ตอนที่14 ทักษะขั้นสูง แกล้งตาย!
ตอนที่14 ทักษะขั้นสูง แกล้งตาย!
ทั่วทุกมุมห้องเปรอะเปื้อนไปด้วยคาบเลือดสีแดงสดที่สาดกระเซ็นอยู่ภายในห้องของหลี่หวง กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งตลบอบอวลจนผู้คนในบริเวณนั้นแทบอาเจียนหมดสติลง บนเตียงนอนปรากฏร่างของคุณหนูใหญ่นอนแน่นิ่งไม่ขยับเขยื้อน ใบหน้าของนางซีดขาวไร้สีเลือด
ลมหายใจอ่อนระทวยประหนึ่งว่าสามารถจะสิ้นลมหายใจลงได้ทุกเมื่อ!
“หมอ! ไปตามหมอมาเร็วเข้า!”
จวิ๋นจ้านแหกปากตะโกนลั่น แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่มั่นใจว่า เด็กสาวตรงหน้านี้จะยังมีชีวิตอยู่อีกหรือไม่
หากนางเสียชีวิตขึ้นมาจริง ย่อมนับเป็นหายยะครั้งใหญ่ของเขาอย่างแน่นอน เพราะตระกูลสาขาหลักจะต้องมาเอาเรื่องเขาถึงที่นี่แน่!
ผู้ใดกันที่กล้าทำเรื่องชั่วช้าเช่นนี้ขึ้นในจวน!
“นายท่าน! คุณหนูใหญ่ถูกวางยาพิษร้ายแรง ดูเหมือนจะเป็นยาพิษชนิดเดียวกันกับที่คุณหนูรอง และฮูหยินรองโดนเช่นกัน จากภาพการที่ปรากฏอยู่ในตอนนี้ ดูเหมือนว่าหลังจากที่คุณหนูใหญ่รู้ตัวว่าถูกวางยาพิษ นางคงจะเข้าต้อสู้กับคนชั่วโฉดนั่นจนเกิดการนองเลือดครั้งใหญ่ขึ้น!”
เมื่อจวิ๋นจ้านได้ฟังคำพูดประโยคนั้นเข้า คู่คิ้วของเขาพลันขมวดแน่นจนแทบแนบชิดติดกัน!
หากนี่คือพิษชนิดเดียวกัน นั่นย่อมหมายความได้ว่า ผู้ที่ลงมือจะต้องเป็นคนเดียวกัน!
บัดซบสิ้นดี ผู้ใดกันที่บังอาจสร้างโศกนาฎกรรมครั้งนี้ขึ้นในจวนของเขา!
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เหยาอวี้ที่กำลังนอนตีพุงอยู่ในห้วงมิตินาโนชิปก็จามออกมาอย่างแรงหนึ่งที
ฮัดชิ้ว!
“ตาลุงนั่นจะต้องนินทาว่าร้ายข้าอยู่เป็นแน่”
เหยาอวี้ได้แต่บ่นพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะพลิกตัวกลับไปนอนอีกครั้ง
ในเมื่อเจ้านายของมันบอกว่า ต้องการแสดงละครตบตาสักฉากหนึ่ง ตอนนี้ตัวมันจึงค่อนข้างว่าง และในช่วงเวลาเช่นนี้คงไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการได้นอนหลับพักผ่อน!
“ยังพอจะช่วยชีวิตได้ทันหรือไม่ท่านหมอ?!”
น้ำเสียงของจวิ๋นจ้านเวลานี้เปี่ยมไปด้วยความหวัง
“ต้องขอข้าลองพยายามอย่างเต็มที่ดูสักครา ทว่าคุณหนูใหญ่ได้รับบาดเจ็บค่อนข้างรุนแรง ข้าว่าท่านประมุขกลับเข้าเรือนไปพักผ่อนสงบสติอารมณ์เสียดีกว่า มีท่านอยู่ด้วยเช่นนี้ เกรงว่าข้าจะไม่สามารถรักษาพวกนางทั้งสามได้อย่างเต็มที่”
หมอชราโบกมือเป็นสัญญาณให้จวิ๋นจ้านรู้ว่า เขาต้องการความเป็นส่วนตัวเพื่อที่จะได้ทำการรักษาคนไข้ทั้งสามอย่างสุดความสามารถ
พิษที่จวิ๋นรั่วและฮูหยินรองโดนเข้าไปนั้นเป็นพิษชนิดเดียวกัน ซึ่งเขาพอที่จะมีหนทางรักษาอยู่บ้าง แต่สำหรับคุณหนูใหญ่นั้น อาการกลับสาหัสกว่าเพราะเสียเลือดไปมาก และหากเขาไม่สามารถรักษาได้ ชีวิตของเขาเองก็คงต้องจบสิ้นตรงนี้เช่นกัน
“เชิญท่านหมอเหวินรักษาได้ตามสะดวก แต่อย่าลืมว่า เจ้าต้องช่วยชีวิตคุณหนูใหญ่ให้จงได้!”
สีหน้าท่าทางและคำพูดของจวิ๋นจ้านนั้น ฟังดูราวกับได้ตายไปแล้วครึ่งชีวิต ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จวิ๋นหลี่หวงจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป ไม่มีหนทางอื่นนอกจากนี้!
“ข้าจะพยายามอย่างสุดความสามารถ”
หมอชรารอจนกระทั่งจวิ๋นจ้านเดินออกไปจากห้อง เขาจึงค่อยถอนหายใจพลางปรายตามองไปทางหลี่หวง ปากก็พึมพำเสียงเบาว่า
“ช่างเป็นเด็กสาวที่งดงามอะไรเยี่ยงนี้ แต่น่าเสียดายที่ช่างโชคร้ายยิ่งนัก... เฮ้ออ...สวรรค์ช่างไร้ตาจริงๆ”
ท้ายที่สุด หมอชราก็ทำได้เพียงแค่เดินออกจากเรือนพักของหลี่หวงไป เขารีบกลับไปยังหอโอสถเพื่อจัดเตรียมโอสถที่นับว่าเลิศล้ำที่สุดมารักษา
เรือนบุปผาโปรยปรายเวลานี้ เปลี่ยนเป็นเงียบสงัดราวกับป่าช้า เพียงแค่เห็นก็รู้สึกเงียบเหงาได้อย่างน่ากลัว
หลี่หวงที่กำลังนอนแน่นิ่งอยู่บนที่นอน ในที่สุดก็ลืมตาตื่นขึ้นมา ร่างของนางลุกพรวดขึ้นราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากนั้นจึงวิ่งตรงไปที่หน้าต่างเพื่อสังเกตการณ์
“โอสถขับประจำเดือนช่างสุดยอด!”
ภายในเรือนพักก่อนหน้า ได้มีบรรดาสาวใช้มาทำความสะอาดจนกลับมาเอี่ยมอ่องเช่นเดิม มิมีผู้ใดล่วงรู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นแผนของหลี่หวง
“ช่างแกล้งตายได้เสมือนจริงยิ่งนัก! ราวกับว่าเจ้าได้ตายไปแล้วจริงๆ!”
เหยาอวี้ลอยออกมาพร้อมกับเอ่ยปากแสดงความคิดเห็นทันที พลางยกฝ่ามือขึ้นลูบคางไปมาด้วยใบหน้าที่กำลังขบขัน
“หื้ม? นี่เจ้าหลอกแช่งชักข้างั้นรึ?”
“เปล่านายท่าน! ข้าเปล่า!”
เหยาอวี้รีบโบกมือปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันจะลืมได้อย่างไรว่าเจ้านายของมันนั้นเป็นหญิงอำมหิตเพียงใด?
อย่าได้คิดล่วงเกินนางเป็นอันขาด มิฉะนั้นชีวิตของเจ้าอาจจะหาไม่ได้!
“แผนนี้ช่วยข้าได้มากทีเดียว ระหว่างที่หมอแก่นั่นกลับไปหอโอสถเพื่อเตรียมโอสถมารักษา ข้าก็จะได้นอนพักอย่างสงบสุขเสียที!”
หลังจากเอ่ยจบแล้ว หลี่หวงก็บิดขี้เกียจไปด้วย และเตรียมที่จะล้มตัวลงนอน
แต่เมื่อนางเหลียวหลังกลับไป ก็ถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะ!
เพราะร่างที่อยู่ด้านหลังของนางนั้น กลับมิใช่ใบหน้าโปร่งแสงของเหยาอวี้ แต่เป็นร่างของชายหนุ่มผู้หนึ่ง! เขาคือมนุษย์ที่ยังมีลมหายใจ!
“สาวน้อย เราพบกันอีกแล้ว”
มีคนบังอาจนอนเท้าศีรษะอยู่บนที่นอนของนาง มิหนำซ้ำยังจ้องมองนางพร้อมกับยิ้มทะเล้นให้อีกด้วย
เสียงนี่มัน? ไอ้เวรที่งับหูข้ามิใช่รึ!?
หลี่หวงกวาดสายตาสำรวจดูอีกฝ่ายเล็กน้อย และพบว่าวันนี้เขามิได้สวมหน้ากากดังเช่นครั้งก่อน
ในการบรรยายความหล่อเหลาของชายหนุ่มผู้นี้ ดูเหมือนจะใช้เพียงแค่ประโยคสั้นๆไม่กี่คำเท่านั้น
ใบหน้าอบอุ่นดั่งหยก บนโลกใบนี้คงมีเพียงเขา
รูปลักษณ์หน้าตาของชายหนุ่มผู้นี้ประหนึ่งงานศิลป์ที่ถูกวาดขึ้นอย่างประณีต ไม่ว่าจะเป็นคำว่างดงามหรือว่าหล่อเหลาก็ล้วนแล้วแต่ใช้กับชายหนุ่มผู้นี้ได้ทั้งนั้น นั่นเพราะหากอีกฝ่ายปล่อยผมยาวนั้นลงมา การจะตัดสินว่าเป็นชายหรือหญิงนั้น ก็ใช่ว่าจะสามารถแยกแยะได้โดยง่าย
หลี่หวงไม่สามารถสรรหาคำใดมาพรรณนารูปลักษณ์ของอีกฝ่ายให้ชัดเจนได้เลยจริงๆ
งดงามดุจอิสตรี เคร่งขรึมดุจองค์ชายผู้หล่อเหลา
“ไฉนเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่ได้อีกล่ะ?”
หลีหวงหรี่สายตาจับจ้องอีกฝ่ายคล้ายกำลังจับผิด พร้อมกับก่นเสียงเย็นชาเอ่ยถามออกไป
“ข้าได้ยินมาว่าคุณหนูใหญ่และคุณหรูรองแห่งจวนตระกูลจวิ๋นถูกวางยาพิษ นอนไม่ได้สติ ข้าจึงต้องมาตรวจสอบดูให้แน่ใจเท่านั้น”
หลิงฉางเจวี่ยชำเลืองมองหลี่หวงแวบหนึ่ง พลางหัวเราะเบาๆพร้อมกับเอ่ยต่อว่า
“ทว่าดูเหมือนข่าวข้าที่ได้ยินมาจะไม่เป็นความจริง? เพราะคุณหนูใหญ่สามารถเดินเหินได้คล่องป๋อทีเดียว”