401 - เก๋อจิ่วโหย่ว
401 - เก๋อจิ่วโหย่ว
เย่ฟ่านรู้สึกทึ่งเล็กน้อย นักพรตอ้วนคนนี้กล้าได้กล้าเสียจริงๆ แม้แต่หลุมศพของบรรพบุรุษตระกูลจี้ก็ไม่เว้น
“สิ่งที่นักพรตผู้น่าสงสารคนนี้ทำก็เพื่อให้บรรพบุรุษตระกูลจี้มีชีวิตหลังความตายที่สุขสงบ” ต้วนเต๋อพูดด้วยใบหน้าที่ชอบธรรม
“แม่น้ำจี้ดำรงมากว่า 100,000 ปีแล้ว และหลุมศพของบรรพบุรุษตระกูลจี้ที่นักนักพรตผู้น่าสงสารคนนี้มองดูจากภายนอกก็ไม่ใช่บรรพบุรุษตระกูลจี้ของเจ้า
ซากปรักหักพังของหลุมศพนั้นไม่ใช่สมบัติตระกูลจี้พวกเจ้า แม้ว่าคนอื่นจะไม่รู้เรื่องนี้ แต่นักพรตผู้น่าสงสารคนนี้รู้แจ้งฟ้าดิน พวกเจ้าปิดบังข้าไม่ได้" ต้วนเต๋อแค่นเสียงอย่างเย็นชา
หัวใจของเย่ฟ่านตกตะลึง ตระกูลจี้บอกว่าพวกเขาเป็นทายาทของจักรพรรดิแห่งความว่างเปล่าผู้ยิ่งใหญ่ หรือว่าแท้ที่จริงแล้วมีเบื้องหลังลึกลับซ่อนอยู่ในเรื่องนี้?
“ผู้อาวุโสในตระกูลของข้าเห็นเจ้าโจมตีสุสานราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลจี้ เรื่องนี้ไม่มีทางผิดพลาดได้” จี้จื่อเยว่จ้องไปที่นักพรตอ้วนด้วยความโกรธ
“ไม่เป็นความจริง ข้าแค่มองมันอย่างสงสัยและข้าก็ถูกชายชราพวกนั้นไล่ไล่ล่าจนต้องหลบหนีไปสามพันลี้ ความยุติธรรมของเรื่องนี้อยู่ที่ใด”
แม้ว่าจี้จื่อเยว่จะวางแผนที่จะขัดแย้งกับต้วนเต๋อตั้งแต่แรก แต่จี้ฮ่าวเยว่ก็รู้ดีว่านี่เป็นศัตรูที่ไม่สามารถจัดการได้ง่ายๆ ดังนั้นเขาจึงส่งสายตาบอกให้น้องสาวของเขาพอแค่นี้
“นักพรตตัวน้อย เจ้าเป็นสหายของนักพรตอ้วนหรือไม่?” จี้จื่อเยว่เปลี่ยนเป้าหมายไปที่เย่ฟ่านอย่างรวดเร็ว
“เขาต้องการขายข่าวให้ข้า โดยบอกว่ามีข่าวของหนึ่งในเก้าญาณวิเศษลึกลับ” เย่ฟ่านยกไหล่ตอบ
“นักพรตต้วนรู้เบาะแสที่สำคัญ?” เหยาซีถามด้วยรอยยิ้ม
“เรื่องโจรปล้นสุสานดูเหมือนจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันจริงๆ” จี้จื่อเยว่หัวเราะราวกับว่าเรื่องที่พูดเมื่อสักครู่นี้เป็นเพียงเรื่องล้อเล่นเท่านั้น
ต้วนเต๋อมีสีน่าภาคภูมิใจและกล่าวว่า
“นักพรตผู้น่าสงสารคนนี้มีความรู้จำกัด แต่ก็รู้อยู่บ้างเล็กน้อยดังนั้นข้าจึงเดิมพันกับนักพรตตัวน้อยคนนี้”
จี้จื่อเยว่ได้ยินแบบนั้นก็หันมาตักเตือนเย่ฟ่านอย่างจริงใจว่า
"นักพรตน้อย อย่าเดิมพันกับเขา เขาเป็นนักพรตไร้ยางอายที่มีชื่อเสียงย่ำแย่ ในชีวิตของเขาเรื่องที่เชี่ยวชาญที่สุดคือการหลอกลวงผู้คน"
"แม่นางน้อยตระกูลจี้เจ้าอย่าใส่ร้ายข้า นักพรตผู้น่าสงสารคนนี้ซื่อสัตย์และจริงใจเสมอมา"
“เช่นนั้นหรือ!” จี้จื่อเยว่มองเขาอย่างว่างเปล่า จากนั้นจึงหันไปหาเย่ฟ่านและกล่าวว่า
“นักพรตน้อย ข้าจะบอกเรื่องนี้กับเจ้าเองไม่ต้องฟังคำหลอกลวงของเขา”
"นักพรตผู้น่าสงสารคนนี้ขอบคุณคุณหนูจี้มาก" เย่ฟ่านพยักหน้าขอบคุณ
"ในเมืองเหมยมีข่าวเกี่ยวกับเก้าญาณวิเศษลึกลับด้วย และทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นเพราะโจรปล้นสุสาน
ไม่นานมานี้ร้านขายอาวุธโบราณในภาคเหนือได้ซื้อระฆังทองแดงที่ผุพังและพบคำว่าเก้าญาณวิเศษลึกลับบนระฆังทองแดงนั้น
พวกเขาพยายามปิดบังเรื่องนี้และซ่อมแซมระฆังทองแดงอย่างระมัดระวังก่อนที่พวกเขาจะพบอักขระโบราณหลายร้อยตัวที่อยู่ภายใน
พวกเขาสรุปว่านี่คืออาวุธของยอดฝีมือโบราณอย่างไม่ต้องสงสัย มีอักขระมากมายบนระฆังทองแดงที่เลือนหายและบันทึกก็คลุมเครือมาก
เนื้อหาในนั้นมันบันทึกการกระทำบางอย่างของเจ้าของสุสานอย่างคร่าวๆ ประโยคสุดท้ายกล่าวว่ามรดกตระกูลของพวกเขามีหนึ่งในเก้าญาณวิเศษลึกลับ
เมื่อระฆังทองแดงได้ถูกกล่าวถึงมันก็เป็นเหมือนกับคลื่นยักษ์ที่ทำให้จิตใจของผู้คนสั่นสะเทือน เพราะตอนนี้มี "ญาณวิเศษลึกลับทั้งเก้า" เพียงสามหรือสี่ประเภทเท่านั้นที่ผู้คนรู้จัก ในส่วนอื่นๆได้สูญหายไปแล้ว
หากหนึ่งในนั้นปรากฏออกมานิกายน้อยใหญ่จะต้องตื่นตัว นี่เป็นทักษะวิเศษที่ประเมินค่าไม่ได้ ดังนั้นการที่มันจะดึงดูดผู้คนมากมายมาที่นี่ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล”
เย่ฟ่านรู้สึกประหลาดใจ จี้จื่อเยว่พยักหน้าและกล่าวต่อไปว่า
"น่าเสียดายที่เมื่อพบสมบัติวิเศษแล้วโจรขุดสุสานคนนั้นกลับตายอย่างปริศนา"
“มีคนฆ่าเขา?”
“ไม่ ดูเหมือนว่าเขาจะถูกสาป สุสานของผู้ฝึกตนโบราณมักจะมีค่ายกลชั่วร้ายบางอย่างที่ไม่สามารถทำลายได้ง่ายๆ”
ค่ายกล?
“ร้านขายอาวุธโบราณล้มเหลวในการเก็บความลับนี้ ดังนั้นข่าวจึงแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว หลายคนใช้บันทึกที่คลุมเครือของระฆังทองแดงเพื่อเดาตำแหน่งโดยประมาณ และคาดคำนวณว่ามันน่าจะอยู่ในเมืองเหมย”
เย่ฟ่านจ้องที่ต้วนเต๋อด้วยท่าทางเยาะเย้ยและกล่าวว่า
“ข่าวนี้จะถูกเผยแพร่ในไม่ช้าและเจ้าไม่ละอายใจที่ขายให้ข้าเหรอ?”
ใบหน้าของต้วนเต๋อยังคงเรียบเฉยในขณะที่เขากล่าวว่า
“แม้ว่าข่าวนี้ทุกคนจะรู้ในไม่ช้า แต่หากเจ้ารู้ก่อนเจ้าก็มีโอกาสก่อนคนอื่นเช่นกัน”
เก้าญาณวิเศษลึกลับเป็นมรดกชิ้นสำคัญของโลกและดูเหมือนมันจะปรากฏอยู่ที่นี่ เย่ฟ่านตื่นเต้นกับเรื่องนี้มาก
แม้ว่าคนอื่นจะสงสัยการดำรงอยู่ของมัน แต่เขาผู้ซึ่งครอบครองญาณวิเศษลึกลับทั้งเก้าถึงสองชนิดรู้ดีว่าจะต้องมีมูลความจริงอยู่ไม่มากก็น้อย!
"นักพรตต้วน เจ้าได้เดินทางไปทั่วโลกข้าสงสัยว่าเจ้ามีเบาะแสอื่นๆหรือไม่?"
เหยาซีกล่าวด้วยรอยยิ้ม
" ต่อให้เจ้ารู้แล้วจะเป็นอย่างไร สุดท้ายของพวกนี้จะต้องตกเป็นสมบัติของดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน” ต้วนเต๋อกล่าวด้วยสีหน้าเฉยชา
“เรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นหากพวกเราทุกคนร่วมมือกัน ตอนนี้กองกำลังอื่นๆยังไม่ปรากฏตัว พวกเรายังมีโอกาส”
เหยาซียิ้มเหมือนดอกไม้ก่อนจะหันไปทางพี่น้องตระกูลจี้
“พี่ฮ่าวเยว่ คิดอย่างไร”
ราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ในอนาคตของตระกูลจี้ไม่ต้องการร่วมทางกับต้วนเต๋อ แต่เขาก็รู้ว่านักพรตอ้วนคนนี้ลึกลับมากและมีวิธีการพิเศษบางอย่าง มันคงเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อยหากได้ร่วมมือกัน
"ตกลง" จี้ฮ่าวเยว่พยักหน้า
จี้จื่อเยว่ย่นจมูกและพูดว่า
"นักพรตต้วนเจ้ามีข่าวอะไรบ้างและเจ้ารวบรวมเบาะแสอะไรมา?"
“ข้าได้ยินมาว่ามียอดคนคนหนึ่งซึ่งครอบครองมรดกโบราณได้ปรากฏตัวที่นี่เมื่อหลายปีมาแล้ว ข้าได้ติดตามเส้นทางการเดินทางของเขาทำให้พอจะรู้ตำแหน่งคร่าวๆของมรดก”
“เจ้ารู้จริงๆ?” จี้จื่อเยว่ไม่เชื่อ
"เจ้าจะไม่เชื่อก็ได้ ข้าไม่คิดจะบังคับจิตใจใคร"
ต้วนเต๋อมีสีหน้าเรียบเฉยและกล่าวต่อไปว่า
"จากบันทึกโบราณกล่าวไว้ว่าดินแดนแถบนี้มีเก้าญาณวิเศษลึกลับอย่างแน่นอน น่าเสียดายที่ยอดคนผู้นั้นหายไปและมีโอกาสมากที่จะถูกฝังอยู่ในพื้นดิน"
"มันไม่มีคำพูดใดเลยที่กล่าวว่าชายคนนั้นครอบครองเก้าญาณวิเศษลึกลับ เจ้ารู้อะไรเกี่ยวกับเบาะแสของเขา" เย่ฟ่านถาม
"เขาทิ้งเบาะแสอันมีค่าไว้” ต้วนเต๋อตอบ
“เขาเป็นใครกันแน่เจ้าช่วยพูดออกมาชัดๆได้ไหม” จี้จื่อเยว่เริ่มไม่พอใจท่าทีลึกลับของต้วนเต๋อ
“เขาคือเก๋อจิ่วโหย่ว ยอดคนเมื่อหลายพันปีก่อน”
“อะไรนะ!”
“เก๋อจิ่วโหย่วแห่งแคว้นภาคกลาง...”
ทุกคนแปลกใจ บุคคลผู้นี้มีชื่อเสียงโด่งดังมาก เมื่อแปดพันปีที่แล้วเก๋อจิ่วโหย่วแห่งแคว้นภาคกลางมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วดินแดนรกร้างตะวันออก ว่ากันว่าเขาคือหนึ่งในจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่สมัยโบราณ
"เขามาที่ดินแดนรกร้างตะวันออกของเราในช่วงท้ายของชีวิต ข้าคิดว่าเขาอาจจะตายอยู่ในเมืองเหมยก็ได้" ต้วนเต๋อกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
หลังจากนั้นสายตาของทุกคนก็เริ่มแปลกๆ ต้วนเต๋อรู้สึกขนลุกเล็กน้อยแล้วพูดว่า
"ทำไมพวกเจ้าถึงมองข้าแบบนี้?"
“นักพรตต้วนเจ้าได้ขุดหลุมฝังศพของเขาหรือไม่”
“พวกเจ้ามองข้าในแง่ร้ายเกินไปแล้ว นักพรตที่น่าสงสารคนนี้เป็นคนแบบนั้นหรือ ข้าจะขุดหลุมฝังศพโดยไม่มีเหตุผลได้อย่างไร”
“เพื่อเก้าญาณวิเศษลึกลับ”
จี้ฮ่าวเยว่กล่าวอย่างเคร่งขรึม