Ep.5 - คารวะมหาเทพ
Ep.5 - คารวะมหาเทพ
จ้าวหมิงพุ่งออกมาจากพงหญ้าพร้อมเปิดใช้งานสกิลของเขาทันที
แสงเจิดจรัสทอประกาย ก่อตัวเป็นชั้นเกราะป้องกันราวกับป้อมปราการเหล็กกล้า จากนั้นก็วิ่งวนไปรอบๆเป็นงูเลื้อย คอยหลบหลังหินหลังต้นไม้ พยายามทำให้ตัวเองเป็นจุดสนใจ
ฟิ้ว ฟิ้วว ฟิ้ววว!
ศรสามดอกถูกยิงใส่เขา ดอกแรกเล็งโดนหินใหญ่ ดอกสองเล็งโดนลำต้นไม้ แต่ดอกสุดท้ายเข้าเป้าโดนจ้าวหมิง
เคร้ง!
เสียงเหล็กปะทะเหล็กดังก้อง ปลายลูกศรเสียดสีกับชั้นป้องกันจนเกิดประกายไฟ ความหนาของโล่พลังงานที่ปกคลุมร่างจ้าวหมิงลดลงครึ่งหนึ่งอย่างเห็นได้ชัด
ทว่าจ้าวหมิง กลับไม่ได้รู้สึกอะไรเลย! สกิลนี้สามารถช่วยปกป้องเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ! นี่ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นมาก
ด้วยการป้องกันที่แข็งแกร่งเช่นนี้ เกรงว่าต่อให้เป็นกระสุนปืนก็คงยิงไม่เข้า!
ยังจำได้ไหม ว่าทุกสิ่งที่ได้รับในเกม ไม่ว่าจะเป็นพละกำลัง , ความสามารถ , อุปกรณ์ หรือเสบียง ทั้งหมดสามารถนำกลับสู่โลกจริง ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้จ้าวหมิงก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น!
หากสกิลนี้ถูกใช้งานในโลกจริง มันจะกลายเป็นวิชาเทพเซียนที่สามารถช่วยชีวิตเขาจากอันตรายได้!
เมื่อเห็นว่าไม่อาจทำร้ายเป้าหมาย ก็อบลินสามตัวส่งเสียงร้องฉุนเฉียว ไล่ตามจ้าวหมิงทันที
“เสี่ยวเฉียง! ลงมือเลย!”
ฮังอวี่ตะโกนบอกจางเสี่ยวเฉียง ส่วนตัวเขาราวกับเสือชีตาห์ กุมดาบสั้นไว้ในมือ พรวดออกจากป่าอย่างรวดเร็ว พุ่งเข้าใส่ก็อบลินลาดตระเวนทั้งสาม
เวลานี้ความสนใจส่วนใหญ่ของก็อบลินลาดตระเวนยังอยู่ที่จ้าวหมิง มีตัวเดียวเท่านั้นที่หันมาโจมตีฮังอวี่ แต่ฮังอวี่ก็สามารถหลบลูกศรของมันได้
ด้านจางเสี่ยวเฉียงตัวสั่นเทิ้ม เขากลัวมากจริงๆ เลยยังนิ่งงันไม่ตอบสนอง
“เฮ้! จางเสี่ยวเฉียง! ทำไมนายยังไม่ลงมือล่ะ?” เจียงหนานตะโกนอย่างร้อนรน “ใช้พลังไฟของนายเร็วเข้า! ขืนมัวชักช้าพวกเขาจะตกอยู่ในอันตรายนะ!”
“รู้แล้ว .. ฉันรู้หรอกน่า!”
ในที่สุดจางเสี่ยวเฉียงก็สลัดหลุดจากโซ่ตรวนของความหวาดกลัว เขาลุกขึ้นยืนหลังตรง ถูสองมือสร้างลูกไฟขึ้นมา เล็งไปทางก็อบลินตัวที่อยู่ใกล้ที่สุด แล้วขว้างสุดแรง อย่างไรก็ตาม ถึงขว้างออกไป แต่สายตาเขาไม่ได้แม้จะชายตามอง เมื่อหมดหน้าที่ก็รีบหดหัวกลับลงมาอีกครั้งทันที
เจียงหนานเบิกตากว้าง เฝ้ามองไปยังลูกไฟที่ลอยผ่านอากาศอย่างไม่ละสายตา แต่สุดท้ายมันดันตกลงกลางระหว่างก็อบลินสองตัว
ไม่นะ! พลาดเป้า!
นี่แหละผลลัพธ์ของการไม่เล็ง นี่ไม่ใช่เกมคอมพิวเตอร์! มันไม่มีฟังก์ชั่นล็อคเป้าหมาย!
จางเสี่ยวเฉียงประหม่าเกินไป จึงไม่ได้เล็งก่อนโจมตี ผลคือพลาดเป้า ผิดแผนไปหมด
ฮังอวี่ไม่มีปัญหาหากให้จัดการก็อบลินตัวเดียว แต่มันคงเป็นเรื่องยุ่งยากถ้าต้องรับมือกับก็อบลินมากกว่า 1 ตัวในเวลาเดียวกัน
ยิ่งถ้าให้รับมือทีเดียว 3 ตัว เกรงว่าคงไม่พ้นตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายอย่างแน่นอน
บังเกิดเสียงบรึ้ม! ดังสนั่น
ป่าสั่นไหวอยู่ครู่หนึ่ง ลูกไฟระเบิดตรงกลางระหว่างก็อบลินสองตัว
เปลวไฟและคลื่นกระแทกถูกปลดปล่อยออกมาในชั่วพริบตา แม้ไม่โดนจังๆ แต่ก็สร้างความหายแก่ก็อบลินทั้งสองตัวพร้อมกัน ส่งพวกมันทั้งสองล้มลงกับพื้น
สกิลของจางเสี่ยวเฉียงคนนี้ทรงพลังจริงๆ! หากโจมตีโดนจังๆคงสามารถฆ่าก็อบลินเลเวล 1 ได้ในไม่กี่วินาที การได้รับสกิลเช่นนี้ ช่วงเริ่มเกมถือว่ามีข้อได้เปรียบเป็นอย่างยิ่ง
แม้จะทำไปเพราะความประหม่า แต่ก็ล้มก็อบลินได้ทีเดียวสองตัว สามารถขัดจังหวะการโจมตีของพวกมัน อย่างน้อยก็ซื้อเวลาได้ 5-6 วินาที
--ซึ่งแค่นั้นก็พอแล้วสำหรับฮังอวี่!
ฮังอวี่กระโจนเข้าหาก็อบลินตัวเดียวที่ยังยืนอยู่ ใช้ดาบสั้นปาดคอมันอย่างรวดเร็ว
พร้อมใช้แรงส่งจากข้อเท้า เบี่ยงกายวูบไปด้านข้าง หลบเลี่ยงการโจมตีของก็อบลิน ขณะเดียวกันก็เหวี่ยงหลังมือใช้ดาบสั้นแทงบริเวณไหล่ขวาของมันอีกครั้ง
แขนข้างซ้ายของก็อบลินสิ้นเรี่ยวแรง ไม่สามารถชักดาบสั้นออกจากเอวของมันได้
ฮังอวี่กระแทกเข่า กระทุ้งก็อบลินตัวงอและกดมันลงกับพื้น พร้อมจ้วงดาบสั้นลงทันที แทงทะลุหัวใจของมันอย่างแรง
เลือดสีเขียวพุ่งทะลัก
รวดเร็วจริงๆ!
การเคลื่อนไหวของฮังอวี่ช่างเฉียบคมและลื่นไหลเหมือนสายน้ำ ทุกท่วงท่าประหนึ่งผ่านการฝึกฝนมานับร้อยนับพันครั้ง เป็นสุนทรียภาพของการโจมตี
แม้สามารถสังหารศัตรูลงได้ แต่เขาไม่โลเลแม้แต่วินาทีเดียว ชักมีดสั้นเล่มนั้นขึ้นมาทันที ม้วนตัวกับพื้น กลิ้งไปข้างหน้าราว 5-6 เมตร
ก็อบลินอีกตัวที่ล้มลงยังไม่มีเวลาทันได้ยกหัวขึ้น มันก็ถูกคมแหลมของดาบสั้นฝังเข้าที่กะโหลก ตายในไม่กี่วินาทีต่อมา!
ก็อบลินตัวสุดท้ายยืนขึ้น แม้ตามร่างของมันจะยังถูกแผดเผา แต่พลังชีวิตยังเหลืออีกกว่าครึ่ง มันชักดาบสั้นออกมาและวิ่งเข้าหาเขา
ฮังอวี่รับมือโดยการสะบัดคมดาบตัดข้อมือของก็อบลิน ส่งผลให้อาวุธของมันร่วงตกพื้น จากนั้นใช้แขนซ้ายล็อคร่างอันผอมแห้งของมันอย่างรวดเร็ว แล้วใช้มือขวาแทง แทง แทง แทง แทงติดต่อกัน แทงจนกระทั่งก็อบลินแน่นิ่งไป
ก็อบลินทั้งสามถูกฆ่าตาย!
หมอกเรืองแสงลอยออกมาจากศพของก็อบลินแต่ละตัว หมอกแสงเหล่านี้แบ่งออกเป็นหลายส่วน แต่ส่วนใหญ่ลอยซึมเข้าสู่ร่างของฮังอวี่ มีบางส่วนลอยเข้าร่างจางเสี่ยวเฉียง
ในแถบข้อมูลส่วนตัวของฮังอวี่ ค่าแต้มวิญญาณของเขาเพิ่มขึ้นเป็น 4/50
แต้มวิญญาณเทียบเท่าได้กับค่า EXP ตราบใดที่มันถูกเติมจนเต็ม ก็จะสามารถอัพเลเวลได้
การฆ่าก็อบลินทำให้เขาได้แต้มวิญญาณมา 4 หน่วย!
ตอนนี้ยังไม่มีฟังก์ชั่นแบ่งแต้มวิญญาณแบบปาร์ตี้ แต้มวิญญาณจึงถูกแจกจ่ายตามผลงานการต่อสู้
ฮังอวี่เป็นคนฆ่าก็อบลินทั้งสามตัว ดังนั้นเลยได้รับแต้มวิญญาณมากที่สุด
ส่วนการโจมตีของจางเสี่ยวเฉียงสามารถสร้างความเสียหายได้บางส่วน ดังนั้นเขาจึงได้รับแต้มวิญญาณที่เหลือไป
ขณะที่จ้าวหมิงไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้โดยตรง และเจียงหนานไม่ได้ทำอะไร ทั้งคู่เลยไม่ได้รับส่วนแบ่งแต้มวิญญาณ
ฮังอวี่หยิบของที่ดรอปจากก็อบลินทั้งสาม ชิ้นแรกเป็นหินคริสตัลโลกวิญญาณ ที่เหลือคือลูกศรหน้าไม้ก็อบลินสามดอก
[ลูกศรหน้าไม้ก็อบลิน] : วัสดุใช้แล้วทิ้ง การโจมตีทางกายภาพ +1
มันยังไม่มีประโยชน์ในขณะนี้ ทั้งหมดถูกโยนเข้ากระเป๋า
คนที่เหลือเดินเข้ามาและเฝ้ามองศพก็อบลินลาดตระเวนที่กำลังเรืองแสง และระเหยหายไป
ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น พวกเขาไม่นึกเลยว่าจะสามารถฆ่าสัตว์ประหลาดตัวเขียวน่ากลัวสามตัวได้โดยไม่เกิดการสูญเสียใดๆ
แต่พอพวกเขาเงยหน้ามองฮังอวี่ที่ถูกปกคลุมไปด้วยเลือดสีเขียว ทั้งหมดก็แสดงท่าทียำเกรงออกมา
เพียงคนเดียวก็สามารถพลิกสถานการณ์ได้ เชี่ยเอ๊ยนี่มันซุปเปอร์แมนชัดๆ!
ชายคนนี้แข็งแกร่งจริงๆ!
จางเสี่ยวเฉียงไม่กล้าแม้จะสบตาฮังอวี่อีกต่อไป เพราะถึงอย่างไรเขาเพิ่งทำแผนพัง ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าฮังอวี่คงโกรธแน่นอน และหากอีกฝ่ายคิดฆ่าตน คงง่ายดายไม่ต่างจากการฆ่าไก่
ช่วงเวลานี้ ความมั่นใจของผู้แพ้ในโลกจริง ได้มลายหายไปแล้ว
“ลุงจ้าวทำได้ดีมากครับ” ฮังอวี่เอ่ยปากชมจ้าวหมิง ผลงานโดยรวมของจ้าวหมิงถือว่าดีมาก
และเขารู้ดี ว่าคนเช่นนี้ไม่เพียงมีความสามารถ ขณะเดียวกันก็มีความกล้าหาญมากเช่นกัน ซึ่งจะกลายเป็นคนใหญ่คนโตในอนาคตอย่างแน่นอน
ไม่ว่าจะมองยังไง คนๆนี้ก็สุดยอดจริงๆ ทั้งๆที่ถูกส่งมาในสภาพแวดล้อมอันโหดร้ายและต้องเริ่มใหม่จากศูนย์ แต่ลุงจ้าวหมิงก็ยังมีโอกาสได้ทะยานกลับขึ้นไปในจุดสูงที่เขาเคยยืนอยู่อีกครั้ง
จางเสี่ยวเฉียงเห็นฮังอวี่ฆ่าก็อบลินสามตัวในคราเดียว เกิดความรู้สึกนับถือฮังอวี่อย่างสุดหัวใจ บวกกับความรู้สึกผิดเล็กน้อย ทำให้ตัดสินใจเอ่ยปากยกยอ
“ลูกพี่ คุณร้ายกาจจริงๆ ฉันขอคารวะ คารวะจากใจจริง!!”
“เอาเถอะๆ อย่าพูดเรื่องไร้สาระอยู่เลย เห็นมั้ยว่ามอนสเตอร์พวกนี้ไม่มีอะไรน่ากลัว ตราบใดที่พวกเราเอาชนะความกลัวในใจได้ การฆ่ามันก็ง่ายดายไม่ต่างอะไรกับการเชือดไก่ อ้อจริงสิ ครั้งหน้าอย่าลืมขว้างลูกไฟให้มันแม่นกว่านี้ด้วยล่ะ!”
เลือดเหนียวหนืดสีเขียวที่เปรอะร่างของฮังอวี่เริ่มระเหยทีละน้อย เขาไม่ได้ตำหนิจางเสี่ยวเฉียงมากเกินไป
อันที่จริงที่เขาทำแบบนี้เป็นเรื่องปกติ เพราะหากตัวฮังอวี่เองไม่ได้รับความทรงจำและประสบการณ์ของจอมปราชญ์ คาดว่าตัวเขาคงย่ำแย่กว่าจางเสี่ยวเฉียงซะอีก
“อย่าเสียเวลาอยู่เลย ไปหาก็อบลินกลุ่มต่อไปกันเถอะ”
เจียงหนานมองหน้าฮังอวี่อย่างเหม่อลอย
เขาโคตรหล่อเลย!
สามารถจัดการสัตว์ประหลาดตัวเขียวน่ากลัวด้วยดาบสั้นอย่างคล่องแคล่ว และพิจารณาจากสีหน้าและท่าทีของเขาแล้ว มันดูง่ายดายไม่ต่างจากการดื่มน้ำเลย!
นี่ใช่ไหมคือสิ่งที่ผู้คนเรียกขานกันว่ามหาเทพ?
เมื่อนึกว่ามีมหาเทพคนนี้คอยนำทีม เธอก็รู้สึกปลอดภัยยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ในทางกลับกัน จ้าวหมิงยิ่งเกิดความสนใจ อยากรู้เกี่ยวกับตัวตนในชีวิตจริงของฮังอวี่มากขึ้น
เขาเป็นใครกันแน่? ทำไมสภาพจิตใจถึงได้หนักแน่นขนาดนี้ มองยังไงก็ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะมีได้อย่างแน่นอน!
แม้การต่อสู้ในครั้งนี้จะมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น แต่เขาก็ยังแก้สถานการณ์ได้ ไม่พลาดต่อจนก่อให้เกิดความเสียหายใดๆตามมา ซึ่งตรงจุดนี้ยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงความสำคัญของฮังอวี่!
ถัดมา ภายใต้ความยำเกรงและการออกคำสั่งของฮังอวี่ พวกเขาสามารถกำจัดก็อบลินลาดตระเวน ได้อีกหลายกลุ่ม
สมาชิกทีมทั้งสี่ค่อยๆปรับตัวเข้าหากัน จนตอนนี้สามารถร่วมมือแบบเบื้องต้นได้สำเร็จแล้ว แม้จะมีอีกหลายครั้งที่พลาดท่า แต่ทุกครั้งก็ได้ฮังอวี่กอบกู้สถานการณ์ ใช้เวลาไม่นานก็สามารถย้อนกลับเข้าแผนเดิมได้อย่างไม่ยากเย็น
จ้าวหมิงรับหน้าที่ดึงดูดความสนใจของมอนสเตอร์ จางเสี่ยวเฉียงคอยหาจังหวะโจมตี ฮังอวี่คอยรับมือระยะประชิด ส่วนเจียงหนานน่ะหรือ? เวลานี้เธอยังทำได้แค่นอนหมอบอยู่ในพงหญ้าอย่างเชื่อฟัง คอยตะโกนให้กำลังใจเพื่อนร่วมทีม
ในที่สุดก็อบลินลาดตระเวนกลุ่มสุดท้ายก็ตายลง
ก็อบลินลาดตระเวนดรอปบอลแสงสีเทาออกมา หากสังเกตดีๆจะพบว่าข้างในบอลแสงสามารถเห็นบางอย่างที่มีรูปร่างเหมือนอาวุธได้รางๆ
จางเสี่ยวเฉียงตกใจ “อ๊า! ลูกพี่ นั่นพวกเราดรอปได้อาวุธใช่ไหม?”