ตอนที่8 ความคิดของฮูหยินรอง
ตอนที่8 ความคิดของฮูหยินรอง
กลางดึก หลี่หวงถูกเชิญให้ย้ายไปอยู่ที่เรือนหลักของจวนตระกูลจวิ๋น ซึ่งเป็นสถานที่ที่นับว่ามีหลักฮวงจุ้ยดีเยี่ยมที่สุด หรือก็คือเรือนบุปผาโปรยปรายนั่นเอง
อันที่จริงสถานที่แห่งนี้เคยเป็นเรือนพักส่วนตัวของคุณหนูสี่ จวิ๋นฉี
จวิ๋นฉีนางเป็นเด็กสาวที่มีพรสวรรค์สูงส่งยิ่งนัก นางเป็นนักอัญเชิญที่มีทั้งธาตุวายุและไฟ และด้วยเหตุนี้นี่เองนางจึงถูกเรียกตัวเข้าตระกูลสาขาหลักไปตั้งแต่อายุเพียงห้าขวบ
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เรือนบุปผาโปรยปรายจึงได้กลายมาเป็นเรือนว่างเปล่าจวบจนบัดนี้
หลี่หวงย้ายออกจากเรือนหลังเดิมไปตัวเปล่า ไม่ได้เก็บของสักอย่างติดตัวมาด้วยเลย จะกล่าวเช่นนั้นก็ไม่ถูกต้องนัก เพราะนางเองก็มิได้มีทรัพย์สมบัติอะไรเลยแม้แต่ชิ้นเดียว
“เรือนบุปผาโปรยปรายแห่งนี้ดีกว่าเรือนซอมซ่อของท่านมากมายนัก”
เหยาอวี้ลอยออกมาอยู่ข้างตัวหลี่หัว พร้อมกับทำการสำรวจรอบๆเรือนบุปผาโปรยปรายไปมาหลายรอบ และจากที่ประเมินด้วยสายตา เรือนหลังนี้นับว่ากว้างใหญ่โอ่โถงยิ่งนัก
“เจ้านั่นช่างกล้าทุ่มเทมากจริงๆ!”
หลี่หวงเพียงแค่แสยะยิ้มพร้อมกับเอ่ยตอบเบาๆ
“เหยาอวี้ เจ้าพอจะรู้หรือไม่ว่า โอสถที่ข้าเพิ่งหลอมกลั่นเสร็จนั้นอยู่ในระดับชั้นใดกันแน่?”
หลี่หวงหยิบโอสถที่หลอมกลั่นขึ้นก่อนหน้าออกมา บางเม็ดมีส่วนประกอบจากสมุนไพรพิษในห้วงนาโนชิป ส่วนที่เหลือเป็นโอสถที่หลอมกลั่นตามที่เหยาอวี้สอน
“โอสถธัญพืชและโอสถเสริมวังชา นี่เป็นชื่อโอสถที่มนุษย์อย่างพวกท่านตั้งขึ้น น่าจะเป็นเพียงโอสถระดับหนึ่งทั่วไป อย่างไรก็ตาม แม้โอสถสองชนิดนี้จะเป็นเพียงโอสถระดับหนึ่งที่ถูกหลอมโดยนักหลอมโอสถขั้นต้นอย่างท่าน แต่พวกมันก็ถูกหลอมกลั่นด้วยหม้อหลอมโอสถวิเศษ ฉะนั้นแล้ว ประสิทธิภาพของมันย่อมสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ ล้ำเลิศกว่าโอสถทั่วไปอย่างแน่นอน!”
ใบหน้าของเหยาอวี้บ่งบอกถึงความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง คำว่า หม้อหลอมโอสถวิเศษนั้นหมายความเช่นใดอย่างนั้นหรือ? แน่นอน… ย่อมต้องหมายความว่าต่อให้ใส่สมุนไพรลงไปทั่วๆผสมผสานกัน แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นย่อมเป็นถึงโอสถเซียนทีเดียว!
“แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม ข้ากลับไม่อาจระบุสรรพคุณของสมุนไพรพิษที่ท่านใส่ลงไปได้ แต่ทว่าก็น่าแปลกยิ่งนัก เพราะมันกลับผสมผสานกันได้อย่างลงตัวเสียดื้อๆ สิ่งที่ข้าไม่เข้าใจเลยก็คือ ท่านใส่พิษลงไปด้วยจุดประสงค์ใดกัน? มันมีประโยชน์อันใดงั้นรึ?”
หลี่หวงคลี่ยิ้มอย่างมีเลศนัยพร้อมตอบกลับไปว่า
“เดี๋ยวเจ้าก็จะได้รู้ในอีกไม่ช้า”
“พวกเราออกไปหาเงินค่าขนมกันดีกว่า”
หลี่หวงกล่าวเสริมขึ้นต่อจากนั้น
“ด้านนอกมีทหารยามเฝ้าอยู่หนาแน่น ท่านจะแอบหนีออกไปได้อย่างไรกัน?”
เหยาอวี้เอ่ยถามเจือสีหน้างุนงงสับสน
“...”
หลี่หวงกลับไม่กล่าวอันใดตอบ แต่กลับกรอกโอสถเม็ดหนึ่งที่ผสมพิษตบเข้าไปในปากตนเองทันที
“เดี๋ยวก่อน!! นั่นเจ้าเสียสติไปแล้วรึ! เจ้าทำอะไรลงไปน่ะ!?”
เมื่อเห็นหลี่หวงกลืนโอสถที่ผสมพิษลงไปเช่นนั้น ภูติน้อยก็ถึงกับตกใจจนขนหัวลุกชัน!
“ชู่วว...เงียบๆ”
หลี่หวงยกมือส่งสัญญาณให้เหยาอวี้หุบปาก แล้วจึงค่อยๆเดินย่องไปเปิดประตูเรือนบุปผาโปรยปรายออกไป
‘หืมม? ข้าจับสัมผัสของเจ้าไม่ได้แล้ว!’
ภายในห้วงความคิดของหลี่หวง สุ้มเสียงร้องอุทานของเหยาอี้เปล่งดังลั่น น้ำเสียงดูประหลาดใจและตกอกตกใจระคนกัน
สมุนไพรพิษไม่จำเป็นจะต้องให้โทษเสมอไป โอสถเม็ดนี้มีชื่อว่า โอสถไร้ชีพจร เว้นเสียแต่มองเห็นด้วยตาเปล่า จะสามารถปิดสัมผัสซ่อนลมหายใจได้โดยสมบูรณ์
หลี่หวงเดินย่องไปที่ประตูจวนด้านข้างพลางสนทนาพูดคุยกับเหยาอวี้ในห้วงความคิด
เนื่องจากหลีหวงแทบจะไม่รู้จักเส้นทางภายในจวนแห่งนี้เลย นางจึงต้องเดินย้อนกลับไปที่ประตูด้านข้างแทน
‘นายท่านสุดสวย ประเดี๋ยวกลับมาแล้วช่วยสอนข้าหลอมกลั่นโอสถชนิดนี้บ้างสิ...’
เหยาอวี้ประพฤติตัวดีขึ้นทันตา และทำตัวราวกับสุนัขแสนเชื่องในทันใด
‘จำต้องทำตัวเป็นเด็กดีเสียก่อน’
หลี่หวงหัวเราะร่วน และในที่สุดนางก็แอบย่องออกมาจากจวนได้สำเร็จ
หลี่หวงฉวยโอกาสนี้วิ่งฝ่าแสงจันทราส่องสว่างไปยังหอที่ตั้งตระหง่านสูงสุดภายในเมืองหงเฟิงโดยไว หน้าหอแห่งนี้มีสัญลักษณ์ขนาดใหญ่ติดอยู่ ซึ่งนี่ถือเป็นจุดเด่นหลักของโรงประมูลทงเทียนแห่งนี้เลยทีเดียว
ในสมัยที่หลี่หวงเคยอยู่เมืองหลวง นางเคยมาที่สถานที่เช่นนี้ครั้งหนึ่ง แต่ความทรงจำนั้นเลือนลางอย่างมาก
“เกรงว่าคงต้องขออภัยแขกท่านนี้ เนื่องจากยามนี้ดึกดื่นแล้ว งานประมูลก็ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว ได้โปรดกลับมาใหม่ในวันพรุ่งนี้”
ขณะที่หลี่หวงกำลังจะเดินเข้าไปในโรงประมูลนั้น ทหารยามผู้หนึ่งก็ได้เดินตรงเข้ามาขวางทางไว้เสียก่อน
ก่อนเข้ามาที่นี่ ระหว่างทางหลี่หวงพบชุดคลุมสีดำขนาดใหญ่เข้าพอดี นางจึงใช้มันสวมใส่ปกคลุมใบหน้า และเรือนร่างของตนไว้อย่างมิดชิด เพียงเท่านี้ก็ไม่มีใครเห็นใบหน้าที่แท้จริงของนางได้แล้ว
“ข้ามาที่นี่เพื่อนำโอสถมาเสนอขาย คิดว่าอาจจะมีผู้ใดสนใจก็เท่านั้นเอง หากโรงประมูลแห่งนี้ไม่ต้อนรับแล้ว เช่นนั้นข้าก็คงต้องไปที่อื่นแทน...”
หลี่หวงจงใจดัดเสียงเพื่อเปลี่ยนให้ฟังดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และน้ำเสียงของนางก็เปลี่ยนไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง
เมื่อทหารยามได้ยินว่าคำว่า โอสถที่จะนำมาเสนอประมูล ท่าทางการแสดงออกของเขาก็พลันเปลี่ยนเป็นนอบน้อมขึ้นมาทันที พร้อมโค้งศีรษะคำนับให้หนึ่งครั้ง ก่อนจะกล่าวขอโทษแล้วรีบเชิญหลี่หวงเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว
“ขอเชิญแม่นางทางนี้”
“ท่านผู้ดูแล แม่นางผู้นี้ต้องการนำโอสถมาเสนอประมูล”
ทหารยามผู้นั้นเดินนำหลี่หวงเข้าไปในโถงชั้นในของโรงประมูล และตรงเข้าไปพบกับผู้ดูแลโรงประมูลทงเทียนในทันที
“เชิญเข้ามาสิ”
ผู้ดูแลโรงประมูลรีบโบกไม้โบกมือส่งสัญญาณให้ทหารยามออกไปก่อน จากนั้นจึงได้เชิญหลี่หวงให้นั่งลง
หลังจากนั่งลงเรียบร้อยแล้ว หลี่หวงก็ได้หยิบโอสถธัญพืช และโอสถเสริมวังชาออกมากองต่อหน้าอีกฝ่าย
………..
ณ เรือนพิรุณโปรยปราย ภายในจวนตระกูลจวิ๋น
“ท่านแม่! นังแพศยาหลี่หวงมันได้เข้าไปอยู่ในเรือนบุปผาโปรยปรายนั่นแล้ว! ข้าอุตส่าห์ขอร้องท่านพ่ออยู่นาน ไฉนกลับเป็นมันที่ได้ไปอยู่ที่นั่นแทน! ดูท่าท่านพ่อจะไม่เห็นหัวพวกเราเลย เช่นนี้พวกเราควรทำอย่างไรดี!?”
จวิ๋นรั่วกำลังนั่งโวยวายอยู่ในตำหนักของฮูหยินรอง ใบหน้าของนางบิดเบี้ยวน่าเกลียดบ่งบอกว่ากำลังเดือดดาลใจเป็นอย่างมาก
“รั่วเอ๋อร์อย่าเพิ่งร้อนใจไปนัก แม่เองก็กำลังคิดหาวิธีอยู่ นังแพศยานั่นสามารถฝึกปรือได้เพียงแค่เล็กน้อย มันก็ถึงกับเหิมเกริมขึ้นมาอย่างมากทีเดียว! หึ! เห็นทีข้าคงต้องวางยาให้มันตายๆไปเสียแล้วสิ!”
“ท่านแม่หมายถึง...”
“แม่มีพิษอำมหิตอยู่ขวดหนึ่ง ดูท่าคงถึงเวลาแล้วที่ต้องนำออกมาใช้ เห็นทีต้องหยอดพิษใส่ลงไปในอาหารของนังแพศยานั่น!”
จวิ๋นรั่วรับขวดยาพิษมา ดวงตาของนางเป็นประกายขึ้นในทันที นางกำขวดดังกล่าวเอาไว้แน่น ปากก็พึมพำออกมาด้วยความเคียดแค้น
“จวิ๋นหลี่หวง! ความตายกำลังจะไปเยี่ยมเยียนเจ้าในอีกไม่ช้าแล้ว!”
ฮูหยินรองรู้สึกมีความสุขอย่างมากที่เห็นท่าทางดีอกดีใจของบุตรสาว
เมื่อใดที่จวิ๋นหลี่หวงตายไป นั่นย่อมหมายความว่าตำแหน่งทายาทของตระกูลสาขาหลักก็จะว่างลง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ย่อมต้องมีการคัดเลือกคุณหนูใหญ่คนใหม่ขึ้นมาแทนอย่างแน่นอน!
ลูกสาวอีกคนของนางอย่างจวิ๋นฉีนั้นมีพรสวรรค์สูงส่งยิ่งนัก และเป็นถึงนักอัญเชิญสองธาตุเพียงคนเดียวของตระกูลจวิ๋นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในเวลานั้นตำแหน่งคุณหนูใหญ่ยังจะตกเป็นของใครได้อีก หากมิใช่ของจวิ๋นฉี!
ดูคล้ายกับว่าซูซื่อจะเริ่มจินตนาการถึงภาพฉาก ที่ลูกสาวของตนได้รับแต่งตั้งให้เป็นคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลจวิ๋นอยู่!