ตอนที่3 ข้าที่ต้องทำสัญญากับไอ้เด็กเปรต
ตอนที่3 ข้าที่ต้องทำสัญญากับไอ้เด็กเปรต
เมื่อถูกพิษย่อมต้องคิดค้นยาถอนพิษ
หลี่หวงเดินตรงออกจากเรือนส่วนตัวของนาง มุ่งหน้าไปยังเรือนเก็บของเก่าที่อยู่ติดกันทันที
ในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมนั้นได้บอกว่า ในเรือนเก็บของแห่งนี้ดูเหมือนจะมีหม้อหลอมโอสถเก่าๆอยู่ใบหนึ่ง ซึ่งเวลานี้นางเองก็ยังขาดอุปกรณ์สำหรับคิดค้นยาถอนพิษอยู่พอดี ด้วยเหตุนี้นางจึงต้องเข้าไปนั่งคลุกฝุ่นหาของอย่างช่วยไม่ได้
จะว่าไปแล้ว นางเองก็รู้สึกสงสารเจ้าของร่างเดิมไม่น้อยทีเดียว เรือนส่วนตัวที่ใช้เป็นที่ซุกหัวนอนก็ใช่ว่าดี เรียกได้ว่าเลวร้ายมากทีเดียว เป็นเพียงแค่เรือนไม้ผุพังที่มีรูอยู่เต็มไปหมด และที่นางต้องระเห็ดมาอยู่ในสถานที่เช่นนี้ ทั้งหมดก็เป็นเพราะว่านางมิได้เป็นที่โปรดปรานของผู้ใดเลยแม้แต่คนเดียว
เรือนไม้ค่อนข้างเก่าและทรุดโทรมอย่างมาก เพียงแค่มองด้วยสายตาก็รู้แล้วว่าไม่เคยได้ผ่านการรีโนเวทมาบ้างเลย ไม่สิ...สมัยนี้คงต้องเรียกว่าไม่ได้รับการบูรณะซ่อมแซมมานานกว่าหลายสิบปี โครงสร้างบางจุดโคลงเคลงสั่นคลอนราวกับว่าจะสามารถถล่มทลายลงมาได้ทุกเมื่อ
หลี่หวงผลักประตูไม้ของห้องเก็บของเข้าไป และสิ่งแรกที่ต้องเผชิญก็คือกองฝุ่นผงขนาดมหึมา!
ไม่มีใครเคยเข้ามาทำความสะอาดที่นี่เลยรึไง?
หลี่หวงขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็เดินปรี่เข้าไปสำรวจภายในเรือนหลังนั้นทันที
พื้นที่ภายในค่อนข้างกว้างขวาง ทั่วทั้งบริเวณเต็มไปด้วยสิ่งของวางกระจัดกระจายเกลื่อนกลาดจนแทบไม่มีที่เดิน หลังจากที่สำรวจไปสักพักใหญ่ หลี่หวงก็เหลือบไปเห็นหม้อหลอมโอสถในสภาพฝุ่นเกรอะกรังใบหนึ่งซุกอยู่ที่มุมห้อง
หม้อหลอมคือก้นหม้อไหม้ว่ะ! โคตรจะดำเลย! นี่ชั้นโลหะที่เป็นเปลือกนอกถูกเอาไปเผากับถ่านมารึไง ถึงได้สกปรกโสโครกขนาดนี้ หญิงสาวเห็นแบบนั้นก็อดจะนึกสงสัยไม่ได้ นี่มันยังใช้งานได้จริงๆใช่ไหมเนี่ย?
หม้อหลอมโอสถใบนี้มิได้ใหญ่มาก ตัวนางเวลานี้อายุราวสิบสามปี สูงประมาณหนึ่งร้อยสี่สิบเซนติเมตร ส่วนหม้อหลอมโอสถใบนี้...มีความสูงเพียงแตาครึ่งหนึ่งของความสูงนางเท่านั้น
นางเดินตรงไปยังมุมห้องและใช้สองมือยกมันขึ้นทันที แต่ถึงอย่างนั้น น้ำหนักของหม้อหลอมใบนี้กลับไม่เบาเลย แต่หลี่หวงก็ยังคงพยายามฝืนลากออกมาจนได้
ค่อยๆ เคลื่อนย้ายหม้อหลอมโอสถกลับเข้าไปในเรือนเส็งเคร็งของตัวเอง และเมื่อเข้าไปได้ หลี่หวงก็ถึงกับทรุดลงไปกองกับพื้น เหงื่อแตกพลั่กเปียกโชกไปทั่วทั้งหน้าผากและแผ่นหลัง
ช่วยไม่ได้อ่ะ ร่างกายนี้มันอ่อนแอเกินไปจริงๆ
“โอ๊ย! เจ็บ...”
ขณะที่หลี่หวงกำลังใช้นิ้วแคะเศษตะกอกสีดำออกอยู่นั้น กลับคิดไม่ถึงว่านางได้ถูกส่วนหนึ่งของหม้อทิ่มแทงเอาอย่างแรง ทำให้รู้สึกเจ็บปวดที่ปลายนิ้วอย่างรุนแรง
ประหนึ่งว่ากระแสความเจ็บปวดนี้ได้ส่งผ่านทะลุไปถึงหัวใจโดยตรง
หลี่หวงรีบชักมือกลับทันที และพบว่าปลายนิ้วของนางคล้ายกับถูกของมีคมแทงเข้า ธารโลหิตสดสีแดงไหลรินออกมาเป็นจำนวนมาก
“ติ๊ง...ติ๊ง...”
หลี่หวงได้ยินเสียงเลือดหยดลงกระทบกับตัวหม้อหลอมโอสถ
โดยไม่ทันได้ตั้งตัวใดๆ หม้อหลอมโอสถที่อยู่ตรงหน้าพลันเปล่งแสงเจิดจรัสออกมาอย่างฉับพลัน!
แสงสีทองสุกปรั่งเปล่งประกายระยิบระยับ สว่างไสวเสียจนนางแทบลืมตาไม่ขึ้น
“เจ้ากระมังที่เป็นผู้ปลุกข้าให้ตื่นขึ้นอีกครา... ห๊ะ! น่าเกลียดจัง! ผู้หญิงบ้าอะไรจึงได้อัปลักษณ์ถึงเพียงนี้!!???”
แสงสีทองสุกสว่างค่อยๆจางหายไป ปรากฏเป็นภูติตัวน้อยในวัยเพียงห้าหกขวบตนหนึ่งนั่งอยู่บนหม้อหลอมโอสถแทน สายตาของมันที่กำลังจับจ้องไปทางหลี่หวงนั้น เจือไว้ด้วยแววรังเกียจอย่างเห็นได้ชัด
“....”
ไอ้เด็กเปรตนี่โผล่มาจ่ากไหน?
เจอกันครั้งแรกก็เอ่ยปากด่านางว่าอัปลักษณ์เลยเหรอ?
เดี๋ยวแม่เอาขี้เถ้ายัดปากซะนี่!
......
แต่...ทำไมร่างของเด็กคนนี้ถึงโปร่งแสง…
หรือเด็กผู้ชายคนนี้จะไม่ใช่มนุษย์?
“เจ้าเป็นใคร?”
“โอ้โห อัปลักษณ์ไม่พอยังจะโง่เขลาอีก! เห็นข้าออกมาจากหม้อหลอมใบนี้คงจะเป็นกระโปกข้างไข่สุนัขกระมัง? ข้าย่อมต้องเป็นจิตวิญญาณของหม้อหลอมโอสถวิเศษใบนี้น่ะสิ!”
ภูติเด็กผู้ชายเอ่ยปากกล่าวตอบด้วยสีหน้ารังเกียจ ท่าทางการแสดงออกเปี่ยมล้นไปด้วยความหยิ่งยโส
“หม้อหลอมโอสถวิเศษ?”
หลี่หวงกวาดสายตาสำรวจดูอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนจะพบว่าหม้อหลอมใบเดิมที่เคยสกปรกและก้นหม้อไหม้นั้น เวลานี้ได้กลายเป็นหม้อหลอมโอสถทองคำสุกปลั่งมีสง่าราศี อีกทั้งยังอบอวลไปด้วยกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์อย่างบอกไม่ถูกเช่นกัน
“ข้าเป็นหม้อหลอมโอสถระดับตำนานเพียงใบเดียวแห่งทวีปอวิ๋นอู้! ในเมื่อเจ้าปลุกข้าขึ้นมา ข้าเองย่อมต้องมีเมตตา หาได้รังเกียจในความอัปลักษณ์ของเจ้าแต่อย่างใดไม่ เอาล่ะ! มาทำสัญญากับข้าโดยเร็ว!”
‘เวรเอ๊ย...นี่มันบูลลี่กันชัดๆ...’
หลี่หวงสบถกับตัวเองภายในใจ ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความงุนงงต่อว่า
“สัญญา? ทำสัญญาอะไร?”
เดิมทีหลี่หวงก็สับสนกับโลกใบนี้อยู่แล้ว ยิ่งพบเจอคำถามเช่นนี้เข้าไปนางก็ยิ่งปวดหัวเข้าไปใหญ่
“โง่เขลาเสียจริง! เช่นนั้นก็พูดตามข้าก็พอ!”
ไอ้เด็กเปรต หลี่หวงสบถด่าขึ้นในใจอีกครั้ง
“ด้วยโลหิตของข้า ข้าขออัญเชิญโซ่ตรวนแห่งผู้เป็นนายนำสั่ง ขอให้ฟ้าดินเป็นพยานต่อสัญญานี้!”
หลังจากที่ภูติเด็กกล่าวจบ หลี่หวงก็ได้แต่เอ่ยปากพูดตามท่ามกลางความงุนงง
จากนั้น จู่ๆที่เท้าของหลี่หวงก็ปรากฏวงแหวนแห่งพันธะสัญญาสีส้มขึ้นมา ทันใดนั้นวงแหวนทั้งหมดก็เริ่มหมุนติ้วอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันก็มีโซ่ตรวนสายหนึ่งพุ่งเข้ามาพันธนาการข้อมือของหลี่หวงกับหม้อหลอมโอสถวิเศษใบนั้นเข้าไว้ด้วยกัน
ยิ่งโซ่ตรวนสายนี้มัดแน่นเท่าใด หลี่หวงก็ยิ่งรู้สึกว่า ร่างกายของนางเริ่มมีความอบอุ่นเข้ามาเติมเต็ม เดิมทีจากที่ร่างกายที่แสนอ่อนแอไร้เรี่ยวแรง กลับเสมือนว่ามีกระแสพลังสายใหญ่ล้นทะลักเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
“นางหญิงอัปลักษณ์ เจ้ากำลังถูกพิษกลืนกินร่างกายเจ้าอยู่!”
วิญญาณภูติเด็กร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจทันที ทั้งยังรีบเร่งกล่าวต่ออีกว่า
“รีบอาศัยจังหวะที่วงแหวนแห่งพันธะสัญญานี้ยังไม่จางหายไป จงรีบกระโดดเข้าไปในหม้อหลอมก่อนเร็วเข้า! ข้าจำต้องช่วยถอนพิษในร่างของเจ้าเสียก่อน!”
หลี่หวงได้ยินดังนั้นจึงรีบกระโดดลงหม้อหลอมโอสถไปอย่างไม่ลังเล แต่เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้ง ร่างของนางก็เข้าไปอยู่ในหม้อหลอมเสียแล้ว
ยังไม่ทันที่จะได้คิดอะไรต่อ จู่ๆก็ปรากฏเปลวเพลิงสีครามฟ้าขึ้นกลางห้วงอากาศรอบตัวนาง
เวลานี้นางกำลังถูกเพลิงในหม้อหลอมแผดผลาญ!