ตอนที่ 561 - 562: พวกเราจบเห่!, จุดประสงค์ของนายคืออะไร?
ตอนที่ 561 พวกเราจบเห่!
เป่ยเหอน่ารีบยื่นโทรศัพท์อีกเครื่องของเธอให้เขา เฉียวกวนเซียงโทรหาเซี่ยอี้ฉู่โดยไม่รอช้า ครั้งนี้เซี่ยอี้ฉู่รับสายแต่ก็วางสายอย่างไวทันทีที่ได้ยินเสียงของเขา
“แม่งเอ้ย! เธอหักหลังพวกเรา!” เฉียวกวนเซียงเกือบขว้างโทรศัพท์ลงพื้น ตอนนี้เขาวิตกกังวลมากกว่าโมโห เขาคิดถูกจริงๆด้วยที่เซี่ยอี้ฉู่บล็อกเบอร์พวกเขาและหนีไป
ตั้งแต่ที่เซี่ยอี้ฉู่หนีมาเมืองหลวง เธอก็คิดจะเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ แต่เธอยังไม่มีเวลาว่าง เธอกะว่าจะใช้เบอร์เดิมไปพลางๆก่อน
“อะไรนะคะ?” เป่ยเหอน่าตกใจและหน้าก็เปลี่ยนเป็นซีดขาวทันที พวกเราจบเห่แล้ว!
“คุณ คุณไม่ใช่เหรอบอกว่าเซี่ยอี้ฉู่ไม่กล้าหักหลังพวกเรา?” เธอถามเขา
“ผมจะรู้ได้ยังไงล่ะว่านังนั่นจะกล้าทำจริงๆ!” เขาเองก็ไม่อยากเชื่อว่าเซี่ยอี้ฉู่จะกล้าทำหลังจากที่ถูกเขาข่มขู่
“พวกเราจะทำยังไงกันดี? ถ้าเธอหนีไป พวกเราจบเห่แน่!” ร่างของเป่ยเหอน่าสั่นด้วยความกลัว
เฉียวกวนเซียงโทรหาอีกสาย
“หลิวเก่อ ฉันต้องการให้ช่วย แล้วจะจ่ายอย่างงาม”
“มีเรื่องอะไร?” ปลายสายถาม
“ฉันจะส่งรูปและข้อมูลคนสองคนให้ นายช่วยฉันหากพวกมันให้ที ถ้าเจอแล้วก็จับพวกมันไว้ก่อน”
“ไม่มีปัญหา”
หลังจากนั้นเฉียวกวนเซียงก็ส่งรูปเซี่ยอี้ฉู่และน้องชายของเธอไปให้หลิวเก่อ
หลิวเก่อเป็นเพื่อนนักเลงของเฉียวกวนเซียง
ประมาณ 9 โมงเช้า ว่านฮุ่ยซึ่งเป็นคนขับรถของลู่เซียว และเป็นคนที่ไปรับเซี่ยอี้ฉู่และน้องชายของเธอที่สนามบินเมื่อวานนี้ ก็ไปพบพวกเขาที่โรงแรม โรงแรมอยู่ห่างจากบริษัทของพวกเขาประมาณหนึ่งร้อยเมตร
ระหว่างทางไปบริษัท ว่านฮุ่ยพูดกับเซี่ยอี้ฉู่ว่า “ตอนนี้บริษัทของเราอยู่ระหว่างการปรับปรุง จึงยังไม่มีการจัดตั้งอย่างเป็นทางการ แต่มีพนักงานแล้ว 10 คน เราเปิดทำการชั่วคราวบนชั้น 6 ของอาคารสำนักงานถัดจากอาคารของบริษัทของเรา บอสบอกว่าคุณสามารถพักผ่อนสักสองสามวันก่อนเริ่มทำงานได้”
“ขอบคุณค่ะ” เซี่ยอี้ฉู่เอ่ย
ว่านฮุ่ยพาเซี่ยอี้ฉู่ไปที่อาคารสำนักงานชั่วคราวและชี้ไปที่อาคารสูงอีกแห่งที่อยู่ไม่ไกล “นั่นคือตึกเจิ้งหนิงกรุ๊ป เฟิ่งหัวเอนเตอร์เทนเมนท์จะอยู่บนชั้นที่เจ็ดแปดและเก้า ชั้นเจ็ดจะเป็นห้องซ้อมเต้น ชั้นแปดจะทำเป็นห้องบันทึกเสียง และจะมีแผนกหลายแผนกบนชั้นเก้าสำหรับนักแสดงและพนักงานของเฟิ่งหัว”
เซี่ยอี้ฉุ่ประหลาดใจ เธอคิดว่ากู้หนิงเป็นเพียงบอสใหญ่ของบริษัทบันเทิง แต่กลับกลายเป็นกลุ่มบริษัทใหญ่ และเฟิ่งหัวเป็นเพียงบริษัทในเครือของเจิ้งหนิงกรุ๊ปเท่านั้น
เซี่ยอี้ฉู่สัยว่ากู้หนิงเป็นเพียงผู้ถือหุ้นของเฟิ่งหัวเอนเตอร์เทนเมนท์หรือเป็นผู้ก่อตั้งเจิ้งหนิงกรุ๊ป เป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะเชื่อว่าเด็กอายุน้อยกว่า 20 ปีสามารถเป็นประธานของกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ได้ คงเป็นครอบครัวของเธอมากกว่าที่เป็นเจ้าของกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่นี้
เซี่ยอี้ฉู่อยากถามว่านฮุ่ย แต่คิดๆดูแล้วคงไม่เหมาะสม เธอจึงไม่ได้พูดอะไร
หลังจากนั้นว่านฮุ่ยก็พาเซี่ยอี้ฉู่และเซี่ยอี้ตงไปยังห้องทำงานของผู้จัดการ
เมื่อพวกเขาเข้าไปข้างในห้อง เซี่ยอี้ฉู่ก็ถอดหน้ากากออกเพราะเธอคิดว่าคงเป็นการไม่สุภาพหากเธอสวมหน้ากากตลอดเวลา
วินาทีที่หน้ากากถูกถอดออก รอยแผลเป็นที่น่ากลัวบนแก้มขวาของเซี่ยอี้ฉู่ก็ถูกเปิดเผย ซึ่งทำให้ว่ายฮุ่ยและลู่เซียวตกใจ แต่พวกเขาไม่ได้แสดงความรังเกียจใดๆ เพราะพวกเขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหญิงสาวที่น่าสงสารคนนี้
“นี่คือผู้จัดการลู่ครับ” ว่านฮุ่ยแนะนำลู่เซียวกับเซี่ยอี้ฉู่และน้องชายของเธอ
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ/ครับผู้จัดการลู่”
“เช่นกันครับ เชิญนั่งๆ” ลู่เซียวเอ่ย “นี่สัญญาครับ คุณอ่านแล้วค่อยเซ็นสัญญานะครับ”
“ได้ค่ะ” เซี่ยอี้ฉู่เอ่ย
สัญญาของเซี่ยอี้ฉู่เหมือนกับของซูตงนั่ว อัตราผลตอบแทนคือ 6:4 ซึ่งหมายความว่าบริษัทจะรับ 60% ในขณะที่เธอรับ 40%
แม้ว่าเซี่ยอี้ฉู่จะไม่ค่อยมีประสบการณ์ในวงการบันเทิง แต่เธอก็ได้เรียนรู้อะไรมากมายหลังจากทำงานกับเฉียวกวนเซียงมาเป็นเวลานาน โดยปกติอัตราค่าตอบแทนจะอยู่ที่ 8:2 และไม่ค่อยเห็น 6:4 โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเป็นหน้าใหม่ที่ไม่มีชื่อเสียง
เซี่ยอี้ฉู่เป็นหน้าใหม่ก็จริง แต่เพลงของเธอไม่ใช่ เป่ยเหอน่าซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากเซี่ยอี้ฉู่ก็เป็นนักร้อง B-list แล้ว และได้รับความนิยมมากกว่าซูตงนั่วอีกด้วย ตราบใดที่ความลับสกปรกของพวกเขาถูกเปิดเผย อาชีพน้องร้องของเป่ยเหอน่าก็จะถึงกาลอวสาน ในขณะที่เซี่ยอี้ฉู่จะโดดเด่นขึ้นมา ยิ่งไปกว่านั้น เพลงของเธอค่อนข้างเป็นที่นิยมมากในทุกวันนี้ ดังนั้นจึงไม่ยากสำหรับเธอที่จะดึงดูดความสนใจของผู้คน
เซี่ยอี้ฉู่อาจถูกวิพากษ์วิจารณ์เช่นกันหลังจากที่ความลับสกปรกถูกเปิดเผย แต่ไม่ใช่เรื่องแปลกในวงการบันเทิงที่มีคนรักและคนเกลียด และบรรดาคนเกลียดชังเหล่านั้นชอบแสดงความคิดเห็นที่รุนแรงมากมายบนอินเทอร์เน็ต ไม่ใช่เพราะคนดังทำอะไรผิด แต่เพียงเพราะพวกเขาต้องการระบายความโกรธในชีวิต สรุปแล้วคนในวงการบันเทิงต้องมีจิตใจที่เข้มแข็งในการทำงาน
“ผู้จัดการลู่คะ อัตราค่าตอบแทนถูกต้องแล้วใช่ไหมคะ?”
ลู่เซียวยิ้ม รอยยิ้มของเขาทำเอาเซี่ยอี้ฉู่ตะลึงในเสน่ห์ของเขา
“ถูกต้องแล้วครับ นี่แค่เริ่มแรก ถ้าคุณกลายเป็นนักร้องแถวหน้า อัตราค่าตอบแทนจะเปลี่ยนเป็น 5:5” ลู่เซียวตอบ
เซี่ยอี้ฉู่ตกใจอีกครั้ง ถ้าหากเธอกลายเป็นนักร้องแถวหน้า เธอสามารถได้รับส่วนแบ่ง 50% บอสใหม่ของเธอใจกว้างจริงๆ”
บริษัทจะจัดหาอพาร์ตเมนต์เดี่ยวสำหรับเธอและจ่ายค่าสาธารณูปโภคให้ ถ้าเธอมีบ้านเป็นของตัวเอง บริษัทจะจ่ายเงินเดือนละสามพันหยวนให้เธอเป็นค่าบ้าน และยังคงจ่ายค่าสาธารณูปโภคให้เธอเหมือนเดิม
ตอนที่ 562 จุดประสงค์ของนายคืออะไร?
เซี่ยอี้ฉู่เพิ่งมาถึงเมืองหลวง และเธอยังไม่เจออพาร์ตเมนต์เหมาะๆ ดังนั้นเธอจึงเลือกเงินช่วยเหลือค่าที่พักสามพันเพื่อเช่าอพาร์ตเมนต์สำหรับเธอและน้องชาย
แม้ว่าราคาบ้านในเมืองหลวงจะสูงมาก แต่ก็เพียงพอสำหรับเช่าอพาร์ทเมนต์ดีๆโดยมีค่าบ้านสามพันหยวน
เซี่ยอี้ฉู่และเซี่ยอี้ตงใช้ชีวิตอย่างยากจนมาโดยตลอด แต่พวกเขายังคงเป็นเจ้าของอพาร์ทเมนต์ในเมือง B ซึ่งพ่อแม่ของพวกเขาเป็นคนซื้อไว้ และมันมีอายุมากกว่า 10 ปีแล้ว แต่พวกเขาสามารถหาเงินได้ด้วยการขายมัน หลังจากนั้นพวกเขาสามารถนำเงินก้อนนี้ไปซื้ออพาร์ทเมนต์ขนาดเล็กในเมืองหลวงได้
เซี่ยอี้ฉู่วางแผนที่จะทำเช่นนั้นในอนาคตเพราะเธอและน้องชายของเธอไม่สามารถกลับไปที่เมือง B ได้ในขณะนี้ มันจะเป็นอันตรายตราบใดที่เฉียวกวนเซียงและเป่ยเหอน่ายังคงอยู่ที่นั่น
ในท้ายที่สุด เซี่ยอี้ฉู่ก็ได้ลงนามเซ็นสัญญาและเธอรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก ในที่สุดเธอก็สามารถไล่ตามความฝันและต่อสู้เพื่ออนาคตของตัวเองได้แล้วต่อจากนี้
ลู่เซียวตรวจสอบสัญญาแล้วถามว่า “ว่าแต่ น้องชายของคุณเรียนอยู่ชั้นไหนแล้วครับ?”
“ม.5 ค่ะ” เซี่ยอี้ฉู่ตอบ
“มีโรงเรียนในใจไว้ไหม?” ลู่เซียวถาม
“ไม่ครับ ขอแค่อยู่ใกล้ๆพี่สาวก็พอแล้วครับ” เซี่ยอี้ตงชิงตอบก่อน
เซี่ยอี้ฉู่เห็นด้วยตราบเท่าที่เซี่ยอี้ตงพอใจ นอกจากนี้ เธอคงกังวลหากโรงเรียนของน้องชายอยู่ไกลจากเธอมากเกินไป
“ดี” ลู่เซียวเอ่ย “พักผ่อนก่อนสักสองสามวันนะครับ พวกคุณจะได้มีเวลาหาที่พัก ผมจะแจ้งเรื่องงานไปอีกที”
เรื่องของเซี่ยอี้ฉู่ก็ถูกจัดการเรียบร้อย
เมื่อกู้ม่านขึ้นไปยังห้องของถางหยุนฟ่าน กู้หนิงก็บอกคุณปู่ถางว่าเธอจะไปเมือง D และหวังว่าพวกเขาจะดูแลกู้ม่านแทนเธอ
“แม่ของหลานอยู่ที่นี่กับพวกเราได้นะ” ถางไห่เฟิงเอ่ย
“หนูคิดว่าแม่อยากอยู่ที่บ้านของหนูมากกว่าค่ะ”
“เอางั้นก็ได้” ถางไห่เฟิงไม่อยากขัดหลานสาว
กู้หนิงต้องรีบไปเมือง D เธอเลยไม่อยู่กินอาหารเที่ยงที่บ้านตระกูลถาง เธอจะไปหาเลิ่งชาถิงก่อนแล้วจึงไปดูโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าด้วยกันก่อนจะบินไปเมือง D
วันนี้เธอจะไม่กลับมา ดังนั้นเธอจึงจอดรถในลานจอดรถของบ้านตระกูลถาง รถราคากว่าสิบล้านหยวน เธอไม่กล้าจอดทิ้งไว้ที่สนามบิน
หลังจากเจอเลิ่งเชาถิง ทั้งคู่ก็ไปตรวจโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าด้วยกัน โรงงานทั้งหมดตั้งอยู่ในเขตชานเมืองหรือที่ไหนสักแห่งใกล้ชานเมือง และโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าที่แรกที่ทั้งคู่ไปเยี่ยมชมอยู่ในย่านชานเมือง เนื่องจากเสื้อผ้าที่ผลิตไม่ใช่แบรนด์ที่มีชื่อเสียง โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าจึงไม่ใหญ่มาก เป็นโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าขนาดกลาง
โรงงานเป็นอาคารเดี่ยวสี่ชั้น และขนาดของแต่ละชั้นใหญ่กว่าสนามบาสเก็ตบอลเล็กน้อย มันเพียงพอแล้วในสายตาของกู้หนิง หลังจากที่สำรวจรอบๆ เป็นเวลาสั้นๆ กู้หนิงก็ตัดสินใจซื้อ
มีคนงานประมาณ 60 คนในโรงงาน รวมถึงหัวหน้างาน 10 คน ที่เหลือเป็นคนงานทั่วไป
โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าจำเป็นต้องหยุดทำงานชั่วคราว แต่คนงานจะได้รับค่าจ้างตามปกติ กู้หนิงตัดสินใจจะจัดการกับเรื่องอื่นๆ เกี่ยวกับโรงงานเมื่อเธอกลับมาจากเมือง D แล้ว
ในเวลาเดียวกัน เฉียวกวนเซียงก็ถูกทรมานทางจิตใจเพราะเซี่ยอี้ฉู่
หลายชั่วโมงต่อมา ในที่สุดหลิวเก่อก็โทรหากลับมา แต่ไม่ใช่ข่าวดี
“กวนเซียง ฉันหาคนสองคนในรูปที่นายส่งมาไม่เจอที่เมือง B เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาออกจากเมือง B ไปแล้ว?” หลิวเก่อถาม
เฉียวกวนเซียงก็คิดแบบเดียวกันแต่เขาไม่อยากเชื่อ หลิวเก่อหาพวกเขาไม่เจอในเมือง B ดูเหมือนว่าพวกเขาหนีไปแล้ว แต่ว่าหนีไปที่ไหนล่ะ?
แม้ว่าหลิวเก่อจะเป็นสมาชิกแก๊ง เขาไม่ใช่คนสำคัญในแก๊ง ดังนั้นความสามารถของเขาจึงมีจำกัด
เฉียวกวนเซียงก็ไม่รู้จักใครที่มีความสามารถมากพอที่ช่วยตรวจสอบบัตรประชาชนว่าพวกเขาได้ซื้อตั๋วเครื่องบินไปที่เมืองไหน
หลิวเก่อหาเซี่ยอี้ฉู่และเซี่ยอี้ตงไม่เจอ แต่เฉียวกวนเซียงยังต้องจ่ายห้าหมื่นหยวน
“พวกเราจะทำยังไงกันดี? ตอนนี้พวกเราควรทำยังไงคะ?” เป่ยเหอน่าสิ้นหวัง ถ้าพวกเขาหาเซี่ยอี้ฉู่ไม่เจอ พวกเขาจบเห่แน่นอน
เฉียวกวนเซียงก็สิ้นหวังเช่นกัน แต่เขาปฏิเสธที่จะยอมรับความพ่ายแพ้
ตอนที่กู้หนิงและเลิ่งเชาถิงออกจากโรงงานก็บ่ายสามครึ่งแล้ว พวกเขาตรงไปที่สนามบินทันที
เกือบสองทุ่ม ทั้งคู่ก็มาถึงเมือง D และนั่งแท็กซี่มุ่งตรงไปยังตัวเมือง
กู้หนิงไม่ได้รีบติดต่อฉู่เพ่ยหานและคนอื่นๆ ในวันนี้ เธอวางแผนที่จะโทรหาพวกเขาในวันพรุ่งนี้ สำหรับตอนนี้พวกเธอต้องกินข้าวก่อนแล้วค่อนไปจองโรงแรม
ที่เมือง B พานจื่อรุ่ยกำลังสนุกสนานกับเพื่อนๆที่คลับเฮ้าส์สุดหรู
“จื่อรุ่ย นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วนะ ทำไมบอสของนายถึงยังไม่โทรหานายสักที?” คนถามก็คือคนที่บอกให้พานจื่อรุ่ยชวนกู้หนิงออกมาสนุกด้วยกัน
ผู้ชายคนนี้มีชื่อว่าเฟิงซิน เขาอายุ 28 ปี และเป็นรองผู้จัดการทั่วไปของบริษัทก่อสร้างแห่งหนึ่ง เหตุผลที่เขาเอาแต่ถามถึงกู้หนิงไม่ใช่เพราะเขาสนใจในตัวเธอ แต่เป็นเพราะเขาต้องการเข้าหาตระกูลถางผ่านกู้หนิง
การที่เฟิงซินต้องการเข้าหาตระกูลถางย่อมมีจุดประสงค์แน่นอน
รัฐบาลเมือง B กำลังจะพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวในปีนี้ และออกคำสั่งให้มีเพียง 5 บริษัทเท่านั้นที่จะมีส่วนร่วมในโครงการนี้ ตระกูลถางมีแนวโน้มที่จะได้ในหมู่พวกเขา ดังนั้นเฟิงซินจึงมีความทะเยอทะยานที่จะสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับตระกูลถาง
ด้วยความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลถาง ทำให้เขาสามารถได้ที่นั่งในบริษัทก่อสร้างของเขาได้อย่างง่ายดาย ยิ่งไปกว่านั้น ตราบใดที่เขารู้จักตระกูลถาง มันจะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับเขาในการดำเนินธุรกิจ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น พานจื่อรุ่ยก็หยุดดื่มและตระหนักว่ากู้หนิงไม่ได้ติดต่อเขามาหลายวันแล้ว “เธอคงไม่ว่างมั้ง”
ในทางกลับกัน เฟิงซินสงสัยในความสัมพันธ์ของพานจื่อรุ่ยกับกู้หนิง ถ้าพวกเขาสนิทกันจริงๆ ทำไมกู้หนิงถึงยังไม่โทรหาเขา? ถึงกระนั้น เฟิงซินก็ไม่สามารถพูดออกมาดัง ๆ ได้ เพราะเขายังคงหวังว่าจะได้พบกับกู้หนิง ถ้าเขารักษามิตรภาพกับพานจื่อรุ่ยต่อไป
“นายมีจุดประสงค์อะไรกันแน่? ทำไมเอาแต่พูดถึงคุณกู้?” กวนปินถาม เขาคิดว่าเฟิงซินสนใจกู้หนิง พานจื่อรุ่ยก็เช่นกัน พวกเขามองไปที่เฟิงซินด้วยความสงสัย
เฟิงซินละล่ำละลักปฏิเสธ “ฉันแค่ได้ยินจากพวกนายว่าเธอสุดยอดอย่างนั้นอย่างนี้ ก็เลยอยากเจอน่ะ ก็แค่นั้น”