ตอนที่แล้วEp.2 - อะไรที่ใช้สู้ได้ก็หยิบมาก่อน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.4 - หมู่บ้านมอนสเตอร์

Ep.3 - ทีมสี่คน


Ep.3 - ทีมสี่คน

ฮังอวี่ได้ทำความรู้จักกับแต่ละคน พวกเขามีชื่อว่า เจียงหนาน , จ้าวหมิง และจางเสี่ยวเฉียง

เจียงหนานเป็นผู้หญิง อายุ 20 ปี เป็นชาวเมืองหยานจิง ครอบครัวมีชาติตระกูล เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 2 ภาควิชาภาษาต่างประเทศของมหาวิทยาลัยหยานจิง รูปร่างหน้าตาบริสุทธิ์งดงาม ผิวขาว ขายาว ปล่อยผมยาวตรงดั่งเทพธิดา เป็นสาวสวยระดับดาวมหาลัย

ส่วนจ้าวหมิงเป็นลุงวัยกลางคน อายุ 43 ปี ตัวสูงใหญ่ รูปร่างดีเหมือนพวกชอบเข้ายิมทุกวัน รักการอยู่กลางแจ้ง เป็นแด๊ดดี้ที่แมนมาก เคยทำงานที่ซิลิคอนวัลเลย์มาสิบปี ก่อนลาออกมาทำธุรกิจของตัวเองที่จีน ปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นประธานบริษัทเทคโนโลยีที่จดทะเบียนอยู่ในเซินเจิ้น ซึ่งมีมูลค่าเกือบหมื่นล้าน

ฮังอวี่เองก็เคยได้ยินชื่อเขาหลายครั้งในข่าวการเงินและเทคโนโลยี

สุดท้ายจางเสี่ยวเฉียง เป็นชายอายุ 22 ปี ว่างงาน ลาออกก่อนเรียนจบมัธยมปลาย ย้อมผมสีทอง สูง 1.65 เมตร หน้าตาคล้ายหวังเป่าเฉียง (ตัวเอกคนเล็กหมัดอรหันต์) เป็นคนประเภทที่ใช้เวลาเล่นเกมทั้งวันทั้งคืนในร้านเน็ต และสามารถกินมาม่าดิบโดยไม่ต้องเทผงชูรสตาม

เดิมพวกเขามีกันห้าคน แต่หญิงสาวคนแรกในกลุ่มได้ตายลงใต้ต้นไม้ใหญ่ไปแล้ว ต่อมาก็เป็นชายอ้วนที่ตายตาม

สถานการณ์ในตอนนี้ ไม่ต้องกล่าวถึงผู้หญิงดีๆอย่างเจียงหนาน หรือโอตาคุเกมเมอร์อย่างจางเสี่ยวเฉียง ต่อให้เป็นจ้าวหมิงที่เคยฟันฝ่าประสบการณ์ยากลำบากมาอย่างโชกโชน ก็ยังไม่เคยเจอเรื่องน่ากลัวแบบนี้มาก่อน

--ตอนนี้ทุกคนยังตื่นตกใจกันอยู่

แต่ละคนมาจากชนชั้นทางสังคมที่แตกต่าง เหมือนอาศัยกันคนละโลก ถ้าเป็นในโลกจริง คงไม่มีทางได้พูดคุยกันแม้สักครึ่งคำ

แต่เวลานี้ พวกเขากลับต้องมาตัวติดกันเพื่อเอาชีวิตรอด

ใบหน้าของจางเสี่ยวเฉียงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เสียงฟันกระทบกึกๆดังออกจากปาก ฟังดูคล้ายไก่ที่สั่นเทาเพราะกำลังจะถูกเชือด

“เอ๊ะ!? พวกคุณดูชายอ้วนคนนั้นสิ เกิด ... เกิดอะไรขึ้นกับเขากัน?”

เจียงหนานและจ้าวหมิงตกใจ เพราะศพของชายอ้วนที่เพิ่งถูกฟาดหัวแบะอย่างน่าอนาถ ทั้งร่างที่ท่วมไปด้วยเลือด ในเวลานี้ค่อยๆเรืองแสง

อวัยวะทุกส่วนบนตัวเขาเริ่มกลายเป็นหมอกแสงจางๆด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า  ก่อนค่อยๆระเหยหายไป

อันที่จริงแล้ว เหตุการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะบนศพของชายอ้วนเท่านั้น แต่สองก็อบลินและลูกธนูบนขาของเจียงหนานเองก็เป็นแบบนี้เช่นกัน

เลือดสีเขียวที่กระเซ็นไปทั่วร่างของฮังอวี่ ทั้งหมดเริ่มระเหยกลายเป็นหมอกแสงด้วยความเร็วที่มองเห็นด้วยตาเปล่า

ร่องรอยเหล่านี้หายไปอย่างหมดจดในเวลาเพียงสองถึงสามนาที

ฮังอวี่อธิบายว่า “ทุกสิ่งในโลกวิญญาณสามารถเปลี่ยนสถานะเป็นสสารวิญญาณได้ นี่เป็นไปตามกฏการประหยัดพลังงานทางวิญญาณ ตายแล้วก็ใช่ว่าจะหายไปตลอดกาล ... หรือง่ายๆก็คือ ชายอ้วนกำลังจะฟื้นคืนชีพขึ้นอีกครั้งที่ไหนสักแห่งในป่าแห่งนี้ พวกคุณไม่ต้องกังวลไป”

ทุกสรรพสิ่งในโลกวิญญาณจะประกอบไปด้วยอณูวิญญาณรูปแบบพิเศษ  ซึ่งนี่ครอบคลุมทั้งมนุษย์และพวกมอนสเตอร์

ตราบใดที่อยู่ในโลกวิญญาณ พวกเขาจะอยู่ภายใต้กฏเกณฑ์ แม้ถูกฆ่าตายก็สามารถฟื้นคืนชีพได้

อย่างไรก็ตาม กระบวนการนี้จะทำให้สูญเสียพลังงานไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งมันเกี่ยวพันกับเลเวลและการดรอปอาวุธในเกม หรือก็คือยิ่งเป็นตัวตนที่มีเลเวลสูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นคืนชีพจากความตายนานขึ้นเท่านั้น

หลังจากที่ชายอ้วนหายตัวไป ที่เดิมบนศพเขาก็เหลือทิ้งไว้เพียงลูกบอลแสง

ฮังอวี่หยิบบอลแสงลูกนั้นขึ้นมา และจะเป็นอะไรไปได้อีก ของที่ดรอปจากศพชายอ้วนคือกางเกงนั่นเอง

เข้าใจกันรึยัง ว่าราคาที่ต้องจ่ายหลังจากความตาย คือไอเท็มอย่างน้อยหนึ่งชิ้นบนตัวจะดรอปลง!

คุณกำลังหวังว่าก็ในเมื่อตัวเองเป็นมือใหม่ ฉะนั้นอุปกรณ์ที่ได้มาตอนเริ่มเกมไม่ควรดรอปหรือบุบสลายใช่หรือไม่? เสียใจด้วยนะไอ้เรื่องแบบนั้นน่ะมันไม่มีอยู่จริง!

ชายอ้วนผู้โชคร้ายคนนี้ พอตายไปก็ไม่เหลืออุปกรณ์ใดๆติดตัว เกรงว่าพอฟื้นขึ้นมา เขาคงตกอยู่ในสภาพล่อนจ้อน!

ถึงตอนนี้ ไม่รู้เหมือนกันว่ามีกี่คนแล้วที่ถูกฆ่าตายและดรอปกางเกงที่มีติดตัวเพียงชิ้นเดียว!

แต่เดี๋ยวก่อน ถึงจะฟังดูน่าตลกแต่นี่มันเรื่องใหญ่เลยไม่ใช่หรอ? แบบนี้ไม่ใช่ว่าอีกเดี๋ยวในป่านี้จะเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องของชายหญิง ที่กำลังวิ่งหนีในสภาพเปลือยกายหรอกรึ?

ฮังอวี่ลองนึกภาพตาม อดสั่นสะท้านไม่ได้

หากต้องเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์เหมือนในครั้งนี้ยังพอรับมือไหว แต่ถ้าต้องเจอกับพวงเงาะของชายฉกรรจ์ต่อหน้าต่อตา คาดว่าเขาคงเป็นตากุ้งยิงตาย

หรือถ้าต้องเจอกับบักแตงโมของสาวๆ มังกรที่ซ่อนอยู่ใต้กางเกงเพียงตัวเดียวของเขาอาจผงาดขึ้นมาได้ หลังจากนั้นคงเดินตัวงอ ถูกโจมตีขึ้นมาคงตายแหงๆ

ดังนั้น เพื่อศักดิ์ศรีที่มีอยู่เพียงน้อยนิด เขาจะไม่ยอมตายเด็ดขาด! เขาไม่ต้องการกลายเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพชายเปลือยท่ามกลางป่าดงดิบ!

อะแฮ่ม กลับมาเข้าเรื่องกันดีกว่า

สถานที่แห่งนี้มีชื่อเรียกว่า ‘ป่าแห่งการเริ่มต้น’

ฮังอวี่ได้ข้อมูลมาจากความทรงจำ ว่านี่คือสถานที่แรกที่ผู้เล่นถูกส่งตัวมา

ในป่าแห่งการเริ่มต้น ขั้นแรกที่ผู้เล่นต้องทำก็คือ การหาทางออกจากมันให้ได้ นี่อาจกล่าวว่ามันคือสนามฝึกซ้อมที่โลกวิญญาณสร้างไว้สำหรับผู้เล่นหน้าใหม่

ซึ่งมันยากมากที่จะหาทางออกเพียงลำพัง ฉะนั้นจะเป็นการดีกว่าถ้ารวมกลุ่มกันซักสามสี่คน

เจียงหนานพบว่าบาดแผลบนต้นขาเธอหายดีแล้ว ช่างน่าแปลกที่ไม่มีร่องรอยใดๆเหลืออยู่เลย ต้นขาคู่งามของเธอกลับมาเนียนขาวราวหิมะ เรื่องนี้ทำให้เธอรู้สึกเหลือเชื่อมาก

แต่ฮังอวี่ไม่แปลกใจสักนิด ตอนนี้บาดแผลตรงช่วงท้องของเขาก็หายไปแล้วเหมือนกัน

หากพลังชีวิตของสิ่งมีชีวิตในโลกวิญญาณยังไม่หมดลง ไม่ว่าอาการบาดเจ็บจะรุนแรงแค่ไหนก็จะไม่ตาย

ตราบใดที่พวกเขาปลีกตัวออกห่างจากการต่อสู้เป็นระยะเวลาหนึ่ง อาการบาดเจ็บจะหายไปอย่างรวดเร็ว ... แน่นอน แม้หายบาดเจ็บ แต่ไม่ได้หมายความว่าพลังชีวิตจะถูกฟื้นฟู

เนื่องจากถูกแทง ตอนนี้ค่าพลังชีวิตของฮังอวี่เลยเหลือแค่ 8 หน่วยเท่านั้น

การปล่อยให้ฟื้นพลังชีวิตตามธรรมชาติเป็นอะไรที่เชื่องช้ามาก ในทุกๆชั่วโมงพลังชีวิตจะถูกฟื้นฟูเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

คนในกลุ่มพอรู้ว่าชายอ้วนไม่ได้ตายจริงๆทั้งยังสามารถฟื้นคืนชีพได้ ในหัวใจรู้สึกถูกปลอบประโลม ผ่อนคลายลงไม่น้อย

จ้าวหมิงเผยสีหน้าสงสัย “แล้วนายรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง?”

เจียงหนานและจางเสี่ยวเฉียงเองก็ฉุกคิดได้เช่นกัน ทุกสายตาจับจ้องมายังฮังอวี่

ทุกคนพึ่งเข้าเกมใหม่ แล้วทำไมนายถึงรู้มากขนาดนี้? นี่มันน่าสงสัยจริงๆ!

อึก!

ปากไวไปหน่อย เมื่อกี้ฉันพูดมากไปใช่ไหม?

แต่ก็ช่างมันเถอะ ไม่ว่ายังไงไม่ช้าก็เร็วเดี๋ยวทุกคนก็จะรู้เรื่องนี้กันอยู่ดี

ฮังอวี่นิ่งไปพักหนึ่งก่อนหันเหหัวเรื่อง “ทุกคนน่าจะได้รับสกิลติดตัวจากเสียงน่าเกรงขามในตอนเริ่มเกมถูกไหม พวกคุณลองนึกดูดีๆว่าได้สกิลอะไรมา”

มีหลายคนพึ่งเข้ามาในป่าและดันถูกพวกมอนสเตอร์ไล่ล่าทันที พวกเขาจึงไม่มีเวลาทันได้ตรวจสอบสิ่งเหล่านี้  เมื่อได้ยิน ทั้งสามสะดุ้งโหยง

“นี่ ... คือว่าเรื่องนั้น ...”

ฮังอวี่เอ่ยถาม “ว่ายังไง พวกคุณได้สกิลแบบไหนมา?”

สามคนที่เหลือไม่ปิดบัง แต่ละคนบอกข้อมูลของตนเองให้ฟัง

สกิลที่ลุงจ้าวหมิงได้รับเรียกว่า ‘เกราะเหล็กศักดิ์สิทธิ์’

สกิลที่เจียงหนานได้รับเรียกว่า ‘พันธสัญญาของเทพธิดาแห่งรุ่งอรุณ’

สกิลที่จางเสี่ยวเฉียงได้รับเรียกว่า ‘หัวใจแห่งไฟ’

[เกราะเหล็กศักดิ์สิทธิ์] : สามารถใช้พลังจิต 20% เพื่อสร้างโล่พลังงานขึ้นรอบตัว และโล่พลังงานนี้จะมีความต้านทานเทียบเท่ากับพลังป้องกัน 100% ของผู้ใช้ โดยHPของโล่จะเท่ากับ 50% ของพลังชีวิตของผู้ใช้ และทุกเลเวลที่เพิ่มขึ้นของผู้ใช้ HPของโล่จะเพิ่มขึ้นครั้งละ 5% แต่ก็ต้องใช้พลังจิตเพิ่มขึ้นอีก 1% เช่นกัน มีระยะเวลาคูลดาวน์ 60 วินาที ไม่สามารถใช้ซ้อนทับได้

[พันธสัญญาของเทพธิดาแห่งรุ่งอรุ่ง] ผู้เล่นจะได้รับความโปรดปรานจากเทพธิดาแห่งรุ่งอรุณ สกิลประเภทบัฟจะสามารถเพิ่มเอฟเฟกต์ได้ 50% และเอฟเฟกต์จะเพิ่มขึ้น 1% ในทุกๆการอัพเลเวล

[หัวใจแห่งไฟ] สามารถใช้พลังจิต 10% เพื่อปลดปล่อยการโจมตีธาตุไฟ มีผลสร้างความเสียหายจากแรงระเบิดอย่างมหาศาล  อีกทั้งยังทำให้เกิดเอฟเฟกต์แผดเผาต่อเนื่อง ผลลัพธ์ของสกิลนี้จะขึ้นอยู่กับค่าพลังโจมตีทางเวทมนต์ และจะเพิ่มขึ้นตามเลเวล ระยะเวลาคูลดาวน์ 20 วินาที

จ้าวหมิงเลือกพรสวรรค์สายอาชีพนักรบ  เจียงหนานเลือกพรสวรรค์สายนักบวช จางเสี่ยวเฉียงเลือกพรสวรรค์ในฐานะนักเวทย์

ส่วนสกิลติดตัวที่เสียงน่าเกรงขามมอบให้นั้นชัดเจนว่าเป็นแบบสุ่ม ไม่เกี่ยวข้องใดๆกับเพศหรือพรสวรรค์สายอาชีพที่เลือก

ในตอนนั้นเอง จู่ๆร่างของจ้าวหมิงพลันเปล่งแสงเรืองรองออกมา ปรากฏโล่โปร่งแสงผุดขึ้นล้อมรอบตัวเขา กลายเป็นชั้นกำบังอันแข็งแกร่ง เจ้าตัวอดไม่ได้ที่จะเกิดอาการเหม่อลอยเล็กน้อย

“ถ้าฉันรู้แต่แรกว่าตัวเองมีความสามารถที่ร้ายกาจแบบนี้ ฉันคงไม่วิ่งหนี เพราะต่อให้ยืนนิ่งเป็นไอ้บ้า ก็ยังทนการโจมตีของพวกมันได้ตั้งหลายครั้ง!”

“ขอฉันลองบ้าง! เดี๋ยวจะยิงลูกไฟให้ดู” จางเสี่ยวเฉียงถูสองมือของเขา สร้างลูกไฟขนาดเท่ากำปั้นขึ้นมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความอิ่มเอิบอิ่มใจ

“นี่มันพลังวิเศษชัดๆ? ฮ่า ฮ่า ตอนนี้ฉันมีพลังวิเศษแล้ว!”

ระหว่างพูด เขาขว้างลูกบอลไฟออกไป คลื่นความร้อนแผดเผาเบื้องหน้า ก่อนเกิดเสียงดังแสบแก้วหู

ก้อนหินใหญ่ถูกระเบิดเป็นหลุมขนาดเท่าลูกฟุตบอล อีกทั้งบริเวณโดยรอบยังคงมีร่องรอยของเปลวไฟลุกไหม้

จางเสี่ยวเฉียงตกตะลึง จ้องมองประกายไฟที่ยังไม่จางหายบนสองฝ่ามือ สีหน้าท่าทีของเขาเวลานี้ดูตื่นเต้นมาก

ให้ตายเถอะ! ในที่สุดฉันก็ได้อำนาจท้าทายสวรรค์มาครอง!

จางเสี่ยวเฉียงนับเป็นผู้แพ้ในชีวิตจริง เขาติดเกมอย่างหนัก แต่เวลานี้ ในที่สุดก็ได้ครอบครองอำนาจอันทรงพลัง เลยเกิดจินตนาการว่าอยากจะกลายเป็นนักเขียนมือทอง เขียนนิยายหลายร้อยหลายพันตอน เพื่อบอกบรรยายถึงกิจวัติประจำวันของตัวเอกซึ่งก็คือตัวเขาเอง

เจียงหนานพอเห็นพลังวิเศษของทั้งคู่ก็ตะลึงงัน “น่าทึ่งจริงๆ!”

จ้าวหมิงและจางเสี่ยวเฉียง ฝ่ายหนึ่งสามารถสร้างการโจมตีอันทรงพลัง อีกฝ่ายครอบครองม่านป้องกันอันแข็งแกร่ง ช่างน่าอิจฉาเหลือเกิน

แต่ขณะที่อิจฉา เจียงหนานก็รู้สึกหดหู่ในเวลาเดียวกัน

ก็ลองมองคนอื่น แล้วหันกลับมาดูตัวเองสิ สกิลของเธอช่างไร้ประโยชน์สิ้นดี อ๊าาา!

จ้าวหมิงเอ่ยถาม “แล้วสกิลของน้องชายล่ะคืออะไร?”

“แทบไม่มีอะไรน่าอวด” ฮังอวี่กล่าวคลุมเครือ “สกิลของผมแค่ช่วยให้ได้รับประสบการณ์การต่อสู้และข้อมูลพื้นฐาน เลยสามารถแสดงฝีมือแบบเมื่อกี้ออกมาได้  แต่พอนำมาวัดกับสกิลที่เหมือนพลังวิเศษของพวกคุณแล้ว ผมคงเทียบไม่ติด”

จางเสี่ยวเฉียงพอได้ฟังรู้สึกภาคภูมิใจยิ่งกว่าเดิม ตอนแรกเขาคิดว่าตัวองได้เจอราชาทหารแห่งกองกำลังพิเศษจากโลกมนุษย์เข้าให้แล้ว แต่ที่ไหนได้ ที่แท้ก็แค่คนธรรมดาที่ได้รับสกิลช่วยเพิ่มความสามารถในการต่อสู้ก็เท่านั้น! จะมาเทียบกับพลังแห่งเปลวเพลิงของเขาได้อย่างไร? ดูเหมือนว่าในกลุ่มนี้ สกิลของฉันนี่แหละเจ๋งสุด!

เห็นได้ชัดว่าพี่เสี่ยวเฉียงคนนี้กำลังดื่มด่ำอยู่กับความรู้สึกเหนือกว่า

ประธานบริษัทที่จดทะเบียนในเซินเจิ้นแล้วยังไง? เทพธิดาดาวมหาวิทยาลัยแล้วยังไง?

ถ้าอาศัยแค่สถานะของสองคนนี้ จางเสี่ยวเฉียงคงรู้สึกด้อยกว่า และไม่กล้าเงยหน้าพูดคุยกับพวกเขา แต่ตอนนี้ หากเปรียบเทียบกัน ไม่ใช่ว่าเขาเหนือกว่าทุกคนหรอกหรือ?

ทันใดนั้นจู่ๆเขาก็เกิดรู้สึกชอบเกมนี้ขึ้นมา เพราะอย่างน้อยคนแพ้เช่นเขาก็มีโอกาสพลิกสถานการณ์ได้เช่นกัน!

เป็นสาวสวยแล้วยังไง? เป็นประธานแล้วยังไง? ไม่เกี่ยวหรอกว่าคุณจะมีตำแหน่งเป็นข้าราชการระดับสูงหรือดารา สุดท้ายในเกมนี้ ทั้งหมดต้องสยบแทบเท้าฉัน!

ยุคแห่งการปฏิวัติได้มาถึงแล้ว!

เจียงหนานกำลังรู้สึกหดหู่ ส่วนจางเสี่ยวเฉียงกำลังดีใจยกใหญ่ มีเพียงจ้าวหมิงเท่านั้นที่ยังตื่นตัว มีสติตลอดเวลา และคงเพราะอย่างนี้เอง เขาถึงได้กลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในระดับสูง!

สัญชาตญาณของจ้าวหมิงกำลังบอกเขา ว่าฮังอวี่ต้องมีบางอย่างเก็บงำเอาไว้แน่ อีกฝ่ายทำตัวสงบมากเกินไป คนแบบนี้ต้องไม่ธรรมดา

เจียงหนานที่จิตใจว้าวุ่นสับสน เอ่ยถามด้วยสีหน้างุนงงว่า “แล้วพวกเราจะทำยังไงกันต่อ?”

“แผนระยะยาวคือพวกเราต้องหาวิธีออกจากป่านี้ แผนระยะสั้นคือพวกเราควรหาที่พักปลอดภัยเพื่อตั้งหลักปักฐาน ในป่ามีมอนสเตอร์เยอะเกินไป”

ฮังอวี่เหลือบมองเจียงหนานสองสามครั้ง อย่างไรก็ตาม อย่าเข้าใจผิดไป ที่มองไม่ใช่เพราะเขามีเจตนาร้ายต่อเธอ

ฮังอวี่กระจ่างแก่ใจว่าตนไม่มีข้อดีอะไรมากมาย นอกจากความซื่อสัตย์ , ความฉลาด และ ... ความหล่อนิดหน่อย จึงไม่คิดทำตัวเป็นฮีโร่ช่วยเหลือสาวงาม แต่จะแสดงละครเป็นคนเคร่งขรึมแทน

สำหรับสกิลติดตัวของเจียงหนาน แม้ตอนนี้มันจะไม่สามารถแสดงถึงคุณค่า ทว่าสกิลของเธอไม่ด้อยไปกว่าใครอย่างแน่นอน

จางเสี่ยวเฉียงและจ้าวหมิงแม้ดูเหมือนมีสกิลที่แข็งแกร่ง แต่ในความเป็นจริงแล้วยังไม่ดีเท่าสกิลของเจียงหนาน

เป็นเรื่องปฏิเสธไม่ได้ที่ความสามารถในการป้องกันและโจมตีจะได้เปรียบสุดๆในช่วงแรก มันช่วยให้สามารถอัพเลเวลได้อย่างรวดเร็ว แต่ข้อเสียคือ ในอนาคตสองสิ่งนี้สามารถใช้อย่างอื่นมาทดแทนกันได้ ยิ่งเลเวลสูง บทบาทก็จะยิ่งลดลงเรื่อยๆ

ขณะที่สกิลของเจียงหนานซึ่งแวบแรกอาจดูไร้ประโยชน์  เพราะคงไม่มีใครมีสกิลบัฟกันตอนเริ่มเกม ดังนั้นมันอาจจะยากในช่วงแรก แต่ต่อไปมันจะกลายเป็นข้อได้เปรียบของเธอ และช่วยให้แข็งแกร่งสุดๆ

ถ้าถามฮังอวี่ว่าสกิลของใครดีกว่ากัน อันนี้พูดยาก เพราะกุญแจสำคัญนั้นขึ้นอยู่กับตัวผู้ใช้เอง

“ผมจะพาพวกคุณออกไป แต่มีเงื่อนไข” ฮังอวี่ไม่ได้จัดตั้งทีมทันที เขายื่นเงื่อนไขก่อน

“ข้อแรก ทุกคนต้องฟังผม อย่าทำอะไรโดยพลการ ห้ามฝ่าฝืนคำสั่ง”

“ข้อสอง ของที่ดรอปจากมอนสเตอร์ ทุกชิ้นผมจะเป็นคนแจกจ่ายเอง”

เจียงหนานไม่คัดค้าน ตอนนี้ด้วยสถานะปัจจุบัน เธอไม่สามารถแสดงความคิดเห็นใดๆได้

จ้าวหมิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายพยักหน้าตกลง “ฉันเห็นด้วย”

จางเสี่ยวเฉียงไม่ค่อยพอใจกับเงื่อนไขไม่เป็นธรรมนี้ แต่เขาเป็นคนไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง พอเห็นอีกสองคนตกลงก็ได้แต่เกาหัว โอนอ่อนไปตามกระแส

“ดีล่ะ งั้นไปกันเลย” ฮังอวี่พยักหน้าด้วยความพอใจ “ผมจะนำทางพวกคุณไปหาสถานที่ดีๆเอง”