ตอนที่26 น้องสามแสนน่ารัก
ตอนที่26 น้องสามแสนน่ารัก
หลี่หวงใช้สายตาคมกริบประดุจคมมีดสาดใส่ใส่ไปวาบหนึ่ง ทำเอาฮูหยินรองถึงกับหยุดพูดไปฉับพลัน
ตึง!
จวิ๋นจ้านยกมือทุบพื้นอย่างแรงไปทีหนึ่ง เขาเองก็ไม่พอใจเช่นกัน
“หุบปากซะ!”
“ข้าจะพยายาม”
หลี่หวงเอ่ยตอบ
“ให้บ่าวนำตัวน้องสาวไปยังเรือนของข้าก่อนลุงจ้าน”
จากนั้นนัยน์ตาคู่สีม่วงสุกใสของหลี่หวงก็เหลือบมองจับจ้องใบหน้าของจวิ๋นจ้านเขม็ง
“หลี่หวง ไฉนถึงมองลุงจ้านเช่นนั้น?”
สายตาของนางช่างดูน่าสยดสยองจับใจเกินไป แม้แต่จวิ๋นจ้านเองก็ยังไม่กล้าสบสายตากับนางมากนัก
“ขอให้น้องสามอยู่กับข้าเพียงลำพังภายในเรือน ลุงจ้านกรุณาถอยห่างออกไปด้วย”
หลี่หวงกล่าวน้ำเสียงเย็นชืดออกไป
“ได้ ได้ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
จวิ๋นจ้านไม่สนใจอันใดอีกต่อไปแล้ว ในช่วงเวลานี้ลูกชายของเขาสำคัญที่สุด
“ท่านพี่ รีบจับนางออกไปโดเร็ว อย่าปล่อยให้นังเพศยานี่หลอกเอาได้!”
พอฮูหยินรองได้ยินแบบนั้นก็ร้อนใจรีบกล่าวขัดขวางทันที เพราะไม่เช่นนั้นการจะดำเนินแผนการต่อไปของนางคงไม่ง่ายนัก...
“หุบปาก! เจ้าเคยทำให้ข้าสบายใจบ้างไหม?!”
จวิ๋นจ้านสบถด่าออกไปคำโต
ในอดีต หญิงคนนี้กล้าโปรยเสน่ห์ใส่และพยายามตามตื้อจวิ๋นจ้านอย่างหน้าด้าน ทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายมีฮูหยินอยู่ข้างกายแล้ว จนสุดท้ายนางก็ปีนขึ้นเตียงได้สำเร็จ ในเวลานั้นได้สร้างความวุ่ยวายให้แก่ทุกคนในตระกูลจวิ๋นเป็นอย่างมาก
แต่ละคนทราบดีว่า จวิ๋นจ้านพลาดพลั้งในครั้งนั้นเพียงครั้งเดียวและไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากถูกนางบังคับแต่งงาน
ทีแรกพวกเขาต่างคิดว่า เรื่องทุกอย่างจะจบหลังแต่งงานได้เป็นฮูหยินรองสมใจ ที่ไหนได้กลับสร้างปัญญาไม่เว้นวัน
จวิ๋นจ้านรู้สึกว่า ผู้หญิงนางนี้เป็นคนใจคดใจแคบเกินไป หากมิใช่เพราะนางให้กำเนิดบุตรสาวที่มีพรสวรรค์ไม่เลวถึงสองคน ปานนี้เขาคงไม่เห็นหัวนางแล้วเช่นกัน
ฮูหยินรองขบกราสมมแน่นและได้แต่ยืนกระทืบเท้าอยู่ด้านข้าง ปล่อยให้จวิ๋นจ้านส่งคนพาจวิ๋นอี้ไปยังเรือนบุปผาโปรยปราย ทางด้านจวิ๋นจ้านก็มายืนส่งพร้อมกับแววตาที่เป็นกังวลไม่เสือมคลาย
มันไม่จบแค่นี้แน่!
“รั่วเอ๋อร์! เรื่องที่แม่มอบหมายไปเป็นอย่างไรบ้าง!”
ฮูหยินรองหันไปคำรามเสียงเข้มใส่จวิ๋นรั่ว นางในขณะนี้ช่างดูเย็นชายิ่งกว่าอะไร
“แต่ท่านแม่...เรา...ต้องทำถึงขนาดนี้จริงๆเหรอ?”
จวิ๋นรั่วไม่ค่อยจะแน่ใจนักแล้ว
“ที่แม่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อเจ้า! เชื่อแม่คนนี้แล้วสถานะของเจ้าในอนาคตจะไม่ต่ำต้อยไปกว่าฉีเอ๋อร์แน่นอน!”
จวิ๋นรั่วพยังหน้าเจือท่าทีลังเลอยู่หนึ่งส่วน แต่จะอย่างไรต้องบอกเลยว่า การจะได้มีสถานะศักดิ์ในอนาคตที่สูงส่งดั่งพี่สาวของตน ช่างเป็นอะไรที่ยั่วยวนเกินไปจริงๆ!
หานชิงนั่งเซื่องซึมอยู่หน้าประตูเรือนบุปผาโปรยปรายด้วยสีหน้าที่อ่อนเพลีย พยายามมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นภายในเรือนอย่างอดไม่ได้
หลี่กวงสั่งห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้ามาข้างในทั้งนั้น ถ้ายังไม่อยากเสียบุตรชายเพียงคนเดียวของตระกูลก็จงเชื่อฟัง
แม้จะเป็นแบบนั้น แต่หานชิงก็ยังอดเป็นกังวลไม่ได้อยู่ดี
อี้เอ๋อร์ของนางไปทำกรรมอะไรไว้กัน? ไฉนถึงโดนลอบวางยาพิษ? ใครกันที่ใจร้ายนัก?
จวิ๋นจ้านเดินกลังเข้าไปในห้องหนังส่วน นั่งกุมขมับอย่างเหน็ดเหนื่อยเหลือเกิน
เขาไม่เข้าใจเลยว่า ไฉนจวิ๋นอี้ถึงถูกลอบวางยาพิษได้ทั้งๆที่มีหานชิงค่อยดูแลอยู่ข้างกายตลอด?? ทั้งยังมีองครักษ์หน่วยลับของเขาคอยปกป้องอยู่ห่าง แต่สุดท้ายก็ยังพลาดท่าแบบนี้?
แล้วเหตุใดแม้แต่หมอในหอโอสถก็ยังไม่สามารถวินิจฉียอาการได้?
ระลอกคลื่นแห่งปัญหาลูกแล้วลูกเล่ายังคงถาโถมเข้าใส่เขาไม่หยุดหย่อน...
ณ เรือนบุปผาโปรยปราย
“เจ้าอยากช่วยชีวิตของเขารึ?”
เหยาอวี้ลอยออกมาอยู่ข้างไหล่ของหลี่หวง และเอ่ยถามเจือสีหน้าสงสัยขึ้นเมื่อเห็นนางกำลังง้วนอยู่กับการหลอมกลั่นโอสถ
นางไม่ใช่แม่พระ และไม่คิดที่จะให้อภัยต่อผู้ใดก็ตามที่เคยทำร้ายนาง
แต่
สำหรับจวิ๋นอี้ เด็กคนนี้บริสุทธิ์เสมือนผ้าขาว และเขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลย
จะว่ายังไงดีล่ะ อี้เอ๋อร์น่าหมั่นเคี้ยวจริงๆนะ น่ารักขนาดนี้ขอกินสักคำ!
“แต่นี่ไม่ใช่ว่าเป็นแผนของนังงูพิษสองตัวนั้นหรอกรึ?”
“เพราะแบบนั้นข้าก็ต้องยิ่งเดินตามแผน เพราะอยากรู้เสียจริงว่าสองแม่ลูกคู่นั้นต้องการทำอะไรกันแน่?”
หลี่หวงเค้นเสียงเย็นขึ้นคำหนึ่ง ก่อนแสยะยิ้มมุมปากกล่าวต่อว่า
“แต่ว่า...ข้าพอจะเดาออกแล้ว”
“สำหรับพิษนี้ เจ้าแน่ใจหรือว่าจะสามารถถอนได้ด้วยตัวเอง?”
เหยาอวี้เอ่ยถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ เพราะในขณะนี้หลี่หวงเหงื่อแตกพลักไปทั่วตัวแล้ว ดูท่าจะไม่ใช่งานง่ายเลย
“…ถึงพิษชนิดนี้จะจัดการได้ยาก ทว่ายังมีหนทาง แต่ที่สำคัญ...”
หลี่หวงส่ายหัวพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ .
ไฉนจิตใจของคนเราถึงได้ดำมืดขนาดนี้กัน?
“หื้ม?”
เหย่าอวี้ขมวดคิ้วมองหลี่หวงเจือแววสงสัย มันไม่เข้าใจความหมายที่หลี่หวงพยายามจะสื่อเลย
อย่างไรก็ตาม พอเห็นว่าหลี่หวงไม่มีท่าทีที่จะอธิบายใดๆ เหยาอวี้ก็อดลงมือตรวจสอบร่างกายของจวิ๋นอี้ด้วยตัวเองมิได้
“บัดซบ! จิตใจของมนุษย์อย่างพวกเจ้าไฉนถึงต่ำทรามยิ่งกว่ามารปีศาจเสียอีก!?”
แม้แต่วิญญาณหม้อหลอมโอสถอย่างเหยาอวี้ยังอดที่จะโมโหไม่ได้เช่นกัน!
จวิ๋นอี้อยู่ในอาการกึ่งเป็นกึ่งตาย ยังโชคดีที่หลี่หวงได้ให้โอสถขับพิษเบื้องต้นไปแล้ว และดูเหมือนว่าอาการก็เริ่มจะดีขึ้นตามลำดับ แต่...
จนถึงตอนนี้แม้หลี่หวงจะไม่พูด แต่เหยาอวี้กลับเข้าใจหมดแล้ว
จวิ๋นอี้โดนยาพิษหยอดใส่ตา…
เรื่องที่พิษกระจายไปทั่วร่างกาย มันสามารถถอนได้ไม่ยาก แต่ดวงตานี่สิ...
ความเสียหายที่เกิดกับกระจกตามันไม่สามารถรักษาให้กลับเป็นดังเดิมได้
หลี่หวงเป็นหมอพิษ หาใช่หมอเทวดา สำหรับเรื่องดังกล่าว นางทำได้แค่พยายามอย่างสุดความสามารถเท่านั้น
“นายท่านมั่นใจแค่ไหน?”
เหยาอวี้เอ่ยถามน้ำเสียงเย็น
“ล้างพิษสิบในสิบส่วน ทว่ารักษาดวงตากลับมั่นใจแค่สองส่วน”
ซึ่งการรักษาดวงตาที่หลี่หวงกล่าวมานี้ หมายถึงรักษาไม่ให้พิษกินเนื้อตาจนเบ้าตาโบ๋ ส่วนเรื่องกระจกตาได้ถูกพิษกัดกร่อนจนเสียหายหนักเกินแก้ไขแล้ว
นั่นหมายความได้ว่า ต่อให้พยายามรักษาแค่ไหน สุดท้ายจวิ๋นอี้ก็ต้องตาบอดอยู่ดี
เพราะแบบนี้อีกหลี่หวงกับเหยาอวี้ถึงได้มีปฏิกิริยาตอบสนองเช่นนี้
นี่มันเกินไปจริงๆ...
อย่างไรก็ตาม เมื่อนึกไปถึงอดีตที่หลี่หวงอยู่อย่างสวะชิ้นหนึ่งมานานกว่าสิบสามปี นางก็ดูจะเข้าใจโลกอันโหดร้ายนี้ได้มากขึ้น
“ข้าเคยค้นคว้าสร้างโอสถชนิดหนึ่ง บางทีข้าอาจเพิ่มโอกาสรักษาดวงตาได้เป็นห้าส่วน”
เหยาอวี้กล่าวน้ำเสียงจริงจัง
“แต่สมุนไพรที่มีนับว่าระดับชั้นไม่ถึงเกณฑ์ โอสถที่ได้อาจมีคุณภาพไม่สมบูรณ์”
“ไม่มีปัญหา พยายามเท่าที่ทำได้เถอะ”
เหยาอี้เตรียมลงมือช่วยเหลือหลีหวงทั้งคอยกำกับและเฝ้าดูอย่างเข้มงวดระหว่างหลอมกลั่นโอสถ
ทั้งสองกำลังช่วยกันอย่างสุดความสามารถเพื่อสรรสร้างโอสถที่ดีที่สุดให้แก่จวิ๋นอวี้
ด้านนอกเรือนบุปผาโปรยปราย
ขณะที่หลี่หวงกับเหยาอวี้กำลังหลอมกลั่นโอสถอย่างเอาเป็นเอาตาย ทว่าด้านนอกกลับเกิดความโกลาหลราวกับฟ้าถล่มดินสลาย!
“หานชิง! เจ้าอดทนรอก่อนเถิด! การจะล้างพิษกลับต้องใช้เวลา อย่าเพิ่งใจร้อนไป!”
จวิ๋นจ้านกำลังฉุดรั้งไม่ให้หานชิงวิ่งเข้าไปภายในเรือนบุปผาโปรยปราย
เนื่องจากเมื่อครู่ จู่ๆหานชิงคิดอย่างไรไม่ทราบถึงวิ่งพุ่งเข้าไปด้านในด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยว!
นี่มันไม่ใช่เรื่องปกติแล้ว!
“ไม่! อย่าปล่อยให้อี้เอ๋อร์อยู่กับจวิ๋นหลี่หวงตามลำพัง! ปล่อยข้าท่านพี่!”
หานชิงตะโกนสุดหัวใจขาดดิ้น ราวกับกลัวว่าหาช้าไปอีกก้าวเดียว บุตรชายของนางต้องตายอย่างแน่นอน
“เมื่อครู่เจ้ายังขอร้องให้หลี่หวงช่วยอี้เอ๋อร์อยู่เลยมิใช่รึ? ไยตอนนี้เจ้ากลับไม่เห็นด้วยแล้ว?”
แม้ว่านิสัยของหลี่หวงจะค่อนข้างเย็นชา แต่นางไม่มีเหตุผลอะไรจะต้องทำร้ายอี๋เอ๋อร์เลย
ทำไมจู่ๆท่าทีของหานชิงถึงเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือปานนี้?
“จวิ๋นหลี่หวง...นางเป็นสตรีพิษ! ท่านพี่! อย่าปล่อยให้มันอยู่ใกล้อี๋เอ๋อร์! มันจะฆ่าอี้เอ๋อร์! มันจะฆ่าอี้เอ๋อร์! ปล่อยข้าเข้าไป!”
หานชิงร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุด น้ำตาไหลอาบแก้มจนเครื่องประทินผิวเลอะเลือนหายไปจนหมด
เมื่อจวิ๋นจ้านได้ยินคำกล่าวของภรรยาของตนดังนั้น ไม่เพียงแต่เขาจะไม่ปล่อยมือเท่านั้น แต่ยังรัดแน่นกว่าเดิมอีกด้วย
คู่คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่น กรนเสียงเย็นกล่าวว่า
“อย่าพูดจาเหลวไหล!”
หานชิงพยายามสลักมือของจวิ๋นจ้านออก แต่นางกลับไม่มีแรงมากพอที่จะทำได้สำเร็จ นางร้องไห้โฮตะโกนเสียงหลงว่า
“ข้าไม่ได้พูดเหลวไหล!”