ตอนที่แล้ว401 - เก๋อจิ่วโหย่ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป403 - ดินแดนศักดิ์สิทธิ์คฤหาสน์ม่วง

402 - ขุด ขุด ขุด!


กำลังโหลดไฟล์

402 - ขุด ขุด ขุด!

ต้วนเต๋อบอกว่าเขาค้นพบบันทึกโบราณที่ชี้ให้เห็นว่าเก๋อจิ่วโหย่วมาที่นี่ บันทึกโบราณชิ้นนั้นย่อมไม่ใช่อย่างอื่นนอกจากบันทึกสุดท้ายของเก๋อจิ่วโหย่ว

เมื่อหนึ่งหมื่นห้าพันปีก่อน แคว้นเหมยเคยมีตระกูลขุนนางโบราณซึ่งลึกลับมาก พวกเขาเป็นตระกูลที่หลบซ่อนตัวเองออกจากโลกมนุษย์

ว่ากันว่าพวกเขามีเก้าญาณวิเศษลึกลับอยู่ในครอบครอง

บางทีการหายสาบสูญไปจากโลกของพวกเขาอาจเกิดขึ้นเพราะต่อสู้กับเก๋อจิ่วโหย่วก็เป็นได้

ไม่เช่นนั้นบุคคลที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ในสมัยโบราณเช่นเก๋อจิ่วโหย่วจะตายที่นี่ได้อย่างไร

"มีสุสานโบราณมากมายที่อยู่นอกเมืองเหมย หรือเราต้องขุดค้นไปทีละหลุมจริงๆ?" เย่ฟ่านอุทานออกมา

"พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นอยู่แล้ว"

เมื่อพวกเขาออกจากเมืองเหมยพวกเขาเห็นผู้บ่มเพาะหลายคนมาที่นี่

เย่ฟ่านค้นพบ อู๋จงเทียน เจียงฮวยเหริน หลี่เหอซุย หลังจากนั้นเขาก็พบเห็นร่องรอยของราชาเผิงน้อยปีกทอง

“ชายคนนี้ก็อยู่ที่นี่ด้วย เขามาที่นี่เพื่อฆ่าบุตรศักดิ์สิทธิ์และจี้ฮ่าวเยว่หรือไม่?”

เย่ฟ่านรู้ดีว่าเผิงน้อยปีกทองไม่ได้มีเจตนาดีในการมาที่นี่อย่างแน่นอน

ในเขตชานเมืองของเมืองเหมย มีคนมากมายมุ่งหน้าไปที่หลุมฝังศพเหล่านั้น

ต้วนเต๋อเห็นเช่นนั้นก็กล่าวว่า

“พวกเจ้าไม่ต้องตกใจไป ตามบันทึกโบราณกล่าวไว้ว่าเมืองนี้ย้ายสถานที่หลายครั้ง ดังนั้นสุสานประจำเมืองก็ต้องย้ายสถานที่เช่นกัน”

ในเขตชานเมืองอันเงียบสงบของเมืองเหมย ผู้ฝึกตนจำนวนมากเดินทางมาและทุกคนมองหาสุสานโบราณเพื่อค้นหาเก้าญาณวิเศษลึกลับ

ทันทีที่เก้าญาณวิเศษลึกลับปรากฏออกมา ภาคเหนือก็สั่นสะเทือน ไม่ว่าจะเป็นนิกายเล็กหรือนิกายใหญ่ก็เริ่มเคลื่อนไหวแม้แต่ตระกูลขุนนางโบราณก็ยังเริ่มแข่งขันกัน

“กา กา!...”

อีกาเฒ่ากรีดร้อง กลายเป็นบรรยากาศที่วังเวงอย่างยิ่ง

นี่เป็นหลุมศพที่รกร้างว่างเปล่า มีต้นไม้ที่ตายแล้วเพียงไม่กี่ต้นเถาวัลย์โบราณมากมาย และหลุมศพของที่นี่ก็ถูกผู้คนขุดค้นจนแทบจะหมดแล้ว

“มีคนที่นี่มากเกินไป พวกเขาไม่ปล่อยผ่านเลยแม้แต่หลุมเดียว”

จี้จื่อเยว่บ่นอย่างอารมณ์เสีย

แม้ว่าต้วนเต๋อจะบอกว่าสุสานที่เมืองเหมยไม่ได้มีแค่แห่งเดียว แต่หลังจากที่พวกเขาค้นหาสุสานโบราณในบริเวณรอบๆหลายแห่งแต่ทุกที่ก็ถูกค้นจนหมดแล้ว

แม้แต่กระดูกเหี่ยวเฉาของคนตายเหล่านั้นก็ยังถูกหยิบขึ้นมาตรวจค้น

เมื่อเห็นภาพความวุ่นวายที่อยู่ตรงหน้าต้วนเต๋อก็ทอดถอนใจ

“ทั้งหมดเกิดจากระฆังทองแดง ผู้ฝึกตนมากมายของภาคเหนือผู้ใดไม่ต้องการเก้าญาณวิเศษลึกลับ สุดท้ายทุกสิ่งทุกอย่างที่วุ่นวายเช่นนี้ก็เพราะความโลภของผู้คนทั้งนั้น”

"กา" "กา "กา"

ในสุสานโบราณที่รกร้าง มีอีกาหลายตัวกระพือปีกและส่งเสียงร้อง ดูเหมือนพวกมันจะไม่พอใจเป็นอย่างมากที่ถูกผู้ฝึกตนมากมายบุกรุกดินแดนของพวกมัน

“ทุกที่ต่างก็ถูกขุดขึ้นมาหมดแล้วพวกเรามาที่นี่ยังจะมีความหมายอะไรอีก”

จี้จื่อเยว่ไม่พอใจอย่างมาก

"คงต้องทดลองก่อน ไม่แน่ว่าเราอาจจะได้รับบางสิ่งบางอย่างก็ได้” ต้วนเต๋อพูดอย่างไม่ละอาย

แม้ว่าร่างกายของเขาจะบวมมาก แต่ก็มีความยืดหยุ่นสูง เขาเดินด้วยฝีเท้ามั่นคงไปที่สุสานโบราณแห่งหนึ่งซึ่งถูกผู้คนขุดคุ้ยขึ้นมาแล้ว

“นักพรต เจ้าแน่ใจหรือว่าต้องการจะตรวจค้นที่นี่” เหยาซีถามด้วยสีหน้างุนงง

“สิ่งที่ข้าจะขุดไม่ใช่พื้นผิวแต่เป็นสุสานใต้ดินที่อยู่ลึกลงไป เจ้าคิดว่าเมื่อผ่านกาลเวลาอันยาวนานกว่าหมื่นปีสุสานของคนผู้นั้นจะยังอยู่บนดินแบบนี้อีกหรือ” ต้วนเต๋อกล่าว

เย่ฟ่านเข้าใจในเรื่องนี้เป็นอย่างดี การสำรวจฟอสซิลโบราณก็มีหลักการคล้ายๆกัน

เมื่อเวลาผ่านไปสิ่งของที่เคยถูกตั้งอยู่บนดินก็จะถูกชั้นดินทับถมลงไปด้านล่างเรื่อยๆ การจะบอกอายุของวัตถุสิ่งนั้นก็ได้จากการอนุมานชั้นดินที่อยู่รอบๆนั้นเอง

แน่นอนว่างานขุดหลุมฝังศพตรงนี้ย่อมตกเป็นหน้าที่ของเขาที่มีระดับบ่มเพาะต่ำสุด

เย่ฟ่านก็ไม่ได้อิดออด เขาก้มหน้าก้มตาขุดสุสานแห่งนี้ลงไปด้านล่างด้วยความคาดหวังเช่นกัน

น่าเสียดายที่พวกเขาไม่ได้โชคดีนัก แม้ว่าที่ด้านล่างจะมีหลุมศพอยู่จริงๆแต่ก็ไม่ใช่หลุมศพของผู้คนจากตระกูลขุนนางโบราณที่เคยมีชื่อเสียงนั้น

และแน่นอนว่ามันไม่มีญาณวิเศษลึกลับทั้งเก้าอยู่ภายใน

หลังจากที่พวกเขาออกมาจากสุสานโบราณด้านล่างก็เป็นเวลามืดสนิทแล้ว

"บูม!”

ทันใดนั้นท้องฟ้าก็สว่างราวกับมีมหาสงครามเกิดขึ้น

เงาสองสายตัดผ่านท้องฟ้ายามค่ำคืนราวกับดาวหางสองดวงที่ไล่ล่ากัน ความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกตนธรรมดาสามารถเทียบได้

เย่ฟ่านมองดูคนที่กำลังต่อสู้กันบนท้องฟ้าและพึมพำกับตัวเอง

"ผมสีทองและพลังการต่อสู้ที่ไม่มีใครเทียบ นั่นมันราชาเผิงน้อยปีกทองหรือไม่?

ดวงตาของเย่ฟ่านลึกล้ำ คนที่มีคุณสมบัติต่อสู้กับราชาเผิงน้อยปีกทองในรุ่นเดียวกันมีไม่กี่คนเท่านั้น ในเมื่อจี้ฮ่าวเยว่อยู่ที่นี่คนคนนั้นก็ต้องเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงอย่างไม่ต้องสงสัย

ทั้งสองเป็นเหมือนเทพสงครามสองคนที่สัประยุทธ์กันอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะหายตัวไปจากเมืองเหมยอย่างรวดเร็ว

จี้ฮ่าวเยว่ต้องการที่จะไล่ตามพวกเขาไปแต่จี้จื่อเยว่คว้าแขนของเขาไว้ก่อน

"อย่าไป"

นางเป็นห่วงพี่ชายของนาง นางรู้ว่าบุคคลที่กำลังต่อสู้กันนั้นไม่แน่ว่าจะแข็งแกร่งกว่าพี่ชายของนาง แต่พวกเขาคือคนที่สามารถคุกคามจี้ฮ่าวเยว่ได้อย่างแน่นอน

ต้วนเต๋อเห็นเช่นนั้นก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า

“เทพธิดาเหยาไม่กังวลเรื่องบุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงหรือ?”

เหยาซียิ้มและกล่าวว่า

“นักพรตต้วนกำลังถามข้าว่าทำไมข้าถึงไม่ช่วยเขา? ในความเป็นจริงความสัมพันธ์ของพวกเราไม่ได้ดีถึงขนาดนั้น พวกเราต่างก็ต้องการเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ด้วยกันทั้งสิ้น

บางทีหากว่าเขาได้รับความพ่ายแพ้ในการต่อสู้กับคนอื่นก็ไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องร้ายสำหรับข้า อย่างน้อยๆดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงก็จะตั้งความหวังกับข้ามากขึ้น

และหากข้าเดาไม่ผิด การต่อสู้ของพวกเขาก็คงเพื่อแย่งชิงสมบัติวิเศษบางอย่าง ต่อให้ข้าคิดช่วยเหลือ ข้าก็ไม่คิดว่าเขาจะแบ่งปันสมบัติพวกนั้นหลังจากที่ได้มันมาครอบครอง”

"การต่อสู้เพื่อแย่งชิงสมบัติวิเศษ!"

ดวงตาของจี้ฮ่าวเยว่สว่างขึ้นและแสงศักดิ์สิทธิ์บนร่างกายของเขาก็ลุกไหม้อย่างรุนแรง

“เลือดของนักพรตผู้น่าสงสารคนนี้ก็ดูเหมือนจะร้อนรุ่มขึ้นเช่นกัน แต่โชคไม่ดีที่ความสามารถในการต่อสู้ของข้าอยู่ในระดับต่ำเท่านั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะแย่งชิงกับพวกเขา” ต้วนเต๋อส่ายหัว

“นักพรตน้อยทำไมเจ้าถึงไม่พูดอะไรเลย”

จี้จื่อเยว่ที่ให้ความสนใจกับเย่ฟ่านอยู่ตลอดเวลาก็ถามออกมาด้วยความสงสัย

“ความแข็งแกร่งของพวกเขาอยู่ห่างไกลจากข้ามากเกินไป เรื่องนี้ข้าไม่มีสิทธิ์เข้าร่วม” เย่ฟ่านส่ายหัว

หลายวันต่อมา ต้วนเต๋อพาพวกเขาไปขุดสุสานโบราณอีกหลายร้อยแห่งแต่ก็ยังไม่พบอะไรเลย และไม่มีเบาะแสใดๆเกี่ยวกับเก้าญาณวิเศษลึกลับแม้แต่น้อย

ถึงตอนนี้หลายคนก็เข้าใจแล้วว่าทำไมต้วนเต๋อถึงยอมร่วมมือกับพวกเขา การขุดค้นสุสานโบราณหลายร้อยแห่งเช่นนี้อาศัยเพียงตัวเขาคนเดียวนับว่าเป็นเรื่องที่เพ้อฝันจริงๆ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด