บทที่ 47 หายนะที่คืบคลาน
เมื่อเห็นการโจมตีที่แปลกประหลาด หนิงเทียนล่าถอยและทิ้งระยะออกไป10จั้ง
เวลานี้ใบหน้าของหนิงเทียนปรากฎอาการตึงเครียดขึ้นมา ข้อได้เปรียบเดียวของมันตอนนี้ คือความเร็วที่มีมากกว่าลั่วผออยู่เล็กน้อย
แต่แล้วข้อได้เปรียบนั้นกลับถูกลบหายไปด้วยการโจมตีจากใต้ดิน มันไม่สามารถมองเห็นโซ่ดาราแดนเหนือที่ฝังตัวอยู่ใต้ดินได้เลย
ลั่วผอเวลานี้มันไม่กล้าประมาทหนิงเทียนแม้แต่น้อย มันไม่เคยคิดมาก่อนว่าภัยคุกคามที่มากสุดในชีวิตมันจะเกิดจากเด็กหนุ่มอายุ16ปี
“สารเลวตัวน้อย ข้ายอมรับในพลังของเจ้าแต่น่าเสียดายที่เจ้าออกมาดูโลกเร็วเกินไป” กล่าวจบมันสะบัดมือไปมา โซ่ดาราแดนเหนือโผล่พุ่งจากพื้นดิน เข้าจู่โจมหนิงเทียนในทิศทางที่ไม่สามารถคาดเดาได้
เวลานี้พลังลมปราณของหนิงเทียนมีไม่พอที่จะป้องกันและจู่โจมไปพร้อมกันได้
มันทำได้แต่คลายพลังปราณที่ปกคลุมร่างออกและเร่งพลังปราณปกป้องเพียงเฉพาะจุดตายเท่านั้น ขณะเดียวกันมันพุ่งร่างเข้าหาลั่วผอ อย่างบ้าคลั่ง รอยเลือดปรากฎบนเสื้อผ้าของหนิงเทียนทีละจุดอย่างช้าๆ
ร่างกายในส่วนที่มันไม่ได้ใช้พลังปราณเข้าปกป้อง เกิดบาดแผลตามยาวจากการเฉือนฟาดของโซ่ดาราแดนเหนืออย่างน่ากลัว เลือดซาดกระจายหยดลงเป็นทางยาว
นี้เป็นการเดิมพันครั้งสำคัญของหนิงเทียนถ้าพลาดเพียงเล็กน้อยก็มีแต่ความตายเท่านั้นที่รอมันอยู่
ใบหน้าของหนิงเทียนเวลานี้ไม่ได้แสดงอาการเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าของมันคล้ายกับปีศาจที่กำลังล่าเหยื่อ มันพุ่งทะยานไปข้างหน้าโดยไม่หวาดเกรงความเจ็บปวดใดๆ
พลังปราณสีดำกลืนกินไปทั่วร่าง นิ้วมือทั้งห้าของมันแข็งแกร่งราวกับเหล็กพร้อมกับฟาดออกด้วย “ฝ่ามือดูดวิญญาณ”สุดยอดวิชาที่มันได้เรียนรู้มาจากบิดาสี่
ฝ่ามือของหนิงเทียนแทงทะลุเกราะปราณของลั่วผอ
อ๊ากกกกกกก!!!! ลั่วผอร้องสุดเสียงด้วยความหวาดกลัว ก่อนมันจะเค้นเสียงออกอย่างอยากลำบาก “ข้าไม่ยอมตายคนเดียว”สิ้นเสียงของมัน
ไฟสีแดงรุกไหม้ท่วมร่างกายของมันอย่างบ้าคลั่ง ลั่วผอใช้ออกด้วยกายาร่างอัคคีของตระกูลชิง หมายจะเผ่าทั้งมันและหนิงเทียนให้ตกตายไปพร้อมกัน
“ทักษะที่ขโมยมา กล้าใช้ต่อหน้าข้า?”หนิงเทียนกล่าวด้วยเสียงเย็น ก่อนมันจะบิดข้อมือควบคุมพลังปราณสีดำที่อยู่ในร่างลั่วผอพลันดึงกระชากทะเลลมปราณของมันออกมา
ทันใดนั้นไฟที่ท่วมร่างของลั่วผอพลันวูบดับลง ร่างกายของมันค่อยๆแห้งลง พลังปราณของลั่วผอหลังไหลเข้ามาภายในร่างกายของหนิงเทียนอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าของหนิงเทียนถอดสีลงทันที ถ้าพลังมากมายขนาดนี้ไหลเข้าสู่ร่างกายข้า ไม่พ้นร่างกายมันจะระเบิดออกและตกตายตามลั่วผอไปด้วย
ภายในร่างของหนิงเทียนไม่สามารถหลอมรวมกับลมปราณที่แปลกปลอมได้ อีกทั้งเวลานี้ทะเลลมปราณของมันไม่สามารถรับพลังใดๆเข้ามาได้อีกแล้ว “ถ้ายังปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปคงไม่นานที่ร่างของข้าจะระเบิดจากภายใน”
ใบหน้าของหนิงเทียนตึงเครียดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน มันใช้พลังเฮือกสุดท้ายเดินลมปราณให้ไหลย้อนกลับผลักดันพลังปราณกลับคืนสู่ร่างเจ้าของ
ร่างของลัวผอค่อยๆบวมใหญ่ขึ้นเรื่อยๆจนในที่สุดก็ระเบิดออก
ปัง!!!!!!! เสียงระเบิดดังสนั่น ส่งให้ชิ้นเนื้อสาดกระเซ็นราวกับสายฝนเปรอะเปื้อนท่วมร่างของหนิงเทียน
มันรีบเพ่งหาแหวนมิติของลัวผอ ท่ามกลางชิ้นเนื้อที่ชวนอาเจียนอย่างรวดเร็วก่อนจะเก็บมันเข้าสู่แหวนมิติของตัวเอง
พร้อมกับทรุดกายนอนแผ่ลงกลับพื้นอย่างเหน็ดเหนื่อย ด้วยพลังของกายาเทพอสูรบาดแผลนี้แม้จะฉกรรจ์แต่ไม่นับว่าถึงตาย แค่เพียงมันได้พักสัก2-3วัน ก็หายกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้
หนิงเทียนนอนแผ่ร่างพักฟื้นด้วยลมหายใจแผ่วเบา แม้แผนการของมันจะลำบากเล็กน้อย แต่นับได้ว่ามันประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม
เวลานี้กล่องจงหลีได้ตกเป็นของมันเรียบร้อยแล้วและที่สำคัญที่สุดคือไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่ากล่องจงหลีอยู่ในมือมัน
ในขณะที่มันแสยะยิ้มอยู่นั้น จู่ๆหนิงเทียนสังเกตเห็นตะเกียงขนาดใหญ่สองดวงที่ลอยอยู่กลางอากาศ มันมีขนาดใหญ่เท่าสองช่วงตัวคน ลอยมายังหนิงเทียนด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
เมื่อมันใกล้เข้ามาหนิงเทียนก็ได้พบว่าตะเกียงที่ลอยอยู่กลางอากาศนั้นมันคือดวงตาของสัตว์อสูร ในขณะที่ดวงตานั้นใกล้เข้ามา มันพัดพา ลมกรรโชกมาพร้อมกับกลิ่นสาบคาวเหม็นคลุ้งชวนให้น่าอาเจียนออก
เวลานี้หนิงเทียนเห็นเด่นชัดว่าเป็นศีรษะขนาดใหญ่ของมังกร ลำตัวของมันพาดยาวสุดลูกหูลูกตา แม้จะมองตามไปก็ยังไม่เห็นปลายหางของมันแต่อย่างใด
ลมหายใจที่มันพ่นออกมาตามทางนั้นละลายได้แม้แต่หินผาขนาดยักษ์ ดวงตาเปล่งประกายสีเขียวมรกตจับจ้องไปยังร่างของหนิงเทียน
ทันใดนั้นร่างของราชาภูตปรากฏเบื้องหน้าของหนิงเทียนอย่างตื่นตระหนก มันกล่าวออกมาสั่นๆเพียงคำเดียวเท่านั้น “หนี”
ด้วยสิ่งที่เห็นตรงหน้ากอปรกับที่ได้ยินจากราชาภูต ดวงตาของมันเบิกค้างตัวแข็งทื่อขนทั่วร่างรุกชันขึ้น มันลืมความเจ็บปวดทั้งหมดไปทันใด พร้อมทั้งยันร่างลุกขึ้นเตรียมจะพุ่งออก
ขณะที่มันกำลังจะพุ่งตัวออก บังเกิดเสียงที่ดังขึ้นจนทำให้มันต้องหยุดลง พร้อมทั้งจับจ้องไปยังดวงตะเกียงสีเขียวสว่างขนาดยักษ์
“ข้ารอเจ้ามาสิบกว่าปีแล้ว” เสียงแหลมทุ้มของมันดังขึ้นก้องฟ้า น้ำเสียงของมันเปี่ยมไปด้วยรังสีฆ่าฟันอันรุนแรงราวกับคำสาบแช่ร่างของหนิงเทียนให้กลายเป็นหินในชั่วขณะ
รังสีฆ่าฟันที่มันปล่อยออกมาทำให้หนิงเทียนตัวเย็นเยือก มันรับรู้ได้ดีว่าตราบใดที่มันขยับและก้าวตัวออกไป อสูรร้ายร่างยักษ์ตนนี้จะลงมือโจมตีมันทันที
ทันใดนั้นเสียงอันเล็กเบาดังขึ้นข้างหูของหนิงเทียน “ท่านต้องรีบหนีเดียวนี้ ยัยมังกรตัวเมียนั้นมีเจตนาสังหารท่านอย่างรุนแรง
คุณชายท่านและมันมีความแค้นกันมาตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา?” ในสถานการณ์ที่ตายมากกว่าเป็น ราชาภูตยังคงถามออกอย่างติดตลก
หนิงเทียนยิ่งได้ฟังยิ่งสับสน มันแน่ใจว่าไม่เคยมีความแค้นใดกับมังกรตัวนี้ โดยปกติแล้วมันมักจะรู้เท่าทันในทุกสถานการณ์แต่เวลานี้หนิงเทียนไม่สามารถตอบคำถามในหัวของมันได้แม้แต่ข้อเดียว
“ข้าจำกลิ่นอายของเจ้าได้” สิ้นเสียงอันทุ้มแหลม ดวงตาสีเขียวมรกตพลันลุกประกายด้วยโทสะสูงเทียมฟ้า อสูรร้ายแผดเสียงจนลั่นแก้วหู
หนิงเทียนที่ยืนห่างออกไปเกิดอาการตัวสั่นเทิ่ม จมูก ปากและหูของมันมีเลือดซึมออกมา มันรีบเร่งปราณเทพอสูรปกป้องร่างของมันอย่างยากลำบาก
หนิงเทียนสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกไป มันรีบกล่าวถามสหายของมันทันที ‘อู๋ชางมันคือตัวอะไรกันแน่?’
“มันคือ มังกรพิษฟ้าคราม คุณชายมันฆ่าท่านแน่!!” เวลานี้น้ำเสียงของราชาภูตนั้นตึงเครียดไม่แพ้กัน
‘มังกรพิษฟ้าครามชื่อนี้อีกแล้ว’ หนิงเทียนได้ยินชื่อนี้ครั้งแรกก็จากคำบอกเล่าของหลี่เฟิงว่ามันเป็นอสูรปีศาจจ้าวผู้ปกครองหุบเขาหมื่นอสูร
แต่เพราะเหตุใดก็ไม่สามารถบอกได้มันถึงรู้สึกคุ้นชื่อมังกรพิษฟ้าครามอย่างบอกไม่ถูก
หนิงเทียนกล่าวออกอย่างยากลำบากแต่ถึงอย่างไรน้ำเสียงของมันมิได้เป็นการลดเกียรติลงให้ต่ำกว่าสัตว์เดรัจฉานที่มีรูปร่างคล้ายงูเลยแม้แต่น้อย
“ข้าแน่ใจว่าไม่เคยมีความแค้นกับเจ้ามาก่อน”
“มนุษย์สารเลว เจ้าฆ่าสามีของข้ายังกล้าบอกว่าเราไม่เคยมีความแค้นต่อกันมาก่อน”น้ำเสียงของมันแฝงด้วยความเกลียดชังคับแค้นอย่างมากล้น
“คุณชายท่านไปฆ่า สามีของมังกรตัวเมียนั้น?” ราชาภูตถามออกอย่างสงสัย
“เหอะๆ แค่เสียงร้องของมันยังจะฉีกร่างข้าออกเป็นชิ้นๆ และข้าจะไปมีปัญญาฆ่าพวกมันสักตัวได้อย่างไร”หนิงเทียนรู้สึกงุนงงในคำถามเป็นอย่างยิ่ง มันพยามที่จะปะติปะต่อเรื่องราวต่างๆให้เข้าหากัน
เวลานี้ราชาภูตขยับปีกสีทองของมันมาอยู่เคียงข้างหนิงเทียนก่อนจะกล่าวออก“มังกรน้อย เจ้าอาจจะเข้าใจผิด”
มังกรพิษฟ้าครามมองไปยังร่างของราชาภูต ดวงตาสีเขียวมรกตของมันขยายกว้างออก
มันพลันถอยศีรษะอันใหญ่โตของมันไปด้านหลังเล็กน้อย ใช้เวลาจับจ้องราชาภูตอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะกลับมามีท่าทีดุร้ายเกรี้ยวกราดเช่นเดิม
มังกรพิษฟ้าครามคำรามด้วยเสียงต่ำแฝงไปด้วยจิตสังหาร“ไม่มีทางเข้าใจผิด ข้านั้นจำปราณแห่งความมืดในร่างของมันได้ไม่เคยลืมเลือน
สิบหกปีก่อน มันบุกเข้ามายังเขตแดนของของข้าเพียงเพราะต้องการหญ้าสามวิญญาณและเป็นมันที่สังหารสามีข้า มันเป็นเช่นปีศาจในร่างมนุษย์”
“มังกรน้อย เจ้าแน่ใจว่าเป็นคนเดียวกับนายของราชาผู้นี้?” ราชาภูตพยามที่จะกล่าวเกลี่ยกล่อม
“มันจะไม่ใช่คนเดียวกันได้อย่างไร พลังปราณทมิฬในร่างของมันเหมือนชายชุดดำเมื่อสิบหกปีก่อนไม่ผิดเพี้ยน
ราชาแห่งเวลาเรื่องนี้ต่อให้เป็นท่านก็ไม่สามารถจะหยุดข้าได้”ความเกลียดชังที่ฝังรากลึกปรากฎอยู่ในน้ำเสียงของมัน
ได้ยินเช่นนั้นหนิงเทียนเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดได้เป็นอย่างดี สถานที่แรกที่มันเกิดบนโลกแห่งนี้คือหุบเขาหมื่นอสูรและเป็นบิดาสี่ที่เก็บมันมาจากที่แห่งนี้
ในเมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ มันไม่สามารถหลีกเลี่ยงการปะทะได้อีกแล้ว หนิงเทียนกล่าวออกด้วยเสียงเย็น “อู๋ชางเรื่องนี้ข้าให้เจ้าจัดการ”
ราชาภูตได้ยินเช่นนั้น มันหันมองไปยังใบหน้าเจ้านายของมันโดยไร้ซึ่งคำพูดอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะกล่าวออก
“คุณชายท่านอย่าได้ล้อราชาเล่น พลังของราชาเป็นเพียงแดนมนุษย์เท่านั้นจะเอาอะไรไปจัดการกับอสูรปีศาจขั้นที่1ได้”
“จะยากเย็นอันใด เจ้าจงจับมันยัดลงไปในมิติอนันตเวคีให้ซานซันจัดการ”หนิงเทียนกล่าวออกอย่างโหดเหี้ยม มันเป็นวิธีเดียวและยังเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดสำหรับมันอีกด้วย
“คุณชายจำคร่าแรกที่พวกเราเจอกันได้หรือไม่ ครั้งนั้นราชากล่าวว่าท่านเป็นพวกไร้ประสบการณ์ไม่ใช่เรื่องที่ราชาก่นด่าให้สนุกปากไปเล่นๆเท่านั้น
แต่เป็นเพราะท่านนั้นยังไร้ประสบการณ์ต่อสู้มากนัก” มันกล่าวออกด้วยน้ำเสียงตึงเครียด
“หมายความว่าอย่างไร?” หนิงเทียนมั่นใจอยู่หลายส่วนถึงวิธีพลิกแพลงและประสบการณ์ต่อสู้ของตัวมันเอง
“ในการต่อสู้กันของเหล่าราชัน สิ่งที่มันต้องทำเป็นอันดับแรกคือการสร้างเขตแดนไม่ให้ผู้ใดมาบิดมิติรอบๆตัวได้
ถ้าเรื่องในคราวนั้นท่านฉลาดสักหน่อยเพียงส่งลมปราณไปแทรกแซงมิติธาตุรอบๆตัว ด้วยพลังแดนมนุษย์ของราชาก็ไม่สามารถใช้พลังธาตุมิติส่งท่านไปไหนได้แล้ว
และตอนนี้ที่แย่ที่สุดคือ ยัยมังกรตัวเมียนั้นรู้จักราชาผู้นี้ดี มันได้จัดการบิดเบือนมิติรอบๆตัวออกเป็นเอกเทศเรียบร้อยแล้ว”
ไม่มีคำใดออกจากปากของหนิงเทียน “…............”
นี้มันหลงทำสัญญาจิตวิญญาณกับพวกไร้ประโยชน์หรอกรึ เวลานี้มันไม่แน่ใจแล้วว่าใครกันแน่ที่ได้ประโยชน์จากสัญญาที่พวกมันทั้งสามทำร่วมกัน
ทันใดนั้น หางอันมหึมาที่ขดยาวซ้อนกันขยับไหว ส่งลมกรรโชกที่รุนแรงยิ่งกว่าลมหายใจมังกรที่มันพบเจอในทะเลสาบมายาไม่รู้กี่เท่า พุ่งเข้าใส่ร่างของหนิงเทียน
หนิงเทียนไม่รอช้า โอสถสวรรค์ปกป้องหัวใจปรากฏในมือของหนิงเทียน มันรีบโยนเข้าปากทันทีพร้อมทั้งคลายปราณเทพอสูรที่คุ้มครองกายออกแปรเปลี่ยนพลังปราณทั้งหมดไปที่ท่าเท้าเก้าวิญญาณท่องนภาเต็มสิบส่วน
ขณะเดียวกันมันพุ่งทะยานหนีออกไปอย่างรวดเร็ว
ฉับ!!!!! เสียงของลมกรรโชก เฉือนกลางแผ่นหลังของหนิงเทียนสร้างบาดแผลยาวลึกบนกลางหลัง มันทำได้แต่กัดฟันรับความเจ็บปวด พร้อมทั้งยังทะยานร่างหนีออกให้ห่าง
มังกรพิษฟ้าครามรำคามด้วยเสียงดุร้าย ต้นไม้เล็กใหญ่ในบริเวณรอบๆสั่นไหวอย่างรุนแรง บังเกิดพายุหมุนขนาดเล็กขึ้นนับสิบสาย เวลานี้เสียงของอสนีก้องคำรามพิโรธไปทั่วฟ้าราวกับจะตอบสนองต่อโทสะของพญามังกรตัวนี้
มังกรพิษฟ้าครามเลื้อยร่างพุ่งตามหนิงเทียนไป ลำตัวขนาดมหึมาของมันตวัดพันรอบทำลายทุกสิ่งที่ขวางเส้นทาง
ทุกจุดที่มันพุ่งผ่านต้นไม้น้อยใหญ่ หักร่วงระเนระนาด หน้าผาที่สูงชนถูกร่างกายอันใหญ่โตของมันบดบี้จนกลายเป็นฝุ่นผง ใบไม้และบุปผาถูกบดอัดจนปลิวว่อนอยู่กลางอากาศ
แต่สวรรค์ยังมีตา โชคยังเข้าข้างหนิงเทียนอยู่บ้าง ด้วยร่างกายที่ใหญ่โตมหึมาของมันทำให้ความเร็วของมัน ไม่ได้สูงมากนัก
หนิงเทียนมองไปยังร่างสีครามที่กำลังพุ่งเข้ามา มันถามออกด้วยเสียงสั่นสะท้านว่า
“อู๋ชาง เจ้ามีแผนดีๆที่จะทำให้พวกเรารอดไปจากมันหรือไม่”
ราชาภูตตอบด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด “มีสองวิธี หนึ่งหลบหนีไปจนพ้นเขตแดน สองท่านตัดผ่านมิติรอบตัวของมันออก ราชาผู้นี้ขอแค่เพียงเสี้ยวลมหายใจเท่านั้นก็เพียงพอแล้วที่จะพาท่านหลบหนีไป”
“วิธีแรกดูเหมือนจะเป็นไปได้มากที่สุด” หนิงเทียนกล่าวออกพร้อมทั้งเค้นพลังทั่วร่างเพิ่มความเร็วไปอีก
เมื่อเห็นอสูรร้ายขยับร่างเข้ามาใกล้ทุกที ราชาภูตร่ำร้องออก “แย่แล้ว คุณชายด้วยความเร็วเช่นนี้ ไม่ถึง30ลมหายใจเราทั้งคู่ได้ไปอยู่ในท้องมันแน่ๆ”
มังกรพิษฟ้าครามขณะนี้มันลากตัวกวาดผ่าน เศษหินเล็กๆและซากไม้ที่แตกหักพุ่งเข้าใส่แผ่นหลังของหนิงเทียนดุจเกาทัณฑ์นับสิบสาย
อัก!!!!หนิงเทียนกระอักเลือดกองโต แค่เพียงเศษหินก้อนเล็กๆที่เข้ากระทบร่างของมันกลับสร้างรูโหว่ขนาดเท่ากำปั้นตามจุดต่างๆบนร่างของหนิงเทียน
เวลานี้ถ้าไม่ได้โอสถสวรรค์ปกป้องหัวใจที่มันกลืนลงไป มันสมควรจะต้องล้มลงแทบพื้นไปนานแล้ว
“คุณชายท่านต้องทำอะไรสักอย่าง ไม่เช่นนั้นเราหนีมังกรตัวเมียนั้นไม่พ้นแน่ๆ” น้ำเสียงของราชาภูตฉายแววกังวล
ด้วยสัตย์วาจาที่มันเคยลั่นต่อจักรพรรดิหวงตี้ ถ้าหนิงเทียนตายไปมันต้องตกลงสู่โลกอนธกาลทันที ยิ่งคิดเช่นนั้นมันยิ่งรุกรี้รุกรนเป็นอย่างยิ่ง
หนิงเทียนหันไปมองยัง ศิลายักษ์สูงเทียมฟ้าที่อยู่ด้านหน้ามันขนาดของศิลานั้นเทียบได้กับภูเขาขนาดย่อมลูกหนึ่งเลยทีเดียว
มันรีบพุ่งตัวเข้าไปยังช่องหินหมายจะใช้ความใหญ่โตของก้อนศิลายักษ์ ชะลอความเร็วของมังกรพิษฟ้าครามลงบ้าง
ปัง!!!!!!!!!!! ทันใดนั้นมังกรพิษฟ้าครามสะบัดหางของมันบดขยี้ ศิลายักษ์จนกลายเป็นฝุ่นผงในทันใด
เห็นเช่นนั้น แข็งขาของหนิงเทียนพลันอ่อนลงชั่ววูบ เวลานี้มันไม่รีรออันใดอีกแล้วนอกจากพุ่งตรงออกไปเท่านั้น