ตอนที่15 ข้างกายข้ายังขาดฮูหยิน
ตอนที่15 ข้างกายข้ายังขาดฮูหยิน
สายตาของหลี่หวงดุดันสยดสยอง ประดุจอสรพิษที่กำลังเลื้อยเข้าฉกหลิงฉางเจวี่ยก็ไม่ปาน
หลิงฉางเจวี่ยสบตาอีกฝ่ายอย่างปราศจากความเกรงกลัวใดๆ เขาลอบถอนหายใจเล็กน้อยพลางรำพึงรำพันกับตัวเองว่า
‘หากสายตาสามารถสังหารผู้คนได้ นางคงใช้มันบั่นศรีษะข้าทิ้งแล้วกระมัง’
แม้ชีวิตที่ผ่านมาของหลิงฉางเจวี่ยจะเคยผ่านพ้นความตายมานับครั้งไม่ถ้วน แต่เขาก็มิกล้าประมาทต่อสายตาที่ดุดันชั่วร้ายของหลี่หวง
นี่นับเป็นแรงกดดันแบบหนึ่ง หรือมันคือสายตาอสรพิษอันไร้ปราณีอย่างแท้จริงกันแน่
หากจะพูดกันตามตรง สายตาของนางนับว่าน่ากลัวยิ่งนัก
หลิงฉางเจวี่ยอดที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งมิได้ ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ข้าเพียงแค่มาเยี่ยมเยียนเจ้าเท่านั้น มิได้คิดที่จะนำเรื่องนี้ไปบอกแกผู้ใด”
เขาลุกขึ้นยืนและเดินตรงไปหาหลี่หวงอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่หลิงฉางเจวี่ยลุกขึ้นยืนนั้น หลี่หวงจึงได้ตระหนักว่า ชายหนุ่มผู้นี้มีรูปร่างที่ค่อนข้างสูงยิ่งนัก
นางถึงกับต้องเงยหน้าขึ้นมองจนเกือบมุม45องศาเลยทีเดียว
ร่างกายของหลิงฉางเจวี่ยหาได้กำยำบึกบึน ตรงกันข้าม เขากลับมีเรือนร่างที่มีทรวดทรงงดงามอย่างมาก
หลี่หวงมั่นใจอย่างยิ่งว่า หากหลิงฉางเจวี่ยผู้นี้เปลี่ยนมาสวมอาภรณ์อย่างอิสตรี แต่งหน้าทำผมเผ้าสักหน่อยแล้วล่ะก็ คงจะมิมีผู้ใดจดจำได้ว่าเขาเป็นบุรุษอย่างแน่นอน!
อย่างไรเสีย หลังจากได้ฟังคำพูดของหลิงฉางเจวี่ย สัญชาติญาณของหลี่หวงกลับสั่งให้นางแสดงอาการต่อต้านกลับไปอย่างไม่รู้ตัว
“ในเมื่อพบข้าแล้ว เช่นนั้นก็ถึงเวลาที่เจ้าต้องกลับไปได้แล้ว!”
หลี่หวงหมุนตัวกลับโดยไม่เหลียวมองเขาอีกเลย
พินิจจากรัศมีกลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมาจากเรือนร่างของอีกฝ่ายในเวลานี้ มันช่างแกร่งกล้าเกินกว่าที่หลี่หวงจะทำอะไรเขาได้
“เหตุใดเจ้าจึงใจร้ายได้ถึงเพียงนี้?”
หลี่หวงหารู้ไม่ว่า หลิงฉางเจวี่ยเข้าใกล้ตนเองตั้งแต่เมื่อใด เมื่อรู้ตัวอีกทีใบหน้าของเขาก็โน้มเข้ามาคลอเคลียอยู่บริเวณไหล่อันนุ่มนวลของนางเสียแล้ว พลางกระซิบเสียงแผ่ว ริมฝีปากแทบจะสัมผัสใบหูของนาง
แต่ทว่าน้ำเสียงของเขากลับไม่อ่อนโยนเท่าไหร่นัก ตรงกันข้าม น้ำเสียงนั้นชักพากระแสกลิ่นอายชั่วร้ายออกมาสายหนึ่งแทน
หลี่หวงรู้สึกอึดอัดใจยิ่งนักกับการที่อีกฝ่ายเข้ามาประชิดเนื้อประชิดตัว และแสดงกิริยาเช่นนี้กับนาง
แล้วที่น่าสงสัยไปกว่านั้นก็คือ ชายหนุ่มผู้นี้เป็นอะไรกับใบหูของนางนัก?
หนึ่งชั่วความคิดโฉบวูบ ปลายนิ้วของนางพลันขยับเคลื่อนไหว ปรากฏเป็นดอกกุหลาบพิษสวยงาม พุ่งเข้าโจมตีบริเวณลำคอของอีกฝ่ายโดยตรง
หลิงฉางเจวี่ยบิดร่างหมุนเลี่ยงหลบเล็กน้อย พลางใช้มืออีกข้างจับข้อมือของหลี่หวงเอาไว้ได้ทัน
รอยยยิ้มยังคงปรากฏบนใบหน้าของเขาไม่มีจางหาย
“ทั่วทั้งร่างของเจ้ามีตาลวดหนามหรืออย่างไร? นี่นางพญางูพิษหรือแมงป่องกันแน่?”
“...ปล่อยข้า!”
หลี่หวงจงใจไม่ตอบคำถามอีกฝ่าย และพยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลังเพื่อให้หลุดพ้นจากการเกาะกุมของชายหนุ่ม
“อย่าขยับให้เสียแรงจะดีกว่า หากยังดื้อรั้นข้าก็ไม่กล้ายืนยันเช่นกันว่า ข้อมือของเจ้าจะหักหรือไม่?”
หลี่หวงหยุดชะงันไปทันใด ยามนี้รีบเร่งสงบสติอารมณ์ลง นางเงยหน้าขึ้นจับจ้องหลิงฉางเจวี่ยอย่างใจเย็น หากนางคือนางพญางูพิษ ชายผู้นี้ก็คงจะเป็นพญาจิ้งจอกชัดๆ!
“เจ้าต้องการสิ่งใด?”
หลี่หวงเค้นเสียงเอ่ยถามขึ้นอย่างเย็นชา
หลิงฉางเจวี่ยไม่ตอบ ทว่ากลับใช้ปลายแขนเสื้อตวัดกุหลาบพิษงดงามบนเรียวนิ้วของหลี่หวลกระเด็นหลุดไปอยู่ที่มุมห้อง มืออีกข้างรวบเอวของนางเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขน
“ข้างกายข้าผู้นี้กำลังขาดฮูหยินสักคนอยู่พอดี ดูไปดูมาเจ้าเองก็ไม่เลวเลย เจ้าสนใจที่จะติดตามข้าไปอยู่ด้วยกันกับข้าหรือไม่?
หลิงฉางเจวี่ยกล่าววาจาเย้าหยอก แต่น้ำเสียงกลับฟังดูจริงจังไม่น้อย
“โรคจิตรึไง! หรือเป็นพวกรักเด็ก!?”
หลี่หวงถูกอีกฝ่ายสวมกอดแน่นจนรู้สึกอึดอัด และยังคงพยายามดิ้นรนอย่างสุดแรง
หลิงฉางเจวี่ยเองก็หาใช่คนที่ชอบบังคับขืนใจผู้ใด เขาให้ความร่วมมือกับหลี่หวงเป็นอย่างดี คลายมือปล่อยร่างของนางออกจากอ้อมกอด
“ด้วยอายุของเจ้าเวลานี้ ย่อมสามารถเป็นฮูหยินของข้าได้แล้ว ถึงอย่างไร ข้าก็จะให้เวลาเจ้าได้ไปใคร่ครวญเรื่องนี้ดู”
หลิงฉางเจวี่ยยกเรียวนิ้วขึ้นมาจิ้มปลายจมูกน้อยๆของหลี่หวงด้วยความรักใครเอ็นดู
“แล้วเจอกันคราวหน้า”
ประดุจสายลมหนึ่งพัดผ่านหายไปอย่างไร้ร่องรอย ทุกอย่างกลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง เสมือนว่ามิเคยมีผู้ใดได้เข้ามาเหยียบย่างก่อนเลย
“เจ้าหมอนี่...มันคิดจะทำอะไรกันแน่?”
หลี่หวงบ่นพึมพำกับตัวเอง
“นายท่าน! ชายผู้นั้นแข็งแกร่งยิ่งนัก!”
ในห้วงความคิดของนาง สุ้มเสียงของเหยาอวี้ดังก้องขึ้นมา
“เมื่อครู่เจ้าหายไปที่ใดมา?”
หลี่หวงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ระหว่างที่หลิงฉางเจวี่ยปรากฏกายขึ้นนั้น เหยาอวี้กลับหนีหายไปอย่างไร้ร่องรอย