ตอนที่18 ไข่มุกแสงจันทร์
ตอนที่18 ไข่มุกแสงจันทร์
ในขณะที่หลี่หวงกำลังครุ่นคิดอยู่กับตนเองนั้น ก็มีหญิงงามนางหนึ่งก้าวเดินออกมาจากหลังเวทีประมูล ดูเหมือนนางจะทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการประมูลนี้
เมื่อมาถึง นางก็ประกาศเริ่มต้นงานประมูลทันที
ผู้คนที่กระจุกตัวอยู่ด้านล่างต่างกระตือรือร้นกันอย่างมาก เพราะนางนับเป็นผู้ดำเนินการประมูลที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในเมืองหงเฟิงนี้ นั่นย่อมหมายความว่า งานประมูลในวันนี้ย่อมไม่ธรรมดา!
อีกทั้งยังบ่งบอกชัดเจนว่า สิ่งของที่จะนำออกประมูลในวันนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นสมบัติล้ำค่าหาได้ยากยิ่งอีกด้วย!
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ มีหรือที่ทุกคนจะไม่รู้สึกตื่นเต้น!
“สหายทุกท่าน ยินดีต้อนรับสู่โรงประมูลทงเทียน งานประมูลในวันนี้ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว”
หญิงงามผู้ดำเนินการประมูลที่มีชื่อเสียงนางนี้มีนามว่า ซีเล่อ ด้วยความช่ำชองและความเป็นมืออาชีพของนาง เมื่อมาถึงนางจึงไม่เสียเวลาพูดพล่ามทำเพลงอะไรมากมายเหมือนผู้ดำเนินการประมูลทั่วไป นั่นเพราะนางทราบดีว่า การที่นางปรากฏตัวเป็นผู้ดำเนินการประมูลในครั้งนี้ ย่อมสะท้อนให้ผู้คนในงานล่วงรู้แล้วว่า สิ่งของที่นำมาประมูลในครั้งนี้เป็นสิ่งของล้ำค่าที่หาได้ยากมากเพียงใด และทุกคนต่างก็กำลังตั้งหน้าตั้งตารอคอยเพื่อยลโฉมสิ่งของแต่ละชิ้นอยู่แล้ว จึงได้กล่าวข้ามเนื้อความไม่จำเป็นไปทันที
ของประมูลชิ้นแรกถูกนำขึ้นมาบนเวที ซีเล่อจึงได้ป่าวประกาศเสียงดัง
“ประเดิมการประมูลรายการแรกด้วย ไข่มุกแสงจันทร์ จากทะเลสาบเยวี่ยกวาง”
“ไข่มุกแสงจันทร์เม็ดนี้เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นสมบัติล้ำค่าแห่งท้องทะเลเยวี่ยกวาง กล่าวกันวันในทุกสิบปีธรรมชาติจะให้กำเนิดไข่มุกแสงจันทร์เพียงแค่หนึ่งเม็ดเท่านั้น ไม่เพียงไข่มุกเม็ดนี้จะมีความงดงามที่แสนเลอค่า แต่ยังเปี่ยมล้นด้วยสรรพคุณอื่นอีกมากมาย เช่น สามารถใช้เปิดเส้นลมปราณและบำรุงร่างกายได้”
“สำหรับสตรีนิยมใช้เป็นอายุวัฒนะ ชะลอความแก่ชราได้เป็นอย่างดี โดยปกติแล้วไข่มุกแสงจันทร์เม็ดนี้นับเป็นของที่หาได้ยากยิ่งนัก แต่นับเป็นโชคดีอย่างยิ่งยวดที่โรงประมูลทงเทียนของเรา มีโอกาสได้ของชิ้นนี้มาร่วมประมูล นับว่าเป็นเกียรติของเรายิ่งนัก โรงประมูลขอสงวนราคาเริ่มต้นที่ 900เหรียญทอง!”
“ไข่มุกแสงจันทร์? อืม...แปลกดี”
หลี่หวงเฝ้ามองไข่มุกแสงจันทร์เม็ดนั้น ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่บนเวทีด้วยสีหน้าอยากรู้อยากเห็น
“นี่เจ้าคงชอบไข่มุกเม็ดนั้นสินะ? แต่ก็ไม่แปลก นั่นมันของสำหรับผู้หญิงอย่างเจ้านี่นา?”
เหยาอวี้ลอยออกมาเกาะไหล่ของหลี่หวงตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ มันเฝ้าดูการประมูลสิ่งของไปพร้อมกับเจ้านาย ปากก็คอยวิพากษ์วิจารณ์ออกความเห็นไปด้วย
“สำหรับข้าแล้ว ของสิ่งนี้มีดีเพียงแค่เปล่งแสงได้ เช่นนี้แล้วจะเสียเงินเพื่อมันทำไมให้โง่เล่า?”
หลี่หวงส่ายหน้าไปมาขณะตอบ แสดงให้เห็นชัดเจนว่า นางมิได้สนใจของประมูลชิ้นแรกเลยแม้แต่น้อย
แต่ถึงอย่างนั้น ภายในบริเวณชั้นล่างของโรงประมูล ก็มีการต่อสู้แย่งชิงเจ้าสิ่งนี้กันอย่างดุเดือดทีเดียว
“950เหรียญทอง!”
“1เหรียญม่วงทอง!”
“2เหรียญม่วงทอง!”
“4เหรียญม่วงทอง!”
“6เหรียญม่วงทอง!”
ผู้คนที่แย่งกันประมูลสู้ราคากันโดยส่วนใหญ่นั้น เป็นเหล่าคนร่ำรวยจากตระกูลใหญ่ หรือไม่ก็เป็นพวกที่อยากจะได้ไข่มุกกลับไปให้ภรรยาและบุตรสาวเพื่อเอาใจพวกนาง
ส่วนอีกกลุ่มดูเหมือนจะเป็นชายหนุ่ม ดูท่าพวกเขาคงต้องการไข่มุกแสงจันทร์นี้ไปเอาใจหญิงที่ตนเองชื่นชอบกระมัง?
“จุ๊ จุ๊… แค่ไข่มุกเม็ดเดียวก็แก่งแย่งกันราวกับสุนัขกัดกันทีเดียวรึ?”
เหยาอวี้ปรายตาจ้องมองกลุ่มคนเหล่านั้นด้วยความรู้สึกดูถูก
“บางทีโอสถอาจมีราคาแพงเกินไป แม้ไข่มุกแสงจันทร์เม็ดนี้จะเป็นของหายาก แต่สรรพคุณกลับสู้ฤทธิ์โอสถไม่ได้เลย”
สิ่งที่หลี่หวงพูดออกไปล้วนเป็นความจริง เพราะราคาของโอสถเม็ดหนึ่งนั้น บางครั้งสามารถทำให้คนๆหนึ่งล้มลายได้เลยทีเดียว!
และคนเหล่านี้ก็ไม่ได้มีกำลังทรัพย์มากพอที่จะซื้อโอสถได้ จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องแย่งชิงสิ่งของเหล่านี้แทน
สิ่งของที่ช่วยเพิ่มพูมสมรรถภาพร่างกายย่อมเป็นสมบัติล้ำค่าสำหรับตระกูลที่มีนักอัญเชิญฝึกปรือ
หลี่หวงเห็นว่าสิ่งนี้ไม่มีค่าอะไรสำหรับนาง จึงล้มตัวนอนลงบนที่นอนเพื่อนอนหลับพักผ่อนและพักสายตา
ในที่สุดไข่มุกแสงจันทร์ก็ถูกชายหนุ่มคนหนึ่งซื้อไปในราคา20เหรียญม่วงทอง!
“ไม่คุ้มเลยสักนิด ไม่คุ้มค่าเลยจริงๆ!”
เหยาอวี้ส่ายศรีษะไปมาทันทีเมื่อเห็นผลลัพธ์สุดท้ายเป็นเช่นนั้น สิ่งของที่มีเพียงแค่ความสวยงาม กลับสามารถขายได้ในราคาที่สูงถึงเพียงนั้น? ช่างน่าอัศจรรย์ใจเสียจริงๆ!
หลี่หวงยิ้มพลางลุกขึ้นมานั่งประจำที่ประมูลดังเดิม
“ของประมูลชิ้นที่สองในวันนี้คือ กิ่งดอกท้อหมื่นปีแห่งตระกูลซู ข้าจะไม่ขอพูดถึงสรรพคุณของมันมากนัก เพราะทุกคนต่างทราบดีถึงความพิเศษของเจ้าสิ่งนี้กันดีอยู่แล้ว ฉะนั้น ข้าขอประกาศราคาเริ่มต้นที่ 2เหรียญม่วงทองดังเช่นปีก่อนๆ”
กิ่งดอกท้อหมื่นปี?
ไฉนช่างคุ้นเพียงนี้
หลี่หวงจำได้ว่า ตระกูลซูเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ เฉกเช่นเดียวกับตระกูลจวิ๋น
กิ่งดอกท้อหมื่นปีเหมือนว่าจะร่วงหล่นลงมาจากต้นไม้วิญญาณ ซึ่งอยู่ในการครอบครองของตระกูลซู?
“ที่แท้ก็เป็นกิ่งของตาเฒ่าพฤกษาหมื่นปีนี่เอง...”
เหยาอวี้บ่นรำพึงรำพันกับตนเอง พลางหัวเราะราวกับรู้อะไรบางอย่างมา
“เจ้าทราบความเป็นมาของมันงั้นรึ?”
“อืมม...ต้นพฤกษาท้อหมื่นปีเป็นหนึ่งในต้นไม้วิญญาณที่หาได้ยากยิ่งในใต้หล้า ตาเฒ่าพฤกษาจะสลัดกิ่งทิ้งหนึ่งกิ่งในทุกๆปี แต่กิ่งนี้จะมีอายุเพียงแค่สามวันเท่านั้น หากไม่นำไปแปรรูปหรือใช้งาน มันจะเหี่ยวเฉาและสลายไปในทันที หากนำไปต้มดื่มจะช่วยยืดอายุขัย แต่ที่น่าสนใจที่สุดคงจะเป็นส่วนคุณสมบัติของกิ่งที่มีคาวมยืดหยุ่นสูงมาก หากนำไปทำเป็นกระบี่ปลายอ่อนหรือแส้ยาว มันจะช่วยเพิ่มคุณสมบัติความยืดหยุ่นให้แก่อาวุธเหล่านั้นได้เป็นอย่างดีทีเดียว!”