ตอนที่ 1179-1180 คิดว่าเธอไม่รู้เหรอ?
และงานการกุศลครั้งนี้ยังมีการถ่ายทอดสดอีก
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ไม่เพียงแต่คนที่อยู่ที่นี่จะเห็นเสี่ยวเซียวโค้งคำนับ และขอโทษเธอ แต่ชาวเน็ตที่กำลังดูถ่ายทอดสดอยู่ก็เห็นด้วยเช่นกัน
เฉียวเมียนเมียนสามารถจินตนาการได้ว่าการถ่ายทอดจะเป็นอย่างไร
ทุกคนคงคิดว่าเธอกำลังกลั่นแกล้งเสี่ยวเซียว
พวกเขาทั้งหมดคิดว่าเธอกำลังบังคับให้เสี่ยวเซียวขอโทษ
ถึงตอนนี้เธอคงถูกเรียกว่าหมาอย่างแน่นอน
เฉียวเมียนเมียนมองดูท่าทางที่เศร้าโศกและน่าสมเพชของเสี่ยวเซียว เช่นเดยวกับดวงตาที่แดงก่ำของเธอ ซึ่งดูเหมือนว่าน้ำตากำลังจะไหลได้ทุกเมื่อ เธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะอยู่ภายในใจ
เมื่อวานเธอคิดว่าอาจเป็นเพราะความเข้าใจผิดของเธอเองที่คิดว่าเสี่ยวเซียวเป็นแบบนั้น
ดูจากรูปการแล้ว สัญชาตญาณของผู้หญิงนั้นแม่นยำจริง ๆ
เสี่ยวเซียวไม่ได้มาขอโทษเธอก่อนหน้านี้หรือหลังจากนี้ ทว่าพอเริ่มถ่ายทอดสด เธอก็เข้ามาทันที
เธอคิดไว้ล่วงหน้าแล้ว
ในตอนแรก เฉียวเมียนเมียนรู้สึกเสียใจกับเสี่ยวเซียว เมื่อรู้ว่าเธอและ MC ได้พูดคุยเรื่องต่อสัญญากันก่อนหน้า
เธอยังคิดว่าหากเสี่ยวเซียวสูญเสียงานพรีเซ็นเตอร์ของ MC เพราะเธอจริง ๆ เธอจะยอมคืนงานให้กับอีกฝ่าย
แต่ในขณะนี้ วิธีการของเสี่ยวเซียวทำให้เธอปัดความคิดเช่นนั้นออกจนหมด
ในท้ายที่สุด แม้ว่างานพรีเซ็นเตอร์ของเสี่ยวเซียวจะหายไป แต่เกิดอะไรขึ้นกับเรื่องนั้นเล่า
MC ติดต่อมาหาเธอเอง
เธอไม่ได้บังคับหรือแย่งชิงไปจากเสี่ยวเซียวเสียหน่อย
นอกจากนี้ เธอไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลย
ทำตัวน่าสงสารและไร้เดียงสาอย่างงั้นเหรอ?
เธอคิดว่าเธอดูไม่ออกหรืออย่างไร?
ริมฝีปากของเฉียวเมียนเมียนม้วนขึ้น ภายใต้การจ้องมองที่ประหลาดใจของเสี่ยวเซียว ดวงตาของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงในวินาทีถัดมา
เธอมองดูท่าทางประหลาดใจของเสี่ยวเซียว และในชั่วพริบตาน้ำตาของเธอก็ไหลออกมา
ความเร็วในการร้องไห้ทำให้เสี่ยวเซียวไม่ทันระวัง
“รุ่นพี่คะ” เธอเม้มริมฝีปากและสะอึกสะอื้น น้ำตาค่อย ๆ ไหลจากหางตาลงสู่แก้มขาว ๆ แบะบอบบางของเธอ เธอมองดูเสี่ยวเซียวด้วยน้ำตาอาบแก้ม และกล่าวว่า
“ฉันขอโทษคะ ฉันไมได้คาดหวังว่าพี่จะคิดมากเกี่ยวกับความเข้าใจผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ ฉันไม่ได้คิดอะไรนานแล้ว”
“พี่เป็นรุ่นพี่นะคะ พี่จะ..”
“ตอนที่ฉันตกลงรับงานพรีเซ็นเตอร์ของ MC ในตอนนั้น ฉันรู้มาก่อนว่ารุ่นพี่ได้พูดคุยเรื่องต่อสัญญากับพวกเขา ฉันไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เพราะมันทำให้ความสัมพันธ์ของฉันกับรุ่นพี่กลายเป็นแบบนี้ ไม่ว่ายังไง คนที่ผิดก็คือฉันเองค่ะ ไม่ใช่รุ่นพี่”
“ถ้าจะมีใครที่ต้องโค้งคำนับเพื่อขอโทษ ก็ควรจะเป็นฉัน ที่ต้องเป็นฝ่ายขอโทษรุ่นพี่ รุ่นพี่จะมาทำอะไรแบบนี้กับรุ่นน้องได้อย่างไรคะ”
เฉียวเมียนเมียนร้องไห้ขณะที่เธอก้าวถอยหลังและโค้งคำนับเสี่ยวเซียวอย่างสุดซึ้ง
“รุ่นพี่คะ ฉันขอโทษด้วยค่ะ ฉันขอโทษด้วยจริง ๆ”
เธอโค้งคำนับและขอโทษถึงสามครั้ง
หลังจากโค้งคำนับ เธอก็เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยคำขอโทษขณะที่เธอมองไปที่เสี่ยวเซียว เธอออกเสียงแต่ละคำอย่างชัดเจนและหนักแน่น “เพื่อขจัดความเข้าใจผิดระหว่างฉันกับรุ่นพี่ ฉันตัดสินใจจะยกเลิกการรับงานพรีเซ็นเตอร์ MC เพราะงานนี้ทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างเรา ฉันไม่ต้องการให้เกิดความเข้าใจผิดนี้ต้องดำเนินต่อไปค่ะ”
คำพูดของเฉียวเมียนเมียนทำให้ทุกคนตกใจ
ยกเลิกกับรับงานพรีเซ็นเตอร์ของ MC เหรอ?
แม้ว่าแฟนของเธอจะมีความสามารถมากแค่ไหนและไม่ขาดทรัพยากรที่ดีที่จะมอบให้กับเธอ แต่ก็น่าเสียดายที่ต้องทิ้งงานพรีเซ็นเตอร์ระดับสูงอย่าง MC
และเหตุผลที่เธอทำเช่นนี้ก็คือ เธอไม่อยากให้เสี่ยวเซียวเข้าใจผิดเธออย่างนั้นเหรอ?
___
และการโค้งคำนับถึงสามครังของเธอในตอนนี้...
ในตอนแรก คนเหล่านี้ทำตัวเหินห่างจากเฉียวเมียนเมียน เพราะพวกเขาคิดว่าการจะเข้าหาเธอไม่ใช่เรื่องง่ายและกลัวว่าจะมีปัญหา
นอกจากนี้ เธอยังใกล้ชิดกับคนที่ดาราหญิงมากมายพยายามจะเข้าหาออกมาพูดแทนเธอ สิ่งนี้ทำให้ดาราหญิงหลายคนรู้สึกอิจฉาและไม่พอใจ
แต่การกระทำของเฉียวเมียนเมียนในตอนนี้ รวมถึงที่เธอบอกว่าจะยกเลิกการเป็นพรีเซ็นเตอร์ MC
เธอดูไม่เหมือนคนที่จะกลั่นแกล้งผู้อื่นหรือไม่เคารพรุ่นพี่เลย
เธอดูไม่เหมือนคนอารมณ์ร้ายเลยด้วยซ้ำ
ถ้าเธอเป็นดาราหน้าใหม่ที่เย่อหยิ่งและเผด็จการจริง ๆ เธอคงไม่โค้งคำนับเสี่ยวเซียวถึงสามครั้งหรอก?
เพราะเธอกลัวว่าเสี่ยวเซียวจะเข้าใจเธอผิด เธอจึงตั้งใจที่จะยกเลิกการรับงานพรีเซ็นเตอร์ของ MC
ทัศนคติของดาราคนอื่นที่มีต่อเฉียวเมียนเมียนเปลี่ยนไปในทันที พวกเขาไม่ได้ชอบมากมายเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป
เสี่ยวเซียวไม่คาดคิดว่าเฉียวเมียนเมียนจะทำเช่นนี้
เธอมองอีกฝ่ายด้วยความตกใจ
แม้แต่นานะก็ตกใจเมื่อเฉียวเมียนเมียนยอมแพ้เรื่องการรับงานพรีเซ็นเตอร์
แต่ไม่นาน นานะก็เข้าใจสิ่งที่เธอทำลงไป
ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะงานพรีเซ็นเตอร์ของ MC
แฟนคลับของเสี่ยวเซียวไม่พอใจ เฉียวเมียนเมียน และโจมตีเธอก็เพราะพวกเขารู้สึกว่าเฉียวเมียนเมียนไปแย่งงานพรีเซ็นเตอร์จากเสี่ยวเซียว
ถ้าเธอเลิกรับงานซะ
คนอื่น ๆ ก็พูดไม่ออก
แม้ว่มันจะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่สำหรับเธอและค่อนขางน่าเสียดาย แต่ก็ไม่ใช่การสูญเสียหากจะกอบกู้ชื่อเสียงของเธอ
อย่างไรก็ตาม เธออายุยังน้อยและไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีทรัพยากรดี ๆ ในอนาคต
สละแค่เรื่องนี้ เพื่ออนาคตจะดีกว่า
“รุ่นพี่คะ พวกเราจับมือคืนดีกันดีไหมคะ?” เฉียวเมียนเมียนยืนมือที่สั่นเทาไปหาเสี่ยวเซียว ดวงตาของเธอแดงก่ำ และเต็มไปด้วยความกังวลใจและไม่สบายใจจากการถูกปฏิเสธ ซึ่งแสดงถึงตัวตนของเธอในฐานะดาราหน้าใหม่
ณ ตอนนี้
ถ่ายทอดสดมีชีวิตชีวามากเพราะการกระทำของเธอ
เมื่อเฉียวเมียนเมียนโค้งคำนับและขอโทษ กล้องก็จับมาที่เธอ
เธอไม่รู้ว่าช่างภาพตั้งใจหรือไม่ แต่กล้องถูกซูมมาใกล้เธอมาก จนชาวเน็ตที่ดูการถ่ายทอดสดเห็นน้ำตาที่ติดอยู่บนขนตาของเธอได้อย่างชัดเจน
ดาราหญิงส่วนใหญ่ในวงการบันเทิงใช้เงินไปไม่น้อยในการดูแลตัวเอง เพราะพวกเธอต้องอาศัยรูปลักษณ์ของตัวเองในการประกอบอาชีพ
ดังนั้นในสายตาของสาธารณชน พวกเขาทั้งหมดต้องมีผิวที่ดี
ไม่ว่าเธอจะสวยแค่ไหน ก็มีดาราหญิงไม่มากนักที่กล้าให้กล้องเข้าใกล้เธอมากขนาดนี้
เพราะสิ่งนี้จะขยายข้อบกพร่องของเธออย่างไม่มีสิ้นสุด
ข้อบกพร่องที่เดิมถูกปกปิดด้วยเครื่องสำอางจะถูกเปิดเผยอย่างสมบูรณ์ภายใต้กล้องที่มีความละเอียดสูง
แต่ความกังวลเหล่านี้ไม่มีผลกับเฉียวเมียนเมียน
แม้จะอยู่ใต้กล้องที่มีความละเอียดสูงที่กำลังซูมเข้ามาใกล้ ผิวของเธอก็ยังละเอียดอ่อน
ใบหน้าของเธอไม่มีตำหนิ ผิวของเธอเนียนเรียบราวกับผลไวท์เทนนิ่งอย่างเป็นธรรมชาติ
และเนื่องจากกล้องอยู่ใกล้มาก ชาวเน็ตบางคนจึงรู้ว่าเฉียวเมียนเมียนไม่ได้ลงรองพื้นหรือปัดมาสคาร่าด้วยซ้ำ เธอทาแค่ลิปสติกและเขียนคิ้ว
แต่เมื่อมองจากระยะไกลตอนนี้ พวกเขาคิดว่าเธอทาอายไลเนอร์ มาสคาร่า และคอนแทคเลนส์
“บ้าจริง ผิวของเฉียวเมียนเมียนดีเกินไปแล้ว กล้องซูมใกล้มาก แต่ฉันไม่เห็นรูขุมขนบนใบหน้าของเธอเลย ฉันคิดว่าเธอปัดมาสคาร่ามาเสียอีก แต่ปรากฏว่าขนตาของเธอหนาและยาวตามธรรมชาติอยู่แล้ว”