บทที่ 48 หนีตาย
เสียงทุ้มต่ำดังออกมาจากภายในจิตวิญญาณของหนิงเทียน‘เฒ่าอู๋ ปล่อยข้าออกไปไม่เช่นนั้นพวกเราจะตายกันหมด’ เสียงของซานซันดังก้องจากภายใน
‘ไม่ได้ เฒ่าซานถึงเจ้าจะจัดการยัยมังกรตัวเมียนี้ได้ แต่จิตวิญญาณเจ้าจะสลายไปทันที’ราชาภูตรีบกล่าวห้ามสหายของมัน
“ซานซัน ให้เจ้าฟังคำอู๋ชาง”ในชีวิตก่อนหนิงเทียนมีความหลังที่ไม่ดีนัก กับการที่มีคนมาสละชีวิตแทนมัน
คร่ออ!!! มังกรพิษฟ้าครามคำรามต่ำ พรางเร่งความเร็วขึ้นอีก
เห็นเช่นนั้นหนิงเทียนสะดุ้งด้วยความตกใจ ‘บัดซบ...มันยังเร็วขึ้นได้อีก ที่มันยอมปล่อยให้หนีมาจนเวลานี้เพียงเพื่อต้องการเล่นสนุกกับชีวิตข้า’
คิดได้เช่นนั้น โทสะของหนิงเทียนทะยานขึ้นสูง มันสาบานกับตัวเองภายในใจ “ตราบใดที่ข้ารอดชีวิตไปได้ จะไม่ขออยู่ร่วมโลกกับเจ้า”
มันนำโอสถสวรรค์ฟื้นพลังของบิดารองมันขึ้นมากินอย่างบ้าคลั่ง หมายจะเร่งความเร็วหนีออกไปให้ทัน
ถ้าไม่รอดออกไป ก็ไม่มีโอกาสจะได้แก้แค้นหนิงเทียนรู้เรื่องนี้ดี
แต่ด้วยพลังของอสูรปีศาจตัวตนที่กล่าวขานกันในหุบเขาหมื่นอสูรนี้ไหนเลยที่พลังของหนิงเทียนจะสามารถต่อต้านมันได้
ร่างอันมหึมาของมังกรพิษฟ้าครามเข้ามาใกล้หนิงเทียนห่างเพียงไม่กี่ถึง10จั้ง
ลมกรรโชกจากการพุ่งตัวของมันฉีกกระชากแผ่นหลังของหนิงเทียนนับสิบแผล ด้วยบาดแผลเช่นนั้นเพียงพอแล้วที่จะสังหารผู้ฝึกตนในแดนแห่งปราชญ์ให้ตกตาย
‘เฒ่าอู๋เจ้ายังไม่รีบหาวิธีช่วยนายท่าน’ ซานซันกล่าวออกอย่างร้อนรน
‘อย่างพึ่งเร่งข้าเฒ่าซาน ข้ากำลังใช้ความคิด’ ทันใดนั้นราชาภูตบินลงจากบ่าของหนิงเทียนพร้อมหันไปทางมังพิษฟ้าคราม มันกล่าวออกด้วยเสียงเย็น
“มังกรน้อย จงปล่อยเขาไป”
ได้ยินเช่นนั้น มังกรพิษฟ้าครามหยุดตัวกลางอากาศ มันจับจ้องไปยังภูตปีกสีทองตัวน้อย “ราชาแห่งเวลา ไม่มีทางที่ข้าจะปล่อยมันไปและอย่าได้ขวางทางข้า มิเช่นนั้นอย่าได้โทษที่ข้าไม่เคารพสายเลือดศักดิ์สิทธิ์”
“มังกรน้อยเจ้ายังไม่ลืมในสายเลือดของราชาผู้นี้ เอาเช่นนี้ถ้าเจ้าให้เวลาเขาหนีสัก100ลมหายใจ ราชาผู้นี้จะมอบหยดเลือดของราชาให้แก่เจ้า”
ได้ยินเช่นนั้นดวงตาเขียวมรกตของมังกรพิษฟ้าครามเบิกกว้าง ‘ราชาแห่งเวลา ที่ท่านกล่าวเป็นเรื่องจริง’
“ราชาอย่างข้าไม่เคยพูดโกหก หยดเลือดของราชาผู้นี้มีพลังมากกว่าหญ้าสามวิญญาณที่พวกเจ้าเฝ้าทะนุทนอม มันสามารถช่วยให้เจ้ากลายเป็นอสูรสวรรค์ได้ภายใน1000ปี”
มังกรพิษฟ้าครามใช้เวลาอยู่ชั่วอึดใจก่อนที่จะคำรามตอบออกมา“ตกลง ข้าจะให้เวลามันหนีเพิ่ม20ลมหายใจเท่านั้นแต่ถึงอย่างไร ถ้าข้าจับมันได้เมื่อไร แม้แต่ท่านก็ไม่สามารถช่วยมันได้”
“ดี.....ถึงเวลานั้นมันคงเป็นโชคชะตา”กล่าวจบราชาภูตโยนขวดหยกขนาดเล็กกว่ามือของมัน ไปบนศีรษะของมังกรพิษฟ้าคราม ก่อนที่จะหันร่างตามหนิงเทียนไปโดยไว
ดวงตาสีเขียวมรกตของมังกรพิษฟ้าครามมองไปยังขวดหยกที่บรรจุเลือดเผ่าพันธุ์ภูตด้วยแววตาปรารถนา
ในขณะเดียวกันหนิงเทียนพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง บาดแผลทั่วร่างของมันเวลานี้สามารถทำให้มันล้มลงได้ทุกเวลา
มันลังเลที่จะใช้โล่ปราการสวรรค์ของบิดาสามออกไปเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะว่ามันเกิดเสียดายในสมบัติวิเศษ แต่เพราะอีกนิดเดียวเท่านั้นมันใกล้จะเข้าสู่ขอบเขตต่อไปแล้ว
หนิงเทียนหันไปมองยังด้านหลังด้วยความประหลาดใจ “มังกรพิษฟ้าครามไม่ตามมาแล้ว?”
ทันใดนั้น ราชาภูตปรากฏกายขึ้นข้างๆหนิงเทียนราวกับออกมาจากอากาศ
‘คุณชาย รีบไปพ้นประตูหินข้างหน้าเราจะออกจากเขตแดนมันแล้ว’
ได้ยินเช่นนั้นหนิงเทียนพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างสุดชีวิต
ในขณะเดียวกันพลันรู้สึกว่ามีพลังมหาศาลกำลังพุ่งตามมาข้างหลัง เหนือศีรษะคล้ายมีเมฆบดบังแสงตะวันจนมืดครึ้ม ไม่ต้องหันมองก็รู้ว่ามังกรพิษฟ้าครามตามมาอยู่ด้านหลังแล้ว
‘จบสิ้นแล้วคุณชาย มันตามมาแล้วพวกเราไม่มีทางหนีพ้นรัศมีเขตแดนของมันได้’ ราชาภูตกล่าวอย่างจนปัญญา
“คร่อ!!!” เสียงของมังกรพิษฟ้าครามคำรามกึกก้อง
“มันไม่ใช่เลือดศักดิ์สิทธิ์ มันเป็นเพียงน้ำตาภูตเท่านั้น ราชาแห่งเวลาท่านหลอกข้า” เวลานี้มันเกรี้ยวกราดดุร้ายสุดแสน มันคำรามต่ำๆ พลางเร่งความเร็วไป
หนิงเทียนที่แม้แต่จะยืนร่างให้ตรงนิ่งยังทำไม่ได้ กลับหยุดชะงักโดยไม่คาดคิด
“อู๋ชางแผน2 ข้าจะเดิมพันชีวิตของเข้า สร้างช่องว่างให้แก่เจ้า อย่าให้พลาดโอกาสนี้เด็ดขาด”
“คุณชายท่านจะทำอะไร ท่านคิดจะฆ่าตัวตายหรืออย่างไร” อู๋ฉางมองไปยังร่างนายของมันที่แค่ยืนให้ตรงยังลำบาก
“เข้ามาไอ้มังกรสารเลว” หนิงเทียนก่นด่าสาปแช่ง มันพลันกล่าวต่ออย่างเดือดดาน
“ต้องการฆ่าข้า อีก1000ปีก็ไม่มีทางและข้าจะบอกอะไรให้เดรัจฉานเช่นเจ้ารู้ไว้
ในยามที่บิดาข้า สังหารเดรัจฉานตัวผู้สามีเจ้า มันง่ายดายราวกับบี้มดตัวหนึ่ง ฮ่าๆๆๆๆๆ” หนิงเทียนคำรามออกราวคนเสียสติ
มังกรพิษฟ้าได้ยินเช่นนั้น มันบันดาลโทสะที่สูงเทียมฟ้าออกมา สองตามรกตของมันเบิกกว้าง ปากพ่นพิษสีเขียวออกมาเป็นสายไปทั่ว พริบตาเดียวหางอันมหึมาน่าสยดสยองก็พุ่งตรงมายังหนิงเทียน
หนิงเทียนกลายร่างเป็นหมอกสีดำ พุ่งหนีด้วยความเร็วดุจสายฟ้า ในขณะที่หางของมังกรพิษฟ้าครามยังไม่ทันสัมผัสถึงตัวมันบังเกิดกระแสลมฉีกกระชากสร้างบาดแผลฉกรรจ์บริเวณหน้าท้องมัน
หนิงเทียนกัดฟันแน่นพลิ้วตัวหลบหัวมหึมาของมังกรพิษฟ้าครามไปได้อย่างฉิวเฉียด
มังกรพิษฟ้าครามเห็นเช่นนั้นมันแผดเสียงดังแสบแก้วหูพร้อมทั้งฉกหัววาบไปยังร่างของหนิงเทียนด้วยความเร็วที่น่าตกตะลึง
“ฮากกกกก!!!!!!!!!!!” หนิงเทียนคำรามลั่น พลังชีวิตที่ใกล้ดับของมันบ้าคลั่งในเสี้ยววินาที สายตาของหนิงเทียนมองออกอย่างกระหายเลือด โลหิตในกายเดือดพล่านระอุ
พลังจิต พลังใจ รวมทั้งวิญญาณของมันทั้งสามรวมเป็นหนึ่ง บีบบังคับทะเลปราณที่เหือดแห้งให้พลันทะลักก้าวไปสู่ดินแดนแห่งปราชญ์
พลังที่อัดแน่นกระจายออกทั่วร่าง สติของหนิงเทียนเลือนหายไป เสียงกระดูกทั่วร่างของหนิงเทียนดังลั่นราวกับว่ามันจะพุ่งออกมา
ทะเลปราณขนาดยักษ์พลันแตกกระจายออกเป็นเศษเล็กๆ หลงเหลือเพียงผนึกศิลาทองที่หมุนวนอยู่ตรงกลาง ยิ่งหมุนวนมากเท่าไร ผนึกศิลาท้องยิ่งทวีความเร็วขึ้นเป็นเท่าตัว สองเท่า สี่เท่า
เพียงชั่วครู่ก็บังเกิดความอัศจรรย์ เศษเสี้ยวเล็กๆของทะเลลมปราณที่แตกกระจายพลันรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว
ถ้ามองด้วยตาเปล่ามันช่างคล้ายกับดวงดาวขนาดเล็กแปดดวง เพียงชั่วลมหายใจเดียว กลุ่มก้อนของทะเลปราณทั้งแปดหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง
กระบวนการทั้งหมดเกิดขึ้นภายในร่างของหนิงเทียนเพียงเวลาแค่สองลมหายใจเท่านั้น
ในขณะเดียวกัน ลำตัวขนาดใหญ่ของมังกรพิษฟ้าเหยียดตึงเหมือนว่ามันกำลังฉกหัวลงไปยังร่างของหนิงเทียน
เมื่อศีรษะขนาดยักษ์ของมันอยู่ห่างจากร่างของหนิงเทียนไม่กี่คืบ ทันใดนั้นบังเกิดแสงสว่างวาบออกจากด้านหลังของหนิงเทียนเข้าปะทะดวงตาคู่มรกตขนาดใหญ่ จนดำวูบลง
มังกรพิษฟ้าครามปิดดวงตาขนาดยักษ์ของมันลงและคำรามร้องด้วยความเจ็บปวด
ร่างที่ไร้สติของหนิงเทียนกำลังล่วงหล่นลงพื้นอย่างช้าๆ ขณะเดียวกันมันปรากฎภาพดวงตะวันดาราแปดดวงสาดแสงสว่างจ้าขึ้นด้านหลังร่างที่ไร้สติ
เวลานี้ร่างกายของหนิงเทียนล้อมรอบด้วยแสงสีทองจาง มันกำลังดูดแสงสว่างๆของดวงตะวันทั้งแปดเข้าร่างอย่างบ้าคลั่ง
ราชาภูตมองไปยังหนิงเทียนด้วยแววตาตกตะลึงมันอุทานออกด้วยเสียงแผ่วเบา
“นั้นมันภาพที่2ในม้วนภาพเทพยุทธ์ 'ตะวันแปดดารา'”
ทันใดนั้นเสียงทุ้มต่ำของสหายมันดังขึ้น “เฒ่าอู๋อย่ามั่วแต่ตะลึง เวลานี้เป็นโอกาสดีที่สุด อย่าให้พลาดเด็ดขาด” สหายของมันร้องเตือนอย่างรวดเร็ว
“ถ้าข้าไม่ฟื้นขึ้นมาอีก ข้าจะโทษจ้า เฒ่าซาน”ได้ยินคำของสหายมันเช่นนั้น ราชาภูตพุ่งร่างออกโดยเร็ว ฝ่ามืออันเล็กจิ๋วของมันแตะไปยังหน้าผากของหนิงเทียน
เงาสีดำจากฝ่ามือกลืนกินไปทั่วทั้งร่างของมันและหนิงเทียน
ในเวลาเดียวกัน มังกรพิษฟ้าครามพะงักศีรษะถอยออกแปรเปลี่ยนการโจมตีเป็นหางมหึมาฟาดไปยังร่างของหนิงเทียนอย่างบ้าคลั่ง
ปัง!!!!!!!หางของมังพิษฟ้าครามฟาดผ่านอากาศไปถูกภูเขาขนาดยักษ์จนแตกออกเป็นสองส่วน
เวลานี้สัมผัสของทั้งหนิงเทียนและราชาภูตหายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
โคร่กกกกกกกกกกกก!!! มังกรพิษฟ้าครามคำรามออกสุดเสียงด้วยโทสะ จนเมฆหมอกบนฟ้าแยกออกเป็นสองส่วน
.....
......... . ..
เวลาเดียวกัน ในดินแดนทางด้านเหนือของทวีปฟ้าสวรรค์ มีทะเลทรายที่อยู่ใกล้กับหุบเขาหมื่นอสูร
ทะเลทรายนั้นแห้งแล้งราวกับว่ามันขาดน้ำมาแสนนานแต่กลับกระจายปราณอ่อนๆออกมา
ทำให้บริเวณนั้นปกคลุมด้วยไอเพลิงตลอดปี มองดูคล้ายเป็นสถานที่จากโลกเบื้องล่างแต่นั้นก็เป็นเพียงมุมมองของมนุษย์ธรรมดาเท่านั้น
ถึงแม้ไอเพลิงจะปกคลุมจนเกิดความร้อนมหาศาลแต่มันก็ไม่ได้ส่งผลอะไรกับผู้ฝึกตนที่อยู่ในแดนองครักษ์เลย
ถึงแม้สถานที่แห่งนี้ จะอยู่ติดกับหุบเขาหมื่นอสูรก็จริง แต่มันนับได้ว่าอยู่เขตชายแดนมากๆ ซึ่งถ้านับระยะทางจริงๆแล้วเมืองฉางผิงยังอยู่ใกล้กว่ามากนัก
สัตว์อสูรในบริเวณนี้อย่างเก่งก็เป็นเพียงอสูรลมปราณขั้นที่1เท่านั้น มันจึงทำให้ทะเลทรายแห่งนี้เป็นเส้นทางเดินเท้าของกลุ่มคนมากมายที่หมายจะมุ่งไปยังเมืองฉางผิง
ในใจกลางทะเลทรายที่ร้อนระอุ ปรากฏชายหนุ่มคนหนึ่งรูปร่างสูงผอม ชายหนุ่มผู้นี้สวมใส่ชุดสีขาวสะอาดแม้จะอยู่ท่ามกลางทะเลทราย
ใบหน้าของมันหล่อเหล่า ผิวขาวดุจสตรี ด้วยรูปลักษณ์ทั้งหมดของมันนับได้ว่าเป็นชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่งทีเดียว
ชายหนุ่มกำลังแบกหนังสือขนาดโหญ่ไว้ที่ด้านหลัง ถ้ามองเพลินๆมันคล้ายบุรุษที่แก่เรียนเป็นอย่างมาก
ชายหนุ่มชุดขาวแม้จะได้รับผลกระทบจากความร้อน แต่มันยังเดินทางข้ามผ่านทะเลทรายด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า บางครั้งที่พายุทรายพัดผ่านมา มันจะหาเนินทรายก้มหมอบลงอย่างชำนาน คล้ายว่ามันเดินบนเส้นทางนี้มาหลายปี
ชายหนุ่มในชุดขาวสะอาดระบายลมหายใจอย่างเศร้าสร้อยมันพึมพำกับตนเองด้วยความโมโห
“ฉางอิน นะฉางอิน เจ้าสอบไม่ผ่านเป็นรอบที่สองแล้ว เจ้าจะมีหน้ากลับไปมองผู้คนในเมืองได้อย่างไร”
ขณะที่เท้าของมันย่ำลงบนพื้นทราย คลื่นพลังในแดนนักรบกระจายออกคลุมร่างของมันเพื่อบรรเทาอาการร้อนจากแดดที่ร้อนระอุ
มันมองไปยังท้องฟ้าพร้อมกับก่นด่าสวรรค์เบื้องบนอย่างสนุกปาก
ในเวลาเดียวกันนั้น ที่ท้องฟ้าด้านบนซึ่งก่อนหน้านี้เต็มไปด้วยแสงสว่างของตะวัน ทันใดนั้นมันเริ่มมืดลงและกลับคืนมาเป็นปกติในทันที
ปรากฎการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งถ้าเพียงกระพริบตาเดียวอาจจะไม่ทันสังเกตเห็น
ความรู้สึกของฉางอินก็แวบขึ้นด้วยความประหลาดใจ ความตะลึงไม่อยากเชื่อปรากฏบนใบหน้าของมัน ปากของมันอ้ากว้างและหยุดค้าง ดวงตาของมันเบิกกว้างจับจ้องไปยังร่างคนผู้หนึ่งที่ตกลงมาจากฟ้า
ปัง!! เสียงของร่างชายคนนั้นกระทบกับพื้นด้วยทะเลทรายที่อ่อนนิ่มมันช่วยบรรเทาแรงกระแทกได้ส่วนหนึ่ง
ชายคนนั้นจะกระอักโลหิตออกมาครั้งหนึ่งและนิ่งร่างไม่ไหวติงใดๆอีกต่อไปบนร่างของชายคนนั้นมีตุ๊กตาตัวเล็กรูปร่างมนุษย์ตกอยู่บนอกของมัน
ฉางอินรีบวิ่งไปดูด้วยตระหนกตกใจแม้มันจะกล้าๆกลัวๆอยู่บ้างแต่ก็ไม่สามารถทดทานความอยากรู้อยากเห็นได้ มันรีบชะโงกหน้าไปมองยังร่างที่เต็มไปด้วยบาดแผล
“หวา!! ตายแล้วหรอ แล้วเขาตกมาจากที่สูงขนาดนั้นได้ยังไงนะ หรือว่าจะถูกสัตว์อสูรทำร้ายจนกระเด็น”
ฉางอินระบายลมหายใจออกมาพร้อมกับยกมือเกาไปที่ศีรษะ “เอายังไงดี ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ศพของเขาต้องกลายเป็นอาหารสัตว์อสูรแน่ๆเลย”
มันครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจ ขุดหลุมทรายขึ้น หมายจะฝังร่างชายคนนี้ลง
“แม้เราจะสอบไม่ผ่านแต่การได้ทำความดีช่วยให้โทสะในใจเบาบางลงได้บ้าง” ฉางอินยิ้มแย้มอย่างแจ่มใส
พร้อมปะกบฝ่ามือขึ้น "ขอให้ไปสู่สุขคติเถอะ"
จากนั้นมันใช้แรงทั้งหมดพลักร่างของชายคนนั้นลงไป ฮึบ!!! “ชายคนนี้ตัวหนักจัง?”
มันมองไปยังตุ๊กตามนุษย์ที่มีปีกติดอยู่ด้านหลัง “เขาคงชอบตุ๊กตาตัวนี้มากสินะ ได้ๆข้าจะให้มันร่วมเดินทางเป็นเพื่อนท่าน”
มันหยิบตุ๊กตาตัวเล็กใส่เข้าไปในอกเสื้อของชายคนนั้น
ฉางอินใช้ความพยายามอยู่นานก่อนจะดันร่างไร้สติของชายคนนั้นลงไปได้ มันใช้มือขวาปาดเหงื่อออก ก่อนจะใช้มือพลักทรายกลบร่างลงทีละน้อย
ทันใดนั้นราวกับผีหลอกกลางวันแสกๆ ชายที่มันคิดว่าตายแล้ว ขยับตัวพลันกระอักเลือดสีดำออกมากองหนึ่ง
หนิงเทียนพยามเปิดตาขึ้นอย่างยากลำบากมันจ้องไปยังชายหนุ่มชุดขาวตรงหน้าอย่างไม่วางตา
“อะไร!! ท่านจ้องข้าทำไม ข้าไม่ได้ทำร้ายสักหน่อย หรือท่านอยากให้ข้าช่วย?”
ฉางอินพึมพำก่อนจะกล่าวออกมาราวกับมันกำลังพูดอยู่คนเดียว “ได้ๆ ข้าจะช่วยท่านเอง”
จากนั้นฉางอินยกร่างหนิงเทียนขึ้นจากหลุมอย่างยากลำบากและลากร่างที่หายใจรวยรินของหนิงเทียนเดินไปอย่างไม่รู้จุดหมาย
เวลานี้หนิงเทียนหนิงเทียนไม่สามารถบังคับกายของมันได้เลยแม้แต่น้อย มันเพียงส่งเสียงภายในจิตของมัน “อู๋ชาง อู๋ชาง” มันเรียกออกอยู่หลายครั้ง
ก่อนเสียงทุ้มต่ำจะดังตอบมาในจิตใจ มันเป็นเสียงของซานซัน “นายท่าน จิตวิญญาณของเฒ่าอู๋ตอนนี้อ่อนแอมาก มันต้องใช้เวลาสักพักในการฟื้นฟู นายท่านไม่ต้องห่วงข้าจะคอยช่วยเหลือมันเอง”
ซานซันยังคงกล่าวต่อ “เวลานี้พลังปราณของท่านกำลังสร้างรากฐานอยู่ ท่านจะไม่สามารถใช้มันออกได้สักพัก ในช่วงเวลานี้ขอให้ท่านโปรดระวังตัวเองให้มาก”
คำกล่าวของซานซันได้คลายความกังวลใจและเตือนสติของหนิงเทียนในเวลาเดียวกัน
เวลาผ่านไปพักใหญ่ๆสายตาของฉางอินเหลือบไปเห็นกระโจมที่จมลึกอยู่กลางพื้นทราย ลักษณะของมันโผล่พ้นมาแต่ส่วนบนที่เป็นผ้าสามารถช่วยบังความร้อนจากแดดได้ระดับหนึ่ง
มันเดินตรงไปยังกระโจมก่อนจะวางร่างของหนิงเทียนลงด้วยความเหน็ดเหนื่อย
หนิงเทียนพยามเค้นกำลังออก มันพยามขยับมือหมายจะเอาโอสถในแหวนมิติออกมา หลังจากพยามอย่างหนัก
มันปรากฏโอสถสวรรค์สามเม็ดกลิ้งลงอยู่บนพื้น หนิงเทียนจับจ้องไปยังชายชุดขาว ก่อนกล่าวเค้นเสียงออกมาอย่างยากลำบาก
“ให้ข้า” เพียงแค่สองคำเท่านั้นที่มันกล่าวออก หนิงเทียนรู้สึกเหมือนเลือดลมในร่างปั่นป่วนขึ้นมาอีกคร่าใหญ่
เวลานี้ถือเป็นวิกฤติของมันอย่างแท้จริง มันไม่หลงเหลือพลังปราณที่จะรักษาตัวเองได้เลยแม้แต่น้อย ทางรอดเดียวของมันคือหวังพึ่งความวิเศษของโอสถระดับสวรรค์ที่บิดารองให้มันมาเท่านั้น
“ได้ๆ ท่านต้องการยา” ฉางอินรีบนำโอสถทั้งสามเม็ดที่กลิ้งอยู่บนพื้นใส่เข้าปากหนิงเทียนโดยเร็ว
ทันทีที่หนิงเทียนได้รับโอสถทั้งสามเม็ดนั้นร่างกายของมันแข็งทื่อก่อนจะค่อยๆปิดตาลงช้าๆ โดยหวังว่าจะได้ตื่นขึ้นมาพบแสงตะวันของวันพรุ่ง