ตอนที่ 150 ภารกิจสอดแนม(อ่านฟรี)
ตอนที่ 150 ภารกิจสอดแนม
กายและทหารอีกสามนายวิ่งเข้าไปที่ซากหมู่บ้านอย่างระวัง รอบนอกของหมู่บ้านล้างนั้นมีลักษณะเป็นซากกำแพงที่แตกหักฝังจมดินตามกาลเวลาอยู่หลายจุด จึงเป็นที่หลบให้พวกเขาได้เป็นอย่างดี
หลังจากลอบเข้าไปจนถึง รอบนอกแล้วพวกเขาทั้ง 4 ก็หลบจากจุดที่มีทหารลาดตะเวนอยู่ แต่มาถึงตรงนี้พวกเขาก็ไม่อาจจะหลบได้อีกแล้ว ห่างไปเพียงไม่กี่เมตรมีทหารยามสองนายยืนเฝ้าเส้นทางพร้อมกับเดินไปมาอย่างเบื่อหน่าย
อูโกส่งสายตาให้กายและทหารอีกสองนาย ก่อนที่เขาจะแยกกันไปคนละฝั่งของ ก่อนที่พวกเขาจะลอบเข้าไปลงมือจัดการทหารยามทั้งสองคน
โดยกายและอูโกลงมือคู่กัน อูโกลอบเข้าไปด้านหลังเอาล็อกคอเอามือปิดปากทหารยามคนนั้นในทันที ทำให้ทหารยามพยายามส่งเสียงร้องอู้อี้อยู่ในลำคอ แต่ไม่ว่าจะดิ้นแค่ไหนก็ไม่มาสามารถสู้แรงของอูโกได้
กายชักมีดสั้นของตนที่ไม่ค่อยได้ใช้ออกมาก่อนจะแทงเข้าไปที่หัวใจ ทหารยามที่โดนอูโกล็อกคออยู่มองมาที่กายด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง กายกัดฟันไม่สนใจสายตานั้นบิดมีดอย่างแรงจนทหารยามสิ้นใจตาย
อูโกค่อย ๆ ว่างร่างของทหารยามลงอย่างเบามือเพื่อไม่ให้เกิดเสียงดัง ก่อนจะหันมาพยักหน้าให้กับกาย กายพยักหน้ากลับไปและหันไปมองอีกฝั่งของถนน ซึ่งทางด้านนั้นทหารสองคนของหน่วยที่ 7 ก็จัดการทหารยามอีกคนไปแล้วเช่นกัน
พวกเขาไม่มีใครพูดอะไร รีบทำการลากศพไปแอบในมุมอับและเดินเข้าไปต่อ
“กลิ่นเลือด”
กายสูดดมอากาศเบื้องหน้า ซึ่งดูเหมือนอูโกและทหารอีกสองคนจะรับรู้ได้เหมือนกัน
“ทางนั้น” อูโกกล่าว ก่อนจะรีบวิ่งไป เมื่อมาถึงพวกเขาก็ต้องตกใจ ที่เห็นว่าด้านหน้าในหลุมที่ยุบไปลงของบ้านหลังหนึ่งนั้นเต็มไปด้วยซากศพทหารจำนวนมากกองรวมกันอยู่
ทหารส่วนใหญ่นั้นถูกถอดชุดเกาะและของมีค่าออกไปจนหมด แม้แต่รองเท้าก็ไม่ได้เหลือเอาไว้
ที่ตัวยังมีรอยบาดแผลซึ่งไม่ได้มีแผลเดียว แต่เป็นรอยแผลแทงหลายแห่ง ศพของพวกเขาแข็งมาสักพักแล้วจากการตายเมื่อวานนี้
“พวกมันทำเกินไปแล้ว” หนึ่งในทหารที่มาด้วยกล่าวด้วยความเดือดดาล
“เบาเสียงหน่อย” อูโกรีบหันมาบอก
ทหารนายนั้นรีบลดเสียงปรับอารมณ์ของตัวเองลง ระหว่างนั้นกายก็เดินลงไปสำรวจดูศพทหาร เมื่ออูโกเห็นแบบนั้นจึงกล่าวออกมา “เราไป” ต่อกันเถอะ ต้องดูจำนวนทหารฝั่งของพวกมันก่อน”
“เจ้าลงมาดูนี่ก่อน” กายเรียกอูโกให้ลงมาดูบาดแผลของทหารเหล่านี้
“ทำไม...บาดแผลเหล่านี้มัน”
“เป็นบาดแผลจากอาวุธหลายแบบ เจ้าคิดว่ามันใช่การโจมตีของทหารไหม”
“ไม่น่าใช่ ทหารที่ประจำการคือนักรบฝึกหัดระดับ 3 เป็นอย่างน้อย ฝั่งนครแสงเทวาก็ให้หลักการเดียวกัน การโจมตีพวกเขาน่าจะรุนแรงมากกว่านี้ ส่วนรอยแผลพวกนี้เป็นแผลที่โจมตีไม่รุนแรงมากนัก น่าจะมาจากคนที่ระดับต่ำกว่า” อูโกอธิบายด้วยน้ำเสียงที่เบา
กายพยักหน้าอย่างเห็นด้วย เขากำลังจะเอ่ยปากกล่าว แต่ในตอนนั้นเองก็มีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาหลุมศพที่พวกเขาอยู่
“หวังว่าพวกนั้นจะเหลือของมีค่าไว้บ้างละนะ” ชายคนนั้นกล่าวออกมา ก่อนจะมุ่งหน้าตรงมาที่หลุมศพ แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักลงด้วยความตกใจ ที่เห็นคนแปลกหน้า 4 คนยืนมองไปทางตน
พวกหาของจากศพ...ศัตรู
กายเข้าใจได้ในทันที
สีหน้าของชายคนนั้นราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปทั้งตัว มันรีบหันหลังวิ่งในทันที พร้อมกับคิดจะเอ่ยปากตะโกนเตือนคนอื่น ๆ แต่จังหวะนั้นเองทหารหน่วยที่ 7 สองคนที่อยู่ใกล้สุดรีบกระโดดไปตะครุบตัวพร้อมกับเอามือปิดปากชายคนนั้นไว้
ชายคนนั้นพยายามดิ้นไปมาให้หลุด แต่พลังของเขากลับไม่สามารถสู้ได้แม้แต่น้อย
ส่วนอีกคนนั้นก็หยิบมีดออกมาเตรียมจะสังหารชายคนนั้น แต่กายรีบร้องบอก “อย่าฆ่าเขา”
“ทำไม” ทหารนายนั้นหยุดมือกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาเมื่อรู้ว่ากายห้ามตนเอง ทหารส่วนใหญ่นั้นโมโหอยู่แล้วที่เห็นสหายในด่านหน้าที่ 57 โดนทำกับศพเช่นนั้น
“ใจเย็นก่อน เดวินเจ้าห้ามเขาคงมีเหตุผลสินะ” อูโกรีบเข้ามาห้ามสถานการณ์และถามกาย
“แน่นอน” กายกล่าวเบา ๆ ก่อนจะเดินไปหยุดอยู่ตรงที่ชายคนนั้นถูกจับกดและพูดต่อ “จำแผลที่พูดเมื่อครู่ได้ไหมที่ว่าโดนโจมตีจากคนที่อ่อนแอกว่า ข้าคิดว่านอกจากทหารของนครแสงเทวาแล้วคงจะมีพวกมนุษย์ไฟแบบกองโจรโลหิตเข้าร่วมการโจมตีครั้งนี้ด้วย ดูที่รอยสักนี่สิ” กายเปิดรอยสักให้กับทหารทั้งสามคนดู
อูโกเดินเข้ามาดูอย่างสนใจ
“รอยพวกนี้นิสมกันในพวกมนุษย์ไฟ ถ้าเกิดเราสังหารเขา ร่างของเขาคงกลายเป็นลูกไฟพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าละเตือนคนอื่น ๆ ทางเดียวที่เราทำได้คือ จับเป็นเขาและเอากลับไปสอบสวน ยังไงเขาก็อยู่ที่ด่านหน้านี้น่าจะรู้จำนวนทหารที่หลบอยู่ที่นี่แน่นอน อีกอย่าง ข้าว่าเจ้าก็น่าจะรู้เราคงแอบเข้าไปลึกกว่านี้ไม่ได้แล้ว” กายอธิบายให้อูโกและทหารอีกสองนายฟัง
ที่จริงกายก็ไม่รู้จักชื่อสัญลักษณ์กิลด์ของผู้เล่นคนนี้ แต่เขาเคยเห็นมาบ้างในอินเตอร์เน็ต ดุเหมือนว่าจะเป็นหนึ่งในกิลด์ที่มีชื่อเสียงเช่นกัน แต่อาจจะไม่เท่ากับกิลด์กะโหลกแดง
ถึงอย่างนั้นนี่ก็ยืนยันให้กายได้รู้ว่า ไม่ได้มีผู้เล่นจากกิลด์กะโหลกแดงที่เข้าร่วมกับนครแสงเทวา แต่ยังมีกิลด์และผู้เล่นอื่น ๆ ด้วย
บางทีอาจจะเป็นผู้เล่นที่สุ่มไปเกิดที่นครแสงเทวาก็เป็นได้
ทั้งสามมองหน้ากันไปมา สุดท้ายอูโกก็เห็นด้วยกับวิธีของกาย
“ตกลงเอาตามนั้น เรารีบออกไปจากที่นี่ก่อน ยิ่งอยู่นานยิ่งเสียงถูกพบตัว”
กายเห็นด้วยกับคำพูดของอูโก พวกเขาจัดการทหารยามไปสองและจับอีกหนึ่งมา มันขึ้นอยู่กับเวลาว่าทหารพวกนั้นจะรู้ตัวว่าคนฝั่งตัวเองหายไปตอนไหนก็เท่านั้น
ผู้เล่นพอรู้ว่าจะโดนจับเฉลยรู้สึกกลัวขึ้นมาในทันที เขาพยายามดิ้นขัดขืนเพื่อให้หลุดไปได้หรือโดนสังหารก็ยังดี เนื่องจากมีผู้เล่นหลายคนที่โดนฝ่ายนครดาราฟ้าจับตัวไปแล้วถูกคุมขังไม่อาจจะขยับตัวหรือทำสิ่งใดได้สุดท้ายแล้วก็ต้องยอมละทิ้งไอดีนั้นไป
อย่างน้อยถ้าตายตนก็ยังสามารถคืนชีพได้อีกครั้ง และยังมีโอกาสรอดจากเงื้อมมือของทหารเหล่านี้
กายเห็นผู้เล่นคิดจะขัดขืนก็พอเดาความคิดของผู้เล่นคนนี้ออก เขานั่งลงก่อนจะกระซิบบางอย่างไป เมื่อผู้เล่นได้ยินดังนั้นก็หยุดขัดขืนและถามกายกลับด้วยสายตาเป็นประกาย
“เจ้าพูดจริงนะ”
“แน่นอน”
“ดี...ข้ายอมให้จับตัวไป รีบพาข้าไป” ผู้เล่นหยุดดิ้นรนและให้ความร่วมมืออย่างดี ทำเอาอูโกและทหารอีกสองแปลกใจกับท่าทีหน้ามือเป็นเป็นหลังมือของมนุษย์ไฟคนนี้มาก ทั้งสามหันมามองกายเป็นสายตาเดียวกัน
“เจ้าพูดอะไรกับเขา”
“ความลับ”
กายพูดจบก็หันหลังเดินออกไปจากตรงนี้ทันที อูโกเห็นแบบนั้นก็ไม่ได้คิดจะถามต่อ แต่เขารู้สึกสนใจเด็กหนุ่มจากสถาบันศาสตร์นักรบคนนี้ขึ้นมา
อูโกไม่ได้จบจากสถาบันศาสตร์นักรบหรือมาจากตระกูลเจ้าพนักงาน เขาเป็นเพียงประชากรทั่วไปของนครดาราฟ้า ที่เริ่มจากการเป็นพลทหารและไต่เต้าขึ้นมาในเวลา 5 ปีจนได้รับเลื่อนให้มาเป็นรองหัวหน้าหน่วยที่ 7 กองพลที่ 1 กองทัพพิทักษ์ตะวันออก แม้จะเป็นตำแหน่งที่ไม่ได้ใหญ่โต แต่ก็ถือเป็นการเริ่มต้นเส้นทางทหารที่ดี
แต่ถึงกระนั้นเขาก็รู้สึกอิจฉาเหล่าคนที่เข้าเรียนที่สถาบันศาสตร์นักรบ เพราะส่วนใหญ่เมื่อจบมาแล้วตำแหน่งแรกที่พวกเขาได้รับนั้นก็คือ หัวหน้าหน่วยทันที นั้นทำให้อูโกรู้สึกมีอคติกับกายอยู่บ้าง
แต่พอเห็นท่าทีของกายที่กล่าวไม่มีคำก็ทำให้เฉลยมนุษย์ไฟยอมทำตามนั้นทำให้เขารู้สึกว่ากายนั้นไม่ธรรม เพราะเท่าที่หน่วยพวกเขาเจอมนุษย์ไฟ พวกเขาเป็นพวกบ้าที่ยอมตายไม่ยอมถูกจับ
“ไปเถอะ” อูโกกล่าวจบก็รีบตามกายออกไป
ทหารสองนายจับผู้เล่นมัดด้วยเชือกที่มือและรีบลากเขาตามออกไป
ตอนเข้ามานั้นยาก แต่ตอนกลับไปก็ยากไม่แพ้กัน ยังดีที่พวกเขาจดจำเส้นทางลับตาในพื้นที่ได้อย่างดี ทำให้ใช้เวลาไม่นานก็ออกมาจากหมูบ้านร้างที่ตั้งของด่านหน้า 57 ได้
จากนั้นก็ไปรวมตัวกับทหารอีก 6 นายและถอยกลับมาหาหัวหน้าหน่วยทิฟอนได้สำเร็จ
“เจ้านี่คือมนุษย์ไฟที่จับได้จากด่านหน้าที่ 57 สินะ” ทิฟอนมองอูโกก่อนจะถามออกไป
“ใช่ แต่เรื่องนี้ให้เด็กนั้นบอกรายละเอียดดีกว่า ผลงานพวกนี้เป็นฝีมือของเขา” อูโกชี้ไปที่กาย
“เจ้าลองอธิบายมาดูหน่อย” ทิฟอนถามกายด้วยความสนใจทันที
กายพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะเล่าเรื่องทั้งแต่ตน จนถึงความสงสัยของเขาที่ว่าที่ด่านหน้าไม่ได้มีแค่ทหารของนครดาราฟ้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงพวกผู้เล่นด้วย ซึ่งแน่นอนในคำอธิบายของกายคือมนุษย์ไฟ และเขายังแทรกขอสันนิษฐานชักจูงบางอย่างเข้าไปด้วย เช่นบางทีพวกมนุษย์ไฟบางส่วนอาจจะเข้าร่วมมือกับนครแสงเทวาและนครแสงเทวาก็คิดจะใช้พวกนี้เป็นทหารสู้ตายกับทางนครแสงเทวา
หัวหน้าหน่วยทิฟอนได้ฟังก็ยิ่งสีหน้าไม่สู้ดี แม้ใจจะไม่ค่อยเชื่อคำพูดที่ว่ามนุษย์ไฟยินดีร่วมมือกับนครแสงเทวา แต่เมื่อลองมาคิดดูดี ๆ อาจจะเป็นจริงขึ้นมาได้ และถ้าเป็นแบบนั้นมันคงจะปวดหัวหน้าดูถ้าต้องสู้กับคนพวกนี้ที่มีถึงสามชีวิตพวกนี้
“ถ้าเป็นอย่างที่เจ้าสันนิษฐานคิดว่ามีพวกเขากี่คนที่เข้าร่วมกับนครแสงเทวา” ทิฟอนถามกายเป็นนัย ๆ กายไม่ได้ตอบกลับไปทันที แต่ชี้ไปที่ผู้เล่นที่ยังคงโดนจับตัวผูกกับต้นไม้อยู่
“ท่านลองถามเขาเองเลยจะดีกว่า”
“อูโก...” หัวหน้าหน่วยทิฟอนพูดแค่คำเดียว อูโกก็เข้าใจในทันที เขาพยักหน้าก่อนจะเดินตรงไปหาผู้เล่นคนนั้น ผู้เล่นเห็นอูโกเดินเข้ามาก็ตกใจเล็กน้อย แต่ก็ยอมตอบทุกคำถามของอูโก
ยิ่งได้ฟังคำตอบของคำถามสีหน้าของหัวหน้าหน่วยทิฟอนและทหารหน่วยที่ 7 ในที่แห่งนี้ก็ดูจะหนักอึ้งขึ้นมาเรื่อย ๆ เพราะถ้าเป็นอย่างที่ผู้เล่นคนนั้นพูดจริงสถานการณ์ก็ดูจะเลวร้ายกว่าที่คิด