ตอนที่ 151 การต่อสู้ที่ด่านหน้า 57 ตอนต้น(อ่านฟรี)
ตอนที่ 151 การต่อสู้ที่ด่านหน้า 57 ตอนต้น
“มนุษย์ไฟที่เข้าร่วมกับทหารของนครแสงเทวามีมากถึงขนาดนี้เชียว” ทิฟอนพึมพำออกมาด้วยความไม่อยากเชื่อสักเท่าไหร่ เพราะถ้ามีมากขนาดนี้ ต่อให้เป็นพวกเขาก็คงยากที่จะจัดการได้ คงไม่แคล้วถูกรุมถึงจนตาย คล้ายดั่งช้างใหญ่ที่โดนมดรุมกัดตาย
และคนพวกนี้ก็คือมดตัวใหญ่ที่มีจำนวนมากพอล้มช้าง ที่จริงแล้วกายยังไม่ได้บอกหัวหน้าหน่วยทิฟอนด้วยว่ามดพวกนี้สามารถเลือนระดับได้เร็วมากถ้าเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ
โดยเฉพาะถ้าพวกเขาเลื่อนไปถึงนักรบฝึกหัดระดับ 3 ก็จะเท่ากับระดับพลทหารของกองทัพนครต่าง ๆ แต่ที่น่ากลัวคือผู้เล่นนั้นไม่กลัวตายและพวกเขาก็มีกลยุทธ์มากมายและศักยภาพเกินกว่าทหารทั่วไป ซึ่งพอถึงตอนนั้นขุมอำนาจ NPC ต่าง ๆ คงนั่งกันไม่ติดอย่างแน่นอน
กายรู้ว่าต่อให้เขาบอกไปในตอนนี้มันก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงอะไรมากนัก นอกจากจะไม่เป็นประโยชน์แล้วอาจจะทำให้ NPC เริ่มกวาดกวาดล้างผู้เล่นอย่างจริงจัง ซึ่งนั้นมันไม่ใช่สิ่งที่กายต้องการ
ตอนนี้เขาต้องการให้ทางนครดาราฟ้าและป้อมปราการตะวันออกใช้ประโยชน์จากผู้เล่นมากกว่า ซึ่งนั้นจะทำให้สมดุลยังคงอยู่ต่อไปอีกสักพัก
จนกว่าเราจะแข็งแกร่งเพียงพอ...กายกล่าวเสริมในใจ
“หัวหน้าเราต้องแจ้งเรื่องนี้ให้เบื้องบนทราบหรือไม่” อูโกถามด้วยความกังวล
“เราจะแจ้งให้ท่านหัวหน้ากองพลเกลทราบ หลังจากนั้นท่านจะตัดสินใจเอง อูโกเจ้านำทหารสองนายคุมมนุษย์ไฟคนนี้กลับไปอย่าให้เขาฆ่าตัวตายได้”
“แล้วหัวหน้าละ”
“ข้าต้องจัดการด่านที่ 57 และ 58 ต่อเพราะอย่างไรเราก็ต้องยึดด่านคืน หลังจากจบเรื่องข้าจะนำคนอื่น ๆ ตามเจ้ากลับไป รีบไปเถอะ” หัวหน้าทิฟอนกล่าว
“ครับหัวหน้า” อูโกทำความเคารพ ก่อนจะหันไปสั่งทหารสองนายให้ไปนำตัวผู้เล่นคนนั้นมา
แต่ในตอนนั้นเองกานยก็กล่าวขัดขึ้น “หัวหน้าหน่วยทิฟอน รองหัวหน้าหน่วยอูโก ท่านช่วยอย่าจับเขาขังลืมได้หรือไม่ พอดีข้าตกลงกับเขาไว้ว่าหลังจากเขายอมคายข้อมูลทุกอย่างพวกท่านจะปล่อยเขาไป”
“นี่มัน... เรื่องนั้นเจ้าไม่มีอำนาจตัดสินใจ ข้าเองก็เช่นกัน แต่ข้าจะกำชับให้คนบอกต่อท่านหัวหน้ากองพลเกลให้ ส่วนจะทำตามคำขอหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับท่านหัวหน้ากองพลแล้ว” หัวหน้าทิฟอนกล่าวด้วยความลังเล
กายยิ้มเจื่อน ๆ พลางถอนหายใจ ดูเหมือนคำพูดเราจะยังไม่มีน้ำหนักพอในการพูดคุยกับพวกเขา
หลังจากนั้นกายก็หยิบถุงเหรียญทองออกมาก่อนจะโยนให้ผู้เล่นคนนั้นและกล่าว “ข้าทำได้แค่นี้ ที่เหลืออยู่ที่โชคของเจ้าแล้ว”
ผู้เล่นรีบยกมือที่ถูกมัดอยู่ขึ้นมาคว้าถุงเงินไว้ในทันที แม้จะไม่เข้าใจคำพูดเมื่อครู่ของกายมากนัก แต่พอได้รับเงินที่กายสัญญาจะให้ก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง
“ข้าไม่ต้องตายฟรีหนึ่งครั้ง แถมยังได้เงินมาอีก ฮ่า ๆ โชคดีเป็นบ้าเลย” ผู้เล่นหัวเราะเสียงดังขณะที่ถูกจับโยนขึ้นหลังม้าและพาตัวไป
กายมองถุงเงินและเริ่มรู้สึกเสียดายขึ้นมาบ้าง แต่ก็ไม่ได้ถึงขนาดว่าจะขาดใจตาย อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าในอนาคตตัวเองจะทำเงินได้มากกว่านี้หลายร้อยเท่า
“ค่อยเป็นค่อยไป” กายพูดกับตัวเองเสียงเบา ๆ
ทหารคนอื่น ๆ มองการกระทำแปลก ๆ ของกายที่จ่ายเงินให้กับมนุษย์ไฟ ทั้งที่ชายคนนั้นกำลังโดนจับเป็นเฉลยอยู่ หลายคนถึงกับรู้สึกแปลก ๆ เช่นว่า เด็กหนุ่มนั้นจ่ายเงินให้มนุษย์ไฟยอมเป็นเฉลย บางพวกก็คิดว่ากายคงรวยมากถึงเอาเงินมาทิ้งเล่นแบบนี้
แน่นอนว่ากายไม่รู้ความคิดของคนเหล่านี้ แต่ตอนนี้พวกเขาไม่มีเวลามาสนใจแล้ว เพราะหัวหน้าหน่วยทิฟอนเตรียมลงมือแล้ว
“ทหารในด่านหน้าที่ 57 มีทหารนครแสงเทวาราว ๆ 40 นาย ทั้งหมดเป็นระดับ 3 มีนักรบแท้จริงอยู่ 1 คน และยังมีพวกมนุษย์ไฟอีก 100 คน ส่วนใหญ่จะอยู่ที่หอระฆังและบริเวณรอบ ๆ ไปแจ้งทีมย่อยที่ 1 และ 2 ให้โจมตีด้านซ้าย ทีมย่อยที่ 3 และ 4 โจมตีด้านขวาแยกพวกมันออกไปจากกัน และพวกทหารนครแสงเทวาคงจะใช้พวกมนุษย์ไฟเป็นทหารเดนตายดังนั้นให้ทีมย่อยที่ 5 เน้นจัดการพวกมนุษย์ไฟให้ได้มากที่สุดแยกพวกมันออกจากทหารนครแสงเทวา ส่งข่าวให้พวกเขา” หัวหน้าทิฟอนสั่งการออกไปอย่างเข้มขรึม
ทหารสามนายควบม้าแยกออกไปส่งข่าวทันทัน หัวหน้าทิฟอนหันกลับมามองคนที่เหลือรวมทั้งกายด้วย ก่อนจะกล่าว “ส่วนที่เหลือร่วมกับข้าจัดการทหารนครแสงเทวา ฆ่าให้ยอมสยบ”
“ฆ่าให้ยอมสยบ” ทหารที่เหลือเกือบ 50 นายต่างตะโกนออกมาพร้อมกัน
“ฆ่าให้ยอมสยบ” กายรีบพูดตามพวกเขา
ก่อนที่ทุกคนจะกระโดดขึ้นหลังม้าและตรงไปยังด่านหน้าที่ 57 ทันที
...
แนวชายป่าทางด้านเหนือของด่านที่ 57 ทีมย่อยที่ 5 ของหน่วยที่ 7 กำลังหลบซ่อนอยู่ตรงบริเวณนี้ มีอาเองก็หลบร่วมอยู่กับเหล่าทหารสิบกว่านายที่นำโดย ดาลันมัส ทุกคนไม่มีใครพูดจาอะไร พวกเขากำลังจดจ่ออยู่กับสถานการณ์ของด่านหน้า 57 หลังจากที่ทหารในหน่วยเดียวกันมาแจ้งพวกเขาถึงเป้าหมายแล้วเมื่อเวลาไม่นานนี้
“เริ่มกันแล้ว” มีอาพึมพำออกมา มือจับดาบเดซี่แนบแน่น สายตาจดจ้องไปยังเบื้องล่าง
หญิงสาวเห็นหน่วยที่ 7 ออกมาจากแนวชายป่าทางตะวันตกของด่าหน้า ก่อนจะพุ่งทยานตามเส้นทางเข้าไปยังซากหมู่บ้าน ซึ่งดูเหมือนเส้นทางที่ใช้จะเป็นถนนเส้นหลักของหมู่บ้านร้างนี้ ทำให้มีพื้นเพียงพอให้ม้าของพวกเขาทำความเร็ว
ทหารม้าหน่วยที่ 7 พุ่งเข้าใส่พวกทหารยามที่พยายามขวางกั้นและส่งสัญญาณเตือนภัย ทหารเหล่านั้นยังไม่ทันที่จะได้จับดาบโจมตีกลับก็โดนหน่วยทหารม้าเกือบ 50 นายถล่มเละ
ถึงทหารที่เฝ้ายามจะตายไป แต่เพราะเสียงการต่อสู้ที่ดังจึงทำให้ทหารของนครดาราฟ้าที่อยู่ด้านในต่างก็รู้ตัวว่าศัตรูบุกมาแล้ว พวกมันพากันกรูออกมาจากทุกทิศทาง
ทำให้ความเร็วของทหารม้าหน่วยที่ 7 ที่นำโดยหัวหน้าทิฟอนเริ่มชะลอตัวลง มีอาหันไปมองดาลันมัส แต่เขาก็ยังคงนิ่งเฉย มีอาจึงไม่มีทางเลือกกลับมามองดุสถานการณ์ตรงหน้าต่อ
ขณะที่ดูเหมือนสถานการณ์ตอนนี้ทิฟอนและคนของตนจะเสียเปรียบ ตอนนั้นเองสองฝั่งของซากหมู่บ้านร้างก็มีกลุ่มทหารลอบจู่โจมใส่ทหารนครแสงเทวาที่ไม่ทันตั้งตัว ทหารที่ลงมือไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นทีมย่อยที่ 1 2 3 และ 4 ของหน่วยที่ 7 ทหารม้าเกราะเบากองพลที่ 1 ที่หัวหน้าทิฟอนวางกำลังไว้ก่อนหน้านั้น
เสียงของทหารที่ล้มตายดังอย่างต่อเนื่อง มันคือสงครามที่ไร้ซึ่งความปรานี มีอามองเห็นอยู่จุดหนึ่งนั้นคือกายที่ต่อสู้ด้วยความดุดัน
“ได้เวลาแล้ว หน้าที่เราคือจัดการป่วนพวกมนุษย์ไปออกจากกันและฆ่าให้ได้มากที่สุด เพื่อเปิดทางให้กองกำลังหลักเข้าสู้กับพวกทหารจริง ๆ ได้โดยไม่มีใครขวาง” ดาลันมัสกล่าวอธิบายก่อนจะควบม้าลงไปจากแนวป่าแห่งนี้ทันที
ทหารคนอื่นรีบตามไปเช่นกัน มีอาชักดาบเดซี่สีขาวบริสุทธิ์ออกมา ก่อนจะควบม้าทะยานตามไปเช่นกัน
...
ด้านของกายหลังจากตามหลังทหารหน่วยที่ 7 มาก็เข้าปะทะกับทหารเฝ้ายาม ก่อนจะสู้กับพวกทหารนครแสงเทวาที่ยึดพื้นแห่งนี้อยู่ แต่ดูเหมือนทางนั้นจะเสียเปรียบเพราะการลอบโจมตีจากกลยุทธ์ที่หัวหน้าหน่วยทิฟอนวางไว้ ทำให้พวกมันต่างเปลี่ยนกลยุทธ์จากออกไปสู้ในพื้นที่โล่งเข้ามาสู้ในซากหักพังแทน
อีกทั้งยังมีเหล่าผู้เล่นนับร้อยที่กรูกันออกมาจากหอระฆังราวกับผึ้งแตกรังจู่โจมใส่ทหารหน่วยที่ 7 อย่างดุเดือด เมื่อมีพื้นที่ไม่พอให้ม้าได้วิ่งทำความเร็ว ทหารหน่วยที่ 7 ทุกคนจึงต้องเปลี่ยนกลยุทธ์มาสู้ระยะประชิดแทน
สถานการณ์กตอนนี้จึงพลิกกลับมาเสมอกันอย่างน่าฉงนใจ
กายเหวี่ยงดาบหักสังหารฟันใส่ผู้เล่นที่คิดจะล้อมเขาตายไปหลายคน ร่างของผู้เล่นลอยเป็นลูกไฟไปหลังจากตาย
ในตอนนั้นกายก็ถูกลอบโจมตีจากพลทหาร นักรบฝึกหัดระดับ 3 จนตัวของกายกระเด็นตกจากหลังเจ้าหมอก ทหารคนนั้นเมื่อเห็นว่ากายยังรอดตายไปได้ จึงไล่ตามมาโดยไม่สนใจม้าที่ไร้คนขี่
“บ้าเอ๊ย” สิ่งที่กายเจออยู่ตอนนี้อันตรายมาก ที่ผ่านมาเขาสู้กับโจรที่อยู่ระดับนักรบฝึกหัด ระดับ 2 ซะเป็นส่วนใหญ่และอาจจะมีระดับ 3 อยู่บ้าง ซึ่งพลังของกายสามารถสยบได้อย่างไม่มีปัญหา
แต่ตอนนี้สถานการณ์ต่างออกไป เมื่อต้องเจอกับศัตรูที่ส่วนใหญ่มีพลังพอ ๆ กับตนเองและยังเป็นทหารที่ชำนาญการต่อสู้อีก
“หึ แค่ระดับ 2 คิดจะเข้าร่วมสงคราม ตายซะ!” ทหารนครแสงเทวาตะโกนอย่างดูถูกก่อนจะกระโดดสูงสามเมตรด้วยพลังกายที่มากกว่าคนปกติ 4 เท่าตัว ดาบยาวของทหารนายนั้นฟันฝ่าอากาศเกือบจะถึงตัวกาย
“ถุย!” กายถุยเลือดในปากออกก่อนจะกลิ้งตัวหลบไปกับพื้นโดยไม่สนว่าจะเลาะเลือดที่ไหลนองอยู่ที่พื้นหรือไม่
ดาบของทหารศัตรูผ่าพื้นถนนหินเก่าทิ้งรอยลึกยาว 2 เมตร เมื่อเห็นว่ากายหลบได้ มันก็รีบดึงดาบออกคิดจะฟันใส่กายที่ยังไม่ทันลุกขึ้นมา
“เวรแล้วไง กลินช่วยเด็กนั้น” หัวหน้าหน่วยทิฟอนเห็นว่ากายกำลังเจอท่า แต่เขาไม่อาจจะออกจากตำแหน่งไปได้จึงสั่งให้ทหารอีกนายไปช่วยแทน
แต่ยังไม่ทันที่กลินซึ่งนำทีมย่อยเข้าโจมตีก่อนหน้าจะไปช่วยกาย กายก็อาศัยพลังของตัวจัดการทหารคนนั้นไปก่อนแล้ว
“เป็นไปได้ยังไง” ทหารคนนั้นกล่าวออกมาด้วยความตกใจ เมื่อโดนดาบหักสังหารฟันเข้าที่กลางลำตัวลึกเข้าไปครั้งหนึ่ง
ซึ่งก่อนหน้านั้นไม่กี่วินาที แม้กายจะโดนไล่บี้ แต่เขาก็ยังนึกถึงในตอนที่ฝึกในสถาบันศาสตร์นักรบได้ดี นั้นคือการจัดการสมดุล
ทหารผู้นี้โจมตีกายโดยไม่ทันระวังตัว กายอาศัยจังหวะที่เร็วกว่าเหวี่ยงค้อนทุบเข้าไปที่ด้านข้าวขาตรงหัวเขา จนข้าของทหารหักผิดรูปและจากนั้นก็ใช้ดาบหักสังหารฟันเข้าไปจุดที่อ่อนแอที่สุดของเพราะคือข้างลำตัวตรงท้อง
“เจ้าตายแล้ว!” กายดึงดาบตวัดออกจากร่างของทหาร เลือดสาดกระเซ็นออกมาตามดาบหักสังหารที่ถูกดึงออกมา ร่างของทหารล้มลงตายลงไปเหมือนเช่นทหารศพอื่น ๆ