ตอนที่2 ชายผู้ซ่อนตัวอยู่ในห้อง
ตอนที่2 ชายผู้ซ่อนตัวอยู่ในห้อง
“น่าสนใจ! น่าสนใจ!”
หลี่หวงเพิ่งจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกได้ โลกใบนี้น่าสนใจกว่าที่คิดไว้มากแฮะ! แต่ยังไม่ทันไรจู่ๆก็มีเสียงกุกกักดังขึ้นภายในห้อง คล้ายกับว่านางมิได้อยู่ในห้องเพียงลำพังคนเดียว!
“นั่นใคร!”
สายตาของนางกวาดไปโดยรอบสำรวจทั่วทุกมุมห้อง ประดุจคมกระบี่สาดประกายคมกริบ
“อย่าปั้นสายตาน่ากลัวเฉกเช่นนั้นเลย ข้าก็แค่ชายผู้หนึ่งที่เดินผ่านมาทางนี้ก็เท่านั้นเอง แต่ทว่ากลับบังเอิญได้เห็นภาพฉากสนุกๆเข้าเสียแล้ว...”
ระหว่างได้ยินสุ้มเสียงหนึ่งดังขึ้น หลี่หวงพลันรู้สึกร้อนผ่าวที่ข้างใบหูเล็กน้อย
จากนั้นนางยังคงได้ยินเสียงกระซิบทุ้มต่ำดังขึ้นต่อ ช่างเป็นเสียงของบุรุษที่ทรงเสน่ห์อะไรเพียงนี้
“ข้าไม่เคยนึกไม่เคยฝันเลยว่า คุณหนูใหญ่ผู้งดงามแห่งตระกูลจวิ๋น แท้จริงแล้วกลับเป็นสตรีอสรพิษดุร้ายดั่งแมงป่องเยี่ยงนี้...ช่างน่ากลัว ช่างน่ากลัวยิ่งนัก...”
“ผู้งดงาม?”
หลี่หวงขมวดคิ้วขึ้นทันใดพลางคิดว่าอีกฝ่ายกล่าาวประชดประชันตนเอง
“นี่เจ้าตาบอดรึไง?”
สำหรับคำเรียกสตรีอสรพิษร้ายดั่งแมงป่องนั้น หลี่หวงไม่ได้ใส่ใจอยู่แล้ว เพราะความจริงตั้งแต่ก่อนที่จะทะลุมิติมาเกิดใหม่นั้น นางเองก็ถูกเรียกอะไรขานเช่นนี้จนชินอยู่แล้ว
“หึ!”
ชายหนุ่มที่เรียกตัวเองว่าเปิ่นจุนเค้นเสียงหัวเราะใส่หน้าหญิงสาวไปหนึ่งครา ก่อนจะอ้าปากงับใบหูของนางอย่างแรง!
“นี่เจ้า!!”
หลีหวงผุดลุกขึ้นยืนในทันใด! นางยกมือทั้งสองข้างปิดป้องใบหูของตนเอง สาดสายตาจ้องมองชายหนุ่มที่หลบอยู่หลังกำแพง มิหนำซ้ำยังสวมหน้ากากครึ่งซีกด้วยสายตาขมึงทึง
เจ้าบ้านี่กล้าดีขนาดงับหูของนางจริงๆ!
หนึ่งเสี้ยวความคิดเคลื่อนขยับ นางโบกสะบัดฝ่ามือปรากฏเป็นดอกไม้พิษขึ้นเตรียมจู่โจมในทันใด
“เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่!?”
หลี่หวงกัดฟันกรอด หรี่สายตาลงแคบอย่างระมัดระวังตัว แม้จะไม่ทราบว่าชายหนุ่มผู้นี้เป็นใคร แต่ที่แน่นอนก็คือเขาต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!
และที่สำคัญที่สุด ไม่มีผู้ใดรังแกนางได้!
“อย่ามีโทสะไปเลยสาวน้อย ข้ายังไม่อยากถูกพิษแบบสาวใช้ผู้นั้น”
อีกฝ่ายก้าวย่างเดินตรงเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าหลี่หวง มุมปากเชิดขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง
สองมือจับข้อมือของหลี่หวงเอาไวอย่างแยบยลจนมิได้ทันระมัดระวังตัว
“หลิงฉางเจวี่ย คือชื่อของข้า”
“สาวน้อย คราหน้าค่อยพบเจอกัน”
ชายหนุ่มผู้นั้นเคลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ พร้อมแสยะยิ้มออกมา แล้วจึงกระโจนพุ่งออกจากห้องไปในทันที!
“ทางที่ดีอย่าได้เจอกันเสียจะดีกว่า! หาไม่แล้วข้าจะฆ่าเจ้า!”
เส้นโลหิตปรากฏขึ้นบนหน้าผากของหลี่หวงจนปูดโปน ชั่วแวบหนึ่งนางอยากกระโจนตามติดไปก่นด่าอีกฝ่ายต่อสักชุดหนึ่ง
เมื่อครู่ที่มันเคลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ มันงับใบหูของข้าอีกแล้ว!
รอก่อนเถิด...สักวันชีวิตของเจ้าจะต้องตกอยู่ในเงื้อมมือของข้า!
แต่หน้าตาของเจ้าหล่อเหลาไม่เบาทีเดียว!
“ฮึ่ม!”
หลี่หวงสูดหายใจเข้าลึก แล้วจึงเดินกลับไปนั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้ง
ชายหนุ่มเมื่อครู่นี้จะต้องเป็นยอดฝีมือจากที่อื่นอย่างแน่นอน เพราะในเศษเสี้ยวความทรงจำของนางนั้น จวนตระกูลจวิ๋นหาได้มียอดฝีมือเฉกเช่นนี้
จะเรียกว่ายอดฝีมือก็ไม่ถูกนัก?
เพราะอีกฝ่ายได้เห็นฤทธิ์ของดอกไม้พิษที่บานสะพรั่งในนาโนชิปสุดไฮเทคไปแล้ว คงต้องรู้สึกหวั่นเกรงกันบ้างล่ะ
เมื่อคิดได้เช่นนั้น หลี่หวงก็รู้สึกมีความสุขขึ้นในทันที
“ชาติที่แล้วข้าตายเพราะพิษ มาชาตินี้ข้าเกิดมาพร้อมกับพิษ ทั้งหมดคงเป็นพรมลิขิตระหว่างข้าและพิษสินะ อ่า...ข้ายิ่งรักเจ้าเข้าไปใหญ่ พิษสุดที่รักของข้า...”
ในชีวิตก่อนหน้าของนาง นางไม่เคยมีความปรารถนาใดอื่นเลย แต่กลับหลงใหลในพิษยิ่งกว่าข้าวสามมื้อเสียอีก!
เพื่อคิดค้นวัคซีนกดภูมิพิษและสกัดพิษนำไปพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น นางจึงตัดสินใจฝังนาโนชิปที่สามารถสร้างห้วงมิติโลกนาโนขึ้นมาได้ไว้ในสมองของตนเอง!
ก็อย่างว่า นั่นมันศตวรรษที่ 22แล้ว! เทคโนโลยีในยุคนั้นค่อนข้างก้าวไกลเป็นอย่างมาก!
แต่เพราะนางคิดเช่นนั้นและหวังพึ่งพาพลังแห่งเทคโนโลยีมากจนเกินไป จึงได้มองข้ามความเสี่ยงกระทั่งต้องเสียชีวิตลงในที่สุด
แต่ไม่เป็นไร! แม้ว่าในยุคที่เคยอยู่ตัวนางจะตายลงไปแล้ว แต่นางก็ยังสามารถศึกษาค้นคว้าเรื่องพิษต่อได้ในยุคสมัยนี้โดยอาศัยตัวตนใหม่!
“อย่างไรก็ช่างเถิด เพื่อศึกษาพิษที่ยังไม่รู้จักอีกมากมายบนโลกใบนี้ ข้าจำเป็นต้องแข็งแกร่งขึ้น”
หลี่หวงหรี่สายตาแคบลงพลางแอบตัดสินใจกับตัวเองว่า หากตัวนางยังต้องการศึกษาต่อในเส้นทางนี้ สิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งคือความแข็งแกร่ง
“แต่ดูเหมือนจะมีอะไรผิดปกติไป...”
หลี่หวงรับรู้ได้ถึงความไม่สบายเนื้อสบายตัวตั้งแต่คราแรกแล้ว ยามนี้สบโอกาสจึงได้ตรวจสอบร่างกายของตนเองโดยละเอียด ก่อนจะพบว่าร่างนี้มีปัญหาจริงๆ
“ร่างนี้ถูกพิษร้ายกลืนกินไปเกินครึ่งหนึ่งแล้ว ไม่น่าแปลกใจเลยว่า ไฉนข้าจึงไม่สามารถฝึกปรือได้ ไอ้คนที่วางยาพิษข้านั้นนับว่าเลือดเย็นไม่เบาทีเดียว”
การวางยาพิษร้ายเพื่อปิดกั้นมิให้ร่างกายสามารถแสดงศักยภาพในการบ่มเพาะพลังออกมาได้ มันไม่ต่างอะไรกับการปิดกั้นมิให้ร่างกายระบายของเสียออกมาได้นั่นเอง
พิษชนิดนี้จะไม่แสดงผลออกมาในทันที แต่จะต้องถูกเลี้ยงพิษตั้งแต่วัยเยาว์ ประมาณสามถึงสี่ปีจึงจะแสดงผลออกมา ซึ่งในโลกที่มีแต่ยอดฝีมือเดินเต็ดเตร่ให้เห็นเป็นอาจิณเช่นนี้ การวางยาพิษชนิดที่ว่านี้จึงไม่ต่างอะไรกับการทำลายชีวิตของนางเลย!
หลี่หวงอดที่จะก่นด่าไม่ได้จริงๆ
“ยังดีที่ร่างนี้ได้รับฉันเข้ามาเป็นคนเทคโอเวอร์ต่อ เชอะ เล่นพิษกับใครไม่เล่น ดันจะมาเสือกเล่นกับนักวิทยาศาสตร์สาขาพิษวิทยาอย่างฉันเชียวเหรอ? พวกแกมันโง่ยิ่งกว่าควายเผือกซะอีก!”
ทั่วทั้งใบหน้าของหลี่หวงเปี่ยมล้นไปด้วยความเกลียดชัง เนื่องจากพิษชนิดนี้ถูกเลี้ยงไว้ในร่างกายของนางมานานหลายปี มิหนำซ้ำยังเป็นพิษโบราณที่เธอไม่เคยรู้จักอีกด้วย ฉะนั้น ในนาโนชิปของเธอจึงไม่มีสนุนไพรที่จะสามารถใช้รักษาพิษชนิดนี้ได้
แต่นั่นกลับยิ่งกระตุ้นความหลงใหลพิษในตัวหญิงสาวให้เพิ่มมากยิ่งขึ้นไปอีก!
ชักสนุกแล้วสิ!