WMR ตอนที่ 12 เบนจามิน และแกรนท์
เพียงช่วงเวลาสั้น ๆ กู้เป่ยได้จินตนาการถึงทุกสิ่งที่อาจเกิดขึ้นต่อไป
อาจเป็นไปได้ว่าคนแปลกหน้าจะวิ่งหนีทันทีเนื่องจากตกใจกลัว หรือบางทีอีกฝ่ายอาจเหวี่ยงกริชเข้าใส่เขาและบังคับให้เขาสู้ก็เป็นไปได้เหมือนกัน แต่ถ้าเขาโชคดีบางทีสมาชิกตระกูลลิเธอร์อาจรีบเข้ามาช่วยเขาปราบคนแปลกหน้า...
เมื่อมองไปที่กริชอันแวววาว กู้เป่ยก็มั่นใจถึงแรงจูงใจของชายผู้แอบลอบเข้ามากลางดึก
นี่มันไม่ใช่แค่มีเจตนาร้ายธรรมดา แต่อีกฝ่ายตั้งใจจะเอาชีวิตของเขา!
หลังจากชะงักไปชั่วขณะหนึ่ง สมองของกู้เป่ยก็เริ่มประมวลผลด้วยความเร็วเกินกว่ามนุษย์จะมีได้ ฉันควรทำยังไงดี? สู้เขา? ตัดทิ้งไปได้เลย ด้วยร่างกายที่เปราะบางเช่นนี้มันไม่ต่างจากรนหาที่ตาย
ตะโกนขอความช่วยเหลือ? นั่นดูเป็นไปได้ อย่างน้อยก็ยังดูเป็นไปได้กว่าการใช้บอลน้ำระเบิดคนจนตาย แต่เขาไม่รู้ว่าทหารยามแถวนี้มีสามารถมากเพียงใด และไม่รู้ว่าพวกเขาจะมาทันเวลาหรือไม่...
อย่างไรก็ตามขณะที่เขากำลังจะร้องขอความช่วยเหลืออยู่นั่นเอง คนแปลกหน้าที่มีกริชอยู่ในมือก็ทำสิ่งที่เหนือจินตนาการของเขา
ชายคนนั้นตอบคำถามของกู้เป่ย
“เปล่า ข้านอนหลับสนิทดี และไม่ใช่คนที่ชอบเดินเล่น อีกอย่างในมือของข้ามันคือกริชไม่ใช่มีดปอกผลไม้ ข้าไม่เคยใช้มันหั่นผลไม้เลยสักครั้งเพราะมันคงไม่สะดวกเท่าไหร่นักหากนำมันไปใช้แบบนั้น”
“...”
ชายคนนี้ต้องการอะไรกันแน่?
เขามาที่นี่เพราะเหงาเลยอยากหาคนคุยด้วย? งั้นฉันต้องคุยอะไรกับเขา เรื่องมีดอันไหนหั่นผลไม้ได้ดีกว่า?
กู้เป่ยสูญเสียคำพูด เขาไม่รู้จะตอบอย่างไร
“ถ้าไม่ได้มาเดินเล่น งั้นเจ้ามาทำอะไรที่นี่ทั้ง ๆ ที่ดึกดื่นขนาดนี้?”
เป็นระบบที่ถามแทนกู้เป่ยในใจ แน่นอนว่ากู้เป่ยผู้ยังตกตะลึงอยู่จึงพูดตามมันออกไปโดยไม่รู้ตัว
คำตอบของคนแปลกหน้านั้นตรงไปตรงมา
“ข้าเป็นนักฆ่า และนักฆ่าจะออกมาฆ่าแค่ตอนกลางคืนเท่านั้น”
“…”
กู้เป่ยพูดไม่ออกอีกครั้ง
ใช่ เป็นนักฆ่าก็ต้องออกมาฆ่าตอนกลางคืน นายมีเหตุผลมาก ฉันขอตาย
“โอ้ เขายอดมาก ข้าชอบคนที่ตรงไปตรงมาแบบนี้เป็นที่สุด!” จู่ ๆ ระบบก็ปรากฏตัวอีกครั้ง ซึ่งคำพูดของมันทำให้กู้เป่ยอยากอาเจียนเป็นเลือด เขาในตอนนี้ได้แต่หวังว่าเขาจะสามารถบังคับปิดระบบได้
กู้เป่ยรู้สึกว่าสถานการณ์ปัจจุบันค่อนข้างแปลก กริชยังคงชี้มาที่เขา แม้อีกฝ่ายจะยังไม่เคลื่อนไหว แต่จะเกิดอะไรขึ้นต่อไปใครจะรู้? ความคิดของอีกฝ่ายเห็นได้ชัดว่าเป็นสิ่งที่คนธรรมดาไม่มีวันเข้าใจ
งั้นตอนนี้ฉันควรทำยังไง? เมื่อมองเข้าไปในดวงตาของคน ๆ นี้ ดูเหมือนว่า……ชายคนนี้ต้องการให้การสนทนาดำเนินต่อไป
เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายโจมตีทันทีหลังจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัด เขาจึงทำได้เพียงกัดฟัน และเริ่มบทสนทนาต่อไป:
“งั้น.... ใครคือเป้าหมายของเจ้า?”
สิ้นเสียงกู้เป่ยแทบอยากตบตัวเองให้ตาย
ความสามารถในการสรรหาคำมาใช้ของเขานั้นแย่มาก
หากอีกฝ่ายตอบกลับมาว่า “ข้ามาเพื่อฆ่าเจ้า” ถึงตอนนั้นเขาคงพูดได้แค่ว่า “แล้วจะยืนนิ่งอยู่ทำไม?” จากนั้นอีกฝ่ายก็จะพูดว่า “โอ้ จริงด้วย ข้าจะลงมือเดี๋ยวนี้” พูดจบแสงสะท้อนจากกริชก็วาดผ่านลงมา พ่ายแพ้เป็นเรื่องธรรมดา โปรดเริ่มใหม่
เป็นอีกครั้งที่เขาตระหนักว่าเขามีความสามารถพิเศษในการทำให้สถานการณ์แย่ลงกว่าเดิม
ตอนนี้เขาพร้อมแล้วที่จะตะโกนขอความช่วยเหลืออีกครั้ง
อย่างไรก็ตามคำตอบของนายนักฆ่ากลับเป็นสิ่งที่แตกต่างจากที่เขาเดาไว้อย่างสิ้นเชิง
“ข้ามาที่นี่เพื่อฆ่าเบนจามิน ลิเธอร์”
กู้เป่ยชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบเก็บ “ช่วยด้วย” ที่ออกมาได้ครึ่งทางแล้วกลับลงไป
เบนจามิน ลิเธอร์....
ใครกัน?
เวลานี้จู่ ๆ เขาก็พบว่าเหตุการณ์ทั้งหมดพลิกผันครั้งใหญ่อีกครั้ง มันเริ่มพัฒนาไปในทิศทางที่เขาไม่เคยรู้มาก่อน
“ข้าไม่ใช่เบนจามิน ลิเธอร์ ข้าคือแกรนท์ ลิเธอร์” กู้เป่ยคิดไม่ออกว่าจะตอบอะไรดี ดังนั้นเขาจึงพูดอย่างระมัดระวัง
นักฆ่าดูจะสับสนเมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น เขาลดกริชในมือในลง ขมวดคิ้ว จากนั้นก็ใช้มืออีกข้างเกาหัว แล้วมองไปที่เพดานด้วยใบหน้าราวกับเขากำลังพยายามอ่าน ‘ชูซือเปี่ยว1’
กู้เป่ยรู้สึกทั้งแปลกและสับสน ดังนั้นเขาจึงไม่พูดอะไร และทำเพียงแค่จ้องไปที่อีกฝ่ายอย่างว่างเปล่า
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็นำมือที่เกาหัวลงก่อนจะพูดว่า:
“เอ่อ ต้องขอโทษด้วย ดูเหมือนข้าจะเดินเข้าห้องผิด”
“...”
นี่มันบ้าอะไรกันวะ?
กู้เป่ยในตอนนี้เริ่มสงสัยตัวเองแล้วว่าเขาไม่ได้มีอาการนอนไม่กลับ แต่เขาผล็อยหลับไป และทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นเพียงความฝัน? หากนี่เป็นแค่ความฝันจริง มันคงเป็นความฝันที่ไร้สาระมากที่สุดเท่าที่เขาเคยมี มันไร้สาระยิ่งกว่าความฝัน "บาลาล่า เปลี่ยนร่าง!” ที่เป็นเจ้านายของเขาเสียอีก!
ถึงพระเจ้า หรือพระเจ้าองค์ใดก็ได้ที่มองอยู่ ทำไมท่านถึงต้องกลั่นแกล้งผู้น้อยเช่นนี้ด้วย?
“แล้วเจ้ารู้ไหมว่าห้องของเบนจามิน ลิเธอร์ไปทางไหน?”
นักฆ่าคนนั้นถามอย่างจริงจัง
“....ไม่รู้เหมือนกัน”
“งั้นข้าคงต้องขอตัว และต้องขอโทษอีกครั้งที่มารบกวน ไว้เจอกันใหม่”
"……เดินทางปลอดภัย"
นักฆ่าเก็บกริชของเขา โบกมือให้กู้เป่ยก่อนจะหันหลังแล้วเดินออกจากห้องไป
เขาไปแล้ว
เขาลอบเข้ามาอย่างเงียบ ๆ และจากไปแบบเดียวกับที่เขาเข้ามา
แม้จะไม่ได้โบกมือให้ แต่เขาสามารถบอกได้จากสายตาว่าขณะที่เขากล่าวอำลาภายใต้หน้ากากนั้นต้องมีรอยยิ้มที่เรียบง่ายและจริงใจซ่อนอยู่ นี่ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เขาถึงกับปิดประตูให้....
กู้เป่ยรู้สึกว่าเรื่องนี้มันแปลกประหลาดเกินไปจนไม่รู้ว่าจะเริ่มวิเคราะห์จากตรงไหนดี
“อืม เขาเป็นคนดีจริง ๆ” ระบบกล่าว
“...นายจะไปเป็นระบบของเขาแทนก็ได้นะ” กู้เป่ยกล่าว
บอกตามจริง ถ้าระบบกับนักฆ่าสามารถคุยกันได้ ทั้งสองจะต้องเข้ากันได้ดีมากอย่างไม่ต้องสงสัย
“ไม่ดีกว่า ไอคิวของชายคนนี้มันต่ำเกินไป เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป้าหมายของเขาคือใคร หากข้าต้องกลายเป็นระบบของเขามันจะเป็นการสิ้นเปลืองความสามารถของข้าซะเปล่า ๆ”
กู้เป่ยครานเกินกว่าจะสนใจระบบ
หลังจากรอดจากสถานการณ์ไร้สาระนั่นมาได้ จู่ ๆ เขาก็เริ่มกังวลขึ้นมา แม้ว่าอันตรายจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่นักฆ่ายังอยู่ที่นี่ แม้นักฆ่าคนนี้จะดูไม่น่าเชื่อถือหรือมีความสามารถมากนัก แต่จะให้เขาแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น? แล้วไอตระกูลที่ได้ชื่อว่าเป็นตระกูลใหญ่มันไม่มีความปลอดภัยเลยรึไง?
แล้วฉันควรทำยังไงดีกับคนที่ชื่อ 'เบนจามิน ลิเธอร์'? จากนามสกุล คน ๆ นี้คงไม่ใช่คนสำคัญอีกราย แต่จะเกิดอะไรขึ้นหากนักฆ่าหาเขาพบและฆ่าเขาได้สำเร็จ?
“เราต้องหยุดเขา”
เมื่อคิดได้ดังนั้นกู้เป่ยก็พูดกับระบบทันที
“เขาไปแล้ว ท่านไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่งอีกเพราะมันมีแต่จะทำให้ท่านมีปัญหามากขึ้นเท่านั้น” ระบบแนะนำ
“ไม่ใช่ว่าฉันหาปัญหาใส่ตัว แต่ถ้าเขาฆ่าคนที่ชื่อ ‘เบนจามิน ลิเธอร์’ ได้สำเร็จจริง ๆ ล่ะ นายจะให้ฉันแสร้งว่าไม่รู้อะไรเลยงั้นเหรอ?” กู้เป่ยอธิบาย “ถ้ามีคนในตระกูลเสียชีวิต พวกเขาจะต้องเริ่มสอบสวนอย่างละเอียด และหากพวกเขาพบว่านักฆ่าเข้ามาหาฉันก่อน พวกเขาจะไม่มีวันปล่อยฉันไป”
ดังนั้นแม้ว่าเขาจะเพิ่งมาถึงตระกูลลิเธอร์ และไม่ต้องการหาปัญหาใส่ตัวไปมากกว่านี้ แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเข้าไปแทรกแซง
ยิ่งไปกว่านั้นภายใต้สถานการณ์ปกติเวลาคนเห็นนักฆ่าก็ต้องตะโกนบอกทุกคนถูกไหม? เขาไม่สามารถทำตัวแปลก ๆ ได้เพียงเพราะนักฆ่าเป็นคนแปลก ๆ หนำซ้ำก่อนหน้านี้เขายังบังคับตัวเองให้เริ่มการสนทนากับเขาอยู่พักหนึ่ง!
“ท่านอย่ากังวลไปเพราะมันจะไม่มีใครตายด้วยมือเขา” เสียงระบบฟังดูมั่นใจมาก
“ทำไมนายถึงมั่นใจขนาดนั้น?” กู้เป่ยขมวดคิ้ว
“นั่นเพราะท่านคือเบนจามิน ลิเธอร์ คนที่เขาต้องการฆ่าคือท่าน ดังนั้นเขาจะลงเอยด้วยการข้าคนอื่นได้อย่างไร”
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้...”
เนื่องจากที่ระบบพูดฟังดูมีเหตุผลกู้เป่ยจึงพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว
แต่ไม่นานเขาก็ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“นายไปเอาข้อมูลมาจากไหน? ฉันกลายเป็นเบนจามิน ลิเธอร์ตั้งแต่เมื่อไหร่? ทุกอย่างในฮาร์ดไดรฟ์ของนายเป็นแค่ขยะ?” กู้เป่ยกล่าว
ระบบหยุดไปครู่หนึ่ง และพูดด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกเหนือกว่า:
“เชื่อข้าเถอะ ท่านคือเบนจามิน ลิเธอร์”
แม้กู้เป่ยจะไม่อยากยุ่งกับมัน แต่ครั้งนี้เขาไม่สามารถทำเป็นไม่สนใจได้ ดังนั้นเขาจึงถามออกไป “ถ้าสิ่งที่นายพูดเป็นความจริง งั้นทำไมมิเชลถึงบอกว่าฉันคือแกรนท์ ลิเธอร์?”
ระบบตอบ "นางเข้าใจผิด"
“ทำไมนายถึงมั่นใจนัก?”
"ข้าอิงจากความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม"
ระบบหยุดชั่วคราวราวกับกำลังอวด จากนั้นมันจึงพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยตวามมั่นใจ: “จากความทรงจำ ท่านนั้นเป็นบุตรชายคนโตของตระกูล ตอนที่ท่านเกิด พ่อแม่ของท่านได้ตั้งชื่อท่านว่า 'เบนจามิน' ซึ่งท่านเป็นเด็กที่ถูกเอาใจจนเสียคน ตลอดสิบหกปีที่ท่านเติบโตขึ้นมา ทุกคนเรียกท่านด้วยชื่อนี้ ท่านไม่เคยเปลี่ยนชื่อ และไม่เคยใช้นามแฝงหรือชื่อเล่นแต่อย่างใด โดยสรุป ท่านคือเบนจามิน ลิเธอร์ และคนที่นักฆ่าต้องการจะฆ่าคือท่าน”
“....นายแน่ใจนะ?”
“แน่นอน ข้ามั่นใจมาก”
“...”
กู้เป่ยตกใจมาก
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน? ตอนแรกเขาคิดว่าเจ้าของเดิมของร่างนี้คือแกรนท์ ลิเธอร์ แต่มาตอนนี้ระบบบอกเขาว่าแท้จริงแล้วเขาคือเบนจามิน ลิเธอร์ นั่นไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม? ชื่อตะวันตกที่ชวนสับสนพวกนี้แต่เดิมก็จำยากอยู่แล้ว มาตอนนี้มันยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดมากยิ่งขึ้นไปอีก
เขาไม่ได้สงสัยในสิ่งที่ระบบพูด ท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่ระบบบอกก็ละเอียดมากอีกทั้งมันยังสามารถเข้าถึงความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมได้อีกด้วย แม้ว่าปกติมันจะดูไม่น่าเชื่อถือนัก แต่มันคงไม่ทำพลาดในเรื่องแค่นี้อย่างแน่นอน
ฉันคือเบนจามิน ลิเธอร์จริง ๆ
แต่ไม่นานก็มีคำถามใหม่เกิดขึ้น: ทำไมมิเชลถึงคิดว่าฉันคือแกรนท์ เธอฉลาดแกมโกงมาก ดังนั้นเธอจะมาพลาดเรื่องง่าย ๆ อย่างจับคนผิดได้อย่างไร?
มันแปลกจริง ๆ
“แล้วใครคือแกรนท์ ลิเธอร์?” กู้เป่ยถาม
“เขาเป็นน้องชายแท้ ๆ ของท่าน” ระบบตอบ
เมื่อได้ยินเช่นนั้นกู้เป่ยก็เลิกคิ้วขึ้น และอดไม่ได้ที่จะแปลกใจเล็กน้อย
ระบบยังคงอธิบายต่อไปว่า: “หนึ่งปีหลังจากที่ท่านเกิด น้องชายของท่านก็เกิดเช่นกัน พ่อแม่ของท่านตั้งชื่อให้เขาว่าแกรนท์ ลิเธอร์ ท่านและน้องชายของท่านเติบโตมาด้วยกันที่นี่ และความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับเขาก็ไม่เลวนัก”
น้องชาย...
จู่ ๆ กู้เป่ยก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี
“อย่าบอกนะว่านี่เป็นพล็อตที่น้องชายเป็นอัจฉริยะ ส่วนพี่ชายเป็นตัวไร้ประโยชน์ และฉันก็ถูกย้ายเข้ามาในร่างของคนพี่” กู้เป่ยรู้สึกไม่สบายใจ เขาอ่านนิยายที่มีพล็อตคล้ายคลึงมานับไม่ถ้วน เขาได้แต่ภาวนาว่าเขาคงไม่ได้โชคร้ายขนาดนั้น
“ดูเหมือนท่านจะไม่ได้โง่” ระบบดูมีความสุขบนความทุกข์ของเขา “ท่านเดาไม่ผิด ในวันที่น้องชายของท่านเกิด แสงศักดิ์สิทธิ์พุ่งขึ้นจากหลังคาบ้านของตระกูลลิเธอร์ มันเดินทางผ่านครึ่งเมืองหลวงและไปตกตรงปลายนิ้วของรูปปั้นพระเจ้าตรงกลางจตุรัสของโบสถ์ จากนั้นระฆังยามเช้าทั้งเจ็ดก็ดังขึ้นจากโบสถ์ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นยุคใหม่ ระหว่างพิธีบัพติศมา(พิธีล้างบาป) 100 วัน น้องชายของท่านถูกตรวจพบว่ามีพรสวรรค์ด้านคาถาศักดิ์สิทธิ์สูงมากจนถูกยกย่องว่าเป็นบิชอปในอนาคต หรือกระทั่งเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาคนต่อไป”
“...แล้วฉันล่ะ?” กู้เป่ยถามด้วยความหวังเล็กน้อยที่ยังเหลืออยู่
“ในการรับบัพติสมาร้อยวัน ท่านถูกพบว่าไม่มีพรสวรรค์ซึ่งนั่นทำให้ทั้งตระกูลผิดหวังเป็นอย่างมาก ไม่เพียงเท่านั้นในเวลาต่อมา ท่านก็ค่อย ๆ อ่อนแอลง อ่อนไหวต่อโรคต่าง ๆ มากขึ้นจนถึงจุดที่ท่านอ่อนแอกว่าน้องชายที่อายุน้อยกว่าหนึ่งปี และแม้แต่ความหวังที่จะเป็นอัศวินของท่านก็ดับลง ดังนั้นในแวดวงขุนนางของเมืองหลวง ท่านกลายเป็นตัวตลกที่น่าหัวเราะที่สุดของตระกูลลิเธอร์” ขณะอธิบายเสียงของระบบฟังดูเข้มงวดมาก
“…”
กู้เป่ยอยากเอาหัวโขกกำแพงให้รู้แล้วรู้รอดไป
แม้ว่าเขาจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่เมื่อได้ยินคำตอบเขาก็รู้สึกหมดหนทาง ในตอนนั้นหลังจากที่เขาได้ยินสิ่งที่มิเชลพูด ตอนแรกเขาคิดว่าเขาถูกย้ายเข้าสู่ร่างกายของอัจฉริยะสักคน แต่ใครมันจะไปคิดกันล่ะว่าขนาดโลกนี้ก็ยังไม่ยุติธรรมกับเขาเช่นเดิม
ในฐานะที่เป็นพี่ชายที่อาศัยอยู่ใต้ร่มเงาของน้องชายอัจฉริยะ ชีวิตในตระกูลนี้ของเขาคงไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากได้ยินคำอธิบายของระบบว่าเขาเป็นตัวตลกของตระกูล คาดว่าสถานะของเขาในตระกูลก็คงไม่สูงเช่นกัน
เวลานั้นมิเชลอาจกำลังตื่นตระหนกและลนจนลักพาตัวเขาไปในฐานะน้องชาย ซึ่งนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาที่น่าปวดหัวทั้งหมดนี้ เบนจามิน ลิเธอร์ผู้นี้ช่างโชคร้ายเสียจริง และแน่นอนว่าเรื่องต่อจากนั้นก็เป็นที่รู้กันดี เขาถูกแอนนี่ทุบตีจนตายและส่งต่อความโชคร้ายที่เหลือมาให้กู้เป่ย
นี่คือสิ่งที่ฉันได้หลังจากพยายามเอาตัวรอดมาแทบตาย? นี่มันไม่ยุติธรรม!
แต่กู้เป่ยไม่ได้ปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความผิดหวังนานนัก
“ช่างเถอะ”
สิ่งที่เขาอยากจะเป็นคือจอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ ศิลปะศักดิ์สิทธิ์? พรสวรรค์โดยกำเนิด? ไปลงนรกให้หมดซะ! สำหรับร่างกายที่อ่อนแอของเขา นับตั้งแต่การก่อตัวของอักขระสามเหลี่ยมในพื้นที่จิตสำนึก เขารู้สึกว่าลมหายใจที่เปียกชื้นค่อย ๆ ฟื้นฟูร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง เขาในตอนนี้ไม่ได้เหนื่อยง่ายเหมือนแต่ก่อน ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงไม่กังวลมากนัก แม้จะมีคนมาดูถูก เขาก็ไม่คิดสนใจ
ไร้ประโยชน์ก็คือไร้ประโยชน์ ตัวเอกนิยายเรื่องไหนบ้างที่ไม่ใช่ตัวไร้ประโยชน์?
อืม.... คิดได้แบบนี้ ฉันนี่มองโลกในแง่ดีจริง ๆ
ไม่นานกู้เป่ยก็พบว่าเขามองโลกในแง่ดีอย่างน่าประหลาด บางทีเขาอาจได้รับผลกระทบจากนักฆ่าคนนั้นทำให้สมองของเขาผิดปกติ ตัวเขาในเวลานี้สามารถโยนเรื่องร้าย ๆ ทั้งหมดเข้าไปในส่วนลึกของจิตใจได้ในเวลาอันสั้น
เขารู้สึกเหมือนเอาหัวกระแทกอะไรบางอย่าง
...นี่ฉันกำลังเมาอยู่รึเปล่า?
“อย่ามองในแง่ดีเกินไป ท่านต้องคิดแล้วว่าจะทำยังไงกับนักฆ่าคนนั้น?” ระบบได้สาดน้ำเย็นใส่เขาอีกครั้ง
โอ้...
นักฆ่าคนนั้นมาที่นี่เพื่อฆ่าเขา เขาไม่ใช่เพื่อนที่แอบมาคุยกลางดึก
หลังจากสงบสติอารมณ์อีกครั้ง กู้เป่ยก็ตระหนักได้ถึงวิกฤตที่กำลังปกคลุมเขา แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ใช่คนที่น่าเชื่อถือนัก แต่การมีอยู่ของนักฆ่าคนนี้ได้พิสูจน์อะไรบางอย่าง: มีใครบางคนต้องการให้เขาตาย
มันเป็นใครกัน? เขาในตอนนี้เป็นเพียงขุนนางที่ไร้ประโยชน์ เขาไม่มีทั้งตำแหน่งหรืออำนาจ แม้ว่าทุกคนจะดูถูกเขา แต่มันก็คงไม่มีใครต้องการฆ่าเขาเป็นพิเศษ ตรงกันข้ามน้องชายที่เป็นอัจฉริยะของเขาดูจะเป็นเป้าหมายมากกว่า
นี่มันแปลกมาก
ใครกันที่ต้องการทำลายความสุขของตระกูลนี้? เขาต้องรู้ให้ได้ว่าคน ๆ นั้นเป็นใคร เขาไม่ต้องการที่จะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ด้วยความหวาดกลัว กังวลว่าสักวันหนึ่งจะมีใครมาแทงข้างหลังเขา
“เวลานี้ความทรงจำแบบเรียบง่ายควรจะเสร็จได้แล้ว” เมื่อคิดได้ดังนั้นกู้เป่ยจึงถามระบบ
หากเขาต้องการทราบว่าใครอยู่เบื้องหลัง วิธีที่ดีที่สุดคือการค้นหาจากความทรงจำเดิมของร่างนี้
ใครบ้างที่เซอร์เบนจามินไม่ถูกด้วย? ศัตรูคือใคร? ถ้าเขาตายใครกันที่จะได้ประโยชน์มากที่สุด? หากเขาหาคำตอบของคำถามพวกนี้ได้ คนที่อยู่เบื้องหลังการจ้างวานครั้งนี้ก็จะถูกเปิดเผยออกมาทันที
"จัดการเรียบร้อยแล้ว" ระบบตอบกลับ
เมื่อได้ยินกู้เป่ยก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจและกล่าวว่า:
"งั้นเรามาเริ่มกันเลย"
ถึงเวลาที่เขาจะกลายเป็นเบนจามิน ลิเธอร์
.....
ชูซือเปี่ยว1 หรือ ฎีกาออกศึก เป็นฎีกาที่ขงเบ้งเขียนถวายพระเจ้าเล่าเสี้ยนก่อนยกทัพบุกวุยก๊กครั้งแรกในปี ค.ศ.227
TL: ตอนเเรกว่าจะลงติด ๆ กับตอนที่ 11 เเต่ตอนดันยาวบวกกับปีนี้ผมต้องไปเกณฑ์ทหารจึงต้องเดินทางไปตรวจสุขภาพข้ามจังหวัด ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ครับ!