ตอนที่1 เกิดใหม่เป็นหมาหัวเน่า!
ตอนที่1 เกิดใหม่เป็นหมาหัวเน่า!
กระแสความเจ็บปวดทรมานและสิ้นหวังแล่นผ่าน แผ่ซ่านกระจายไปทั่วทั้งทุกเส้นฝอยประสาทนับไม่ถ้วนในสมองของหลี่หวง
การทดลองประสบความล้มเหลว...
ตัวเธอยังคงอ่อนด้อยไร้เดียงสาเกินไปจริงๆ คิดแต่ว่าเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดชนิดนี้จะสามารถอัพเกรดตัวเองให้มีความสามารถมากยิ่งขึ้น จึงได้ตัดสินใจฝังนาโนชิปสุดไฮเทคที่เก็บรวบรวมพิษทุกชนิดลงในร่าง แต่ใครจะไปคิดว่ามันจะล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่าแบบนี้ ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจที่ต้องตายเลยแม้แต่น้อย เพราะสาเหตุการตายเกิดจากพิษอันเป็นที่รักของเธอเอง ดังนั้นเธอจะไม่มีวันเสียใจทีหลังอย่างแน่นอน
“นังขยะลุกขึ้นมาทำงานได้แล้ว!”
เสียงคำรามด้วยความหงุดหงิดของหญิงสาวนางหนึ่งพลันดังขึ้น
หืม?
หลี่หวงพยายามกัดฟันฝืนความเจ็บปวดลืมตาขึ้นมา ภาพฉากโดยรอบที่สะท้อนผ่านนัยน์ตากลับไม่คุ้นเคยเลยสักนิด
ห้องนี่มันอะไรกัน? ตกแต่งสไตล์วินเทจย้อนยุคหรือยังไง?
บรรยากาศแบบนี้ทำให้เธอตื่นตระหนกไม่น้อย นี่มันบ้าอะไรกัน?
“ปัง...!”
ประตูไม้เบื้องหน้าของเธอถูกผลักกระแทกจนเปิดผางออก
“โอ้โห? นี่ต้องให้พี่สาวอย่างข้าผายมือเชื้อเชิญเจ้าเลยกระมัง? นังบัดซบ! รีบลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้! ยังจะมาแสร้งเจ็บป่วยอยู่อีก! หากเป็นเช่นนี้ ข้าจะเพิ่มงานบ้านให้เจ้าเป็นสองทวีเท่าทีเดียว!”
หญิงสาวสวมใส่ชุดสาวใช้ในยุคโบราณก้าวผ่านประตูเข้ามา พร้อมกับชี้นิ้วก่นด่าเธอไม่หยุด
หลี่หวงยังคงรู้สึกมีอาการวิงเวียนศีรษะไม่หาย มิหนำซ้ำยังมีใครก็ไม่รู้พูดจาภาษาโคตรโบราณใส่อีก นี่ฉันอยู่ที่ไหนกันแน่?
เธอควรจะต้องตายไปตั้งแต่เมื่อครั้งการทดลองล้มเหลวไปแล้วไม่ใช่เหรอ...
หรือทั้งหมดเป็นเพราะนาโนชิปในหัวของเธอ!
“ครั้งนี้เจ้าเสแสร้งแกล้งทำได้เหมือนยิ่งนัก ริมฝีปากขาวซีดราวไก่ต้ม ตามหน้าผากมีเม็ดเหงื่อเย็นผุดขึ้นเต็มไปหมด นี่คงโปรยน้ำเตรียมจัดฉากไว้อย่างดีกระมัง! นังบัดซบ! ต่อให้เจ้าจะเสแสร้งป่วยหนักสักแค่ไหน แต่ไม่มีทางที่จะหยุดคุณหนูรองให้ได้ดีไม่ได้แน่ นังโง่! ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้! แล้วรีบไปทำงานซะ!”
สาวรับใช้นางนั้นพุ่งตรงเข้ามาพร้อมกระชากผมของเธออย่างแรง พยายามบังคับอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นมา ก่อนจะระเบิดหัวเราะเยาะกล่าวว่า
“ฮ่าฮ่า..นังสวะ ดูไม่เลวเลย!”
สาวใช้ดึงเธอไม่มีออมแรงเลยจริงๆ
แรงกระชากของสาวใช้รุนแรงจนทำให้ร่างของหลี่หวงถึงกับตกจากเตียง แล้วล้มลงกระแทกกับพื้นเสียงดังปัง
เดี๋ยวก่อนนะ! นี่ฉันถูกสาวรับใช้รังแกเหรอ? ไม่ใช่ว่าสาวรับใช้ต้องมีฐานะต่ำสุดหรอกเหรอ?
หรือเพราะนางเองก็เป็นสาวรับใช้?
ไม่ใช่!
ทันใดนั้นเองเศษเสี้ยวความทรงจำที่แสนพร่ามัวก็ไหลทะลักเข้ามาจนทำให้รู้ว่า เธอทะลุมิติมาเกิดใหม่!
เธอเกิดใหม่ในตระกูลราชวงศ์ที่ไม่มีใครรู้จัก และแม่นางคนนี้ก็ไม่ใช่สาวใช้ แต่เป็นถึงคุณหนูใหญ่ของจวน!
แต่เพราะหน้าตาอันแสนอัปลักษณ์ และพรสวรรค์ที่เปรียบดั่งขยะของนาง จึงทำให้นางกลายมาเป็นเพียงแค่สวะคนหนึ่ง!
ทันทีที่ได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมด หญิงสาวก็หันขวับไป หรี่ตาลงจ้องเขม็งไปทางสาวใช้ที่ไร้สัมมาคาราวะนางนั้น นางนี่มันต้องโดนสักที นังแพศยาไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง!
ดูเหมือนว่าฐานะของคุณหนูใหญ่คนนี้จะค่อนข้างต่ำต้อยอย่างมากในสายตาของทุกคน เมื่อนึกได้แบบนั้นเปลวเพลิงแห่งความโกรธก็ค่อยๆลุกโชนขึ้นในจิตใจของหญิงสาวทันที
สาวใช้ถลึงตาจ้องมองหลี่หวงสวนกลับไปอย่างไม่เกรงกลัว แม้ภายในใจจะสั่นระรัวเล็กน้อย แต่ท้ายที่สุดก็เอ่ยกล่าวขึ้นด้วยสายตาสุดจะรังเกียจว่า
“บังอาจใช้สายตาเช่นนี้มองข้าเชียวรึ หรือเจ้ายังเพ้อฝันคิดว่าตนเองเป็นคุณหนูใหญ่อีก? ข้าจะบอกอะไรให้ ฐานะของเจ้าในจวนแห่งนี้ คุณหนูจวิ๋นบอกเองว่ากระทั่งสุนัขเจ้าก็ยังมิอาจเทียบได้ด้วยซ้ำ!”
“งั้นเหรอ?”
หลี่หวงเปล่งเสียงแหบแห้งออกจากลำคอ
สาวรับใช้นางนั้นตะลึงงันไปเล็กน้อย ก่อนจะแสยะยิ้มมุมปากกล่าวเยาะหยันว่า
“โอ้? ปรากฏว่าคุณหนูใหญ่ไม่ได้เป็นใบ้ เปล่งสุ้มเสียงออกมาได้ด้วยรึ? สีหน้าก็ดูดีขึ้นแล้วนี่ เช่นนั้นก็ลุกขึ้นมาทำงานได้แล้วนังนี่!”
หลี่หวงพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกจนสุดขั้วปอด เธอรู้สึกอึดอัดไม่ค่อยสบายกายเท่าไหร่นัก จึงยากที่จะทำใจให้ผ่อนคลายลงได้ แต่เมื่อนางลองยกมือขึ้นจับไปที่บริเวณท้ายทอย ดวงตาคู่นั้นของนางพลันเปล่งประกายขึ้นมาวูบหนึ่ง!
นี่มันนาโนชิป!
สิ่งนี้เสมือนทุ่งยาพิษอันอุดมสมบูรณ์ที่สุดตั้งแต่โลกนี้มีมา อาศัยเจ้าสิ่งนี้ตัวนางจะสามารถสัมผัสถึงทุกสิ่งที่เป็นพิษได้ แม้แต่หญ้าพิษยังมีพร้อมใช้ในห้วงนาโนชิปแห่งนี้!
สวรรค์! ขอบคุณสวรรค์ที่ยังเห็นใจ!
ต่อให้จะทะลุมิติไปอยู่โลกอื่นหรือดาวอังคาร ขอเพียงมีเจ้าสิ่งนี้ นางก็สามารถหยิบใช้พิษมาเป็นอาวุธได้!
ดวงตาคู่นั้นของนางจากที่ดูอ่อนแอในคราแรก ได้แปรเปลี่ยนกลายมาเป็นแววตาดุร้ายประดุจอสรพิษในบัดดล ราวกับสามารถพ่นพิษออกทางตาได้ก็ไม่ปาน ทำให้สาวใช้นางนั้นถึงกับหวาดผวาจนต้องถอยร่อนออกไปอย่างรวดเร็ว
“นี่ข้ากำลังหวาดกลัวนังขยะนี่งั้นรึ?”
สาวใช้ขบกรามแน่นพลางกล่าวรำพึงรำพันกับตัวเองเบาๆ
สีหน้าของสาวใช้มืดทมิฬลงทันใด นางยื่นมือไปจิกผมของหลี่หวงอีกคราหนึ่งในทันที ส่วนฝ่ามืออีกข้างก็ได้เงื้อขึ้นเตรียมที่จะตบอีกฝ่าย ภาพฉากทุกอย่างเกิดขึ้นภายในเวลาเพียงเสี้ยวพริบตา
ใช่แล้ว...สถานการณ์พลิกกลับภายในเวลาเพียงแค่เสี้ยวพริบตา ในเสี้ยวอึดใจนั้นเองก็มีฝ่ามือที่แสนบอบบางพุ่งออกมาจับแขนของสาวใช้ไว้แน่น!
หลี่หวงคว้าแขนของสาวใช้เอาไว้ได้ทัน มุมปากสีขาวซีดพลันกระตุกยิ้มเยาะ ฝ่ามืออีกข้างโบกสะบัด แล้วฝ่ามือที่ว่างก็ปรากฏกลีบดอกไม้ชนิดหนึ่งขึ้นมาในทันที หญิงสาวกำมือแน่นขยี้ไปมาจนมีน้ำเกสรดอกไม้ไหลออกมาจากซอกนิ้ว สามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า
“นี่เจ้า!!”
แววตาของสาวใช้นางนั้นเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว นางถลึงตาโตจ้องมองหลี่หวงราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“ข้ามันทำไม! ห๊ะ!?”
ดวงตาของหลี่หวงสาดประกายโหดเหี้ยมดุดัน อาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายเผลอไผล ออกแรงทั้งหมดที่มีกระชากแขนของสาวใช้จนเสียหลักล้มมาตรงหน้า พร้อมใช้มืออีกข้างที่อาบไปด้วยน้ำเกสรดอกไม้พิษขยี้ใบหน้าของอีกฝ่ายไม่หยุด
น้ำเกสรพิษซึมผ่านชั้นผิวหนังบนใบหน้าของสาวใช้อย่างรวดเร็ว ทั่วทั้งใบหน้าขาวของนางเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำในทันที
พิษร้ายแรง!
ไม่นานนัก ร่างกายของสาวใช้ก็เริ่มชักเกร็งไม่หยุดจนแข็งทื่อเป็นเสาหินในที่สุด ณ เวลานี้อีกฝ่ายไม่สามารถขยับเขยื้อนแขนขาได้เลยราวกับเป็นอัมพาตไปแล้ว มีเพียงปากที่ยังฝืนขยับได้บ้าง
“จะ-เจ้า...ทำอะ...อะไร...ข้า...”
หลี่หวงหรี่ตาลง สายตาคู่นั้นจับจ้องอีกฝ่ายที่กำลังนอนชักเกร็งไม่หยุดด้วยแววตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยไฟโทสะ
“เรียกข้าว่า นังสวะงั้นรึ? มีค่าน้อยกว่าสุนัขรึ? หึ...เจ้าคงกำลังทรมานอยู่สินะ? รู้สึกเจ็บปวดเจียนตายเลยใช่หรือไม่ล่ะ?”
จู่ๆนางก็เอาเศษเกสรดอกไม้พิษที่เหลือขยี้ใส่ตาสาวใช้ข้างหนึ่งเล่นอย่างสนุกสนาน ทำให้ดวงตาข้างนั้นของอีกฝ่ายบอดลงในทันที
“แสบตาอย่างที่สุดเลยสินะ? หึหึ...ข้าไม่สนหรอกว่าใครที่เป็นเจ้านายของเจ้า แต่จงสำเหนียกไว้ด้วยว่า ตัวเจ้าเองอยู่ในฐานะอะไร!”
จากนั้นนางจึงค่อยๆใช้มือบีบจมูกและอุดปากของสาวรับใช้ไม่ให้หายใจได้ อีกฝ่ายพยายามดิ้นรนสุดชีวิต แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไร ร่างกายก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เลย เหงื่อบนหน้าผากผุดขึ้นจนชโลมเปียก เส้นเลือดเส้นประสาทของนางเริ่มปูดโปนราวกับว่ากำลังจะขาดอากาศหายใจตายแล้วจริงๆ เมื่อเห็นเช่นนั้นหลี่หวงจึงค่อยๆ คลายมือออกจากจมูกและปากของอีกฝ่าย ทำเอาสาวใช้นางนั้นถึงกับหายใจหอบ และพยายามที่จะสูดอากาศเข้าร่างอย่างบ้าคลั่งประหนึ่งสุนัขที่ใกล้ตาย จากนั้นจึงยกมือปิดจมูกและปากของนางใหม่อีกครั้ง หญิงสาวทรมานสาวใช้อยู่เช่นนี้อีกสองสามรอบจนกระทั่งพอใจ
จากนั้น หญิงสาวก็ได้ยกมือโบกสะบัดอีกครา ดอกไม้แก้พิษจึงปรากฏขึ้น นางขยี้ใส่หน้าสาวใช้อีกครั้ง แล้วร่างกายของนางก็กลับมาขยับเขยื้อนได้อีกครา
ทันใดนั้นเอง สาวใช้ก็รีบโผวิ่งไปทางประตูไม้สุดตัว นางรวบรวมแรงกายเฮือกสุดท้ายที่เหลือหนีจากหลี่หวง แววตาของนางที่มองมาเปี่ยมล้นไปด้วยความอาฆาตแค้นยิ่งกว่าสิ่งใด
หลี่หวงค่อยๆเงยหน้าขึ้นมอง พร้อมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“ชาหนึ่งถ้วย ชีวิตของเจ้ายังเหลือเวลาอีกเพียงแค่ชาถ้วยเดียวเท่านั้น ดอกไม้พิษเมื่อครู่มีฤทธิ์กระตุ้นพิษเดิมในกายเจ้า นั่นหมายความว่าก่อนหน้านี้เจ้าคงโดนวางยาพิษแต่กลับไม่รู้ตัว ช่างน่าขันสิ้นดี ไปเรียกคนวางยามานี่สิ ไม่แน่ว่าข้าอาจจะพอช่วยอะไรเจ้าได้บ้าง”
สาวรับใช้ถึงกับตะลึงงัน นางรีบยกมือลูบใบหน้าและลำคอทันที ท่าทางของนางดูเหม่อลอยราวกับคนขาดสติ แต่นางยังคงกัดฟันกล่าวเย้ยหยันหลี่หวงไปว่า
“เจ้าโกหก! คุณหนูจวิ๋นไม่มีทางทำเรื่องเช่นนั้นกับข้าแน่!”
“โอ้? ยังโง่เขลาอยู่อีกรึนี่?”
หลี่หวงหัวเราะเยาะใส่ไปหนึ่งครั้ง ก่อนจะลากเก้าอี้มานั่งด้วยท่วงท่าสบายใจ
สาวใช้นิ่งแข็งค้างไปชั่วขณะ แต่จะอย่างไรนางก็ยังรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทั้งร่างกายอย่างบอกไม่ถูกเช่นกัน ทำให้สุดท้ายนางจำต้องทำใจเชื่อ
“ข้าจะเรียนคุณหนูจวิ๋นให้มาจัดการกับเจ้าซะ! อย่าคิดว่าเจ้าจะยุยงให้ข้ากับคุณหนูแตกหักกันได้เลย! เจ้าเตรียมโดนถลกหนังหัวได้เลยนังขยะ!”
หลังจากพูดกล่าวจบ สาวใช้ก็รีบวิ่งหนีออกไปทันที เพราะเกรงว่าตนเองจะโดนวางยาพิษตายจริงๆ