ตอนที่แล้ว398 - เรือรบแดงม่วง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป400 - นักพรตผู้เต็มไปด้วยศีลธรรม

399 - คนคุ้นเคยมากมาย


กำลังโหลดไฟล์

399 - คนคุ้นเคยมากมาย

หงส์ขาว ปีกทอง ไผ่ขม ต่างก็มีใบหน้าบิดเบี้ยวเมื่อความเร็วของเย่ฟ่านเพิ่มขึ้น พวกเขาส่งเสียงร้องเตรียมที่จะระเบิดพลังศักดิ์สิทธิ์ออกมาเพื่อจัดการเย่ฟ่าน

แต่เย่ฟ่านนั้นไวกว่ามาก เขาหลีกเลี่ยงการโจมตีทั้งหมดและเตาเทพอัคคีของเขาปลดปล่อยเปลวไฟสีดำขนาดมหึมาออกมา เผาผลาญผู้คนบนเรือที่อยู่ตรงกลางจนทำให้ผู้คนจำนวนมากไม่สามารถหลบหนีได้ทัน

เนื่องจากอุณหภูมิของเปลวไฟนั้นมีความร้อนสูงมากอาวุธศักดิ์สิทธิ์จึงไม่สามารถต้านทานได้ จนถึงตอนนี้มีเพียงทักษะจักรพรรดิอสูรเก้าบาดแผลเท่านั้นที่สามารถรับมือกับมันได้

"บูม"

เรือรบสีแดงม่วงที่อยู่ตรงกลางพังลงทันใด อาวุธศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่ถูกโจมตีอย่างรุนแรง และการระเบิดของพลังนั้นทำให้หัวใจของผู้คนตื่นตระหนกร่างกายสั่นสะท้าน

"บูม" "บูม"

เรืออีกสองลำที่ขนานกับเรือรบลำนี้ได้รับผลกระทบอย่างหนักแม้ว่าพวกมันจะไม่ระเบิด แต่พวกมันก็ถูกพลังกระแทกทำให้เกิดรูขนาดใหญ่มากมาย

เรือรบแดงม่วงสองลำเกือบจะแตกออกและตกลงจากท้องฟ้า เห็นได้ชัดว่าไม่สามารถลอยขึ้นได้อีก

เย่ฟ่านไม่ได้คาดหวังว่าการโจมตีของเขาจะทำให้เกิดผลที่น่ากลัวเช่นนี้ มันคือความเสี่ยงทั้งหมดที่เขาจำใจต้องทำ และโชคดีที่สามารถทำลายเรือรบแดงม่วงได้สำเร็จ

ที่สำคัญที่สุดคือผู้ฝึกตนเผ่าพันธุ์อสูรเกือบหกสิบเจ็ดสิบคนบนเรือรบตรงกลางไม่มีแม้แต่คนเดียวที่สามารถรอดชีวิตได้ มีเพียงหงส์ขาวเท่านั้นที่กระโดดออกจากเรือได้ทัน

แต่ถึงจะอย่างนั้นเขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลถูกไฟไหม้ และมันต้องใช้เวลาอีกนานพอสมควรกว่าที่เขาจะฟื้นตัวได้สำเร็จ

ผู้ฝึกตนบนเรือรบอีกสองลำก็ได้รับบาดเจ็บบางส่วนเช่นกัน ในหมู่พวกเขาแขนข้างหนึ่งของไผ่ขมถูกกระแทกจนแหลกละเอียดกลายเป็นเนื้อบด

ในบรรดายอดฝีมือทั้งสาม มีเพียงปีกทองเท่านั้นที่ไม่ได้รับบาดเจ็บและนำผู้ฝึกตนที่เหลืออีก 90 คนออกไล่ล่าเย่ฟ่านต่อไป

หงส์ขาวที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยไหม้เขาตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า

"ล้อมมันไว้อย่าให้มันหนีไปได้!"

ใบหน้าของไผ่ขมเปลี่ยนเป็นสีเขียวมืดดำ ก่อนหน้านี้เขายังพูดว่าร่างศักดิ์สิทธิ์โบราณของเย่ฟ่านนั้นสามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย แต่สุดท้ายกลับเป็นตัวเขาที่ต้องสูญเสียแขนไปข้างหนึ่ง

เรือรบล้ำค่าสามลำถูกทำลาย และผู้ฝึกตนเผ่าพันธุ์อสูรเหล่านี้ล้วนโกรธแค้น

เย่ฟ่านบุกทะลวงผ่านผู้ฝึกตนอสูรเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว เขาไม่ต้องการที่จะหยุดและยังคงเค้นพลังต่อสู้อย่างหนักเพราะเปลวไฟสีดำในเตาเทพอัคคีเริ่มจะแห้งไปแล้ว

“ฮ่าฮ่าฮ่า…เจ้าต้องการจะฆ่าข้า หากเจ้ามีความสามารถก็เข้ามาอีก” เย่ฟ่านคำรามด้วยเสียงหัวเราะ

ยอดฝีมือสามคนนำผู้คนจำนวนมากออกตามล่า แต่เนื่องจากอาการบาดเจ็บที่ค่อนข้างสาหัสทำให้พวกเขายากที่จะติดตามเย่ฟ่านได้ทันในเวลาอันรวดเร็ว

หงส์ขาว ปีกทอง และไผ่ขม ไล่ตามด้วยสีหน้าซีดเผือด แต่เย่ฟ่านเร็วเกินไปที่จะตามทันโดยไม่มีเรือรบ

“เย่ฟ่าน เจ้ากล้าที่จะต่อสู้กับพวกเราหรือไม่?”

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าคำพูดพวกเจ้านั้นไร้ยางอายมากแค่ไหน”!

คำพูดของเย่ฟ่านเต็มไปด้วยการเย้ยหยัน ทั้งสามคนโกรธจนอยากจะฉีกเย่ฟ่านออกเป็นชิ้นๆ แต่น่าเสียดายที่พวกเขาหมดสิทธิ์ที่จะไล่ตามทันแล้ว

ในแคว้นหมอกนี้เต็มไปด้วยอันตรายนานัปการ หากพวกเขาออกห่างจากดินแดนของราชามังกรเขียวมากเกินไป พวกเขาอาจจะถูกผู้ฝึกตนเผ่าพันธุ์มนุษย์โจมตีสังหารได้ตลอดเวลา

“ขอบคุณสามอัจฉริยะที่มาส่งข้าหลายพันลี้ ข้าต้องกล่าวคำอำลาในท้ายที่สุด เราจะพบกันใหม่ในอีกไม่นานจำไว้ว่าการพบกันครั้งต่อไปของพวกเราจะเป็นการพบกันครั้งสุดท้ายแล้ว เรื่องนี้ข้าขอสาบาน” เย่ฟ่านแค่นเสียงอย่างเย็นชา

ปีกทองและไผ่ขมใบหน้าดูมืดมนอย่างถึงที่สุด พวกเขาทำได้เพียงมองเย่ฟ่านหายตัวไปเท่านั้น

……………….

หกวันต่อมาเย่ฟ่านมาถึงอาณาเขตของแคว้นเหมย เมืองนี้มีทิวทัศน์งดงามตามชื่อของมันแตกต่างจากที่รกร้างของแคว้นอื่นๆของภาคเหนือ

แคว้นเหมยอยู่ไม่ไกลจากเมืองศักดิ์สิทธิ์ในภาคเหนือมากนัก หากเดินทางด้วยความเร็วสูงสุดจะไปถึงได้ภายในครึ่งเดือน

พื้นที่สีเขียวนี้กินพื้นที่ได้ห้าถึงหกพันลี้ ใจกลางเมืองเรียกว่าเมืองเหมยลี่ซึ่งมีความสวยงามมาก ว่ากันว่านี่คือเมืองที่สวยงามมากที่สุดของภาคเหนือ

ไม่นานหลังจากที่เย่ฟ่านเข้าสู่แคว้นเหมยหัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะเพราะเขาเห็นเงาที่คุ้นเคย

ข้างหน้ามีหญิงสาวชุดม่วงอยู่บนถนนสายเก่าแก่ นางอายุราวๆสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี มีคิ้วที่โค้งมน ดวงตาของนางกลมโตและสดใสอย่างยิ่ง

“จื่อเยว่….”

เย่ฟ่านยืนห่างออกไปและทำได้เพียงส่งเสียงในใจเท่านั้น เพราะตอนนี้เขายังเห็นจี้ฮ่าวเยว่ ร่างศักดิ์สิทธิ์รกร้างตะวันออกที่มีชื่อเสียง หนึ่งในบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดในรุ่นเดียวกันกับเขา

ความคับข้องใจของเขากับตระกูลจี้นั้นลึกซึ้งเกินไป ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลจี้ถูกเขาสังหารทิ้งในภาคใต้ และเมื่อไม่นานมานี้อัจฉริยะหลายคนของตระกูลจี้ก็ถูกเขาฆ่าทิ้งในแคว้นซ่ง

เรื่องนี้ทำให้เย่ฟ่านค่อนข้างลำบากใจ ถ้าจี้จื่อเยว่รู้เรื่องนี้นางอาจจะคิดว่าเขากลายเป็นคนโหดเหี้ยมไปแล้ว

หลังจากนั้นใบหน้าของเย่ฟ่านก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย รูปร่างหน้าตาและกลิ่นอายของเขาไม่เหมือนเดิมแต่กลิ่นอายของเขายังคงมีความศักดิ์สิทธิ์คล้ายกับผู้บำเพ็ญพรตระดับสูง

"พวกเขามาทำอะไรอยู่ในแคว้นเหมย"

เขารู้ว่าทั้งสองมาที่ภาคเหนือเพื่อร่วมงานทะเลสาบหยก แต่เขาไม่เข้าใจว่าทั้งสองหยุดอยู่ที่เมืองนี้ด้วยเหตุผลอะไร

ในตอนนี้เย่ฟ่านเปลี่ยนแปลงรูปร่างหน้าตาของเขาและกลับมาเป็นนักพรตตัวน้อยอีกครั้ง แน่นอนว่าใบหน้าของเขาแตกต่างจากนักพรตก่อนหน้านี้

"ตอนนี้ฐานการบ่มเพาะของข้าก้าวหน้าไปมาก ข้าไม่รู้ว่าตัวเองแข็งแกร่งขึ้นกี่เท่า แต่ข้าควรจะสามารถควบคุมร่างกายของข้าได้ดีขึ้น”

บางทีร่างกายของเขาอาจจะไม่ทำปฏิกิริยากับร่างศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นเย่ฟ่านจึงอยากลอง

เพราะเขากำลังจะเข้าร่วมงานทะเลสาบหยก เขาจะได้พบกับจื่อเยว่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้และอาจจะได้พบกับร่างศักดิ์สิทธิ์ของตระกูลจี้รวมทั้งคนอื่นๆ

เย่ฟ่านปิดบังขั้นพลังและกลบกลิ่นอายของเขา ทำให้ตัวเองเหมือนคนธรรมดาแล้วเดินไปข้างหน้าตามถนนเก่าแก่

เขาเดินเข้าใกล้จี้ฮ่าวเยว่ราวกับไม่มีเจตนาอะไร และเป็นอย่างที่เขาคาดคำนวณ จี้ฮ่าวเยว่ไม่ได้สัมผัสถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นจากร่างศักดิ์สิทธิ์มาอยู่ใกล้กัน

ผู้คนที่เดินไปมาบนถนนหลั่งไหลราวกับสายน้ำไหลไม่หยุด ดูเป็นเมืองที่คนพลุกพล่านเจริญรุ่งเรืองมาก และเย่ฟ่านก็เดินผ่านพวกเขาไปอย่างแผ่วเบา

ในระหว่างนี้เย่ฟ่านรู้สึกว่าจี้ฮ่าวเยว่นั้นน่ากลัวยิ่งขึ้นไปอีกแล้ว และร่างศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถวัดพลังได้ แต่กลิ่นอายแห่งความทรงพลังของเขานั้นแม้แต่เย่ฟ่านที่อยู่ในระยะไกลยังสัมผัสได้อย่างชัดเจน

และในขณะเดียวกัน "จี้จื่อเยว่" ก็ดูเหมือนจะงดงามขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน และเมื่อนางยิ้ม ลักยิ้มเล็กๆของนางก็ปรากฏขึ้น ทำให้จิตใจของเย่ฟ่านหวั่นไหวอยู่เล็กน้อย

"จื่อเยว่เจ้ามองอะไรอยู่” จี้ฮ่าวเยว่ถาม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเอ็นดูและเอาใจใส่

"นักพรตตัวน้อยที่ข้าเห็นเมื่อสักครู่นี้ข้ารู้สึกคุ้นหน้าเขาเล็กน้อย ...''

“ที่แท้ก็นักพรตน้อยนั่นเอง”

จี้ฮ่าวเยว่ส่ายหัว เขามีความรู้สึกว่านักพรตคนเมื่อสักครู่นี้มีความคล้ายคลึงกับเย่ฟ่านอยู่เล็กน้อย แต่หากคนคนนั้นเป็นเย่ฟ่านร่างกายของเขาจะต้องมีปฏิกิริยาบางอย่าง

เย่ฟ่านเดินออกไปโดยไม่หยุด และเดินไปตามถนนสายเก่าแก่

เมืองเหมยเป็นเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาก แม้ว่าจะมีรถม้าวิ่งอยู่ตลอดเส้นทางแต่ทัศนียภาพของเมืองก็ยังมีความงดงามสะดุดตา

ทันใดนั้น "หัวใจของเย่ฟ่านเต้นแรง เขาเห็นคนรู้จักอีกคน

อู๋จงเทียน!

ชายร่างสูงใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครางดงาม เขาเป็นหลานชายของจอมโจรผู้ยิ่งใหญ่คนที่ห้า และเป็นพี่น้องกับตู้เฟย หลี่เหอซุย เจียงฮวยเหริน และหลิวเกา

“เขามาที่นี่ทำไม หรือว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในเมือง?” หัวใจของเย่ฟ่านเต้นแรง

อู๋จงเทียนเป็นคนรุ่นเยาว์ผู้ทรงอิทธิพล แม้ว่าเขาจะอ้างว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของบุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วง แต่เย่ฟ่านไม่คิดเช่นนั้น

อู๋จงเทียนหายตัวไปในพริบตาและอีกด้านหนึ่งของถนนเงาที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้น

เหยาซีนางเปรียบเหมือนดอกบัวสวรรค์แรกแย้ม นางผอมเพรียวใบหน้าดุจเทพธิดาไร้ผู้เปรียบ นางมีเสน่ห์ขณะเดียวกันก็มีความศักดิ์สิทธิ์ให้ความรู้สึกสูงส่งไม่อาจลบหลู่ได้

" ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้น ไม่เช่นนั้นคนพวกนี้จะปรากฎในเมืองเดียวกันได้อย่างไร..." เย่ฟ่านหลบเลี่ยงนาง

จากนั้นเขาก็หยุดคนเดินถนนที่ผ่านไปมาและถามพวกเขาว่ามีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นที่นี่หรือไม่ และคนเดินถนนทุกคนก็ส่ายหัวโดยไม่รู้ตัว

“ไปลองเสี่ยงโชคที่ลานพนันหินดีกว่า บางทีอาจจะมีข่าวอะไรบ้าง”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด