WS บทที่ 356 ภัยซ่อนเร้น PART 1
เมอร์ลินค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ตอนนี้เขาเป็นนักเวทย์ระดับสามอย่างเป็นทางการแล้ว ถ้าเขาก้าวไปอีกขั้นและกลายเป็นนักเวทย์ระดับสี่ เขาสามารถสร้างหอคอยได้ด้วยตัวเองในดินแดนมนต์ดำได้!
ย้อนกลับไปในตอนนั้น ไคลส์ อัจฉริยะแห่งดินแดนมนต์ดำเป็นเพียงนักเวทย์ระดับสาม ในตอนที่เขาทรยศต่อดินแดนมนต์ดำ
ส่วนเมอร์ลิน ในฐานะนักเวทย์หกธาตุ เมอร์ลินได้สร้างคาถาหลอมเปลวเพลิง, วังวนแห่งความมืด, เกราะสัมบูรณ์, เงาวายุ, อัสนีอนันต์และช่องว่างเยือกแข็ง คาถาทั้งหกนี้เป็นคาถาระดับสาม
ในขั้นต้น ด้วยสถานะของเมอร์ลินในฐานะนักเวทย์หกธาตุ นักเวทย์ในระดับเดียวกันและไม่มีพลังปีศาจแพนโดร่า พวกเขาไม่สามารถทำอะไรเมอร์ลินได้เลย เมอร์ลินไม่กลัวแม้แต่การท้าทายในระดับที่สูงกว่าเขา
อย่างไรก็ตาม นักเวทย์ไม่เพียงแต่ใช้คาถาปกติในการต่อสู้เท่านั้น นอกจากนี้ยังมีพลังปีศาจแพนโดร่า, วงแหวนเวทย์, อุปกรณ์เวทมนต์และอื่น ๆ ในปัจจุบัน เมอร์ลินอาศัยการเพิ่มพลังของพลังปีศาจแพนโดร่าเป็นหลักซึ่งสามารถเพิ่มพลังแห่งคาถาได้เป็นจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้เขาจึงเปรียบได้กับนักเวทย์ระดับหก
ด้วยความแข็งแกร่งของเมอร์ลินในปัจจุบัน เห็นได้ชัดว่านักเวทย์ที่ต่ำกว่าระดับเจ็ด มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถคุกคามเขาได้ แน่นอน มันเป็นเพียงเงื่อนไขที่คู่ต่อสู้ที่ไม่มีพลังปีศาจแพนโดร่าหรือวงแหวนเวทย์อันทรงพลัง
หากคน ๆ นั้นเป็นเหมือนพ่อมดลีโอที่มีดวงตาแห่งความมืดที่น่าสะพรึงกลัว แม้ว่าความแข็งแกร่งของเมอร์ลินในปัจจุบันที่พัฒนาขึ้นอย่างมาก ก็ยังสามารถทำอะไรพ่อมดลีโอได้
“ถ้าพลังปีศาจแพนโดร่าไม่รวมอยู่ในคาถา เวทมนตร์หกธาตุของฉันจะไม่สามารถตามความเร็วของความแข็งแกร่งของฉันได้”
เมอร์ลินเข้าใจว่าคู่ต่อสู้คนปัจจุบันของเขาไม่ใช่นักเวทย์ระดับสาม สี่ หรือห้าอีกต่อไป แต่เป็นนักเวทย์ระดับเจ็ดที่ทรงพลังเหล่านั้น!
ในการเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่มีพลังเช่นนี้ เวทมนตร์ระดับสามของเขาอย่างช่องว่างเยือกแข็งกับอัสนีอนันต์จะไม่มีประโยชน์มากนัก เนื่องด้วย คาถาทั้งสองนี้ไม่มีพลังปีศาจแพนโดร่าที่ทรงพลัง
แม้ว่าเมอร์ลินจะมีดัชนีเยือกแข็งแต่ก็ไม่สามารถรวมเข้ากับเวทมนตร์ธาตุน้ำแข็งได้ เมอร์ลินได้ตัดสินใจอย่างลับ ๆ ว่าถึงแม้เขาจะเป็นนักเวทย์ระดับสี่ เขาก็จะไม่ฝึกฝนดัชนีเยือกแข็งต่อไป เขาจะหาพลังธาตุแพนร่าธาตุน้ำแข็งแทน
สำหรับคาถาธาตุสายฟ้าที่ไม่มีพลังปีศาจแพนโดร่า ดังนั้นจึงไม่สามารถช่วยความแข็งแกร่งของเมอร์ลินได้มากนักเช่นกัน
แต่แน่นอนว่าในฐานะนักเวทย์หกธาตุ แม้ว่าจะไม่มีพลังปีศาจแพนโดร่า ตราบใดที่สามารถเป็นจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ได้ เวทมนตร์ก็สามารถหลอมรวมเข้าด้วยกันได้หลังจากนั้น เมื่อรวมคาถามากถึงหกธาตุแล้ว พลังที่ปลดปล่อยออกมาจะยิ่งใหญ่กว่านักเวทย์สามธาตุ สี่ธาตุและห้าธาตุเหล่านั้นอย่างมาก
ดังนั้น แม้แต่ในยุคอันรุ่งโรจน์ที่สุดของนักเวทย์ นักเวทย์หกธาตุยังคงเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริงโดยไม่ต้องฝึกฝนพลังปีศาจใด ๆ ตราบใดที่สามารถอยู่ได้จนถึงระดับของจอมเวทย์ก็สามารถบดขยี้จอมเวทย์ในระดับเดียวกันได้ทันทีและกลายเป็นนักเวทย์ชั้นนำ!
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเป็นยุคที่ตกต่ำของนักเวทย์ นับประสาจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ แม้แต่นักเวทย์ระดับเจ็ดก็หายากมาก แม้แต่เมอร์ลินก็ไม่กล้าคาดหวังเกินจริงเกี่ยวกับความปรารถนาในการเป็นจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่
ดังนั้น เพื่อที่จะเป็นนักเวทย์ชั้นยอด เมอร์ลินจึงต้องกลายเป็นจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ทีละขั้น จากนั้นจึงรวมคาถาหกธาตุเข้าด้วยกัน ไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่จะเกิดขึ้นกับเมอร์ลินในระยะเวลาอันสั้น
“ดูเหมือนว่าฉันจะต้องรีบไปค้นหาพลังปีศาจแพนโดร่าธาตุน้ำแข็งและสายฟ้าที่สามารถรวมเข้ากับคาถาได้ ตราบใดที่คาถาของธาตุทั้งหกที่รวมเข้ากับพลังปีศาจแพนโดร่าได้ ความแข็งแกร่งของฉันก็จะมากขึ้นอย่างมากอย่างแน่นอน!”
แผนการของเมอร์ลินคือการมองหาพลังปีศาจแพนโดร่าธาตุน้ำแข็งและสายฟ้าที่สามารถรวมเข้ากับคาถาได้ นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย ในแผนของเมอร์ลิน เขามีสองวิธีในการได้รับพวกมันมา
วิธีแรกคือเขาสามารถแลกเปลี่ยนความสามารถบางอย่างของพลังปีศาจแพนโดร่ากับดินแดนมนต์ดำ อย่างไรก็ตาม ทุกคนมีความเห็นแก่ตัวด้วยกันทั้งนั้น เช่นเดียวกับพ่อมดลีโอในตอนนั้น ที่ไม่ได้ส่งต่อดวงตาแห่งความมืดไปยังดินแดนมนต์ดำ เมอร์ลินเองก็ต้องการเก็บความลับบางอย่างของเขาไว้เช่นกัน ดังนั้น เว้นแต่จะเป็นทางเลือกสุดท้าย เมอร์ลินก็ไม่อยากแลกเปลี่ยนกับดินแดนมนต์ดำเช่นกัน
นอกจากนี้ พลังปีศาจแพนโดร่าส่วนใหญ่ในดินแดนมนต์ดำมีเพียงสองรูปแบบเท่านั้น ดังนั้นพวกมันจึงไม่ได้ทรงพลังขนาดนั้น เมอร์ลินยังตั้งใจที่จะค้นหาพลังปีศาจแพนโดร่าที่ทรงพลังกว่านี้ด้วย
อีกวิธีหนึ่งคือการหาเล่มที่สามของหนังสือแห่งนิดันดร์ มีข่าวลือว่าหนังสือแห่งนิดันดร์เล่มที่สามได้บันทึกพลังปีศาจแพนโดร่าอันทรงพลังไว้
ก่อนหน้านี้ เมอร์ลินได้พบเบาะแสบางอย่างเกี่ยวกับเล่มที่สองและสามของหนังสือแห่งนิดันดร์ในเล่มแรก
หนังสือเล่มที่สองของหนังสือแห่งนิดันดร์ถูกซ่อนไว้บนชายหาดแห่งใดแห่งหนึ่งของทะเลมรณะและเล่มที่สามของหนังสือแห่งนิดันดร์ถูกซ่อนอยู่ในอุโมงค์หิน
ทะเลมรณะอาจฟังดูไม่ได้เลวร้ายนัก มันอาจจะอันตรายมาก แต่อย่างน้อยเขาก็เคยได้ยินชื่อของมันมาก่อน ตราบใดที่เขาสำรวจไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง ก็ไม่ยากที่จะค้นหามัน ส่วนอุโมงค์หิน เมอร์ลินไม่เคยได้ยินชื่อของมันมาก่อนเลย
โชคดีที่เมอร์ลินไม่ต้องการพลังปีศาจแพนโดร่าธาตุน้ำแข็งและสายฟ้าในตอนนี้ เขายังห่างไกลจากการเป็นนักเวทย์ระดับสี่ อย่างน้อยที่สุด พลังจิตของเขาไม่เพียงพอที่จะสร้างคาถาระดับสี่ได้ ท้ายที่สุด คาถาระดับสี่เป็นการอัพเกรดเชิงคุณภาพ ดังนั้นพลังจิตที่ต้องใช้ก็มากขึ้นเช่นกัน
ยิ่งกว่านั้นความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเมอร์ลินก็เพียงพอที่จะรับมือกับภัยคุกคามส่วนใหญ่ได้ ดังนั้นในช่วงเวลานี้ เขาสามารถใช้เวลามากขึ้นในการหาข้อมูลเกี่ยวกับทะเลมรณะกับอุโมงค์หิน
“เอี๊ยด…”
เมอร์ลินผลักประตูเปิดออก พ่อมดแบมมูรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวและปรากฏตัวต่อหน้าเมอร์ลินทันที
“แบมมู อาจารย์ลีโอเป็นยังไงบ้าง”
พ่อมดแบมมูส่ายหัวเบา ๆ “ยังไม่มีการเคลื่อนไหวจากพ่อมดลีโอ ในทางกลับกัน องค์ชายแปดมาตามหานายท่านเมื่อเร็ว ๆ นี้ แต่ข้าปฏิเสธเขาเข้าไป”
เมอร์ลินขมวดคิ้ว ไม่ใช่เพราะองค์ชายแปดแต่เป็นเพราะพ่อมดลีโอ
มันเป็นเวลานานมาก ตั้งแต่ที่เขาใช้น้ำตาเทพเจ้าเพื่อขจัดข้อบกพร่องในร่างกายของเขา มันไม่น่าต้องการใช้เวลานานนัก มันน่าจะมีปัญหาอะไรหรือไม่?
ในขณะที่เมอร์ลินกังวลเรื่องนั้น ก็มีพลังธาตุมืดที่ผันผวนอย่างรุนแรงทั่วทั้งคฤหาสน์ราวกับว่าท้องฟ้าทั้งท้องฟ้ามืดลงจากสีน้ำเงิน
สีหน้าของเมอร์ลินเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เขาหันศีรษะไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของคฤหาสน์ เขามีดวงใจแห่งความมืด ดังนั้นเขาจึงอ่อนไหวต่อพลังธาตุมืดมากที่สุด ดังนั้นเขาจึงสามารถตรวจจับความผิดปกติได้ตั้งแต่แรก
ความมืดมิดที่ผันผวนเช่นนี้ทำให้เมอร์ลินตัวสั่นด้วยความกลัว ไม่มีใครนอกจากพ่อมดลีโอที่สามารถก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่ในคฤหาสน์ขององค์ชายแปดได้
"ไม่ดีแน่ อาจมีบางอย่างเกิดขึ้นกับอาจารย์ลีโอ แบมมูไปตรวจสอบที่นั่นกันเถอะ!”
หลังจากที่เขาพูดจบ เมอร์ลินก็เดินไปที่ห้องของพ่อมดลีโอพร้อมกับพ่อมดแบมมูทันที
…
บริเวณหน้าห้องของพ่อมดลีโอเงียบสงบมาก เมื่อเมอร์ลินและพ่อมดแบมมูมาถึงก็พบว่ามีฝูงชนก็ยืนอยู่ด้านนอกแล้ว ส่วนใหญ่เป็นนักเวทย์และทหารยาม
ตรงข้างในสุดเป็นบุคคลที่ได้รับการปกป้องจากนักเวทย์และทหารยามหลายคน นั่นคือเจ้าของคฤหาสน์ องค์ชายแปด!
เมอร์ลินมาถึงตรงบริเวณห้องโดยไม่มีใครขัดขวาง ตอนนี้ คฤหาสน์ทั้งหมดได้รู้ว่าองค์ชายแปดถือพ่อมดลีโอและเมอร์ลินด้วยความเคารพอย่างสูง ดังนั้น สถานะของเมอร์ลินก็น่ายกย่องเช่นกัน
หลังจากที่เห็นว่าเมอร์ลินมาถึงแล้ว องค์ชายแปดทรงตรัสด้วยท่าทางสง่างามว่า “พ่อมดเมอร์ลิน คุณมาได้ทันเวลาพอดี มันเกิดอะไรขึ้น? พ่อมดลีโอกำลังสร้างคาถาระดับเจ็ดหรือว่าเขากำลังฝึกฝนดวงตาแห่งความมืด?”
เมอร์ลินโค้งคำนับองค์ชายแปดเล็กน้อย จากนั้นจ้องมองไปที่เบื้องหน้า
ในห้องนี้มีพ่อมดลีโออาศัยอยู่ ทว่ามันถูกปกคลุมไปด้วยพลังธาตุมืดหนาทึบ บนท้องฟ้าเหนือคฤหาสน์มีกระแสน้ำวนสีดำขนาดใหญ่ที่หมุนอย่างดุเดือดและก่อตัวเป็นลมกระโชกแรง
แม้ว่ามันจะเป็นกระแสน้ำวน แต่เมื่อพลังธาตุมืดยังคงควบแน่น กระแสน้ำวนก็ค่อย ๆ กระชับขึ้น หากมองใกล้ ๆ ก็คล้ายกับดวงตาขนาดยักษ์
ปรากฏการณ์ใหญ่โตเช่นนี้ไม่ได้เกิดจากการสร้างคาถาระดับเจ็ดอย่างแน่นอน สำหรับการฝึกฝนดวงตาแห่งความมืดหรือไม่นั้น เมอร์ลินก็ไม่แน่ใจเช่นกัน ท้ายที่สุดแล้ว ความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับดวงตาแห่งความมืดของเขาอาจเท่ากับความเข้าใจขององค์ชายแปดด้วยซ้ำ
“แบมมู นี่เป็นเพราะอาจารย์ลีโอกำลังฝึกฝนดวงตาแห่งความมืดงั้นเหรอ?”
เมอร์ลินอาจไม่ค่อยรู้เรื่องดวงตาแห่งความมืดมากนัก แต่พ่อมดแบมมูมีความเข้าใจในเรื่องนี้ เขาจึงถามพ่อมดแบมมู
"โอ้? พ่อมดแบมมูมีความเข้าใจเกี่ยวกับดวงตาแห่งความมืดงั้นรึ?”
องค์ชายแปดหันพระพักตร์ไปทางพ่อมดแบมมู พระองค์ทรงให้คุณค่ากับพ่อมดแบมมูอย่างสูง แม้ว่าเขาจะเป็นพ่อมดผู้ติดตามของเมอร์ลิน แต่เขาก็เป็นนักเวทย์ระดับเจ็ดทรงพลัง นักเวทย์เช่นนี้จะไม่สามารถมองข้ามได้
แบมมูยังจ้องเขม็งไปที่ดวงตายักษ์ด้านบน เขาเพียงชำเลืองมองไปยังองค์ชายแปดหลังจากนั้นครู่หนึ่งและกล่าวในทันทีว่า “ฝ่าบาท ทรงชมกระหม่อมมากเกินไป ฝ่าบาทจะมีใครสามารถเข้าใจดวงตาแห่งความมืดได้จริง ๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ? กระหม่อมทราบเพียงข้อมูลพื้นฐานเท่านั้น ตามความเข้าใจของกระหม่อม พ่อมดลีโอไม่ได้ฝึกฝนดวงตาแห่งความมืดอย่างแน่นอน กระหม่อมคิดว่าเขาเพิ่งเริ่มกำจัดข้อบกพร่องของดวงตาแห่งความมืดโดยใช้น้ำตาเทพเจ้าพ่ะย่ะค่ะ”
“เขาเพิ่งเริ่มใช้น้ำตาเทพเจ้าอย่างงั้นเหรอ?” เมอร์ลินยังคงสงสัยอยู่บ้าง เพราะว่าพ่อมดลีโออยู่ในห้องพักของเขามาสองเดือนแล้ว
แบมมูพูดต่อ “พ่อมดเมอร์ลิน ท่านน่าจะสัมผัสได้ถึงพลังของน้ำตาเทพเจ้าในไม่ช้า ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับพ่อมดลีโอ ต้องไม่ให้เกิดความวุ่นวายใด ๆ จะทำให้พ่อมดลีโอตกอยู่ในอันตราย!”
เมื่อพูดอย่างนั้น ท่าทางของพ่อมดแบมมูก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที
เมอร์ลินหันมองขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง นัยน์ตายักษ์ที่ถูกบดบังด้วยธาตุแห่งความมืดนับไม่ถ้วน ดูเหมือนว่ามันกำลังจ้องมองทุกคนเบื้องล่าง มันดูน่าขนลุกจริง ๆ
*ครืน ครืน…*
ทันใดนั้น พลังธาตุมืดจำนวนมากก็เริ่มลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ทำให้ทุกคนตกใจ มีแสงสีขาวปรากฏขึ้นในพลังธาตุมืดที่มืดสนิท
ดวงตาของเมอร์ลินหรี่ตามอง ทันทีที่แสงสีขาวปรากฏขึ้น มันก็ขยายตัวอย่างรวดเร็วและประจายพลังศักดิ์สิทธิ์ที่สว่าง สดใสออกมา เมอร์ลินคุ้นเคยกับพลังเช่นนี้มาก่อน ขณะที่เขาอยู่ในเมืองแบล็ควอเตอร์ในตอนนั้น นี่คือพลังหลั่งออกมาจากบาทหลวงของโบสถ์แห่งแสง
บางทีอย่างที่อาจารย์แบมมูบอก พ่อมดลีโอเริ่มใช้น้ำตาเทพเจ้าแล้ว!