ตอนที่22 สตรีพิษ
ตอนที่22 สตรีพิษ
หลีหวงโกรธมาก นางโกรธมากจริงๆ!
ก็เอาแต่นางไม่หยุดไม่หย่อน ใครจะไปรู้ว่าบุปผาวารีสูญแท้จริงแล้วก็คือ ไอซ์แพลนหรือศัพท์ทางวิทยาศาสตร์เรียกว่า เซมบรีแอนทีมัม!
เหยาอวี่ยกมือกุมศีรษะด้วยเจ็บปวด จับจ้องเจ้านายตัวเองพร้อมน้ำตาคลอเบ้า
สีหน้าการแสดงออกดูก็พึงทราบว่าไม่พอใจ
จะโทษข้าได้อย่างไร? ก็ทั่วผืนพิภพเขาเรียกกันแบบนี้ หาใช่ภาษาต่างดาวแบบที่เจ้าเรียก!
หลี่หวงยืนมองเหยาอวี้ที่ลอยเคว้งชักสีหน้าอย่างเงียบๆ นางเห็นก็ทราบว่าอีกฝ่ายกำลังไม่พอใจ
แต่อย่างไน หลี่หวงไม่ได้คิดที่จะปลอบเหยาอวี้ผู้น่าสงสารเลยแม้แต่น้อย แถมยังถลึงตาใส่อีก
นางหันไปสั่นกระดิ่งทันที
“ข้ามีบุปผาวารีสูญ”
สุ้มเสียงที่สุดแสนจะไม่แยแสของหลี่หวงดังกึกก้องทั่วทั้งโรงประมูล ได้ทำลายบรรยายกาศที่เงียบสงัดของทุกคนทันใด ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่ห้องรับรองบนชั้นที่สี่อย่างร้อนรน ราวกับพยายามมองผ่านกระจกทึบทะลุเข้าไป!
ความคิดภายในใจของทุกคนเอ่ยดังเป็นเสียงเดียวคือ
‘คนที่อยู่ในห้องรับรองชั้นที่สี่จักต้องวิปลาสเพียงใด! ถึงมีสิ่งที่ทุกคนทั่วทั้งโรงประมูลไม่รู้จัก! สรุปแล้วมันคืออะไรกันแน่?!’
ซีเล่อพิธีกรสาวสวยเองก็ตกใจเช่นกัน แต่หลังจากทำงานสายนี้มาเป็นเวลานาน ชั่วอึดใจต่อมานางก็กลับมาได้สติอีกครั้ง
“แขกผู้มีเกียรติ ณ ห้องรับรองหมายเลขหนึ่งชั้นที่สี่ เนื่องจากท่านมีบุปผาวารีสูญตามที่กำหนด หลังจากนี้ผู้ขายสัตว์อสูรจะขอไปตรวจสอบอีกที ก่อนนำส่งสิ่งของประมูล การประมูลในวันนี้สิ้นสุดลงแต่เพียงเท่านี้ ขอบพระคุณสหายทุกท่านที่ให้ความสนใจ”
ห้องรับรองหมายเลขสอง
“พี่เก้า! พี่สะใภ้เก้าจิตใจเหี่ยมโหดไม่น้อยเลย...”
หลิงเฟิงรู้สึกว่า หากสิ่งที่เด็กสาวนางนี้สนใจคือสัตว์อสูรที่เปรียบเสมือนเด็กน้อยโดนจับตัวมา นี่แสดงว่าจิตใจของนางก็เหี้ยมมิใช่น้อย ไม่คิดจะสงสารอสูรตัวน้อยเลยหน่อยรึ? คิดได้แบบนั้นทั่วทั้งร่างของหลิงเฟิงถึงกับสั่นสะท้านขนลุกซูว
“เจ้าต่างหากที่อ่อนโยนเกินไป...”
หลิงฉางเจวี่ยเอ่ยตอบออกมา
หลิงเฟิงแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง พี่เก้าของเขาก็เป็นไปด้วยอีกคนรึเนี่ย? พอจะเอ่ยปากค้านก็พลันนึกถึงมะเหงกที่ตนเพิ่งได้รับไปและหัวปูดไม่หาย ก็พลันสงบปากสงบคำลงอย่างเชื่อฟัง
“จะว่าไป…พี่เก้า บุปผาวารีสูญคืออะไร?”
หลิงเฟิงเอ่ยถามขึ้นทันทีเจือน้ำเสียงสงสัย
“บุปผาวารีสูญเป็นบุปผาพิษสีฟ้า รูปร่างคล้ายน้ำแข็ง เป็นพืชตระกูลเถาวัลย์”
“บุปผาพิษ?”
“ถูกต้อง ทุกส่วนของมันล้วนเร้นแฝงไปด้วยพิษร้ายแรง อาหารโปรดของมันคือเลือดสด หากพืชชนิดนี้เจริญเติบโตที่ใด ต้นไม้หรือพืชในบริเวณโดยรอบจะถูกดูดสารอาหารจนเหือดแห้งตายลงไป แต่สำหรับสัตว์อสูรธาตุน้ำแข็งแล้ว บุปผาวารีสูญถือเป็นวัตถึดิบที่ขาดไม่ได้เลยในการเลื่อนระดับชั้น”
“เป็นเช่นนี้นี่เอง! ไม่แปลกใจเลยเสียว่า เหตุใดนักอัญเชิญผู้นั้นถึงต้องการบุปผาวารีสูญ ที่แท้ก็เพื่อนำไปเลื่อนระดับชั้นให้สัตว์อสูรนำแข็งของตนนี่เอง! ไม่สิ...เดี๋ยวก่อน...ในเมื่อพี่เก้าบอกว่า ทุกส่วนของมันมีพิษร้ายแรง แล้วไฉน...พี่สะใภ้เก้าถึงมีเจ้าสิ่งนี้ได้ล่ะ?”
หลิงเฟิงถึงกับปั้นสีหน้าหวาดกลัวขึ้นมาทันที ขณะเดียวกันก็เหลือบมองหลี่หวงที่กำลังนั่งจัดกลีบของบุปผาวารีสูญให้เข้าที่เข้าทางก่อนนำส่งให้อีกฝ่าย พลางดื่มชาอย่างสบายอารมณ์
แววตาของหลิงเฟิงที่จับจ้องเปี่ยมล้นไปด้วยความเป็นห่วง นางกล้าจับไปได้อย่างไร? เดี๋ยวก็โดนพิษร้ายเล่นงานเอาหรอก!
“นางเป็นสตรีพิษ มีผู้ใดบ้างที่เพาะเลี้ยงบุปผาวารีสูญได้ราวกับกำลังเล่นสนุกอยู่แบบนี้กัน?”
หลิงฉางเจวี่ยเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เขารู้จักนิสัยของนางตั้งแต่วันแรกที่พบเจอกันแล้ว
บุปผาพิษดอกนั้นที่จู่ๆก็ปรากฏขึ้นมาในฝ่ามือของนาง ทั้งยังเผยจิตสังหารสุดเฉียบคมออกมาเป็นระยะ เพียงเท่านี้หลิงฉางเจวี่ยก็มั่นใจได้ทันทีว่า เด็กสาวนางนี้จะต้องเป็นยอดฝีมือพิษมือฉกาจแน่นอน!
“สตรีพิษ? นางเพิ่งจะอายุเท่าไหร่กัน! นอกเสียว่า ร่างกายของนางมีคุณสมบัติร้ายพิษมิรุกราน แต่การจะมีคุณสมบัติเช่นนี้ได้ร่างกายจะต้องผ่านพิษมาไม่น้อยกว่าหลายสิบปี แต่นี่...นางกลับไม่โดนพิษจากบุปผาวารีสูญได้อย่างไร?”
หลิงฉางเจวี่ยหัวเราะเสียงเบากล่าวว่า
“ตอนที่ข้าพบนางครั้งแรก อีกฝ่ายยังเป็นลูกเป็ดขี้เหร่อยู่เลย”
หลิงเฟิงเบิกตากว้าง พร้อมสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ....
ห้องรับรองหมายเลขหนึ่ง
หลี่หวงสวมชุดคลุมสีดำพร้อมหมวกปิดบังใบหน้ามิดชิด นั่งเงียบอยู่บนเก้าอี้
หลังจากนั้นไม่นาน ผู้ดูแลก็พาชายชุดดำคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาในห้องรับรับแห่งนี้
อย่างไรดสีย ชายผู้นั้นสวมผ้าคลุมสีดำปิดบังใบหน้ามิดชิดเช่นกัน มองผ่านตาข่ายคลุมเห็นเพียงแววแสงประกายเล็กน้อยที่สาดสะท้อนออกจากนัยน์ตาของชายคนนั้น
ทีแรกก็ปกติดีอยู่หรอก แต่พอเห็นว่าหลี่หวงที่เป็นเพียงเด็กสาวตัวน้อย ดวงตาคู่นั้นถึงกับเบิกกว้างด้วยความตกใจ
ทว่าแววตาของหลี่หวงกลับดูเฉยเมยไม่มีสะทกสะท้านแต่อย่างใด ราวกับว่าสายตาของเด็กสาวนางนี้เจนจัดผ่านพ้นประสบการณ์ทางโลกมาแล้วมากมาย
“แล้วของล่ะ?”
ชายคนนั้นเองถามขึ้นอย่างเย็นชา
เสียงของอีกฝ่ายฟังแล้วค่อนข้างแหบแห้งมาก หลี่หวงที่ได้ยินดังนั้นพึงทราบได้ทันทีว่า อีกฝ่ายน่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอะไรสักอย่างมาก
แต่...
นางเป็นสตรีพิษ หาใช่แพทย์เทวดาที่จะใจดีเสนอตัวไปรักษาให้เสียแรงเปล่า
เพียงเสี้ยวความคิดเคลื่อนขยับ ทันใดนั้นก็มีบุปผาสารีสูญดอกหนึ่งปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของนาง
บุปผาวารีสูญช่วงลำตัวเป็นเถาวัลย์จึงพันรอบข้ามือของนาง ราวกับลูกน้อยที่ไม่อยากพลัดจากกับแม่เท่าไหร่
อย่างไรก็ตาม สีหน้าของทุกคนที่อยู่ในห้องรับรองแห่งนี้กลับดูไม่สู้ดีนัก
ผู้ดูแลถึงกับรีบร่นถอยออกไปไกลห่าง จับจ้องหลี่หวงด้วยความหวาดกลัว
ชายในชุดคลุมสีดำจับจ้องอีกฝ่ายเจือแววตากระอักกระอ่วน ทั้งๆที่เขาเป็นคนต้องการมันแท้ๆแต่กลับส่อแววกลัวหนึ่งส่วน
นี่ช่าง...น่าอายโดยแท้!
ตอนนี้เขายืนยันแน่ใจแล้วว่า บุปผาวารีสูญตรงหน้าเป็นของจริง แต่ทว่า...เขากลัวที่จะสัมผัส
“ท่านคือ...สตรีพิษกระมัง?”
ชายชุดคลุมดำกล่าว
“จะเอาไม่เอา?”
หลี่หวงสบตาอีกฝ่ายเขม็ง พร้อมเค้นเสียงเย็นเอ่ยถามคำหนึ่ง
“...”
หญิงสาวนางนี้สามารถกำราบพิษของบุปผาวารีสูญได้อย่างอยู่หมัด หากนางเอาจริงใช้พิษขึ้นมาจะน่ากลัวปานใด?
“คุณหนู มีวิธีใดเล่าถึงสามารถกำราบบุปผาวารีสูญได้? ไม่ทราบว่า...พอมีวิธีที่จะทำให้มันปลอดภัยกว่านี้หรือไม่?”
ผู้ดูแลที่เห็นชายชุดคลุมดำกล้าๆกลัวๆ จึงอาสาเอ่ยถามขึ้นแทน
“...”
หลี่หวงเบนสายตามองไปยังบุปผาวารีสูญในมือ พร้อมโบกมือไปทีหนึ่ง ทันใดนั้นส่วนดอกที่เคยบานสะพรั่งก็หุบลงในทันใด พร้อมส่วนเถาวัลย์ที่คลายอ่อนลง กลายมาดูไม่มีพิษภัยเท่าก่อนหน้า
“รับไปสิ”
หลี่หวงยื่นมือส่งบุปผาวารีสูญออกไปให้ตรงหน้า
ชายชุดคลุมดำเร่งรับถุงผ้าไหมลายวิจิตใบหนึ่งออกมาใส่มันทันที
แต่เห็นได้ชัดว่า เขายังคงไม่ได้สติจากที่ได้เห็นท่าทางการแสดงออกของหลี่หวง
และเป็นเสียงอันเย็นชาของหลี่หวงอีกครั้งที่ปลุกให้เขาตื่นจากภวังค์
“ใช้มันภายในหนึ่งเดือน หลังจากนั้นพิษของมันจะเสื่อมสภาพลง”
“ขอบพระคุณอย่างยิ่ง”
ชายคนนั้นโค้งคำนับให้อย่างสุภาพนอบน้อม
จากนั้นเขาก็จากออกไปทันทีด้วยความเร่งรีบ
“คุณหนู นี่คือของที่ประมูลได้และเงินที่ได้จากการประมูลโอสถของท่าน”
ผู้ดูแลเดินตรงเข้ามาพร้อมกับมือไม้ที่สั่นเทา ยื่นบัตรสีทองคำให้หลี่หวง
“ทางเรขออนุญาติหักค่าดำเนินการ ดังนั้นยอดเงินในบัตรคงเหลือจะอยู่ที่200เหรียญผลึกมณี กับอีก450เหรียญม่วงทอง”
“ส่วนสัตว์อสูรืทื่ท่านประมูลได้ ทางเราได้ยกมาให้แล้ว และก็...”
เอ่ยถึงจุดนี้ ผู้ดูแลก็หยิบถาดแผ่นหนึ่งจากคนรับใช้และยื่นให้ตรงหน้าหลี่หวง
“นี่เป็นของที่แขกผู้มีเกียรติห้องเคียงข้างมอบให้ท่าน”
หลี่หวงถึงกับเบิกตาโต นี่มันแหวนมิติที่นางต้องการทีแรก!
“เอากลับไปเถิด”
หลี่หวงส่ายหน้าผลักถาดกลับไป หาใช่ว่านางถือตัวหยิ่งผยอง แต่นางถูกสอนให้ไม่รับของจากคนแปลกหน้า
ทว่าผู้ดูแลยังกล่าวต่ออีกว่า
“แขกผู้มีเกียรติที่อยู่ห้องเคียงข้างกล่าวว่า อีกฝ่ายทราบถึงตัวตนที่แท้จริงของท่าน ดังนั้น...โปรดรับไว้ด้วย”
ใจหนึ่งผู้ดูแลก็รู้สึกสงสัยเช่นกัน ไฉนนายน้อยถึงต้องทำขนาดนี้ให้นางด้วย?
หรือเป็นไปได้ไหมว่า...นายน้อยจะสนใจนางผู้นี้?!
โอ้...บ้าไปแล้ว!
ทว่าในความเป็นจริง หลิงเฟิงกลับไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของหลี่หวงเลย เขาเพียงโกหกผู้ดูแลไปเท่านั้น
หลี่หวงใจเต้นแรงตื่นตาตื่นใจอย่างมากที่ได้รับแหวนมิติวงนี้ ในเมื่ออีกฝ่ายกล่าวถึงขนาดนั้น นางเองก็ไม่ปฏิเสธเช่นกัน นางหยิบแหวนวิติขึ้นมาจากถาดและหยดเลือดใส่ทันทีเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ
“เช่นนั้นขอตัวก่อน”
ผู้ดูแลเห็นหลี่หวงรับแหวนวงนั้นเสร็จสรรพ เท่านี้ก็ถือว่าภารกิจของเขาเสร็จสิ้นแล้วเช่นกัน ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกไปทีหนึ่ง!
รีบปิดประตูเดินจากออกไปทันที ทิ้งให้หลี่หวงและสัตว์อสูรอยู่ด้วยกันสองต่อสอง
“เหยาอวี้?”
หลี่หวงตะโกนเรียก เวลามีคนนอกเข้ามาเหนาอวี้ก็จะลอยตัวกลับเข้าห้วงมิติก่อนทันที
“เรื่องนี้เจ้าต้องจัดการดูแลเอง ข้าช่วยอะไรไม่ได้นัก”
เสียงของเหยาอวี้ดังก้องอยู่ในห้วงความคิด น้ำเสียงเร้นแฝงความสุขใจบนความโชคร้ายของนาง
อะไรคือความสุขใจบนความโชคร้ายของนางงั้นรึ? ก็...สัตว์อสูรตัวน้อยนั่นไง
ภายในกรงปราณสัตว์อสูรตัวน้อยกำลังหลับปุ๋ยอยู่...