ตอนที่9 โอสถราคาโคตรดี
ตอนที่9 โอสถราคาโคตรดี
ณ โรงประมูล
“ข้าไม่เคยพบเห็นโอสถใดที่มีความบริสุทธิ์สูงขนาดนี้มาก่อน! ส่วนประกอบสามารถผสานกันได้แทบจะไร้ที่ติ นี่เป็นโอสถระดับหนึ่งที่ใกล้เคียงกับโอสถระดับสองเสมือนอย่างยิ่ง! แม้ว่าโอสถธัญพืชและโอสถเสริมวังชาจะเป็นเพราะโอสถระดับหนึ่งทั่วไป แต่สิ่งหนึ่งที่ข้ามั่นใจได้เลยก็คือ นักหลอมโอสถเหล่านี้หาใช่คนธรรมดาไม่!”
ใบหน้าของผู้ประเมินแดงก่ำด้วยความตื่นเต้น เสมือนว่ากำลังเห็นมหาสมบัติหมื่นปีอยู่ตรงหน้า
“แม่นางไม่สิ...คุณผู้หญิง มิทราบว่าชี้แจงได้หรือไม่ว่า นักหลอมโอสถท่านใดกันที่เป็นผู้หลอมกลั่น?”
ผู้ประเมินราคาจับจ้องหลี่หวง สายตาคู่นั้นกำลังคาดหวังอย่างยิ่งยวด หวังให้นางแถลงไขถึงที่มาที่ไปของโอสถเหล่านี้
“โรงประมูลทงเทียนคงไม่ก้าวก่ายข้อมูลส่วนตัวของผู้เสนอประมูลกระมัง?”
หลี่หวงกล่าวน้ำเสียงสุดแสนจะเย็นชา
“แน่นอนว่าไม่”
ผู้ดูแลที่ยืนกำกับอยู่เคียงข้างกล่าว
“แน่นอนว่าโรงประมูลทงเทียนของเรามีกฎสำคัญว่าห้ามก้าวก่ายข้อมูลส่วนตัวของแขกคนใด เมื่อครู่กลับเป็นความประมาทและเสียมารยาทของเราเอง ต้องกราบขออภัยเป็นอย่างยิ่ง”
“ถูกต้อง ถูกต้อง โปรดอภัยให้ข้าด้วยคุณผู้หญิง ท่านมีโอสถอยู่ทั้งหมดเท่าใดรึ? พวกเรารับซื้อทั้งหมด!”
ผู้ประเมินราคาพึงตระหนักได้ว่า เพิ่งกล่าววาจาล่วงเกินไป จึงยิ้มและขอโทษหลี่หวงโดยเร็ว
เห็นการแต่งตัวของหลี่หวงก็ควรทราบ แม่นางคนนี้ไม่ต้องการเปิดเผยตัวตน
วันนี้โรงประมูลทงเทียนของพวกเราได้ลาภก้อนโตแล้ว
หลี่หวงหยิบโอสถธัญพืชและโอสถเสริมวังชะออกมาชนิดละสิบเม็ด และส่งมอบให้แก่ผู้ประเมินราคา
“คุณผู้หญิงต้องการให้เรานำไปประมูลหรือขายให้กับโรงประมูลของเราดี? ทางผู้เสนอขายย่อมมีอิสระในการเลือก”
ผู้ดูแลเอ่ยถามขึ้นทันที โดยปกติแล้วผู้นำสิ่งของมาเสนอให้โดยส่วนใหญ่มักจะเลือกขายให้กับโรงประมูลโดยตรง เหตุผลก็ง่ายมากเพราะกำลังตกอยู่ในสภาวะร้อนเงินนั่นเอง
“ขายให้กับโรงประมูลทั้งหมด แต่ข้ายังมีโอสถอีกเม็ดหนี่งที่ต้องการมอบให้พวกท่านนำไปประมูล”
หลี่หวงกล่าวจบก็หยิบโอสถอีกเม็ดหนึ่งออกมา
“โอสถชนิดนี้มีนามว่า โอสถแปลงโฉม หลังจากกลืนมันลงไปจะสามารถเปลี่ยนรูปลักษณ์ใบหน้าได้นานถึงสองชั่วยาม แต่ผลข้างเคียงหาใช่ว่าจะไม่มี นั้นคือหลังจากสองชั่วยามผ่านไปผู้ทานจะสูญสิ้นระดับพลังบ่มเพาะไปสิบห้านาที”
นี่เป็นโอสถที่หลี่หวงหลอมกลั่นด้วยตัวเองโดยใช้หญ้าพิษในห้วงนาโนชิปของตัวนางเอง ในชีวิตก่อนหน้า นางเคยพยามศึกษาเกี่ยวกับเวทภัณฑ์การเปลี่ยนโฉม ทว่าผลข้างเคียงและข้อจำกัดต่างๆค่อนข้างมากมายเกินคุ้ม แต่ในชีวิตนี้ อาศัยความช่วยเหลือจากหม้อหลอมโอสถวิเศษ นางพยายามวิจัยและเรียกส่วนผสมที่ดีที่สุดเพื่อลดผลข้างเคียงให้น้อยลง
เนื่องจากใช้ส่วนผสมที่ทำขึ้นมาจากหญ้าพิษ จึงอาจจะมีผลข้างเคียงเสริมอีกเล็กน้อยจากตัวพิษที่ตกค้างในร่างกาย แต่นั่นก็ไม่ได้อันตรายถึงชีวิต
“โอสถแปลงโฉม? สวรรค์! ข้าไม่เคยพบเห็นโอสถแปรงโฉมมาเกือบร้อยปีแล้ว!”
ผู้ประเมินราคารับโอสถแปลงโฉมจากมือของหลี่หวงอย่างระมัดระวัง ดวงตาเปล่งประกายสว่างแวววับเสมือนดวงดารา
“ไม่ทราบว่า...โอสถเหล่านี้ คุณผู้หญิงต้องการขายในราคาเท่าไหร่?”
จากที่ผู้ดูแลลอบสังเกตเห็นปฏิกิริยาอันสุดแสนจะตื่นเต้นของผู้ประเมินราคา เขาก็ทราบได้ทันทีว่า โอสถเหล่านี้เป็นของจริงหรือของปลอม ดังนั้นจึงเกิดความยำเกรงต่อนางคนนี้มากยิ่งขึ้น
“ตามแต่ที่โรงประมูลพึงพอใจ”
ไม่ใช่ว่าหลี่หวงไม่อยากขูดเลือดขูดเนื้ออยากปั่นราคาให้สูง แต่ที่จริงแล้ว...หลายปีมานี้ที่อยู่แต่ในเรือนเส็งเคร็ง ทำให้นางไม่รู้เรื่องค่าเงินในโลกใบนี้เลย!
ผู้ดูแลรู้สึกประหลาดใจไม่น้อยกับคำตอบนี้ของหลี่หวง แต่ด้วยประสบการณ์ที่ทำงานในแวงการธุรกิจโรงประมูลอยู่นาน ทำให้เขาตระหนักดีว่า บางสิ่งบางอย่างมันไม่ควรที่จะถามออกไป
เขาครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนเสนอไปว่า
“โอสถธัญพืชเรารับซื้อในราคายี่สิบเหรียญม่วงทองต่อเม็ด ส่วนโอสถเสริมวังชะรับซื้อในราคาสามสิบเหรียญม่วงทองต่อเม็ด เกณฑ์ราคานี้คุณผู้หญิงคิดเห็นเช่นไร?”
หลี่หวงอึ้งไปชั่วครู่หนึ่ง ปรากฏว่าสกุลเงินที่ใช้กันโดยทั่วไปในทวีปม่านเมฆา ไล่จากค่าเงินต่ำสุดไปยังสูงสุดได้แก่ เหรียญทอง, เหรียญม่วงทอง, เหรียญผลึกมณี และเหรียญเพชร แต่ละสกุลเงินจะมีอัตราแลกหรืออัตราก้าวหน้าอยู่ที่หนึ่งพันเหรียญ
ตัวอย่างเช่น 1,000เหรียญทองจะเท่ากับ1เหรียญม่วงทอง และ1,000เหรียญม่วงทองก็จะเท่ากับ1เหรีญผลึกมณี เป็นต้น
ถ้ายี่สิบเหรียญม่วงทอง ก็จะเท่ากับสองหมื่นเหรียญทอง?
ยิ่งไปกว่านั้น โอสถทั้งสองชนิดนี้ยังเป็นแค่ส่วนหนึ่งจากที่หลอมกลั่นมาทั้งหมดเท่านั้น
“คุณผู้หญิงไม่ค่อยพึงพอใจกับราคาเท่าใดกระมัง?”
ผู้ดูแลที่เห็นหลี่หวงไม่พูดไม่จา จึงพลันคิดไปว่านางไม่พอใจกับเกณฑ์ราคานี้
อย่างไรก็ตาม เขาพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว ราคานี้นับว่าสูงมาก เพราะไม่ว่าโอสถจะคุณภาพสูงเพียงใด มันก็เป็นแค่โอสถระดับหนึ่งเท่านั้น
“เปล่า ข้าค่อนข้างพึงพอใจแล้ว”
หลังจากหลี่หวงฟื้นสติขึ้นมา นางก็พยักหน้าตอบปราศจากสีหน้าการแสดงออกใดๆ
“ถ้าเช่นนั้น ข้าขอตัวไปเอาเงินมาให้ก่อน คุณผู้หญิงโปรดรอสักครู่”
ผู้ดูแลรีบโค้นคำนับให้และเดินจากออกไปทันที
หลี่หวงที่นัง่รออยู่สักพักก็ถึงกับทนไม่ได้เดินออกไป เพราะต้องถูกสายตาอันร้อนผ่าวของผู้ประเมินจับจ้องไม่หยุดราวกับอยากทำความรู้จัก นางออกไปเดินเล่นโดยรอบโรงประมูลฆ่าเวลาแทน
ณ ตู้เก็บเงินของโรงประมูล
“นายน้อย ท่านมาทำอะไรที่นี่?”