Ep.4 - หมู่บ้านมอนสเตอร์
Ep.4 - หมู่บ้านมอนสเตอร์
ฮังอวี่เค้นสมองนึกแผนที่ทางออกป่าจากความทรงจำ เริ่มต้นด้วยการเปรียบเทียบและกะตำแหน่งคร่าวๆ ต่อมาก็ประเมินประเภท , เส้นทางเดิน , และอุปนิสัยของมอนสเตอร์ในบริเวณใกล้เคียง จากนั้นก็พาสมาชิกอีกสามคนออกเดินทาง
เขาเหมือนดั่งพรานป่าที่ช่ำชองและมากประสบการณ์ สามารถตัดสินสถานการณ์ในบริเวณใกล้เคียงได้ด้วยเบาะแสเพียงน้อยนิด หลายครั้งที่เฉียดผ่านมอนสเตอร์ แต่ก็สามารถรอดพ้นจากความตายโดยไม่พบเจออันตรายใดๆ
อีกสามคนหลังจากร่วมเดินทาง ก็ตระหนักว่าป่าแห่งนี้อันตรายกว่าที่คาด มีสัตว์ประหลาดมากมายกว่าที่คิด! หากไม่ใช่เพราะคนมีฝีมือคอยนำทาง พวกเขาไม่รู้ต้องตายไปกี่ครั้งแล้ว
คุณกำลังนึกว่าขอแค่มีพลังพิเศษก็สามารถเอาชีวิตรอดได้ใช่ไหม? ถ้าใช่ก็ขอให้นึกทบทวนดูอีกทีเถอะ!
สถานการณ์ในปัจจุบันของทุกคนในขณะนี้ มันเหมือนกับชายหนุ่มวัยกลัดมันที่กำลังนอนเตียงเดียวกับเทพธิดาสาวสวย ทั้งยังห่มผ้าห่มผืนเดียวกัน! มันเป็นเรื่องยากโคตรๆที่จะรักษากางเกงที่เหลือเพียงตัวเดียวเอาไว้ เป็นภารกิจที่สุดแสนท้าทาย
“หยุด!”
เมื่อฮังอวี่ ปัดใบไม้ใหญ่ที่บดบังสายตาออก พวกเขาก็พบหมู่บ้านขนาดเล็กตรงแอ่งน้ำด้านหน้า
ในหมู่บ้านมีกระท่อมที่สร้างจากโคลนและหญ้ามากกว่า 10 หลัง รูปทรงและวิธีการสร้างดูเป็นอารยธรรมที่แปลกใหม่ และแน่นอน สิ่งมีชีวิตที่เคลื่อนไหวอยู่บริเวณรอบๆนั้นไม่ใช่มนุษย์! แต่เป็นสัตว์ประหลาดอมนุษย์ตัวเขียวที่พวกเขาพึ่งเจอเมื่อไม่นานมานี้
จ้าวหมิงงง เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจว่า “นี่พวกเราเดินทางมาตรงรังของสัตว์ประหลาดใช่รึเปล่า?”
สมองเจียงหนานและจางเสี่ยวเฉียงคล้ายถูกตีอย่างหนัก นิ่งอึ้งไปเช่นกัน
ความโหดร้ายและน่าสะพรึงกลัวของสัตว์ประหลาดผิวเขียวยังคงสดใหม่อยู่ในความทรงจำของเขาและเธอ! แต่ตอนนี้ทั้งคู่กลับเดินมายังอาณาเขตของพวกมันด้วยตัวเอง!
เกรงว่าหากถูกพวกมันเจอตัวเข้า เวลานั้นศรแหลมเย็นเยียบคงถูกยิงออกมา และทะลุร่างของพวกเขาได้ตลอดเวลา หรือไม่งั้นก็อาจโดนกระบองไม้ใหญ่ฟาดระเบิดสมอง
ทันใดนั้นทั้งสามเกิดความรู้สึกว่าภายในป่าช่างเต็มไปด้วยงูพิษ อันตรายถึงตายมีอยู่ทุกหนแห่ง หันไปทางไหนก็ชวนให้ผู้คนรู้สึกถึงวิกฤต
หัวใจดวงน้อยของเจียงหนานเต้นแรง เสียงใสของเธอสั่นเล็กน้อย “ดูจากขนาดของหมู่บ้านนี้ คิดว่าคงมีสัตว์ประหลาดเป็นสิบตัวอาศัยอยู่ มันอันตรายเกินไป!”
“ระยำเถอะ! มีตั้งหลายสิบตัว แล้วพวกเราจะอยู่กันทำไมอีก เผ่นเถอะ!”
ฮังอวี่มองจางเสี่ยวเฉียงที่ขลาดเขลา และเกิดความรู้สึกดูแคลนขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
ตอนรู้ว่าตัวเองมีพลังครั้งแรก เจ้าหมอนี่ยังเหิมเกริมอยู่เลย นี่พึ่งผ่านมาได้ไม่นาน ดันป๊อดซะแล้ว ความกล้าของเขาเป็นตุ๊กตาลมหรือไง ที่เป่าพองได้แปปเดียว แต่ไม่นานก็ฟีบลงเหมือนเดิม
อย่างไรก็ตาม ทางฝั่งจ้าวหมิงเองก็รู้สึกว่าสถานที่นี้อันตรายเกินไปเช่นกัน การคิดเข้าไปในสถานที่เช่นนี้ นั่นไม่ใช่การรนหาที่ตายเหรอ?
อย่าลืมสิว่าพวกเขามีกันแค่สี่คนเท่านั้น!
ฮังอวี่กล่าวอย่างจริงจังว่า “สิ่งที่ผมกำลังมองหาคือฐานที่มั่นระดับต่ำ ถ้าเราสามารถยึดฐานที่มั่นนี้ได้ มันจะมีประโยชน์มหาศาลในอนาคต ดังนั้นพวกเราควรจะดีใจต่างหากที่ค้นพบสถานที่แห่งนี้”
อ่าว สรุปแล้วเจ้าหมอนี่มันจงใจมาที่นี่หรอกหรือ? สมองของเขายังปกติดีอยู่ไหม?
จ้าวหมิงขมวดคิ้วเอ่ยถาม “นายคิดจริงๆหรอว่าพวกเราจะบุกเข้าไปยึดหมู่บ้านนี้ได้?”
“แค่พวกเราก็เกินพอแล้ว ผมแนะนำว่าอย่าไปตกใจกับจำนวนของพวกมัน สมองของพวกก็อบลินนั้นไม่ต่างจากเด็กปัญญาอ่อน นั่นเลยเป็นเรื่องง่ายถ้าพวกเราคิดจัดการมัน --ความหมายของผมก็คือ แค่หาจังหวะเก็บพวกมันทีละตัวหรือกลุ่มเล็กๆก็พอแล้ว” ฮังอวี่ชี้ไปยังหมู่บ้านข้างหน้า “ถ้าตั้งใจดูดีๆ คุณจะเห็นว่าเส้นทางที่ก็อบลินแต่ละตัวเดินมันจะเป็นรูปแบบเดิมซ้ำๆ”
“หมู่บ้านเล็กๆส่วนใหญ่จะมีแค่ก็อบลินหน่วยเสบียงกับก็อบลินลาดตระเวน มอนสเตอร์สองชนิดนี้ ... หรือที่พวกคุณเรียกมันว่าสัตว์ประหลาด ถ้าพวกเราร่วมมือกัน ก็สามารถฆ่ามันได้”
“ก็อบลินลาดตระเวนจะมีอาวุธเป็นดาบสั้นและหน้าไม้ มันคือมอนสเตอร์ที่มีความสามารถในการโจมตีระยะไกล ส่วนก็อบลินหน่วยเสบียงมีอาวุธเป็นไม้แข็ง เป็นมอนสเตอร์ที่มีพละกำลังดุร้าย และค่อนข้างเก่งเวลาสู้ประชิด”
“ขอบเขตการโจมตีของก็อบลินลาดตระเวนกว้างมาก พวกมันมักจะเดินเป็นกลุ่ม กลุ่มละสองถึงสามตัว ส่วนก็อบลินหน่วยเสบียง มีขอบเขตการโจมตีที่แคบกว่า พวกมันมักรวมกลุ่มกันมากสุดสี่ถึงห้าตัว และจะซ่อนอยู่ในพุ่มไม้บริเวณใกล้เคียง”
ทั้งสามจ้องมองและสังเกตตาม ทว่าป่าแห่งนี้เขียวชอุ่มเกินไป และเนื่องจากมันเป็นป่าฝนเขตร้อน จึงมีพุ่มดอกไม้และพุ่มหญ้างอกเงยนับไม่ถ้วน หากต้องให้มาแยกแยะศัตรูตัวเขียวขนาดเล็กจากในสภาพแวดล้อมแบบนี้ คงยากไม่ด้อยไปกว่าการเล่นเกมจับผิดภาพ
คงมีแต่ผีเท่านั้นที่สามารถบอกได้ว่าฮังอวี่มองเห็นพวกมันได้อย่างไร!
“ในตอนกลางวัน พวกก็อบลินจะออกไปเดินนอกหมู่บ้าน ตกเย็นพวกมันจะทยอยกันกลับเข้ามา ตอนนี้น่าจะเหลือเวลาอีกครึ่งวันก่อนฟ้ามืด พวกเราต้องรีบกำจัดพวกก็อบลินให้เร็วที่สุด!”
“ขั้นแรก พวกเราจะเดินอ้อมไปรอบๆหมู่บ้านเพื่อหาก็อบลินลาดตระเวน พวกมันไม่ได้แข็งแกร่งมากมายอะไร ขอแค่ร่วมมือกันดีๆ ด้วยพลังรบของพวกเรา ไม่น่าตึงมือเกินไป”
จางเสี่ยวเฉียงรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย “นายแน่ใจหรอ ... ว่าแผนนี้จะได้ผลจริงๆ?”
“ฟังนะ เนื่องจากพวกเราถูกบังคับให้เข้าร่วมเล่นเกมนี้ ดังนั้นต้องกล้าเข้าไว้ ต่อให้เราไม่โจมตีก่อน ก็ไม่รู้ว่าจะถูกพวกมันดักตีหัวเอาเมื่อไหร่ เพราะงั้นไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว นอกจากเป็นฝ่ายโค่นพวกมันแทน!” ฮังอวี่กล่าวอย่างไม่เกรงใจ
“แน่นอน ทั้งหมดก็เพื่อให้พวกเราได้ออกไปจากที่นี่ ส่วนใครไม่อยากร่วมมือ ฉันไม่บังคับ แต่หลังจากนี้ก็ช่วยเหลือตัวเองเถอะ”
นี่ล้อกันเล่นหรือไง?
ให้ออกไปเอง? ใครก็รู้ว่ามีพวกสัตว์ประหลาดตัวเขียววนเวียนอยู่แถวนี้ ไม่แน่บางทีเดินเองไม่ถึงสองก้าวก็คงรักษากางเกงไว้ไม่ได้แล้ว
นำทางพวกเรามาถึงนี่ แต่พอไม่เห็นด้วยก็บอกให้พวกเราออกไปเอง ใครมันจะไปกัน!
เจียงหนานตอนนี้หวาดกลัวสุดๆ แต่ยังไงก็ตาม พอได้ฟังเสียงที่ดูน่าเชื่อถือของฮังอวี่ เธอกลับผ่อนคลายลงอย่างน่าฉงน มันทำให้รู้สึกว่าตัวเองปลอดภัย เอ่ยเสียงอ่อน “ฉันว่าพวกเราอยู่ด้วยกันดีกว่า”
“ฉันเห็นด้วย” ลุงจ้าวหมิงชอบผจญภัยเป็นชีวิตจิตใจ “ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด อย่างมากก็กางเกงหาย พวกเราควรลองดู บางทีอาจฟันกำไรก้อนใหญ่ได้ก็ได้”
เมื่อต้องเผชิญกับทั้งสอง จางเสี่ยวเฉียงแทบจะอยากร่ำไห้ ลำพังเขาจะทำได้อะไร? ต่อให้กลัวจนฉี่ราด ก็ไม่มีความกล้าออกไปคนเดียว สุดท้ายจำใจคล้อยตามด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
“พี่ชาย กางเกงตัวเดียวของฉันจะอยู่หรือไป ทุกอย่างขึ้นอยู่กับนายแล้ว!”
...
ฮังอวี่ทำตามแผน เป้าหมายแรกของเขาคือก็อบลินสามตัวที่อยู่รอบนอก พวกมันเป็นก็อบลินลาดตระเวนทั้งหมด ซึ่งหากถูกสามหน้าไม้ยิงพร้อมกันเป็นเรื่องที่อันตรายมาก
และฮังอวี่ไม่แน่ใจว่าเขาจะหลบพ้นหรือไม่ ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น จึงจำเป็นต้องพึ่งพาพลังของทีม
ฮังอวี่เริ่มออกคำสั่ง “ลุงจ้าวกางโล่พลังงานแล้วดึงดูดความสนใจของพวกมัน แต่อย่ายืนเฉยนะ ระหว่างนั้นให้วิ่งวนไปรอบๆ เคลื่อนไหวเหมือนงู ใช้หินใหญ่หรือต้นไม้ช่วยกำบัง กวนประสาทพวกมัน เพราะโล่ของคุณแม้จะเป็นของดี แต่มันไม่สามารถทนรับการโจมตีซ้ำๆได้”
“เข้าใจแล้ว ฉันจะพยายามทำตัวให้วุ่นวายที่สุด”
จ้าวหมิงเจ้าพ่อเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ในโลกแห่งความจริงพยักหน้ากระอักกระอ่วน อย่าลืมสิว่าเขาแก่แล้ว ให้ทำแบบนี้มันจะไม่เป็นไรอะไรจริงๆน่ะหรอ?
ฮังอวี่พูดต่อว่า “ส่วนผมจะวิ่งออกไปทันทีเมื่อพวกก็อบลินถูกดึงดูดความสนใจ ระหว่างนั้นขอให้เสี่ยวเฉียงหาจังหวะโจมตี แค่ตัวเดียวก็พอ แต่ขอให้ตรงเป้า ถ้าพวกเราฆ่ามันได้ตัวหนึ่ง ที่เหลืออีกสองก็จัดการได้ไม่ยากแล้ว แผนการมีเท่านี้แหละ”
เจียงหนานไม่ได้รับมอบหมายงานในครั้งนี้ ถึงแม้เธอจะรู้สึกโชคดีที่ไม่ต้องออกไปเสี่ยง แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกผิดหวังมาก เพราะนี่บ่งบอกชัดเจนว่าเธอมันไร้ประโยชน์
จ้าวหมิงรับบทบาทเป็นตัวเปิดมอนสเตอร์ นี่ค่อนข้างเหมือนกับตัวละครตำแหน่งแท็งในเกม
การวิ่งออกมาเป็นคนแรกต้องใช้ความกล้าโคตรๆอย่างไม่ต้องสงสัย เขาต้องเชื่อใจสหายคนอื่นๆมากพอควร ... แต่เมื่อเห็นจางเสี่ยวเฉียงตัวสั่นงึกๆ ความฮึกเหิมของจ้าวหมิงก็ลดทอนลงไปกว่าครึ่ง
ให้ตายเถอะ! หวังว่าแผนการจะไม่ผิดพลาดนะ!
เขาไม่กลัวหากต้องเป็นศัตรูกับพระเจ้า แต่เขากลัวหากเพื่อนร่วมทีมทำตัวเหมือนหมู เจ้าหมอนี่มองยังไงก็ไม่น่าไว้ใจสักนิด หวังว่ามันจะไม่สติแตกในช่วงเวลาสำคัญนะ
จ้าวหมิงเหลือบมองฮังอวี่เป็นคนต่อไป เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบ เขาแทบไม่สามารถเรียกคืนความมั่นใจกลับมา
‘สู้ก็สู้วะ ต่อให้ถูกฆ่าก็ไม่ได้หมายความว่าจะตายจริงๆ ไม่มีอะไรมากไปกว่าการสูญเสียกางเกงสุดรักที่คอยปิดเป้าตัวเดียว!’
เขาปลอบใจตัวเองแบบนี้ ความหวาดกลัวถึงค่อยลดทอนลง
ฮังอวี่ถามว่า “คุณพร้อมรึยัง”
จ้าวหมิงพยักหน้า เขารู้สึกได้ว่าเลือดลมกำลังเดือดพล่าน มันเป็นความรู้สึกที่ชวนให้นึกถึงจริงๆ เหมือนกับในปีนั้น ... ปีที่ในที่สุดเขาก็สามารถรวบรวมความกล้าเพื่อสารภาพรักครั้งแรก!
และเช่นเดียวกับในตอนที่ตัวเองได้ก้าวไปถึงจุดสูงสุดในสายอาชีพพนักงานประจำ มันคือความรู้สึกตอนที่เขาตัดสินใจว่าจะกลับบ้านเกิดเพื่อเริ่มต้นธุรกิจของตัวเอง
หัวใจเต้นระรัว! ความตื่นเต้น! ความโหยหาที่จะผจญภัย! มันลดน้อยลงตามอายุ แต่ตอนนี้! เขารู้สึกเหมือนตัวเองได้กลับมาอายุ 20 อีกครั้ง!!
ฮังอวี่พูดถูก เกมนี้ต้องเล่น และนี่คือโอกาสที่เขาไม่เคยได้รับมาก่อน แล้วจะให้ถอยกลับได้อย่างไร? ปกติชีวิตของเขาก็เหมือนกับเกมอยู่แล้ว มีแค่จะก้าวหน้าหรือถอยหลังเท่านั้น!!
ลุงจ้าวหลับตาลง สูดหายใจเข้าลึกๆ เมื่อเปิดตาขึ้นอีกครั้ง แววตาของเขาสาดประกายแน่วแน่
“ลุงจำไว้นะ วนไปรอบๆ”
“นับสาม”
“สอง”
“หนึ่ง”
“ลงมือได้!”