ตอนที่34 ฮูหยินรองคบชู้
ตอนที่34 ฮูหยินรองคบชู้
แล้วนี่หมายความว่าอย่างไรล่ะ?
ถึงแม้หอม่านพิรุณแห่งนี้จะเป็นหอนางโลม แต่สาวโสภณีในนี้กลับผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนตลอดเวลา
กล่าวให้ฟังโดยง่ายคือ หอม่านพิรุณดูจะคล้ายกับสถานที่พบปะสังสรรค์ของผู้คน
ไม่ว่าชายหรือหญิง ขอเพียงรู้สึกกำหนัดและมั่นใจในทักษะเรื่องบนเตียงมากพอ ก็สามารถมาที่นี่ได้ตามต้องการ
เมื่อผู้ชายก้าวย่างข้ามผ่านประตูบานนี้เข้ามา เท่ากับว่าคุณเป็นบุรุษชายขายตัว หรือหากเป็นผู้หญิงก็จะกลายมาเป็นโสเภณีชั่วคราว
ในมุมมองของหลี่หวง สถาสนที่แห่งนี้จะคล้ายกับไนต์คลับในยุคที่นางเคยอยู่
แน่นอนว่าหลี่หวงหาได้สนใจสถานที่สวาทแบบนี้อยู่แล้ว เพียงต้องการหาที่หลบสุนัขหลบแมวเท่านั้น แต่พอเข้ามานางกลับบังเอิญพบเจอกับใครบางคนเข้าโดยไม่คาดคิด!
ฮูหยินรองซูซือ!
ขณะนี้นางสวมหน้ากากลูกไม้ปิดบังใบหน้าครอบคลุมทั้งหมด และกำลังหยอกเย้ายั่วสวาทบุรุษชายในบริเวณนั้นอยู่ ลีลาเด็ดเผ็ดร้อนราวกับเป็นโสเภณีที่ผ่านการอบรบสั่งสอนมาอย่างดี วิธีการไม่ต้องกล่าวถึง แม้จะหาใช่ระดับมืออาชีพที่เฉียบคม แต่ก็สามารถกล่าวได้เช่นกันว่า นางนี่แหละมือเก๋าของเมืองนี้
“สันดานกระ*รี่”
หลี่หวงสบถขึ้นคำหนึ่งท่ามกลางมุมมืดในหอม่านพิรุณ
แม้อีกฝ่ายจะสวมหน้ากากปิดบังยังไง แต่ในสายตาของหลี่หวงแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดในการแยกแยะบุคคลสักคนหนึ่ง หาใช่แยกแยะจากรูปลักษณะใบหน้า แต่เป็นการจดจำลักษณะและพฤติกรรม
‘กระ*รี่คืออะไรรึ?’
เหยาอสี้เอ่ยถามขึ้นในห้วงความคิดอย่างสงสัย
‘สันดานนิสัยของนางหาใช่คนเกิดในซ่องโสเภณีหรอกรึ?’
เจ้าชู้และมักใหญ่ใฝ่สูง นี่ครบคุณสมบัติที่โสเภณีพึงมี
“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าเหตุใดจวิ๋นรั่วถึงแบกหน้ามาขอยาแท้งลูก...”
เฉพาะเวลานี้หลี่หวงเข้าใจเจตนาของจวิ๋นรั่วที่มาหาเมื่อวานได้ทันใด
เกรงว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแน่นอน
‘แล้วเจ้าจะทำอย่างไรต่อ?’
“ในเมื่อนางชอบอยู่ที่นี่นัก เช่นนั้นก็ให้สวาทสุขกับบุรุษเพศต่อไปนั่นแหละ”
การทำตัวต่ำทรามเช่นนี้ทั้งที่มีสามีอยู่แล้ว นับเป็นการหมิ่นบรรพบุรุษ ทำไปก็มีแต่บาปกรรม หลี่หวงเพียงเหลือบหางตามองฮูหยินรองที่พาผู้ชายเข้าห้องหนึ่งไปพลางยิ้มเยาะ และเดินจากออกไปทันที
เมื่อใดที่ข้าจัดการกับคนอื่นเสร็จสิ้น ต่อไปก็ถึงตาเจ้าแล้ว!
หลี่หวงเดินผ่านตามถนนทอดยาวออกไป เพราะถึงขึ้นชื่อว่าเป็น หอม่านพิรุณ แต่แท้ที่จริงกลับเป็นเพียงถนนสายหนึ่งในตรอกซอยที่เต็มไปด้วยแสงสีและเรื่องราคะเท่านั้น ด้วยตัวเรือนอาคารบริเวณเหล่านี้ที่ค่อนข้างสูงปิดบังมิให้คนภายนอกมองผ่านมาเห็น ดังนั้นถนนสายนี้จึงได้ชื่อว่า หอม่านพิรุณ หรือก็คือซ่องนั่นเอง
ความเร็วฝีเท้าของหลี่หวงมิได้ช้าหรือเร็วจนเกินไป นางตรงออกไปสุดซอกซอยบริเวณที่ไม่มีใครอยู่
และเป็นไปตามที่นางคาดการณ์ไว้ไม่มีผิด เบื้องหน้า ณ ปัจจุบันมีกลุ่มคนรออยู่ที่นั่นแล้ว
ปรากฏเป็นชายชุดดำจำนวนยี่สิบคนพุ่งเข้ามาปิดล้อมโดยสมบูรณ์ ปล่อยให้หลี่หวงยืนอยู่ ณ จุดศูนย์กลางไร้ซึ่งทางหนี
“ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะมาติดกับเองเช่นนี้!พร้อมมอบชีวิตแก่พวกเราแล้วรึยัง!?”
ชายชุดดำคนหนึ่งก้าวตรงออกมาพลางคำรามเสียงแหบแห้ง ส่งสายตาสาดสะท้อนแววดุร้ายออกมาเต็มคราบ
เสมือนกับว่าชายผู้นี้ต้องการสับร่างของหลี่หวงให้เป็นพันหมื่นชิ้น!
“ชีวิตข้าราคาสูงลิบลิ่ว พวกเจ้าไม่มีปัญญาจับจ่ายได้ไหว”
หลี่หวงเอ่ยปากกล่าวด้วยท่าทีสบายๆ ทว่านัยน์ตาสีม่วงคู่นั้นกลับดูลึกล้ำสยดสยองขึ้นวาบหนึ่ง
“ทีแรกตั้งใจไว้ว่า หากเจ้าเลิกทำตัวงี่เง่า ข้าก็จะมองข้ามไม่สนใจอันใดอีก ทว่าความจริงแล้ว กลับเป็นเพียงหญิงโง่ที่ไร้สติ ไล่กัดไม่เลือกคนเสมือนสุนัขบ้า หลอกตัวเองไปวันๆ ช่างน่าสมเพชสิ้นดี ข้าพูดถูกหรือไม่ป้าหาน?”
หลี่หวงส่งสายตาเย้ยเยาะสะท้อนออกไป ท่าทางการแสดงออกปราศจากความเกรงกลัวต่อชายชุดดำตรงหน้าโดยสิ้นเชิง
ทั่วร่างกายาของชายชุดดำคนนั้นสั่นสะท้าน ชั่วขณะหนึ่งยื่นมืออกมาดึงผ้าปิดหน้าออก ปรากฏเป็นรูปลักษณ์ใบหน้าอันงดงามของหานชิงต่อสายตาทุกคน
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเป็นข้า?”
สุ้มเสียงของหานชิงยังคงแหบแห้ง
นางมั่นใจอย่างมากแล้วว่า หากสวมชุดและพลางตัวเช่นนี้ จะไม่ถูกคนอื่นจับได้อย่างแน่นอน
ทว่าหลี่หวงเพียงคลี่ยิ้มบาง กล่าวน้ำเสียงโอนอ่อนปราศจากอารมณ์ใด แม้ผิวเผินฟังดูแล้วไม่รู้สึกอะไร แต่เพียงวาจาหนึ่งประโยคกลับเปรียบเสมือนคมมีดที่พุ่งปักเข้าที่กลางอกของหานชิงโดยตรง ไม่ทราบเพราะเหตุใดฟังดูแล้วถึงรู้สึกทรมานใจยิ่งนัก
“ตระกูลหานได้รับยกย่องว่าเป็นตระกูลนักฆ่าอันดับหนึ่งในรอบร้อยปี หากทายาทที่ถือกำเนิดออกมาเป็นชายล้วนนับว่าโชคดีมาก แต่น่าเสียดายที่เป็นผู้หญิง และสำหรับผู้หญิงในตระกูลนักฆ่าถือได้ว่าเป็นดาวร้าย”
“หญิงสาวน้อยคนนักที่สามารถฝึกปรือบ่มเพาะพลังได้ หากเกิดในครอบครัวปกติคงเป็นผู้หญิงทั่วไป แต่การที่เกิดมาในตระกูลนักฆ่าเช่นนี้ ถึงไม่มีพลังวรยุทธ์ แต่วิชาร้อยเล่ห์กลย่อมต้องมีติดตัวบ้าง ดูท่านี่จะเป็นกองกำลังนักฆ่าชุดสุดท้ายหลังจากที่ตระกูลหานสูญสิ้นแล้วกระมัง?”
ดั่งว่า หญิงสาวในตระกูลนักฆ่าคือดาวร้าย หึหึ...ดาวร้ายจริงๆ นั่นแหละ ทำเอาซวยยกตระกูล
ยิ่งหานชิงฟังคำพูดของหลี่หวงมากเท่าไหร่ ภายในใจของนางก็ยิ่งรู้สึกขมขื่นใจมากขึ้นเท่านั้น เพราะนางกล่าวถูกต้องทุกประโยค เดิมทีนางเปรียบเสมือนดาวร้ายของตระกูลหาน แต่ตอนนั้นท่านพ่อกับท่านแม่ตัดใจฆ่านางทิ้งไม่ลง ก็เลยเลือกืที่จะเลี้ยงดูจวบจนทุกวันนี้ แต่ใครจะไปคิดว่า ในท้ายที่สุดนางก็มิอาจต้านทานคำสาปของตระกูลนักฆ่าได้
“ในเมื่อเจ้าเองก็ทราบว่าข้าหาใช่เด็กสาวใสซื่อบริสุทธิ์ ก็ควรเข้าใจด้วยว่า การจะปิดบังโฉมหน้าที่แท้จริงต่อหน้าข้ากลับเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้”
“นังสารเลว!ไฉนจิตใจของเจ้าถึงต่ำทรามถึงเพียงนี้!ไยเจ้าต้องวางยาอี้เอ๋อร์ด้วย!? ทำไมต้องฆ่าพี่ใหญ่ของข้า!!?”
หานชิงระเบิดอารมณ์ทั้งหมดที่เก็บกดไว้ออกมาในทันใด
“ข้าน่ะรึจิตใจต่ำทราม? ข้าเคยบอกไปแล้วว่าพิษที่จวิ๋นอี้โดนหาใช่พิษของข้า”
“เป็นไปไม่ได้!หลังจากที่อี้เอ๋รอ์ถูกวางยาพิษไป มีปิ่นปักผมอันหนึ่งร่วงอยู่บริเวณที่เกิดเหตุ!เมื่อรั่วเอ๋อร์นำมาให้ข้า ก็พึงทราบทันทีว่าเป็นของเจ้า!เพราะวันที่เจ้าถูกลดตำแหน่งและย้ายมาที่จวนของเรา ข้าให้ปิ่นปักผมอันนี้แก่เจ้าเป็นของขวัญแรกพบ!หากมิใช่เจ้าเป็นคนวางยาพิษอี้เอ๋อร์ แล้วมันจะเป็นสุนัขตัวใดอีก!ยังมีอะไรจะแก้ตัวอีกหรือไม่!?”
หลี่หวงอดหัวเราะเสียงดังลั่นออกมามิได้ แค่นี้เองเหรอ? เหตุผลง่อยๆ เพียงเท่านี้เองรึที่ทำให้นางตามตื๊อตัวเองไม่หยุดหย่อน? น่าขันสิ้นดี!ช่างเป็นเรื่องน่าขันที่สุดที่เคยได้ยินมา!
“หยุดพล่ามไร้สาระกันได้แล้ว!จงเอาชีวิตของเจ้ามาเสีย!”
หานชิงยกกระบี่ในมือขึ้นชี้ไปทางหลี่หวงและตะโกนสั่งการออกไปอย่างรวดเร็ว บรรดาชายชุดดำที่เหลือทั้งหมดต่างพุ่งเข้าโจมตีโดยพร้อมเพรียง
หลี่หวงเองก็ไม่มีอะไรจะกล่าวแล้วเช่นกัน ชักคมกระบี่เทพฤทัยออกจากฝัก เอาล่ะ!ได้เวลาทดสอบกระบี่เล่มนี้แล้ว!
“ระบำโลหิต!”
กระบวนท่าแรกของเพลงกระบี่ฤทัยรู้แจ้งถูกปลดปล่อยออกมา ทำให้พื้นที่ทั่วบริเวณโดยรอบแปรเปลี่ยนกลายเป็นสวนบุปผาโปรยปราย ผู้ใดที่โดนกลีบบุปผาเหล่านี้เข้าสัมผัสล้วนต้องถูกฟาดฟันนับหลายสิบคม ก่อนที่ร่างจะถูกแผดเผาจนไม่เหลือซาก
ท่าเท้ากระบวนเคลื่อนไหวของหลี่หวงดูไม่วุ่นวาย อีกทั้งนางยังเร้าดกระตุ้นเพลิงบัวโลหิตออกมาผสานเข้ากับเพลงกระบี่ ก่อเกิดกลายเป็นเพลงกระบี่เพลิงอันสมบูรณ์แบบ ทวีเพิ่มอานุภาพการโจมตีให้รุนแรงยิ่งขึ้น!
กลีบบุปผาร่วงโรยสีแดงเพลิงยามนี้ประดุจเพรชฆาตล้างคมมีดรอสังหาร เพียงเข้าสัมผัสบรรลัยสูญไม่เหลือร่องรอย แต่หากมอภาพฉากดังกล่าวจากภายนอกกลับงดงามแสนวิจิตตายิ่งนัก
หลี่หวงเดินข้ามทะเลเลือดแอ้งใหญ่ เดินตรงไปหาหานชิงที่ยืนแข้งขาสั่นเทาไม่หยุด
ความสามารถที่หานชิงมีหาใช่พลังคาถาของนักอัญเชิญ แต่เป็นพลังปราณที่ควบผนึกกลายเป็นกลีบบุปผาโดยอาศัยเพลงกระบี่
ยิ่งเดินตรงเข้ามาใกล้ ยิ่งทำให้ท่าทางการแสดงออกของหานชิงดูร้อนรน
เมื่อพินิจมองหลี่หวงที่ค่อยๆ ย่างเท้าตรงเข้าหาประดุจมารปีศาจที่กำลังคืบคลานจากส่วนลึกสุดของขุมนรกอเวจี ที่ทั้งดูน่ากลัว สยดสยอง และเขย่าขวัญ หานชิงก็ยิ่งหน้าถอดสีซีดเซียวเข้าไปใหญ่
เสี้ยวอึดใจนั่นเอง นางก็พลันตระหนักได้ว่า จวิ๋นหลี่หวงคนนี้หาใช่เด็กผู้หญิงธรรมดาทั่วไปไม่เลย...
หรือบางทีนางอาจจะสังเกตเห็นในจุดนี้นานแล้ว แต่กลับมองข้ามมันไปโดยไม่ทันรู้ตัว
เด็กผู้หญิงนางนี้ไม่ง่าย และไม่ควรไปตอแยด้วยตั้งแต่แรก!
“ข้าเองมิทราบว่า ตั้งแต่เมื่อใดกันที่เจ้าเกลียดข้าปานนี้”
ขณะย่างเท้าเข้าใกล้ทีละก้าว หลี่หวงพลางเอ่ยปากกล่าวขึ้นอย่างเมินเฉย กลางห้วงอากาศรอบตัวปรากฏกลีบบุปผาสีแดงเพลงโคจรควงหมุนติ๋ว
“เพราะเจ้าวางยาอี้เอ๋อร์...”
หานชิงยังคงพูดประโยคนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับพยายามหาข้ออ้างให้ฟังขึ้น และอีกมุมหนึ่งก็ฟังเหมือนว่าพยายามหาข้ออ้างให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น
“จวบจนบัดนี้ เจ้ายังคิดเช่นนั้นอยู่อีกรึ?”
หลี่หวงแสยะยิ้มเย็นปืทีหนึ่ง วงบุปผาสีแดงเพลิงที่โคจรรอบกายแผ่ระยะกระจายตัวออกกว้างในชั่วพริบตา ประหนึ่งว่าเจ้านายมันรู้สึกอย่างไร มันก็จะแสดงออกมาเป็นแบบนั้น
“หากข้าต้องการฆ่าจวิ๋นอี้จริง คงไม่จำเป็นต้องเสียแรงช่วยแบบนี้กระมัง?”
“จวิ๋นอี้จะเป็นคนสุดท้ายที่ข้าต้องการปลิดชีพ หากข้าต้องล้างบางจวนตระกูลจวิ๋นของเจ้า”
หลี่หวงมองหานชิงที่บัดนี้ยิ่งลนลานมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ภายในใจ ราวกับเพิ่งจะค้นพบความจริงในยามที่สายเกินไปแล้ว
“เป็นไปไม่ได้!หากไม่ใช่เจ้า...แล้ว...แล้วมันผู้ใดกัน...”
หานชิงพลันทรุดตัวลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง เสมือนลูกโป่งพองใหญ่ที่กำลังระบายความโกรธเกรี้ยวทั้งหมดออกมาจนเหี่ยวแห้ง
“หึ เจ้าเหมือนกับลูกชายตัวเองไม่มีผิด หลงระเริงอยู่กับความรักของครอบครัวจอมปลอม”
ในเวลานี้หลี่หวงเก็บคมกระบี่ลงฝักในทันใด สวนบุปผาโปรยปรายสีแดงฉานสลายหายวับไป สภาพแวดล้อมโดยรอบกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
******
ช่วงตอบคำถามรีดเดอร์จ้า
คำถามจากคุณ Chunye
Q : จะผิดไหมถ้าอยากให้หานชิงโดนฮูหยินรองวางยาพิษแล้วรู้ความจริงก่อนตาย คือเป็นที่สุดของทุกอย่าง ทั้งโง่ โลเล หูเบา เจ้าอารมณ์ ปัญญาอ่อน
A : ไม่รู้เหมือนกันนะว่า ฮูหยินใหญ่จะมีจุดจบยังไง แต่ตอนนี้ก็เจ็บใจตัวเองจะแย่แล้ว พี่ตายก็เพราะตัวเอง ตระกูลล้มสลายก็เพราะตัวเอง แถมตอนนี้ก็ไม่เหลือกำลังคนไปสั่งฆ่าสองแม่ลูกคู่นั้นแล้วด้วย เป็นผมคงกัดลิ้นตายแล้วแหละ555
คำถามจากคุณ วาเลนไทน์ น้ะเออ
Q : จริงๆน่าจะอธิบายสักหน่อย มั่วอมพะนำอยํ่ได้ อึดอัดแทน
A : อารมณ์น่าจะแบบว่า แม่ชอบเดินมาด่าตอนที่เราอยู่แต่หน้าจอคอม แล้วโดนด่าว่า วันๆเอาแต่เล่นเกมไม่เรียนหนังสือแหละครับ ทั้งๆที่เราเรียนออนไลน์อยู่!! แบบหมดคำพูดจะอธิบาย เหนื่อยเปล่าแหละครับ
คำถามจากคุณ Sidamao
Q : ถ้าจวิ๋นอี้ตาบอดไม่หายก็แย่แล้วคนชั่วเก่งกว่า ไม่อยากรู้ตอนต่อไปแล้วล่ะ
A : เดาว่าต้องมีวิธีช่วยครับ หรือไม่งั้นตาบอดอาจจะได้่ความสามารถอื่นมาทดแทนที่เทพกว่า
ทางผมมีเพจอยู่นะครับในเฟสบุ๊ค ชื่อเพจ แปลไปเรื่อย <<จิ้มแล้วไปกดติดตามเลยจ้า มีอะไรไปคุยกันในนั้นได้!