่อค้นพบวิญญาณที่ซ่อนตัวอยู่ในเมือง นางจะแจ้งให้คงหนิงทราบ และตอนกลางคืน ทั้งคู่จะร่วมมือกันสังหารผีร้ายพวกนั้น
นอกจากนี้ คงหนิงก็ยังบอกนางอีกว่าอาจจะมีปีศาจอยู่ภายในคฤหาสน์ตระกูลสวีที่อยู่ทางตอนเหนือของเมือง และขอให้เด็กสาวช่วยจับตาดูเอาไว้
เคล็ดปิดบังกลิ่นอายของหญิงสาวตัวน้อยไม่ธรรมดา แม้แต่ซูหยานก็ไม่อาจตรวจพบ ฉะนั้นปีศาจภายในเมืองก็คงไม่อาจเห็นวิถีการบ่มเพาะของนาง จึงขอให้นางตรวจสอบปีศาจภายในตระกูลสวีเสียหน่อยเพื่อความสบายใจของคงหนิงเอง
แม้ว่าคงหนิงจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของปีศาจตนนั้นในขณะนี้ แต่ถ้าเขาสามารถรู้ถึงตัวตนของปีศาจตนนั้นได้ล่วงหน้า บางทีเขาอาจจะลองใช้อุบายบางอย่างได้
คงหนิงสำเร็จวิชาจาก <คัมภีร์กระบี่แสงวิจิตร> แล้ว แต่เดิมการที่ไม่มีเคล็ดกระบวนท่าไว้คอยป้องกันตัวจากศัตรูเป็นจุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แต่ตอนนี้ได้รับการเสริมพลังจากเพลงกระบี่แสงวิจิตรที่แสนทรงพลัง ทำให้อาจต่อกรได้แม้แต่ปีศาจที่มีพลังตบะร้อยปีทั่วๆ ไป
สุดท้ายปีศาจทั่วๆ ไปก็ไม่ได้มีมรดกชั้นยอดเช่นนี้
แม้แต่หว่านเอ๋อยังมั่นใจว่าตนเองสามารถสังหารปีศาจที่มีพลังตบะร้อยปีได้
คงหนิงที่คิดว่าตนเองไม่ได้อ่อนแอกว่านางมากนัก หากทั้งคู่ร่วมมือกัน การสังหารปีศาจที่แข็งแกร่งกว่าตนเองเล็กน้อยก็ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน
หากจะบอกว่าทักษะวิชาของปีศาจธรรมดาเทียบเท่ากับกระบี่กระบอง เคล็ดกระบี่ของคงหนิงและหว่านเอ๋อคงจะเทียบได้กับเปลวเพลิงสีน้ำเงินร้อนแรงที่พวยพุ่งออกมาจากปืนกลแก็ตลิง[1]
ปราณกระบี่ที่ทรงพลังทำให้ความห่างชั้นของความแข็งแกร่งเข้ามาใกล้กันมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม คงหนิงไม่ค่อยชอบทำเรื่องต่างๆ บนความเสี่ยงที่มากจนเกินไป ดังนั้นจึงวางแผนจะตามล่าผีร้ายที่อยู่ภายในเมืองเสียก่อน ปรับปรุงความแข็งแกร่งของตนเองอย่างต่อเนื่อง จากนั้นค่อยพิจารณาเรื่องปีศาจที่ซ่อนตัวอยู่ในตระกูลสวี
ตัวเขามีเพียงชีวิตเดียวเท่านั้น ในเมื่อมีทางเลือกที่ปลอดภัยมากกว่า ก็ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงอะไร
ภายในลานบ้าน คงหนิงและหญิงสาวก็ร่ำลากันหลังจากพูดคุยในเรื่องต่างๆ เสร็จสิ้น
เขาไม่อยากอยู่ที่นี่นานเกินไป เพราะกลัวว่าปีศาจภายในบ้านจะพบสิ่งผิดปกติ
แม้ว่าคงหนิงจะยืนยันได้คร่าวๆ ว่าปีศาจสาวไม่สามารถตามตำแหน่งของเขาได้ แต่ก็ควรดำเนินการทุกอย่างให้อยู่ในความปลอดภัยที่สุด
จากนั้น คงหนิงก็ขี่ม้าสีเหลืองพุทราออกจากบ้านร้างตระกูลเถียน กลับไปยังศาลาว่าการ
ภายในศาลาว่าการ เพื่อนร่วมงานของเขาทุกคนยังคงนั่งหลบร่มกันอย่างเกียจคร้าน ในมือถือแตงโมดูน่ากิน เมื่อเห็นคงหนิงกลับมา ทุกคนก็ทักทายตามปกติ
ตอนนี้เป็นช่วงเที่ยง เป็นเวลาที่ร้อนที่สุดของวัน
คงหนิงและคนอื่นๆ นั่งพักอยู่ในลานกว้างเพื่อกินแตงโม หลังจากนั้นก็ไปกินอาหารกลางวันที่อาคารเซียนเมามาย แล้วก็กลับเข้าที่ว่าการเพื่อเล่นไพ่ต่อ
วันสารทจีนใกล้เข้ามาแล้ว ชาวเมืองต่างก็ยุ่งกันไปหมด ในศาลาว่าการจึงไม่ได้มีงานให้ทำมากนัก
แม้วันๆ จะไม่ได้มีงานเยอะอะไรอยู่แล้ว แต่ช่วงนี้ก็ยิ่งเงียบเหงามากเป็นพิเศษ
คงหนิงไม่ได้เล่นไพ่กับคนอื่นๆ แต่นั่งอยู่ใต้ชายคา พลิกอ่านหนังสือที่หยิบยืมมา
หนังสือเล่มนี้เป็นเพียงนวนิยายทั่วไป เนื้อหาก็ไม่ได้น่าสนใจ ดูเหมือนว่าคงหนิงกำลังอ่านหนังสืออยู่ แต่ในความเป็นจริง เขากำลังซึมซับความรู้อันลึกซึ้งจากเจตจำนงดาบภายใน <คัมภีร์กระบี่แสงวิจิตร>
ด้วยความสามารถในการปรับแต่งของไหดำลึกลับ เขาใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงในการฝึกฝนวิชากระบี่นั้นจนบรรลุ
ท่าทางของคงหนิงในวันนี้เต็มไปด้วยความมั่นใจในตนเองอย่างแรงกล้า และอยากหาเป้าหมายมาทดลองเพลงกระบี่เสียเหลือเกิน
ความรู้สึกนี้คงคล้ายกับเด็กแปดขวบที่พบเจอกิ่งไม้ด้ามยาวภายในป่า.......
อย่างไรก็ตาม มีปีศาจอยู่ทุกหนทุกแห่งภายในเมือง และเพลงกระบี่แสงวิจิตรที่บรรลุถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่นั้นทรงพลังเกินไป คงหนิงไม่กล้าใช้ออกตามใจ เพราะกังวลว่าการลองใช้กระบวนท่ากระบี่ไปอย่างสุ่มๆ จะปลุกเหล่าปีศาจให้ตื่นตัว จากนั้นปีศาจภายในเมืองก็จะแพร่กระจายข่าวว่ามีปรมาจารย์ยุทธได้เดินทางมายังเขตชานหลาน
ตอนนี้เขาต้องทำตัวติดดินเข้าไว้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะไม่สามารถออกกระบวนท่ากระบี่ได้ตามต้องการ แต่ถ้าอยู่ภายในจิตสำนึกของตนเอง ก็คงไม่ส่งผลกระทบอะไรไม่ใช่หรือ?
ในเวลานี้คงหนิงก็เหมือนได้ของเล่นใหม่ แทบจะรอไม่ไหวที่จะฟาดฟันกระบี่แสงวิจิตรอยู่ภายในจิตสำนึกของตนเอง เจตจำนงกระบี่ค่อยๆ ปลดปล่อยออกมาทีละสาย
แม้จะไม่สามารถใช้เพลงกระบี่ออกมาได้ตรงๆ
แต่การกวัดแกว่งกระบี่อยู่ในมโนจิต ก็เพียงพอแล้วสำหรับมือใหม่อย่างคงหนิง
ในการมีชีวิตอยู่มาแล้วถึงสองชาติ มันเป็นครั้งแรกที่คงหนิงได้สัมผัสประสบการณ์เหนือจินตนาการเช่นนี้
เขานั่งอยู่ภายในร่มชายคาตลอดบ่าย รอจนกระทั่งตะวันคล้อย ศาลาว่าการปิดทำการ คงหนิงก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปพร้อมกับกลุ่มเพื่อนร่วมงานที่เดินออกมาจากห้องพัก
“ไปอาคารเซียนเมามายกันไหมคืนนี้? หรือไปที่หอสายลมใบไม้ผลิดี? หรือไปอาคารเซียนเมามายก่อนแล้วค่อยไปหอสายลมใบไม้ผลิ?”
“ไปอาคารสายฝนไหม ทุกครั้งที่ข้าไปหอสายลมใบไม้ผลิ เอวของข้าปวดร้าวแทบทนไม่ไหว ไปฟังเพลงบ้างนิดๆ หน่อยๆ ก็ดีต่อสุขภาพกายสุขภาพใจไม่น้อยนา”
เพื่อนร่วมงานกำลังคุยกันว่าจะไปที่ไหนดีช่วงเย็น
ตอนนี้เป็นช่วงต้นเดือนกรกฎาคม ทุกคนมีเงินเต็มกระเป๋า เป็นเวลาที่ดีที่จะออกไปเที่ยวดื่มกิน
แต่คงหนิงโบกมือแล้วกล่าวว่า “พวกเจ้าไปเถอะ วันนี้ข้าขอไม่ไปร่วมสนุกแล้วกัน”
ทุกคนเข้าใจสิ่งนี้
ท้ายที่สุดก็มีสาวงามที่เพิ่งแต่งงานเข้าเรือนอย่างหยานเอ๋อ ใครจะอยากไปเข้าซ่อง? สาวๆ ในซ่องไม่มีใครสวยเท่าภรรยาที่เพิ่งตบแต่งของคงหนิงเลย
เมื่อเห็นคงหนิงขี่ม้าสีเหลืองพุทรากลับบ้าน ฝูงชนก็ส่งเสียงโห่ร้องสนุกสนาน แล้วพากันเดินกอดคอมุ่งตรงไปอาคารสายฝน
อีกฝั่งหนึ่ง คงหนิงก็เดินทางกลับไปยังตรอกฮว๋ายชู่พร้อมกับแสงอาทิตย์ที่กำลังจะลาลับขอบฟ้า
ใต้ต้นฉัตรจีนหน้าบ้าน พ่อกับแม่ยังคงนั่งรับลมเย็นสบายเช่นเคย
หลังจากที่คงหนิงกล่าวคำทักทาย เขาก็พาม้ากลับเข้าไปในลาน ผ่านห้องครัว กลิ่นอาหารหอมอบอวล
ซูหยานในชุดสีม่วงโผล่หัวออกมา อมยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับกล่าวว่า “สามีกลับมาแล้ว รอสักครู่เดียว อาหารเย็นใกล้จะเสร็จแล้ว”
คงหนิงมองภาพแปลกตาตรงหน้า หญิงสาวหดหัวกลับไป เปลือกตาของคงหนิงกระตุกนิดๆ แต่ไม่ได้พูดอะไร พยักหน้าด้วยอาการสงบ และนำม้าสีเหลืองพุทรากลับเข้าไปในคอกม้า
หลังจากนั่งอยู่ในห้องและรออยู่นาน ซูหยานก็เดินยิ้มแย้มเข้ามาพร้อมกับอาหารในมือ
อาหารสี่จาน กับซุปหนึ่งถ้วย ดูหน้าตาน่าอร่อยยิ่ง
ซูหยานยิ้มออกมา ช่วยคงหนิงจัดแจงอาหาร แล้วกล่าวว่า “สามี กินให้เยอะๆ เลย เติมพลังให้ร่างกายของท่านเสียหน่อย”
วันนี้คงหนิงสามารถวางตัวต่อหน้าปีศาจตนนี้ได้อย่างดี ที่หน้าฉากทั้งคู่ล้วนทำได้ดี และดูเหมือนพวกเขาจะเคารพซึ่งกันและกัน
เพียงแต่ว่าในตอนที่ซูหยานถือชามข้าวของนางเข้ามา รอยยิ้มบนใบหน้าของนางก็ชะงักไปเล็กน้อย ราวกับสังเกตเห็นบางสิ่ง
“สามี......”
ซูหยานเผยรอยยิ้มที่พยายามอดกลั้น จู่ๆ ก็พุ่งหน้าเข้ามา อยู่ห่างจากคงหนิงไม่ถึงหนึ่งฟุต ดวงตาจ้องตรงไปที่คงหนิงพร้อมกับกล่าวว่า “บนร่างกายของท่าน.......ทำไมถึงมีกลิ่นผู้หญิง?”
หัวใจของคงหนิงสั่นไหวรุนแรง ชามในมือแทบจะถือไว้ได้ไม่มั่นคง
ความเยือกเย็นไต่ขึ้นมาตามแผ่นหลังของเขาทันที
----ให้ตายเถอะ! สถานการณ์เช่นนี้คือสิ่งใด? ปีศาจสาวมีประสาทสัมผัสด้านกลิ่นที่เฉียบคมอะไรเช่นนี้? หว่านเอ๋อจับมือเขาไปตอนเช้า นี่ก็ผ่านมาทั้งวันแล้ว ปีศาจสาวยังได้กลิ่นอยู่อีกหรือ?
นี่มันไร้สาระเกินไปแล้ว!
นี่มันเป็นความสามารถของแมงป่องหรือของหมากันแน่!
เขารู้สึกปั่นป่วนในหัวใจ แต่คงหนิงก็ต้องทำตัวให้นิ่งสงบที่สุดแล้วกล่าวว่า “กลิ่นของผู้หญิงอะไร? เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร? ข้าจะไปมีกลิ่นของผู้หญิงติดตัวได้อย่างไร? วันๆ ข้าก็อยู่แต่ในศาลาว่าการทั้งวัน ถ้าไม่เชื่อก็ไปถามหมาลิ่ว หวางหู หรือไม่ก็คนอื่นดูก็ได้”
คงหนิงแสดงจิตใจอันกล้าแกร่งของลูกผู้ชาย น้ำเสียงไม่มีสั่นไหว สงบนิ่งอย่างยิ่ง
---------------------------------------
[1] ปืนแก็ตลิง เป็นปืนกลยุคแรกเริ่ม ใช้ตั้งบนพื้นเพื่อยิง หรืออาจจะติดตั้งล้อเพื่อให้สะดวกแก่การเคลื่อนย้าย