ทะลุมิติเทพศาสตรา EP.841 เว่ยโฉวพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ
EP.841 เว่ยโฉวพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ
“ยิงได้!”
ภายใต้เสียงคำรามของเว่ยโฉว หน้าไม้ผลึกอสูรพร้อมเปลวไฟพุ่งแหวกอากาศส่งเสียงเล็กแหลมทะยานขึ้นสู่ท้องนภา กระนั้นมันไม่ได้ตกลงไปยังตำแหน่งที่ถูกต้องของศัตรู แต่เป็นตำแหน่งที่คาดการณ์ว่าศัตรูจะมาถึงซึ่งห่างออกมาราวสิบเมตร เมื่อทหารม้าหนักกองทัพหลงจี้ควบเข้ามาใกล้ ศรหน้าไม้จำนวนนับไม่ถ้วนก็ตกถึงพื้นทันที
“เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง!”
เปลวเพลิงสีม่วงลุกโชนขึ้นสู่ท้องฟ้า แม้ว่าพลังของหน้าไม้จะไม่ดีเท่าปืนใหญ่ผลึกอสูร แต่มันก็ยังทรงพลังมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคู่ต่อสู้ไม่ได้คาดการณ์ล่วงหน้า เสียงระเบิดกัมปนาทดังกึกก้องพร้อมทหารม้าหนักหลายร้อยนายแถวหน้าถูกกลืนกินเข้าไปในแสงสว่างของหน้าไม้ผลึกอสูร พลังทำลายล้างของมันน่าทึ่งมาก ซึ่งสามารถละลายเกราะรบของอีกฝ่ายกลายเป็นเถ้าถ่านในพริบตา
“เตรียมศรเศวตรมณี ยิงได้!”
เสียงออกคำสั่งของเว่ยโฉวดังก้องในอากาศ ราวกับว่าภายในทุ่งหิมะนี้เหลือเพียงเขาเท่านั้น
“ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ!”
ศรเศวตรมณีมีความคมมาก มันพุ่งทะลุเกราะเหล็กของทหารด้านหลังจนย้อมหิมะขาวกลายเป็นทะเลสีเลือด
เสียงเท้าม้าดังอุตลุดหลังจากการยิงศรโจมตีของกองทัพมังกรผงาด ในพริบตาทหารม้าหนักของคู่ต่อสู้ก็เข้าใกล้ในระยะชิด!
“หันหลังถอยกลับ!”
เว่ยโฉวดึงสายบังเหียนเพื่อนำฝูงชนถอยกลับอย่างรวดเร็ว
แต่ดูเหมือนจะสายเกินไป เสียงมังกรคำรามไล่มาด้านหลังอย่างใกล้ชิดพร้อมแรงกดดันมหาศาลจากเหล่าทหารม้าหนักกองทัพหลงจี้ ทำให้เหล่าทหารม้ากองทัพมังกรผงาดหลายร้อยนายด้านหลังวิตกกังวลจนคิดยอมแพ้ในการล่าถอย
“พระเจ้า! พวกเขากำลังทำอะไร?!” เฝิงสี่ตกตะลึง
เว่ยโฉวรู้สึกเจ็บปวด “ปล่อยพวกเขาไป แล้วถอยต่อ”
ด้านหลังเขา เปลวเพลิงทะยานขึ้นสู่ท้องนภา ลมหายใจมังกรอันทรงพลังหลอมละลายชุดเกราะแห่งจักรวรรดิอย่างรวดเร็ว ในพริบตากองทหารม้าที่ถูกทิ้งไว้ด้านหลังก็ตกอยู่ในทะเลเพลิงพร้อมส่งเสียงโหยหวนอย่างน่าสังเวช แต่ท้ายที่สุดพวกเขาก็เป็นทหารชั้นยอดผู้มีประสบการณ์รบหลายต่อหลายครั้ง ทำให้ทหารบางคนกระโจนออกจากกองเพลิงและพุ่งตัวเข้าหาทหารม้าหนักของศัตรู
“ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ!!”
แสงคมดาบสะบั้นศีรษะจนกระเด็นตกลงพื้น แน่นอนว่าทหารราบจะต้านทานการโจมตีของทหารม้าหนักได้อย่างไร
กลางอากาศ นักรบมังกรถือดาบยาวที่มีไฟลุกโชนหรี่ตาลงพร้อมเอ่ยคำเบา “ทหารกองที่หนึ่งตามข้าไปไล่ล่าพวกมันให้สิ้นซาก ส่วนที่เหลือใช้เกลียวมังกรพิฆาตปกป้องทหารม้าหนัก เจ้าพวกพิภพซุ่ยติงมีเล่ห์เหลี่ยมนัก คงจะใช้ลูกศรวิเศษและหน้าไม้โจมตีเราอย่างต่อเนื่อง”
ชายผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือเหลยเหวินผู้ใช้ดาบอัคคี
ท่ามกลางเสียงร้องคำรามของมังกร ฉับพลันนักรบมังกรทั้งสิบก็บินโฉบจากฟากฟ้าลงที่ใจกลางกองทหารม้ากองทัพมังกรผงาดพร้อมฟาดฟันดาบมังกรด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์
“เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง!”
ราวกับพื้นปฐพีถล่ม สายโลหิตสาดกระจายทั่วผืนฟ้า
ไม่ว่าทหารกองทัพมังกรผงาดจะเก่งกาจมากเพียงใด พวกเขาก็ไม่สามารถต้านทานการโจมตีของทวยเทพได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นทวยเทพที่มีมังกรเป็นสัตว์ขี่คู่กาย
กระบวนทัพถูกทำลายอย่างรวดเร็ว เว่ยโฉวจ้องมองอย่างเป็นกังวล ทันใดนั้นเขาก็ดึงบังเหียนและหันคันศรกลืนปีศาจเล็งไปยังอัศวินมังกรเหลยเหวิน
“ฟุ่บ!”
ลูกศรแหลมกลายเป็นแสงเย็นยะเยือกพุ่งทะยานออกไปราวกับสายฟ้า
“เปรี้ยง!”
ศรแหลมพุ่งชนเกลียวมังกรพิฆาตที่อยู่ห่างจากด้านหน้าเหลยเหวินไม่กี่เมตรก่อนจะระเบิดกลายเป็นเศษไม้และเหล็ก แม้ว่ามันจะเป็นศรเศวตรมณี แต่ก็ไม่สามารถปราการอันแข็งแกร่งของราชันขุนพลศักดิ์สิทธิ์ได้
“รนหาที่ตาย!”
เหลยเหวินหัวเราะอย่างน่าสยดสยอง ก่อนจะหายตัวไปจากด้านหลังมังกรด้วยการทำลายรอยแยกมิติ!
ในพริบตาพายุพลังศักดิ์สิทธิ์ก็ปรากฏขึ้นที่ด้านข้างของเว่ยโฉวพร้อมดาบอัคนีที่มีเปลวไฟลุกโชติช่วง
“หือ?!”
เว่ยโฉวมองเห็นการโจมตีของคู่ต่อสู้ แต่ด้วยพละกำลังและความเร็วที่เหนือกว่าเขาอย่างสมบูรณ์ มันสายเกินไปที่จะตอบโต้การโจมตี ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงพลิกตัวลงจากม้าพร้อมคันศรกลืนปีศาจ
“ฉัวะ!” ม้าศึกถูกสะบั้นออกเป็นสองส่วนโดยตรงพร้อมเลือดที่สาดกระเซ็นทั่วทุกสารทิศ เว่ยโฉวพลันชักดาบและพุ่งตัวออกไปราวกับแสงดาวตกเข้าฟาดฟันที่ศีรษะของเหลยเหวิน
“เปรี้ยง!”
เกิดพายุหมุนรุนแรงจนเหลยเหวินไม่สามารถหลบหลีกได้ แต่เขาเงยหน้าขึ้นมองเว่ยโฉวอย่างเย้ยหยัน การโจมตีอย่างฉับพลันนี้ไม่สามารถทำลายการป้องกันของเหลยเหวิน ท้ายที่สุดทั้งสองก็มีความแตกต่างทางด้านพลังมากเกินไปจริงๆ
“ตายซะ!”
“ฉึก!” เหลยเหวินจ้วงแทงคมดาบเจาะทะลุไหล่ของเว่ยโฉวพร้อมสายเลือดที่ไหลริน
“หมับ!”
แม้จะเจ็บปวดแสนสาหัส แต่มือซ้ายของเว่ยโฉวก็คว้าใบดาบพร้อมเตะไปยังท้องของคู่ต่อสู้อย่างรุนแรง
หลังจากส่งลูกเตะออกไป เว่ยโฉวไม่ได้คิดทำลายกำแพงศักดิ์สิทธิ์ของอีกฝ่าย แต่เพียงต้องการดึงร่างของตัวเองออกจากใบดาบด้วยแรงสะท้อนกลับ มิเช่นนั้นหากเหลยเหวินออกแรงตวัดอีกเพียงเล็กน้อย เว่ยโฉวอาจจะถูกตัดออกเป็นสองท่อนและตายตกในพริบตา
“ปกป้องท่านเว่ยกง!”
ทหารกองทัพมังกรผงาดรอบบริเวณเข้าล้อมรอบทันที ก่อนจะยกคมดาบและหอกพร้อมปราณแท้และปราณยุทธ์ที่พวยพุ่งเข้าหาเหลยเหวินเพื่อสกัดกั้นอัศวินมังกรผู้ทรงอำนาจ ขณะเดียวกันเว่ยโฉวก็ขี่ม้าออกจากสนามรบด้วยความช่วยเหลือจากเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชา
ด้านหลังเขามีเปลวเพลิงที่ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง!
“จงหายไปซะเจ้าพวกขยะ!”
เหลยเหวินยกดาบขึ้นคำรามก้องพร้อมปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์แห่งไฟทะยานขึ้นสู่ท้องนภาและก่อตัวเป็นคลื่นกระแทกคล้ายปืนใหญ่ผลึกอสูร ทันใดนั้น! ทหารกองทัพมังกรผงาดที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบเมตรก็สังเวยชีวิตให้แก่พลังอำนาจจนกลายเป็นเถ้าถ่านอย่างรวดเร็ว
เสียงเท้าม้าดังก้องขณะที่เลือดยังคงไหลออกจากไหล่เว่ยโฉว เขาได้ยินเสียงโหยหวนน่าสังเวชจากด้านหลัง ก่อนที่ใบหน้าจะบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดพร้อมหยาดน้ำตาที่ไหลรินอาบแก้ม เขาร้องไห้ออกมาจริงๆ
ผู้คนจำนวนมากที่เสียชีวิตในสนามรบล้วนเป็นผู้ที่ติดตามเขามาหลายปี นักรบแห่งจักรวรรดิผู้ผ่านพ้นประสบการณ์ศึกสงครามหลายหน แต่ท้ายที่สุดเมื่ออยู่ใต้คมดาบของคู่ต่อสู้ที่เป็นดั่งเทพเจ้า ชะตากรรมของพวกเขาก็ได้ถูกกำหนดให้ต้องถูกฆ่าเท่านั้น
ภายในม่านหิมะ กลุ่มทหารม้ากองทัพมังกรผงาดมารวมตัวกันอย่างรวดเร็วนับหมื่นนายโดยการนำของเฝิงสี่
“ท่านเว่ยกงเป็นอย่างไรบ้าง?” เฝิงสี่เห็นว่าเว่ยโฉวบาดเจ็บ เสื้อคลุมขาวด้านหลังของอีกฝ่ายเปียกโชกไปด้วยเลือดสีแดง
“ข้าไม่เป็นไร” เว่ยโฉวกัดฟันแน่น “สั่งกองทัพให้อยู่ห่างจากอีกฝ่ายและพยายามหลอกล่อแยกกำลังพลศัตรูเพื่อไม่ให้พวกมันบุกเข้าไปในเมืองจงหนานโดยตรง ปล่อยนกส่งสารไปแจ้งองค์หญิงซีให้เสริมกำลังในเมืองจงหนานเพื่อเฝ้าระวังการโจมตีของศัตรูทุกเมื่อ”
“ขอรับ!”
ค่ำคืนนี้ไม่ได้ถูกลิขิตให้เป็นคืนอันสงบสุข เปลวเพลิงวูบไหวในทุ่งหิมะ ขณะที่สองกองทัพลองเชิงกันด้วยสงครามเลือด ถึงแม้ว่าเว่ยโฉวจะนำทัพมาด้วยตนเอง แต่ความแข็งแกร่งของกองทัพหลงจี้ก็ทำให้เขารู้สึกไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น เหลยเหวินและนักรบมังกรคนอื่นๆ ก็ไล่ล่าพวกเขาทัน
สงครามครานี้ยากเข็ญเกินกว่าที่คาดคิดไว้มาก
...
กองทัพทั้งสองต่อสู้กันบนทางหิมะทุกๆ สามถึงห้าลี้พร้อมเปลวเพลิงที่ลุกโชน กองทัพมังกรผงาดไม่ได้ถอยกลับอย่างสมบูรณ์ แต่พวกเขาหยุดทัพเป็นระยะเพื่อใช้หน้าไม้ผลึกอสูรและศรแหลมยิงใส่ฝ่ายตรงข้าม
เว่ยโฉวเป็นแม่ทัพชื่อเสียงเกรียงไกร เขารู้วิธีใช้กลยุทธ์แยกการป้องกันของศัตรูออกจากกัน แม้จะได้รับบาดเจ็บหนัก แต่เขายังคงถือหน้าไม้ผลึกอสูรเฝ้ารออยู่ในบริเวณที่ศัตรูไม่คาดคิดเพื่อป้องกันการโจมตีอันร้ายแรงพร้อมมอบความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงให้แก่ทหารม้าหนัก ในการต่อสู้ที่เคลื่อนตัวตลอดเวลา ทำให้กองทัพหลงจี้ไม่สามารถรักษากระบวนทัพอันสมบูรณ์แบบได้อีกต่อไปและจะถูกกองทัพมังกรผงาดโจมตีอย่างหนักทุกครั้งที่จุดอ่อนถูกเปิดเผย
แต่หากเว่ยโฉวหยุดเคลื่อนทัพหนี กองทัพมังกรผงาดจะเป็นฝ่ายที่ต้องประสบกับความสูญเสียอย่างหนักหน่วงแทน
กระทั่งรุ่งสาง กองทัพแถวหน้าก็ได้ออกจากทุ่งหิมะแล้ว กระนั้นพวกเขาก็ยังไม่หยุดยั้งการไล่ตาม นักรบมังกรยังคงบินโฉบเหนือศีรษะรอกำจัดเหยื่อ
“พวกมันไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยบ้างหรืออย่างไร?!”
เฝิงสี่มองขึ้นไปบนท้องฟ้า คงมีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าเมื่อใดนักรบมังกรจะโฉบลงและเริ่มโจมตีอย่างดุเดือดอีกครั้ง
ใบหน้าของเว่ยโฉวซีดเซียวและไม่มีเวลาเพียงพอที่จะพันแผล เขาเสียเลือดมากเกินไประหว่างการเคลื่อนทัพอย่างรวดเร็วจนแทบสิ้นสติ กระนั้นสิ่งที่ทำให้เว่ยโฉวทนไม่ได้คือการสูญเสียกองทัพมังกรผงาดเหล่านี้ เขานำทหารชั้นยอดออกไปสองหมื่นนาย แต่ตอนนี้กลับเหลืออยู่ไม่มากนัก
ร่างกายของทุกคนอาบไปด้วยเลือดและการปะทะทุกครั้งก็เป็นเพียงการต่อสู้อย่างสิ้นหวัง
“พวกเราเหลือกันกี่คน?” เว่ยโฉวจับคอม้าศึกเพื่อไม่ให้ตนเองร่วงหล่น
“เหลือประมาณเจ็ดพันคนขอรับ แต่มีเพียงราวสามถึงสี่พันคนที่ยังต่อสู้ได้ ส่วนที่เหลือได้รับบาดเจ็บ บางรายได้รับบาดเจ็บสาหัส หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน ชีวิตของพวกเขาอาจตกอยู่ในอันตราย” เฝิงสี่กระซิบตอบ
เว่ยโฉวเงียบไปครู่หนึ่ง เขามองตรงไปยังด้านหน้าและกล่าวว่า “เกือบจะถึงทางผ่านเมืองจงหนานแล้ว อย่ารอช้าอยู่เลย เคลื่อนทัพด้วยความเร็วเต็มกำลังและสั่งติดตั้งปืนใหญ่ผลึกอสูรบนทางผ่านเพื่อเตรียมโจมตี”
“แต่...ปืนใหญ่ผลึกอสูรนั้นไร้ประโยชน์สำหรับนักรบมังกร”
“ระเบิดพวกมันให้ข้าซะ”
“ขอรับท่านเว่ยกง!”
ราวกับว่าเขาใช้พลังในการพูดมากเกินไป เว่ยโฉวพลันหมดสติและตกลงจากหลังม้าศึก
“ท่านเว่ยกง!”
“ท่านเว่ยกง!”
ทุกคนต่างพากันตื่นตระหนก
เฝิงสี่รีบลงจากหลังม้าและอุ้มร่างของเว่ยโฉวพร้อมกล่าวว่า “เร็วเข้า รีบไปซะ!”
...
“เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง!”
ปืนใหญ่ผลึกอสูรคำรามกึกก้องพร้อมโจมตีด้วยพลังอำนาจถล่มโลกา กระนั้นทหารม้าหนักของคู่ต่อสู้ยังคงอยู่ในสภาพสมบูรณ์แบบภายใต้การคุ้มกันของนักรบมังกร หลังจากผ่านไปเกือบห้านาที กองทัพหลงจี้ก็แสดงสัญญาณล่าถอย
ในที่สุดพวกเขาก็ยอมถอยกลับ
เฝิงสี่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาหันมองคราบเลือดบนหิมะและเหล่าทหารกองทัพมังกรผงาดบริเวณทางเข้าเมืองที่ได้รับบาดเจ็บ ทันใดนั้นหัวใจของเขาก็สั่นสะท้าน การต่อสู้ครั้งแรกลงเอยด้วยผลลัพธ์เช่นนั้น แล้วการต่อสู้ในภายภาคหน้าจะจบลงอย่างไร?
ยิ่งไปกว่านั้น กองทหารที่กองทัพหลงจี้ส่งมาเป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งของกองทัพหลักทั้งสี่แห่งจักรวรรดิเทียนจี้
จะเกิดสิ่งใดขึ้นหากกองกำลังสองล้านคนมารวมกันที่พิภพซุ่ยติง?
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ใบหน้าของเฝิงสี่พลันถอดสี
อนาคตอันมืดมิดช่างดูโหดร้ายเกินกว่าจะพรรณนา
……….……….……….……….