ตอนที่แล้วWS บทที่ 352 ได้รับคาถาใหม่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปWS บทที่ 354 เดอะเมทริกซ์กับแม็กซิมแห่งไฟ PART 2

WS บทที่ 353 เดอะเมทริกซ์กับแม็กซิมแห่งไฟ PART 1


กำลังโหลดไฟล์

เมอร์ลินเดินตามหลังพ่อมดฟอสส์ไปใกล้ ๆ ผ่านบันไดหินเย็นยะเยือก ในระหว่างนั้นมีเสียงจักรกลหญิงของเดอะเมทริกซ์ยังคงก้องกังวานอยู่ในหัวของเขา

“บี๊บ กระบวนการรวมข้อมูลสำเร็จแล้ว ได้รับคาถาระดับสี่ธาตุไฟทั้งหมด 239 คาถา! ข้อมูลไม่สมบูรณ์ โปรดดำเนินการรวบรวมข้อมูลและเติมฐานข้อมูลต่อไป!”

เดอะเมทริกซ์ได้รับคาถาระดับสี่ธาตุไฟมากกว่าสองร้อยคาถา แม้ว่าจะมีการใส่คาถามากกว่าสามหมื่นคาถาลงในฐานข้อมูล แต่เดอะเมทริกซ์ยังรู้สึกว่าข้อมูลไม่สมบูรณ์ จึงทำให้เมอร์ลินประหลาดใจ ข้อมูลจำนวนนี้ที่สะสมมาหลายศตวรรษเทียบได้กับองค์กรนักเวทย์ใหญ่ แต่ถึงอย่างไรมันก็ยังไม่เพียงพอที่จะเติมฐานข้อมูลของเดอะเมทริกซ์

“ดูเหมือนว่าฉันยังต้องค้นหาคาถาต่อไปทุกครั้งที่มีโอกาสและเติมลงฐานข้อมูล!”

แม้ว่าข้อมูลในฐานข้อมูลจะไม่ได้ ‘สมบูรณ์’ จริง ๆ แต่ ‘สมบูรณ์’ เป็นเพียงคำที่นิยามเท่านั้น ถ้ามันเสร็จสมบูรณ์จริง ๆ คาถาที่ได้จากเดอะเมทริกซ์จะน่ากลัวมากโดยแทบไม่มีจุดอ่อนในคาถานั้นเลย

แม้ว่าฐานข้อมูลจะยังไม่ ‘สมบูรณ์’ แต่คาถาที่ได้รับก็ยังทรงพลังมาก เมอร์ลินได้รับคาถามากกว่าสองร้อยคาถาที่ได้มาจากเดอะเมทริกซ์ทันที เขาต้องการเห็นความพิเศษของพวกมัน

ในท้ายที่สุด ปัญหาเดียวของคาถาใหม่ที่เขาได้รับคือความเข้ากันได้ เมื่อเมอร์ลินดูโครงสร้างคาถาทั้งหมด เขาก็ตระหนักว่าพวกมันทั้งหมดมีความเข้ากันได้กับเขามากกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ คาถาบางอันสามารถเข้ากันกับเขาได้ถึงร้อยเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ

นั่นเป็นเรื่องยากมากที่จะจินตนาการ แม้แต่คาถาที่มีต้นกำเนิดเดียวกัน ก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้ากันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์

ความเข้ากันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์สามารถทำได้โดยการสร้างคาถาขึ้นมาเอง โดยการจับคู่กับพลังจิตของตัวเองกับโครงสร้างที่สร้างไว้ก่อนหน้านี้

เมอร์ลินเข้าใจอย่างคลุมเครือว่าทำไมเดอะเมทริกซ์จึงต้องผูกพลังจิตไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อให้คาถาที่สร้างขึ้นมาใหม่เข้ากันกับตัวเขามากยิ่งขึ้น

คาถาธาตุไฟระดับสี่เหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นคาถาโจมตี แน่นอนว่ามีคาถาบางอันที่เป็นประเภทผูกมัดหรือมีเอฟเฟกต์อื่น ๆ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เดอะเมทริกซ์ติดตามเมอร์ลินและเข้าสู่โลกแห่งเวทมนต์ การเปลี่ยนแปลงบางอย่างก็ดูเหมือนจะเกิดขึ้น เมื่อมันได้รับคาถา มันจะสร้างคาถาใหม่เอี่ยมตามคาถาที่สร้างไว้ก่อนหน้านี้ของเมอร์ลิน

ในความเป็นจริง เมื่อพูดถึงการสร้างคาถาใหม่ นี่เป็นวิธีการทั่วไปที่ใช้โดยนักเวทย์ระดับเจ็ด หากคาถาที่สร้างขึ้นก่อนหน้านี้เป็นคาถาโจมตีที่รุนแรงโดยพื้นฐานแล้ว คาถาใหม่จะต้องได้รับในลักษณะเดียวกันเช่นกัน มันจึงจะง่ายต่อการได้รับคาถาใหม่ซึ่งจะเพิ่มความเข้ากันได้กับมัน

นั่นคือสิ่งที่เดอะเมทริกซ์ทำอย่างแม่นยำ มันรวมคาถาที่เมอร์ลินเคยสร้างไว้ก่อนหน้านี้รวมถึงคาถาลูกไฟ ระดับศูนย์, คาถาเพลิงพิโรธ ระดับหนึ่ง, คาถาทะเลเพลิงแห่งการชำระ ระดับสองและคาถาหลอมเปลวเพลิง ระดับสาม

คาถาทั้งสี่นี้เป็นคาถาธาตุไฟทั้งหมดที่มีความรุนแรงอย่างยิ่ง มันมีพลังโจมตีมหาศาลและระเบิดพลังวงกว้าง ดังนั้นผลรวมของคาถาใหม่มากกว่าสองร้อยคาถาที่ได้มาจากเมทริกซ์ในครั้งนี้จึงมีลักษณะรุนแรงและพลังโจมตีที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ

คาถาระดับสี่เป็นการปรับปรุงคุณภาพจากคาถาระดับสาม พลังของมันจะเพิ่มขึ้นเป็นวงกว้างและมันจะแข็งแกร่งขึ้นมากในทุกด้าน คาถาระดับสี่สามารถหลอมรวมกับขั้นที่สองของพลังปีศาจแพรโดร่าเช่นกัน

เมอร์ลินมีความกังวลในขณะนี้ ถ้าเขาได้รับคาถาระดับสี่ใหม่โดยเดอะเมทริกซ์ เขาจะยังสามารถฝึกฝนพลังปีศาจแพนโดร่าก่อนหน้านี้ได้ถึงขั้นที่สองหรือไม่?

นั่นคือความกังวลของเมอร์ลิน แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางทดสอบมันได้เช่นกัน เขาทำได้เพียงรอจนกระทั่งเขากลายเป็นนักเวทย์ระดับสามในอนาคต อย่างไรก็ตาม เขายังสามารถทดลองโดยการสร้างคาถาระดับสี่

แม้ว่าเขาจะไม่สามารถผสานพลังปีศาจแพนโดร่าได้ แต่เมอร์ลินก็ไม่สามารถละทิ้งคาถาระดับสี่ที่ได้รับมาได้เช่นกัน ท้ายที่สุด การสร้างคาถาใหม่ที่เหมาะกับตัวเองมากที่สุดคือเป้าหมายสูงสุดของนักเวทย์ทั้งหมด ก่อนที่จะเป็นจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ โครงสร้างคาถามีความสำคัญอย่างยิ่ง สำหรับคาถาที่สร้างเองนั้น เราไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับความเสถียรและความเข้ากันได้ของมัน เพราะมันเป็นคาถาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับนักเวทย์นั้น ๆ

ในบันไดหินที่เย็นยะเยือก เมอร์ลินรู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่ปั่นป่วน บางที แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ตัวว่าการได้รับและสร้างคาถาใหม่หมายความว่าอย่างไรในขณะที่ยังอยู่ในระยะของการเป็นนักเวทย์ระดับสี่

แม้แต่ในยุคอันรุ่งโรจน์ที่สุดของนักเวทย์ ผู้ที่สามารถสร้างคาถาใหม่ได้อย่างอิสระในขณะที่อยู่ในขั้นตอนของนักเวทย์ระดับสี่คือนักเวทย์ที่โดดเด่นที่สุดและอัจฉริยะที่สุด ยิ่งกว่านั้นความสำเร็จสูงสุดของพวกเขาในภายหลังในชีวิตแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะจินตนาการ

ความคิดมากมายแวบเข้ามาในหัวของเมอร์ลิน อย่างไรก็ตาม ลำแสงจ้าก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา เขามาถึงจุดสิ้นสุดของบันไดหินแล้ว เมอร์ลินรีบปิดเดอะเมทริกซ์ เขายังขาดความสามารถในการสร้างคาถาระดับสี่ ดังนั้นเขาจึงสามารถเก็บคาถาระดับสี่ธาตุไฟที่ได้รับชั่วคราวไว้ในเมทริกซ์

*ตึก ตึก*

เมอร์ลินและพ่อมดฟอสส์โผล่ออกมาจากบันไดหิน องค์ชายแปดรออยู่ด้านนอกบันไดหินมาโดยตลอด เมื่อเมอร์ลินออกมา พระพักตร์ขององค์ชายแปดก็ปรากฏรอยยิ้มในขณะที่พระองค์รีบเสด็จเข้ามาตรัสถามเมอร์ลินเบา ๆ

“พ่อมดเมอร์ลิน เป็นยังไงบ้าง? คุณพบว่ามีประโยชน์อะไรในห้องสมุดเวทมนตร์ของราชวงศ์หรือไม่?”

เมอร์ลินได้สงบความตื่นเต้นในใจของเขาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้นเขาจึงตอบด้วยท่าทีสงบว่า “ห้องสมุดเวทมนตร์ของราชวงศ์มีมรดกอันล้ำค่าอย่างแท้จริง จำนวนคาถาภายในนั้นเกินจินตนาการ นอกจากนี้ยังความหมากหลายมากมาย มันเกินขอบเขตของดินแดนมนต์ดำอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

“เหอะ! ดินแดนมนต์ดำอย่างงั้นเหรอ? ห้องสมุดเวทมนตร์ของราชวงศ์แบล็กมูนของเราสามารถเทียบได้กับองค์กรนักเวทย์ขนาดใหญ่ยังได้เลย!”

พ่อมดฟอสส์ซึ่งยืนอยู่ข้างพวกเขากล่าวด้วยท่าทีไม่พอใจเมื่อเขาได้ยินเมอร์ลินเปรียบเทียบห้องสมุดเวทมนตร์ของราชวงศ์กับของดินแดนมนต์ดำ

เมอร์ลินไม่สนใจ เขาเพียงยักไหล่ด้วยรอยยิ้ม แม้ว่าคำพูดของพ่อมดฟอสส์จะหยาบคายมากแต่มันก็เป็นความจริง ดินแดนมนต์ดำซึ่งอยู่สูงขึ้นไปเกินกว่าจะเข้าใจได้ในสายตาของพ่อมดพเนจร ในสายตาของพวกเขา ที่แห่งนั้นเป็นเพียงองค์กรเล็ก ๆ ของนักเวทย์

แม้แต่นักเวทย์ที่ทรงพลังที่สุดในดินแดนมนต์ดำเป็นเพียงนักเวทย์ระดับเก้าเท่านั้น ในขณะเดียวกัน ในราชวงศ์แบล็กมูน พวกเขาสามารถเลือกนักเวทย์ระดับเก้าคนใดก็ได้เพื่อทำหน้าที่ดูแลห้องสมุดเวทมนตร์ อย่างที่เห็นทั้งสองไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบได้จริง ๆ

องค์ชายแปดทรงกระจ่างเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว พระอง์จึงรีบตรัสว่า  “พ่อมดฟอสส์ คุณพูดแบบนั้นไม่ได้นะ ในยามที่ดินแดนมนต์ดำรุ่งเรืองที่สุดในเวลานั้น พวกเขาสามารถเทียบเท่ากับองค์กรนักเวทย์ขนาดใหญ่ยังได้เลย”

เมื่อได้ยินสิ่งที่องค์ชายแปดตรัส พ่อมดฟอสส์ก็ไม่เถียงต่อไป เมอร์ลินรู้ช่วงเวลานั้นในประวัติศาสตร์ อันที่จริง ดินแดนมนต์ดำมียุคทองของพวกเขา ในช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์ที่สุดของพวกเขา พวกเขาได้แสดงศักยภาพอย่างแท้จริงและเทียบได้กับองค์กรนักเวทย์ขนาดใหญ่ พวกเขามีจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่ดูแลที่นั่นเป็นการส่วนตัวและพวกเขาผลิตนักเวทย์ระดับสูงที่ไม่มีที่สิ้นสุดด้วย

นี่เป็นเรื่องของศตวรรษที่ผ่านมา ในขณะนั้น จอมเวทย์ฟิเดล ผู้ก่อตั้งดินแดนมนต์ดำยังคงอยู่ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงมีพลังเช่นนั้น

องค์ชายแปดไม่ได้ถามเมอร์ลินว่าเขาเลือกคาถาอะไรในห้องสมุดเวทมนตร์ ทุกคนต่างก็ต้องการมี ‘ความลับ’ และองค์ชายแปดก็รู้เรื่องนี้ดีเช่นกัน เขาเองก็มีประสบการณ์ส่วนตัวในการ ‘ปกปิดข้อมูล’ ด้วยเช่นกัน

ขณะที่เมอร์ลินพร้อมที่จะออกเดินทางพร้อมกับองค์ชายแปด เขาถูกพ่อมดฟอสส์หยุดไว้

พ่อมดฟอสส์หยิบเอกสารสัญญาจากแหวนของเขาออกมาแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “ลงนามในสัญญานี้ คุณจะไม่มีวันส่งต่อคาถาในห้องสมุดเวทมนตร์ของราชวงศ์ให้ผู้อื่น!”

พ่อมดฟอสส์เตรียมพร้อมมานานแล้ว แม้ว่าเขาจะผิดคำสาบานเพียงครั้งเดียวเพราะสัญญากับองค์ราชินีโดยปล่อยให้เมอร์ลินเข้าไปในห้องสมุดเวทมนตร์ หน้าที่ของเขาคือปกป้องห้องสมุดโดยจุดประสงค์หลักคือเพื่อป้องกันไม่ให้เวทย์มนตร์แพร่กระจายไปยังโลกภายนอก

สมาชิกของราชวงศ์ไม่จำเป็นต้องลงนามสัญญา บุคคลเช่นองค์ชายแปดได้ส่งพระคาถาให้กับผู้คนภายนอกบ้างในบางครั้ง ยกตัวอย่างเช่น เมอร์ลินที่มีบทบาทสำคัญในการต่อสู้ครั้งใหญ่กับองค์ชายสี่ ด้วยคาถาเกราะสัมบูรณ์ มันเป็นคาถาที่เปลี่ยนสถานการณ์ที่สำคัญในการต่อสู้ แท้จริงแล้วเป็นคาถาที่เป็นของราชวงศ์แต่องค์ชายแปดได้ส่งต่อให้เมอร์ลิน

อย่างไรก็ตาม เมื่อเมอร์ลินเข้าไปในห้องสมุดเวทมนตร์ เขาก็จำคาถาได้ไม่มากก็น้อย พ่อมดฟอสส์ย่อมไม่เสี่ยงและปล่อยให้เมอร์ลินนำคาถาออกไปข้างนอก เขาจึงต้องลงนามสัญญา

โชคดีที่เมอร์ลินตกลงลงนามสัญญาก่อนเข้าสู่ห้องสมุดเวทมนตร์ ดังนั้นจึงไม่ลังเลใจในส่วนของเขา มันเป็นเพียงขั้นตอนเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะไม่เผยแพร่คาถาของราชวงศ์ไปยังโลกภายนอก เขาใช้เดอะเมทริกซ์เพื่อรวมข้อมูลของคาถาของราชวงศ์มากมายและได้รับคาถาใหม่ ๆ มากมาย แต่สิ่งเหล่านั้นไม่ได้อยู่ภายใต้ข้อจำกัดใด ๆ

เวทย์มนต์ใหม่เอี่ยมเหล่านั้นสามารถจัดการได้โดยเมอร์ลินในแบบที่เขาต้องการ จนกระทั่งถึงจุดที่เดอะเมทริกซ์ผสานเข้าด้วยกัน เมอร์ลินสามารถรับคาถาใหม่ ๆ ได้ทุกประเภทอย่างไร้ขีดจำกัด เมื่อถึงเวลานั้น เมอร์ลินก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องคาถาอีกต่อไป ทั้งของตัวเองและตระกูลวิลสันด้วยคาถาเหล่านี้จะทำให้ตระกูลวิลสันกลายเป็นตระกูลนักเวทย์ที่ทรงพลัง

การสืบทอดคาถานั้นไม่ง่ายอย่างนั้น มันเป็นรูปแบบพื้นฐานของการสืบทอดสำหรับองค์กรนักเวทย์ เช่นเดียวอาคารสเตอร์ลิ่ง แม้ว่าพวกเขาจะมีจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ดูแลมาเกือบศตวรรษแล้ว แต่พวกเขายังเก็บคาถาได้ไม่มากนัก การรวบรวมคาถาที่ไม่สมบูรณ์ก็กลายเป็นอุปสรรคที่ทำให้พวกเขากลายเป็นองค์กรนักเวทย์ พวกเขาทำได้เพียงเพียรพยายามให้อาคารสเตอร์ลิ่งไปต่อโดยอาศัยชื่อเสียงและอิทธิพลของจอมเวทย์สเตอร์เป็นแหล่งสนับสนุนเพียงแหล่งเดียว

ทางด้านเมอร์ลินที่มีเดอะเมทริกซ์และคาถามากกว่าสามหมื่นคาถาจากห้องสมุดเวทมนตร์ของราชวงศ์แบล็คมูน ด้วยการประมวลผลผ่านการรวมข้อมูล เวทมนตร์ชนิดใหม่ ๆ ที่ไม่มีที่สิ้นสุดสามารถได้รับมาในจำนวนมหาศาล เพียงแค่ตัวเขาเพียงคนเดียวก็เหมือนมีมรดกแห่งเวทมนตร์ซึ่งเกือบจะคล้ายกับองค์กรนักเวทย์ขนาดใหญ่

ตราบใดที่ให้เวลาเพียงพอ จะไม่เป็นปัญหาสำหรับตระกูลวิลสันที่จะค่อย ๆ ขยายและพัฒนาไปเรื่อย ๆ ในเวลานั้น พวกเขาสามารถเป็นเหมือนตระกูลนักเวทย์ระดับสูงที่แทบจะไม่มีใครต่อกรได้

จากนั้นไม่นาน เมอร์ลินก็ลงนามสัญญากับพ่อมดฟอสส์ ร่องรอยของพลังเวทย์มนตร์ของเมอร์ลินก็ถูกฝากไว้ในเอกสารสัญญาด้วย สัญญานี้จะมีผลบังคับอย่างมีประสิทธิภาพต่อเมอร์ลิน

“องค์ชายแปดพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาททรงโปรดกลับไปทูลองค์ราชินีว่า ฟอสส์รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณสำหรับความช่วยเหลือขององค์ราชินี ตอนนี้ฟอสส์ ผู้พิทักษ์แห่งห้องสมุดเวทมนตร์ไม่ได้เป็นหนี้สัญญาใด ๆ อีกต่อไปพ่ะย่ะค่ะ!’

น้ำเสียงของพ่อมดฟอสส์ฟังดูไม่สุภาพ เขาหายตัวไปอย่างลึกลับด้วยแขนเสื้อเสื้อคลุมของเขา บันไดหินเย็นยะเยือกหายไปพร้อมกับเขา เหลือเพียงรูปปั้นทองสัมฤทธิ์สีดำสดใสสององค์อยู่บนพื้น

องค์ชายแปดสูดหายใจเข้าลึก ๆ การแสดงออกที่ซับซ้อนบนพระเนตร คราวนี้พระองค์ใช้คำสัญญาจากพ่อมดฟอสส์จนหมดซึ่งถือได้ว่าเป็นราคาที่มหาศาล

“พ่อมดเมอร์ลิน ไปกันเถอะ”

ต่อจากนั้น องค์ชายแปดก็พาเมอร์ลินไปด้วยและรีบออกจากวังไป

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด