400 - นักพรตผู้เต็มไปด้วยศีลธรรม
400 - นักพรตผู้เต็มไปด้วยศีลธรรม
ตอนนี้เย่ฟ่านมีต้นกำเนิดในมือเพียงห้าพันจิน และต้องใช้หมื่นจินในการทะลวงเข้าไปในตำหนักพรตขั้นสาม
ต้นกำเนิดคือสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุด เขาได้ศึกษาคัมภีร์ต้นกำเนิดสวรรค์อย่างละเอียดถี่ถ้วน เมื่อเขาเชี่ยวชาญแล้วเขาจะเข้าสู่เมืองศักดิ์สิทธิ์ในครั้งต่อไป
“การบ่มเพาะคือปัญหาใหญ่…,''
เมื่อใดก็ตามที่เขาคิดถึงความต้องการต้นกำเนิดจำนานมากที่ต้องใช้ เขาจะรู้สึกปวดหัวทันที
ซากศพของปราชญ์โบราณคนนั้นก็ฝึกฝนมาตลอดทั้งชีวิตแต่ก็ไม่สามารถออกจากอาณาจักรตำหนักเต๋าได้ เรื่องนี้เป็นข้อพิสูจน์ที่ดีที่สุด
เดิมทีการทะลวงออกจากอาณาจักรตำหนักเต๋าไม่ใช่สิ่งที่เย่ฟ่านกังวลแม้สักนิด แต่หลังจากที่พบซากศพร่างศักดิ์สิทธิ์โบราณเขาก็ได้เปลี่ยนมุมมองใหม่อีกครั้ง
เขาคิดว่าสิ่งที่ควรทำอย่างเร่งด่วนคือทะลวงเข้าสู่อาณาจักรลึกลับที่สี่ให้เร็วที่สุด เมื่อถึงเวลานั้นเขาถึงจะกล่าวได้เต็มปากว่ามีความสามารถในการปกป้องชีวิตของตัวเอง
“อย่างน้อยตอนนี้ก็ควรเข้าสู่อาณาจักรเต๋าชั้นสามก่อน”
เย่ฟ่านเลือกที่จะเลือกเข้าสู่ร้านพนันที่เปิดโดยดินแดนศักสิทธิ์แสงโชติช่วงซึ่งเป็นลานพนันหินที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดของเมืองนี้
มีผู้คนมากมายอยู่ในลานหินแต่เนื่องจากสถานที่แห่งนี้มีขนาดใหญ่ผู้คนจึงไม่พลุกพล่านมากนัก
เย่ฟ่านเลือกซื้อหินต้นกำเนิดมามากมาย หลังจากที่ผ่าเปิดอย่างต่อเนื่องเขาก็ได้รับต้นกำเนิดมากถึง 500 จิน และในที่สุดก็กระตุ้นให้ผู้คนเกิดความสนใจในตัวเขา
นี่คือสถานประกอบการที่เป็นสมบัติของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วง แม้ว่าที่นี่จะดำเนินการอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม แต่ก็ใช่ว่าจะให้ผู้ใดมาอาละวาดตามใจชอบได้
อย่างน้อยยอดฝีมือทางด้านค้นหาต้นกำเนิดก็ไม่ควรทำอย่างโจ่งแจ้งแบบเย่ฟ่าน เพราะไม่มีใครสามารถรับประกันได้ว่าหากออกจากลานพนันหินไปแล้วความปลอดภัยของพวกเขาจะเป็นเช่นไร
เย่ฟ่านเป็นศัตรูกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงอยู่แล้วดังนั้นเขาจึงไม่สนใจที่จะไว้หน้าลานพนันหินนี้และยังคงค้นหาศิลาต้นกำเนิดต่อไป
เย่ฟ่านแทบจะกวาดล้างหินที่มีต้นกำเนิดทั้งหมดในลานพนันที่อยู่ด้านนอก หลังจากที่รวบรวมต้นกำเนิดได้มากมายเขาก็เดินไปที่ลานพนันแห่งอื่น
“ตามปกติแล้วพวกเขาไม่ควรให้ข้าอาละวาดตามใจชอบเช่นนี้ นี่มันผิดปกติมากเกินไป?”
เย่ฟ่านรู้สึกสงสัยเล็กน้อย แต่สุดท้ายในเมื่อไม่มีคนมาขัดขวางมันย่อมเป็นผลดีสำหรับเขาและเขาได้เลือกหินต้นกำเนิดอีกหลายสิบชิ้น
จากนั้นดวงตาของเขาก็สว่างขึ้น เขาเห็นหินสีดำสนิทราวกับหยกทมิฬสุดล้ำค่า เย่ฟ่านค่อนข้างมั่นใจว่าข้างในหินก้อนนี้จะต้องมีต้นกำเนิดอยู่แน่ๆ
แต่ก่อนที่เขาจะจับหินก้อนนั้นกลับมีใครบางคนยื่นมืออ้วนๆออกมาคว้ามันอย่างรวดเร็ว
“หินนั่นเป็นของข้า!” เย่ฟ่านโกรธเล็กน้อย
ผู้ชายคนนี้มีอายุประมาณสามสิบ พุงย้วย ดูอ้วน มีใบหน้าแดงก่ำ สวมเสื้อคลุมนักพรตพร้อมกับเหล่ตามองเย่ฟ่านด้วยรอยยิ้ม
หลังจากที่มองเห็นใบหน้าของฝ่ายตรงข้ามเย่ฟ่านก็ตกอยู่ในความงุนงง ต้วนเต๋อ เขามาถึงที่นี่ได้อย่างไร!
เย่ฟ่านไม่คาดหวังว่าพวกเขาจะพบกันที่นี่และเขาก็เริ่มมั่นใจมากขึ้นว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นที่เมืองนี้อย่างแน่นอน มิฉะนั้นยอดฝีมือรุ่นเยาว์มากมายคงไม่ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน
“ของเจ้า?”
เย่ฟ่านกัดฟันและรำลึกถึงอดีต เขาต้องการประทับพื้นรองเท้าของตัวเองลงบนใบหน้าที่อ้วนท้วนนี้
"มันอยู่ในมือข้าก่อน" ต้วนเต๋อยิ้มและตอบด้วยท่าทางที่ยียวนกวนอารมณ์
แม้ว่าเย่ฟ่านต้องการจะเตะเขาสักสองสามที แต่ก็ต้องกลั้นไว้ เจ้าอ้วนนี่ผิดปกติเกินไป
ครั้งหนึ่งต้วนเต๋อเคยขุดหลุมฝังศพบรรพบุรุษของโจรผู้ยิ่งใหญ่ลำดับห้าและยังสามารถหนีรอดได้อย่างปลอดภัย จากนั้นเขาก็ข้ามไปซ่อนตัวที่ภาคใต้อยู่หลายปี
ก่อนหน้านี้เย่ฟ่านเห็นกับตาว่านักพรตอ้วนคนนี้เข้าไปในหลุมฝังศพหยินของจักรพรรดิอสูรผู้ยิ่งใหญ่ร่วมกับยอดฝีมืออาวุโสมากมาย
ยอดฝีมืออาวุโสพวกนั้นถูกฆ่าตายจนหมดสิ้นแต่เขาก็ดูเหมือนจะไม่ได้รับอันตรายใดๆเลย นั่นก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ความแข็งแกร่งของเขาแล้ว
ตอนนี้เขาข้ามมิติกลับมาที่ภาคเหนืออีกครั้ง เมื่อมองดูรูปร่างหน้าตาที่เปล่งปลั่งและร่างกายที่ดูเหมือนจะอ้วนท้วนมากขึ้น เย่ฟ่านก็มั่นใจว่าเจ้านักพรตที่ไร้ยางอายคนนี้จะต้องผ่านวันเวลาหลายปีนี้ด้วยความสุขอย่างแน่นอน
“น้องชายตัวน้อย เจ้าบอกว่าหินนี่เป็นของเจ้า เจ้าพึ่งมาที่นี่ครั้งแรกหรือ หากยังไม่รู้ที่ทางก็ถามพี่ชายคนนี้ได้เสมอ เจ้าจะถือว่าพวกเราเป็นสหายกันก็ได้” ต้วนเต๋อพูดด้วยรอยยิ้ม
เย่ฟ่านรู้สึกคุ้มคลั่งเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดนี้
"อืม ข้าเป็นสหายกับเจ้าแล้วดังนั้นเจ้าควรจะมอบหินก้อนนั้นคืนมาให้ข้า"
เย่ฟ่านกัดฟันพูดด้วยสายตาดุดัน
“หินก้อนนี้ไม่ได้มีค่าอะไร เจ้ากล้าพนันกับข้าหรือไม่ หากข้าแพ้ถ้าจะบอกข่าวที่สำคัญบางอย่างให้เจ้าฟัง แต่ถ้าเจ้าแพ้เจ้าจะต้องมอบต้นกำเนิดหมื่นจินให้ข้า” ต้วนเต๋อกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าอ้วน ข้าไม่เคยเห็นคนที่โลภมากเช่นเจ้ามาก่อน ในชีวิตเจ้าเคยเห็นต้นกำเนิดหมื่นจินมาก่อนหรือไม่”
เย่ฟ่านพยายามกลั้นตัวเองอย่างเต็มที่ นักพรตผู้นี้ไร้ศีลธรรมมากเกินไปจริงๆ
“พวกเรานักพรตไม่พูดปด” ต้วนเต๋อพูดด้วยท่าทางเคร่งขรึม “เจ้าก็เห็นแล้วว่ามีผู้ฝึกตนมากมายมารวมกันอยู่ที่เมืองนี้ หากไม่มีสมบัติวิเศษพวกเขาจะมาหรือ”
"มันคืออะไร?" เย่ฟ่านถาม
“หนึ่งในเก้าญาณวิเศษลึกลับ มีโอกาสมากที่จะพบที่นี่ ข้ารู้เบาะแสสำคัญเกี่ยวกับความลับนี้” นักพรตไร้ศีลธรรมพูดจบก็มองเย่ฟ่านด้วยรอยยิ้มและกล่าวว่า
“เจ้าเป็นนักพรตปลอมหรือเปล่า ?”
หัวใจของเย่ฟ่านตกตะลึง เขาไม่เชื่อว่าเจ้าอ้วนจะให้เบาะแสที่แท้จริงกับเขา แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะมีหนึ่งในเก้าญาณวิเศษลึกลับอยู่ที่นี่จริงๆ
ไม่เช่นนั้นทำไมจี้ฮ่าวเยว่ จี้จื่อเยว่ อู๋จงเทียน เหยาซีและต้วนเต๋อถึงปรากฏตัวพร้อมกัน บางทีคนอื่นๆก็อาจจะมาถึงแล้ว
"ไม่คิดว่าเจ้าจะอยู่ที่นี่ด้วย"
ในขณะนี้เหยาซีก็ปรากฏตัวขึ้นและเดินเข้าหาพวกเขาด้วยรอยยิ้มสดใส
“นักพรตต้วน?!”
นี่คือลานหินของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงเป็นเรื่องปกติที่นางจะมาที่นี่
“ยินดีที่ได้พบท่านหญิง”
“พี่สาวเหยาซี…”
ในขณะนั้นเสียงของหญิงสาวก็ดังขึ้นในลานชั้นแรก จี้จื่อเยว่ในชุดสีม่วงเดินขึ้นมาและร่างศักดิ์สิทธิ์จี้ฮ่าวเยว่ก็เดินตามหลังนางมาติดๆ
จี้จื่อเยว่เคลื่อนไหวเหมือนเมฆสีม่วง ผมของนางยาวถึงเอวและผิวของนางขาวราวหิมะ รอยยิ้มน่ารักอ่อนโยน ดวงตาโตหรี่ลงเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว ลักยิ้มเล็กๆของนางเต็มไปด้วยความขี้เล่น
"น้องสาวจื่อเยว่... "
เหยาซียิ้มอย่างน่าประทับใจ ร่างกายของนางเหมือนหยกศักดิ์สิทธิ์ เหยาซีทักทายและจับมือของจี้จื่อเยว่
“พี่สาวเหยาซี เราไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” จี้จื่อเยว่ยิ้มอ่อนหวาน
จี้ฮ่าวเยว่ก็พยักหน้าทักทายและพูดว่า
“บังเอิญจริงเทพธิดาเหยาก็มาที่เมืองเหมยด้วย”
“ข้าเพิ่งมาที่นี่ แต่พี่ฮ่าวเยว่ก็มาร่วมสนุกด้วยเหรอ?” ดวงตาของเหยาซีขยับ ในฐานะสตรีศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงแน่นอนว่าพวกเขาย่อมเกิดความรู้สึกต้องการแข่งขันกันอยู่บ้าง
“การมาถึงของเจ้ามันจะทำให้หลายคนประหม่า ทันทีที่ร่างศักดิ์สิทธิ์ปรากฏตัว ขุมพลังจำนวนมากต้องล่าถอย” เหยาซีกล่าวทีเล่นทีจริง
จี้ฮ่าวเยว่ส่ายหัวและพูดว่า "ทุกอย่างขึ้นอยู่กับโอกาส ทุกคนสามารถใฝ่ฝันถึงสมบัติล้ำค่าได้ แต่ข้ากลัวว่าคนส่วนใหญ่จะผิดหวังและข้าก็ไม่คาดหวังมากนัก"
"นี่คือ ... "
เมื่อเห็นเย่ฟ่านอีกครั้งจี้จื่อเยว่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย นางมักจะคิดว่านักพรตตัวน้อยคนนี้มีความพิเศษบางอย่าง แต่นางไม่สามารถบอกได้ว่ามันคืออะไร
เหยาซียิ้มและกล่าวว่า
“นี่คือนักพรตต้วน แต่นักพรตเต๋าตัวน้อยคนนี้ไม่รู้จักใครเลย เขาเพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก?”
ต้วนเต๋อเหล่มองเย่ฟ่านและกล่าวว่า
“พวกเราเป็นศิษย์สำนักเดียวกัน”
“ต้วนเต๋อ เจ้าคือนักพรตอ้วนต้วนเต๋อใช่หรือไม่?” จี้จื่อเยว่คำรามด้วยความโกรธ
“นักพรตผู้น่าสงสารคนนี้คือต้วนเต๋อ รู้จักกันในนามนักพรตผู้เต็มไปด้วยศีลธรรม”
เหยาซีหัวเราะเบาๆ ใบหน้าสวยของนางเปล่งประกายและกล่าวว่า
"ไม่ว่าเขาจะชื่ออะไร เขาก็คือคนที่เจ้าต้องการหาตัวนั่นแหละ"
“เป็นเจ้า!” จี้จื่อเยว่จ้องมองด้วยความโกรธ "ต้วนเต๋อเจ้ากล้าขุดสุสานบรรพบุรุษตระกูลจี้ ใครมอบความกล้าให้เจ้า!"