ตอนที่ 239+240 กำลังเฝ้ารอคุณ
ตอนที่ 239 กำลังเฝ้ารอคุณ
โจวเสี่ยวเซี่ยและคนอื่น ๆ ต่างอิจฉาในขณะที่ดูโทรศัพท์เครื่องใหม่ในมือของเหวินเสวี่ยฮุ่ย พวกเขาเข้าใจดีว่าในฐานะนักศึกษาทั่วไป
“ยังไงก็ตามเสวี่ยฮุ่ย ตอนนี้เธอเป็นอะไรกับหลี่หรงฮุ่ย?”
จ้าวเสี่ยวเซี่ยถามอย่างกะทันหัน “วันนี้ ฉันได้ยินที่ห้องสมุดว่าเขาสารภาพรักกับเธอ จริงไหม?”
ใบหน้าของเหวินเสวี่ยฮุ่ยกระตุก
“ไม่ใช่ นั่นก็แค่ข่าวลือ ตอนนี้เธอสนใจก็แค่เรื่องเรียนเท่านั้น รอเรียนจบค่อยคิดเรื่องความสัมพันธ์ ใช่ไหมเสวี่ยฮุ่ย?” เจียงเหยาช่วยพูดแทนเหวินเสวี่ยฮุ่ย
จ้าวเสี่ยวเซี่ยไม่ได้ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงในการแสดงออกทางสีหน้าของเหวินเสวี่ยฮุ่ย เธอผลักเจียงเหยาอย่างสนุกสนานและพูดว่า
“เอาเถอะ เธอแต่งงานแล้วนี่ เธอไม่รู้หรอกว่าพวกคนโสดเขารู้สึกยังไง? สมมติว่าเรามีแฟนตอนอายุ18 เรียนอยู่ปีหนึ่ง ถ้าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี เรียนจบก็ได้เวลาแต่งงาน ถ้าไม่มีแฟนก็เสียเวลาในมหาวิทยาลัยไปเปล่า ๆ นะสิ”
หลินเสียวอยู่และหลี่อี้เข้าร่วมสนทนาด้วยหลังจากได้ยินเรื่องสถานะสมรสของเจียงเหยา “พูดสิ พวกเราเป็นเพื่อนร่วมห้องเดียวกัน เมื่อไหร่เธอจะแนะนำสามีของเธอให้พวกเราได้รู้จัก เราอยากรู้จริง ๆ ผู้ชายที่เธอชอบเป็นคนแบบไหน!”
“พอได้แล้ว จะล้อยังไงก็ตามใจเลย ฉันจะตอบแทนพวกเธอตอนที่พวกเธอแต่งงาน” เจียงเหยาหัวเราะเบา ๆ เหวินเสวี่ยฮุ่ยตบไหล่เธอเบา ๆ และพูดว่า “ดึกแล้ว พักผ่อนกันเถอะ”
เจียงเหยาสามารถพูดคุยกับเหวินเสวี่ยฮุ่ยตามลำพัง หลังจากที่คนอื่น ๆ ออกไปซักผ้าและพูดคุยกันที่ระเบียง ทำให้เธอมั่นใจว่าจะไม่มีใครรู้สึกเศร้ากับผู้ชายที่ไม่คู่ควร
สาว ๆ ใช้เวลานานกว่าจะตั้งหลักได้ เจียงเหยานอนลงบนเตียงของเธออย่างช่วยไมได้ และส่งข้อความถึงลู่ชิงสี
เธอไม่เคยรู้สึกแบบนี้เลย แม้แต่น้อยที่ใคร ๆ ต่างโหยหา แม้ว่าเขาจะไม่อยู่ แต่ความทรงจำเกี่ยวกับเขายังอยู่ในใจเธอ
เจียงเหยาส่งข้อความไปถามลู่ชิงสีว่าเขาหลับไปแล้วหรือยัง
เธอจำได้ว่าเคยได้ยินเขาบอกว่าเขาต้องทำตามกฎที่เคร่งครัดแค่ไหนเมื่ออยู่ในกองทัพ ที่มีแบบแผน ปกติคือการตื่นนอนตอนตีห้า และเข้านอนตอน4ทุ่ม
ตอนนี้ 4 ทุ่มกว่าแล้ว เขาอาจจะเข้านอนไปแล้วก็ได้
ห้านาทีต่อมา โทรศัพท์ของเจียงเหยาก็ดัง เป็นข้อความรูปภาพสองภาพ
ภาพไม่ชัดนัก แต่เธอเห็นว่าเป็นรูปถ่ายของห้อง ห้องหนึ่ง
ห้องค่อนข้างว่างเปล่า เตียงถูกจัดวางอย่างดี ผ้าห่มพับเป็นเต้าหู้สี่เหลี่ยมอย่างเรียบร้อย แจ็คเก็ตของลู่ชิงสีพาดบนเก้าอี้ข้างเตียง เธอคิดว่าคงเป็นรูปห้องของเขาในกองทัพ
เธอได้รับข้อความอีกข้อความหนึ่งทันทีหลังจากนั้น มันเป็นประโยคง่าย ๆ เพียงสองสามประโยค หลังจากที่ได้อ่านแล้ว แต่เจียงเหยาไม่สามารถห้ามใบหน้าไม่ให้เปลี่ยนเป็นสีแดงได้เลย
‘ที่รัก ไม่มีคุณ ผมหนาว ว่างเปล่า และโดดเดี่ยว ผมคิดเสมอว่าคุณอยู่ข้าง ๆ โอบกอดและนอนหลบไปด้วยกัน’
เจียงเหยามั่นใจว่าลู่ชิงสีคงจะหยอกล้อเธอเล่นด้วยคำเหล่านี้
อย่างไรก็ตาม เธอรู้สึกถึงความปรารถนาดีจากลู่ชิงสีอย่างแท้จริง
เธอคิดถึงเขาเช่นกัน เวลาที่พวกเขาอยู่ด้วยกันช่างสั้นนัก แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่วิเศษมาก
คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบข้อความกลับ
‘อีกสิบสองวัน ก็ได้เจอกันแล้ว’
เขาก็ตอบกลับมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน
‘ผมเฝ้ารอคุณอยู่นะ’
เธอบีบมือแน่น รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วน เขากล้าดียังไง!
การแสดงทุกอย่างที่เขาไม่สามารถพูดได้ด้วยตัวเองผ่านข้อความ เธอเห็นอีกภาพสะท้อนอีกด้านหนึ่งของเขาที่แสดงให้เฉพาะเธอได้เห็นเท่านั้น
__
ตอนที่ 240 ดูด้วยตัวเอง
เจียงเหยานอนหลับอย่างสบายโดยในมือยังมีโทรศัพท์คาค้างไว้
เธอเพียงหวังว่าวันชาติจะมาถึงเร็วกว่านี้ เพื่อที่เธอจะได้เจอกับลู่ชิงสีที่อยู่ห่างจากที่ที่เธออยู่หลายกิโล
ไม่ง่ายเลย กับการที่ต้องโหยหาใครสักคนที่อยู่ห่างไกลแสนไกล
ในที่สุดเจียงเหยาก็รู้ถึงความรู้สึกของลู่ชิงสีตอนที่เขารอเธอนั้นเป็นอย่างไร
อย่างตอนนี้ เธอยังรู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เจอกับเขา มีเวลาที่กำหนดอย่างแน่นอน
ย้อนกลับไปในตอนนั้น ลู่ชิงสีรอคอยเธอมาทั้งชีวิต แต่ไม่เคยได้เจอกับเจียงเหยาเลย
ตารางเรียนของนักศึกษาปีแรกอัดแน่นไปด้วยคลาสเรียนที่แน่นแบบต่อเนื่อง มัวยังคงไม่หายโกรธเจียงเหยาที่ไม่ยอมซื้อแหวนให้กับมัน จึงไม่ขอตามเจียงเหยามาเรียนด้วย ตามปกติ เจียงเหยาจะเข้าสู่ระบบการแพทย์ระหว่างที่เรียน บางครั้งเธอจะทบทวนความรู้ที่เคยเรียนมา
ยาสำหรับแม่เฉินทำสำเร็จแล้วในห้องแล็บ พร้อมที่จะมอบให้กับเฉินจื่อบิ่นในช่วงสุดสัปดาห์ที่ไปโรงพยาบาล ยานี้อาจไม่สามารถรักษาแม่เฉินได้ในทันที แต่อย่างน้อยก็ช่วยให้ร่างกายของเธอแข็งแรงและบรรเทาอาการที่เธอเป็นอยู่ได้บ้าง
หลังจากจบคลาสเช้า เจียงเหยาและเหวินเสวี่ยฮุ่ยเดินไปด้วยกันที่โรงอาหาร เจียงเหยาตระหนักว่าเหวินเสวี่ยฮุ่ยดูเหมือนใจไม่อยู่กับร่องกับรอย เธอไม่ได้สนใจฟังการบรรยายสักเท่าไหร่ เธอไม่ได้จดอะไรมากมายในคลาสเช้า
หลังจากได้อาหารแล้ว เจียงเหยานั่งลงตรงข้ามเหวินเสวี่ยฮุ่ย เธอถามขึ้น “ยังคิดถึงหลี่หรงฮุ่ยอยู่หรือเปล่า?”
เมื่อได้ยินชื่อนั้นโดยไม่ได้ตั้งตัว เหวินเสวี่ยฮุ่ยก็เงยหน้าขึ้นและมองไปที่เจียงเหยา เธอปฏิเสธอย่างร้อนรน
เพียงแค่มองดูปฏิกิริยาของเหวินเสวี่ยฮุ่ย เจียงเหยาก็พอจะรู้แล้ว
“เธอจะเป็นแบบนี้ไม่ได้นะ มันส่งผลแบบนี้ต่อผลการเรียนของเธอ!” เจียงเหยาเปิดเผยสถานการณ์ปัจจุบันของเหวินเสวี่ยฮุ่ย “ฉันสังเกตว่าเธอใจลอยในคลาสเรียน เสวี่ยฮุ่ย เราทุกคนกำลังเรียนเพื่อเป็นหมอนะ เธอเข้าใจหรือเปล่าว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร หากเราไม่ได้ตั้งใจเรียน ลองนึกถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับชีวิตการทำงานและต่อชีวิตผู้ป่วยในอนาคต ทำไมไม่ใช่เวลาตอนนี้และพยายามทำให้ดีที่สุดล่ะ หรงฮุ่ยไม่ใช่ทั้งหมดของเธอนะ แต่ความรู้ที่เธอจะได้รับจากที่นี่จะเป็นส่วนหนึ่งของเธอตลอดไปนะ เธอคิดว่าอะไรสำคัญกว่ากันล่ะ”
เหวินเสวี่ยฮุ่ยหยิบตะเกียบของเธอและหมุนข้าวในจานไปรอบ ๆ พร้อมกับถอนหายใจ
“ใช่แล้วล่ะ ฉันควบคุมอารมณ์ไม่ได้เลย เขามาหาฉันเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี่เอง รู้ไหม ฉันไม่เห็นเรื่องเลวร้ายใด ๆ ที่เธอบอกเธอ เขาดูเป็นคนดีจริง ๆ ฉันเพียงปวดใจที่คิดอย่างนั้น!”
“เธอรู้ไหม ฉันคิดว่าเขาเป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยมได้ในอนาคตอย่างแน่นอน ฉันต้องเห็นเขาได้รับรางวัลออสการ์!” เจียงเหยาหัวเราะ เธอรู้ว่าความเจ็บปวดที่หลี่หรงฮุ่ยทำกับเหวินเสวี่ยฮุ่ยในตอนนั้นเจ็บปวดเพียงใด เธอไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอน
“ถ้าเธอไม่เชื่อฉัน สุดสัปดาห์นี้เราไปเยี่ยมบ้านเกิดของเขากันไหมล่ะ ไปให้เห็นด้วยตาของเธอเองเลย” เจียงเหยากล่าว
“ลองคิดดูนะ ก็แค่ทริปสั้น ๆ ไปกับฉัน”
ฉันเชื่อเธอ เจียงเหยา แต่...” เหวินเสวี่ยฮุ่ยพยายามอธิบาย
“ฉันเข้าใจ” เจียงเหยาถอนหายใจ “เธอไม่สามารถเผชิญกับความจริงได้ นั่นคือเหตุผลที่เธอควรไปเห็นด้วยตาตัวเองยังไงล่ะ เธอถึงจะเชื่อ เพื่อประโยชน์ของตัวเธอเอง...”
โทรศัพท์มือถือของเจียงเหยาดังขึ้นกะทันหัน
เป็นสายมาจากหวงเฉิงจิ้งที่โทรเข้ามา เจียงเหยากล่าวขอโทษกับเหวินเสวี่ยฮุ่ยและรับสาย
“คุณหวงคะ!” เจียงเหยายิ้ม “วันนี้คุณโทรมาไวจัง”