ตอนที่4 นักอัญเชิญหลากสี
ตอนที่4 นักอัญเชิญหลากสี
นางนั่งตัวเปลือยเปล่าอยู่ในหม้อหลอมโอสถ ราวกับว่าเปลวเพลิงสีครามฟ้าได้แผดเผาเสื้อผ้าแพรพรรณของเธอจนสลายไปหมดแล้ว
ร่างกายของนางเวลานี้ หาได้อ่อนแออีกต่อไปไม่ ขุมพลังภายในกายพลุ่งพล่านเดือดดาลไม่หยุดหย่อน ประหนึ่งว่าจะสามารถปะทุพละกำลังออกมาได้ทุกเมื่อที่ต้องการ
พิษร้ายที่กัดกินร่างกายก่อนหน้านี้ กำลังถูกเผาผลาญจนสลายหายไป!
“แม่นาง หลังจากที่พิษร้ายเหล่านี้ถูกกำจัดจนหมดสิ้นไป เจ้าจะกลับมางดงามดังเดิม”
ภูติเด็กตัวจิ๋วล่องลอยไปมาก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงหน้าหลี่หวงในที่สุด เมื่อสำรวจใบหน้าของนางในตอนนี้โดยละเอียดอีกครั้งแล้ว ทั้งน้ำเสียงและวิธีการพูดของมันก็ดูนุ่มนวลขึ้นในทันที
หลี่หวงอดหมั่นไส้ไม่ได้ จึงรีบยกมือขวาออกไปบิดหูของภูติน้อยไว้หนึ่งหมับ!
“นี่แน่! ข้าจำได้ว่าเมื่อครู่เจ้าเพิ่งจะด่าว่าข้าอัปลักษณ์มิใช่รึไง? มิหนำซ้ำยังกล้าด่าว่าข้าโง่อีก!?!”
รอยยิ้มของหลี่หวงดูเป็นมิตรยิ่งนัก แต่น้ำเสียงของนางกลับอัดแน่นไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
ตอนนี้หม้อหลอมโอสถวิเศษก็ตกเป็นของข้าแล้ว ได้เวลาที่ต้องคิดบัญชีกับเจ้า!
มือข้างขาวออกแรงบิดเพิ่มในทันที หลี่หวงบิดหูภูติน้อยตนนี้อย่างแรง จนใบหน้าของมันบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวด!
“โอ๊ย! เจ็บๆๆๆ!!!”
ภูติน้อยถึงกับร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวด
“เอาล่ะ เจ้าภูติน้อย เจ้าควรต้องเรียกข้าเช่นใด?”
“นะ-นายท่าน...นายท่าน...ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วยเถิด”
ภูติน้อยน้ำตาคลอเบ้า พร้อมกับเอ่ยปากอ้อนวอนขอร้อง ดูแล้วช่างน่าสงสารยิ่งนัก
หลี่หวงเค้นเสียงเย็นออกมาหนึ่งทีจึงได้ปล่อยมือออกจากใบหูของมัน
ภูติน้อยกล้าพอที่จะรู้สึกโกรธเกรี้ยว แต่ก็ไม่กล้าพอที่จะกล่าวอันใดออกไป มันรีบเหาะหนีไปซ่อนตัวอยู่มุมห้องอย่างเงียบๆ พลางยกมือทั้งสองข้างปิดป้องใบหูของตนเองไว้ เพราะยังรู้สึกเจ็บปวดไม่หาย
………..
ภายในตู้เสื้อผ้าของนางมีเสื้อผ้าอาภรณ์เพียงแค่สองสามชุดเท่านั้น หลี่หวงหยิบอาภรณ์ชุดหนึ่งออกมาทาบวัดกับตัว พลางสอดส่องมองกระจก
แต่แล้วนางก็ถึงกับต้องตกตะลึงอย่างยิ่งกับใบหน้างดงามที่ปรากฏตรงหน้า
หญิงงามในกระจกนางนี้...คือตัวนางเองอย่างนั้นหรือ?!
“ภูติน้อยมาหาข้าที”
“ภูติน้อยบ้าบออะไรกัน? ข้าชื่อเหยาอวี้ต่างหากเล่า”
แม้ว่าภูติน้อยจะบ่นพึมพำไม่หุบปาก แต่ก็ยังคงเหาะลอยมาหาหลี่หวงอย่างเชื่อฟัง
“มีอะไรอีกล่ะ?”
“ไฉนใบหน้าของข้าจึงได้เป็นเช่นนี้? แม้จะล้างพิษออกจากร่างไปโดยสิ้นแล้วก็เถอะ แต่รูปลักษณ์ของข้าก็ไม่ควรจะเปลี่ยนไปเยี่ยงนี้มิใช่รึ?”
“นี่ท่านคิดว่า หม้อหลอมโอสถวิเศษเป็นหม้อหลอมชั้นต่ำทั่วไปหรืออย่างไร? ที่ผ่านมาร่างกายของท่านถูกเลี้ยงพิษมาตั้งแต่เยาว์วัย พิษเหล่านั้นจึงได้เข้าไปทำลายผิวพรรณ โครงหน้า และร่างกายของท่านจนผิดเพี้ยนไปหมด ส่วนข้าก็แค่ฟื้นฟูให้ทุกอย่างกลับมาเป็นอย่างเดิมอย่างที่ควรจะเป็นเท่านั้นเอง ท่านไม่เห็นจะต้องเอะอะโวยวายอะไรเพียงนี้เลย นี่ต่างหากเป็นใบหน้าที่แท้จริงของท่าน”
ขณะที่หลี่หวงกำลังจะอ้าปากล่าวอะไรสักอย่างออกไปนั้น จู่ๆสุ้มเสียงแหลมเล็กเสียดหูก็ดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน
“จวิ๋นหลี่หวง! ไสหัวของเจ้าออกมาเดี๋ยวนี้นะ!”
ดวงตาสุกประกายก่อนหน้าของหลี่หวงกลับกลายมาเป็นหมองหม่นในบัดดล จากนั้น นางก็ได้เดินผลักประตูเรือนออกไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายทันที
“คุณหนูรองถึงกับมาเยี่ยมเยียนข้าถึงที่เรือนเล็กแสนอบอุ่นนี่เชียวรึ? นับเป็นเกียรติของข้ายิ่งนัก นับเป็นเกียรติของข้าจริงๆ”
หลี่หวงเริ่มบทสนทนาด้วยการกล่าววาจาประชดประชันออกไป พร้อมกับปรายหางตามองหญิงสาวที่ยืนอยู่กลางหน้าเรือนอย่างคร้านจะใส่ใจ
จวิ๋นรั่ว มืออัญเชิญธาตุไฟ
อย่างไรก็ตามแต่ นางก็เป็นเพียงแค่มืออัญเชิญชั้นต้นเก้าดาวเท่านั้น ยังมิได้เลื่อนขั้นเป็นนักอัญเชิญอสูรได้
แต่ในบรรดาลูกหลานของตระกูลจวิ๋น หนึ่งในเยาวชนที่มีศักยภาพมากที่สุดคงจะหนีไม่พ้นนางผู้นี้
“นี่เจ้า!”
จวิ๋นรั่วจ้องมองหลี่หวงตาเขม็งอย่างดุร้าย ขณะที่กำลังโมโหเดือดดาลอยู่นั่นเอง นางกลับต้องตกตะลึงอย่างที่สุดจนดวงตาเบิกโพลงเกือบเท่าไข่ห่าน
“ประเดี๋ยวก่อน...เจ้าเป็นใคร! เจ้ามิใช่นังขยะนั่น!!?”
จวิ๋นรั่วแทบไม่อยากจะเชื่อสายตา หากฟังจากน้ำเสียงแล้ว อีกฝ่ายก็คือหลี่หวงอย่างไม่ผิดเพี้ยนแน่ แต่เหตุใดโฉมหน้าของนางจึง.. จึง..
เหตุใดจึงดูราวกับเป็นคนละคนเช่นนี้?
ไร้ซึ่งกระทั่งร่องรอยของหญิงอัปลักษณ์? น่าเกลียดอย่างนั้นหรือ?
เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไรกัน!!?
แต่เมื่อนางสบสายตากับนัยน์ตาสีม่วงคู่นั้นของหลี่หวง จวิ๋นรั่วก็ถึงกับใบหน้าถอดสีดูหวาดกลัวอย่างที่สุด!
“นะ-นักอัญเชิญ! เจ้าสามารถบ่มเพาะพลังได้จริงรึ!?”
นักอัญเชิญ?
หลี่หวงตกตะลึงอยู่ชั่วขณะ สักครู่หนึ่งพลันถักคิ้วขมวดขึ้นเป็นปมในทันที
‘โง่เขลาอีกแล้ว ในทวีปม่านเมฆา สีของนัยน์ตาของนักอัญเชิญจะเปลี่ยนไปตามคุณสมบัติธาตุที่บ่มเพาะ!’
สุ้มเสียงของเหยาอวี้ดังก้องกังวาลขึ้นมาในห้วงความคิดของนาง ทันทีที่หลี่หวงเกิดความสงสัยขึ้นมาแวบหนึ่ง เหยาอวี้จึงได้ตอบคำถามให้นางคลายสงสัยในทันที
สีนัยน์ตา?
‘ข้าเป็นนักอัญเชิญธาตุสายฟ้างั้นรึ?’
‘ท่านลองสำรวจกลับเข้าไปในร่างกายตนเองดูสิ ท่านจะเห็นว่ามีลูกแก้วพลังธาตุทรงกลมอยู่ภายในจุดตันเถียนของตนเอง หากลูกแก้วนั้นเป็นสีอะไร ย่อมหมายถึงธาตุพลังที่ท่านสามารถบ่มเพาะได้’
คล้อยหลังได้ฟังคำพูดของเหยาอวี้แล้ว หลี่หวงก็ลองสำรวจมองกลับเข้าไปในร่างกายของตนเองทันที
สีอะไรหว่า...
มันไม่ใช่สีขาวหรือดำ แต่มันทีหลายสีปนเปกันไปหมด...
‘สีอะไรก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน...’
หลี่หวงอุทานขึ้นภายในห้วงความคิด
‘บอกไม่ถูกรึ? ท่านแน่ใจนะว่ามีหลายสี? มิใช่ว่าภายในจุดตันเถียนของท่านมีลูกแก้วพลังธาตุหลายลูกใช่หรือไหม? แต่เป็นลูกเดียวซึ่งมีหลากหลายสีใช่หรือไม่?’
‘ใช่แล้ว เป็นลูกแก้วลูกเดียวแต่รวมหลากหลายสีไว้ด้วยกัน’
หลี่หวนกล่าวยืนยันตอบกลับไปอย่างหนักแน่นอีกครั้ง
‘สวรรค์...คิดไม่ถึงว่าท่านจะมีพรสวรรค์ท้าทายฟ้าดินถึงเพียงนี้! หากเป็นลูกแก้วพลังธาตุหลากสีนั่นย่อมหมายความว่า ท่านสามารถฝึกปรือพลังได้ทุกธาตุ! ตราบเท่าที่พลังวิญญาณของท่านมีมากเพียงพอ!’
สุ้มเสียงที่เปล่งดังออกมาจากปากของเหยาอวี้ฟังดูค่อนข้างตื่นเต้นยิ่งนัก
ข่าวนี้ได้สร้างความตระหนกตกใจอย่างมากให้กับหลี่หวง จนนางถึงกับต้องนิ่งเงียบไปชั่วขณะ ดวงตาสว่างวูบขึ้น มุมปากกระตุกยิ้มเล็กน้อยส่อแววโฉดชั่ว
เมื่อเห็นหลี่หวงแสยะยิ้มชั่วร้ายออกมาเช่นนั้น จวิ๋นรั่วก็ยิ่งตกตะลึงมากยิ่งกว่าเดิม
นี่ใช่นางจริงๆอย่างนั้นหรือ? ไม่...จวิ๋นหลี่หวงไม่มีทางที่จะจ้องมองนางด้วยสายตาเช่นนี้แน่? ไฉนจึงดูราวกับเป็นคนละคนเช่นนี้ได้!?
“ไยคุณหนูรองถึงต้องปั้นสีหน้าตกใจถึงเพียงนั้นเล่า? หาใช่ท่านหรอกรึที่สั่งให้ข้าไสหัวออกมาหาเดี๋ยวนี้?”
รอยแสยะยิ้มโฉดชั่วของหลี่หวงปรากฏชัดเจนมากยิ่งขึ้น ในขณะที่สีหน้าของจวิ๋นรั่วเริ่มเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียดแทน
“นังคนอัปลักษณ์! คนเช่นเจ้าไม่สมควรมีใบหน้าเยี่ยงนี้!”
จวิ๋นรั่วร้องตะโกนแผดเสียงดังโวยวายราวกับคนคลุ้มคลั่งเสียสติ นางไม่อาจยอมรับความจริงที่ปรากฏต่อหน้านี้ได้เลย สุ้มเสียงของหลี่หวงยังคงเหมือนเดิมไม่แปรเปลี่ยน มิหนำซ้ำลักษณะโดดเด่นอย่างคู่คิ้วและดวงตาคู่นั้นยังคงเหมือนเดิม ไม่ว่าจะดูอย่างไรนางก็คือคนสายเลือดตระกูลจวิ๋นอย่างแน่นอน
แต่นังนี่! นังนี่เปลี่ยนไปขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?! นี่ไม่เท่ากับว่าสิบสามปีที่ผ่านมาสูญเปล่าหรอกรึ? ไม่.. นางต้องกลับมาอัปลักษณ์ดังเดิม!
“หึ”
หลี่หวงแสยะยิ้ม และยังคงเงียบนิ่งไม่กล่าววาจาออกมาแม้แต่คำเดียว จวิ๋นรั่วในยามนี้มีค่าไม่ต่างอะไรกับตัวตลกในสายตาของนาง
“คาถาไฟ กระสุนเพลิง!”
จวิ๋นรั่วหยิบไม้กายสิทธิ์แท่งหนึ่งซึ่งเหน็บไว้ที่เอวออกมา พร้อมกับร่ายคาถากระสุนเพลิงโจมตีใส่อีกฝ่ายทันที!