ภาพเทพอสูรบรรพกาล ตอนที่ 340 พี่ชายข้าตลอดไป (ฟรี)
เชวเฟิงเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นของเขาหยวนชู ตอนที่เมิ่งชวนขึ้นสู่เขาเป็นครั้งแรก ชื่อเสียงของเชวเฟิงก็แพร่กระจายไปทั่วแล้ว ในช่องว่างพิภพ เมิ่งชวนได้เห็นความสามารถของเชวเฟิงและความรักที่มีให้แก่น้องชาย เหยียนจิน นั่นทำให้เมิ่งชวนยอมรับในตัวเขาคนนี้มาก
แต่เทพอสูรเช่นนี้กลับต้องมาตายอย่างนี้รึ? เมิ่งชวนพุ่งเข้าใส่ชายชุดสีเหลืองอย่างรวดเร็ว เขาเคลื่อนที่ไปได้ไกลกว่า 15 ลี้ภายในชั่ววินาที
‘พลังระดับนี้นั้นอาจเหนือกว่าราชาทะเลตงไห่เสียด้วยซ้ำ มันอาจแข็งแกร่งเกือบเท่าราชันเจินหวูเลยด้วย’ ความคิดมากมายผุดขึ้นมาในหัวของเมิ่งชวน ‘สิ่งมีชีวิตในระดับนี้สามารถปลดปล่อยการโจมตีอันทรงพลังมหาศาลออกมาได้ในระยะสิบลี้ ราชาทะเลตงไห่สามารถโจมตีได้ไกลออกไปร้อยลี้ แต่พลังก็จะลดลงเรื่อยๆตามระยะทาง และข้าสามารถหลบลำแสงดาบที่จากช่องว่างได้ด้วยความเร็วของข้าด้วยซ้ำ’
เขตแดนยอดยุทธของราชันเจินหวูสามารถปล่อยพลังออกมาได้เต็มที่ในระยะห้าลี้ เมื่อเกินสิบลี้ไปแล้ว ความรุนแรงของการโจมตีจะลดลงอย่างมหาศาล ยิ่งไกลออกไปเท่าไหร่ก็จะยิ่งอันตรายน้อยลงเท่านั้น การโจมตีระยะไกลของเขานั้นยังด้อยกว่าของราชาทะเลตงไห่มาก
‘หากต้องเผชิญหน้ากับเจ้าราชาอสูรนี่ สิบลี้รอบตัวมันจะเป็นพื้นที่ต้องห้าม ข้ามีเครื่องรางหินป้องกันตัว ข้าสามารถเสี่ยงได้บ้าง ข้าจะอยู่ห่างจากมันยี่สิบลี้และล่อให้มันโจมตีใส่ข้า ถ้าข้าถ่วงเวลาไว้ได้มากพอ กำลังเสริมของเขาหยวนชูอาจจะมาถึง’ นั่นเป็นทางเดียวที่เมิ่งชวนคิดได้สำหรับการล้างแค้นในตอนนี้
หืม? หลังจากที่ชายชุดเหลืองสังหารเชวเฟิงไป ริมฝีปากของมันก็เผยอขึ้นเล็กน้อย จากนั้นมันก็เห็นเมิ่งชวนเข้ามาหาแต่ไกล ‘เฟิงโหวเทพอสูรธรรมดากล้าท้าทายข้าด้วยวิชาการเคลื่อนไหวนี่นะ? ช่างละกัน คุณค่าของเมิ่งชวนนั้นไม่ด้อยไปกว่าของเชวเฟิง ข้าจะสังหารมันด้วยเลยก็แล้วกัน’ ชายชุดเหลืองยืนอยู่นิ่งเฝ้ารอโอกาส ข้าสามารถปล่อยพลังออกมาหกส่วนได้ในระยะสิบลี้ แค่นี้ก็น่าจะพอสำหรับการสังหารมันแล้ว
ฟุบ
เมิ่งชวนรักษาความเร็วในการพุ่งอยู่ที่ครั้งละ 15 ลี้ตามเดิม หลังจากพุ่งไปเป็นเวลาหกวินาที เขาก็อยู่ห่างออกไปยี่สิบลี้จากชายชุดเหลือง
และหยุดลง “เจ้าเป็นใคร?” เมิ่งชวนยืนอยู่กลางอากาศและตะโกนอย่างเย็นชาใส่ชายชุดเหลือง
‘มันรักษาระยะห่างจากข้ายี่สิบลี้รึ?’ ชายชุดเหลืองขมวดคิ้ว ร่างของมันเลือนหายไป เมิ่งชวนเปิดดวงตาเทวะขึ้น เขตแดนแม่เหล็กไฟฟ้าขยายวงกว้างกว่าสามสิบลี้ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าวาดผ่านทุกทิศทาง มันวาดผ่านชายชุดเหลือง เผยตำแหน่งของมันออกมา
ชายชุดเหลืองกำลังมุ่งตรงมายังเมิ่งชวนอย่างรวดเร็ว ‘หืม? เมิ่งชวนดูกังวลก่อนจะใช้วิชาการเคลื่อนไหวเพื่อหลบหนี’
ชายชุดเหลืองขมวดคิ้ว ‘เร็วอะไรอย่างนี้’ เขาฟาดกระบี่ออกไป ลำแสงกระบี่ไล่ตามไป
ลำแสงกระบี่เปลี่ยนไปราวกับสายน้ำที่เชี่ยวกรากและกระแสพลังแห่งความตายที่พุ่งเข้าใส่ ทั้งร่างกายและแก่นสารแห่งจิตของเมิ่งชวนรู้สึกอึดอัดแม้จะอยู่ห่างออกไป 18 ลี้ก็ตาม ราวกับถูกดึงเข้าไปอยู่ในโลกแห่งความตาย แต่เขาก็ทนมันได้
เมิ่งชวนใช้วิชาการเคลื่อนไหวและเคลื่อนที่อย่างคาดเดาไม่ได้
ลำแสงกระบี่วาดผ่านร่างของเมิ่งชวน เมิ่งชวนดูเหมือนกำลังต่อต้านกระแสพลังแห่งความตายนี้พร้อมกับมุ่งต่อไป
‘หมดสามสิบวินาทีแล้ว’ ชายชุดเหลืองรักษาความใจเย็นเอาไว้เช่นเดิม ‘ได้เวลาไป’ โดยไม่รีรอ เขาพุ่งลงพื้นและมุดลงใต้ดิน มีเพียงเสียงที่ดังก้องขึ้นมา “เฟิงโหวฉิงผิง เชวเฟิงเป็นแค่จุดเริ่มต้น”
‘มันหนีรึ?’ กลางอากาศ เมิ่งชวนสำรวจรอบข้างด้วยเขตแดนแม่เหล็กไฟฟ้า เขาไม่กล้าลงไปใต้ดิน
ข้าต้องอยู่ห่างออกไปสามลี้จากราชาอสูรหากต้องการจะสะกดรอยตามมันใต้ดิน ด้วยความแข็งแกร่งของมัน มันคงสังหารข้าได้ภายในการโจมตีเพียงครั้งเดียวหากข้าอยู่ในระยะสามลี้จากตัวมัน เมิ่งชวนได้เห็นพลังของกระบี่มันเมื่อก่อนหน้านี้
แค่กระแสพลังของการโจมตีจาก 18 ลี้ก็ทำให้ตกใจมากพอแล้ว หากเข้าไปอยู่ในระยะสามลี้จากราชาอสูรนี้น่ะหรือ? มันคงจะเหมือนกับเข้าไปตาย เขาหยวนชูให้เครื่องรางหินป้องกันตัวมาแค่อันเดียว เขาหยวนชูไม่ได้ให้ราชันเทพอสูรหรือใครอื่น พวกเขามอบให้กับเมิ่งชวนโดยตรง
เขาจะบุ่มบ่ามไม่ได้ หลังจากยืนอยู่กลางอากาศครู่หนึ่ง เมิ่งชวนก็หันหัวกลับไปและพบกับลำแสงสีดำพุ่งเข้ามา มันเคลื่อนที่ด้วยความเร็วยี่สิบลี้ต่อวินาที
นั่นเป็นร่างจิตอวตารของปรมาจารย์ลี่กวน เมิ่งชวนรับรู้ได้เพียงเหลือบมอง ร่างจิตอวตารนั้นไม่ได้ถูกถ่วงโดยร่างกาย ว่ากันว่ามันสามารถบินได้เร็วกว่าร่างจริงเสียอีก
อย่างเช่นไหมปราณ ที่เป็นเพียงพลังงานบริสุทธิ์นั้นรวดเร็วมาก เร็วมากเสียยิ่งกว่าเมิ่งชวน ร่างจิตอวตารนั้นก็ไม่ได้ถูกถ่วงโดยร่างกาย มันจึงเร็วกว่าร่างจริงมาก แต่ความแข็งแกร่งก็ยังด้อยกว่าร่างจริงอยู่ดี
“ราชาอสูรไปแล้วรึ?” ร่างสีดำเหาะมาหยุดอยู่ข้างๆเมิ่งชวน
“มันหนีไปเมื่อสิบห้าวินาทีก่อนขอรับ” เมิ่งชวนกล่าว
“ข้าใช้สมบัติและมาถึงภายในสามสิบวินาทีก็แล้ว แต่ก็ยังมาไม่ทันเวลา” ลี่กวนถอนหายใจเบาๆ เขารับรู้ได้จากตราว่าเชวเฟิงได้ตายไปแล้ว
“เจ้าราชาอสูรนั่นระมัดระวังตัวจริงๆ ข้าพยายามล่อมันให้มาสังหารข้า แต่มันโจมตีใส่ข้าเพียงครั้งเดียวก่อนจะมุดลงดินขอรับ” เมิ่งชวนชี้ไปที่จุดหนึ่งห่างออกไป “เชวเฟิงตายตรงนั้น”
ทั้งสองคนเหาะไปยังจุดๆนั้น สิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงหลุมกว้างที่เกิดจากลำแสงกระบี่ของราชาอสูร ไม่มีร่องรอยของร่างเชวเฟิง ไม่เหลือสักอย่างเดียว
“เชวเฟิงมีสมบัติป้องกันตัว แต่แค่ช่วยให้เขามีชีวิตรอดในระยะเวลาสั้นๆมันก็ทำไม่ได้” ลี่กวนถอนหายใจ “ข้าจะส่องเข้าไปดูมิติเวลา อย่าพึ่งรบกวนข้า”
“ขอรับ” เมิ่งชวนพยักหน้า
ลี่กวนยืนอยู่นิ่งและเหม่อลอย ท่ามกลางมิติเวลา เขามองดูสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆนี้
ภาพปรากฏขึ้นมา เขาเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับเชวเฟิง เขาเห็นเชวเฟิงและชายชุดเหลืองพุ่งลงใต้ดิน หลังจากไล่ตามเชวเฟิงอย่างรวดเร็ว พวกเขาก็พุ่งกลับขึ้นมาสู่พื้นดินพร้อมกับพลังของสมบัติป้องกันตัวที่หมดสิ้น ในตอนนั้น เมิ่งชวนปรากฏตัวขึ้นในระยะร้อยลี้ออกไป และจงใจปล่อยพลังออกมาเพื่อล่อราชาอสูร ทว่าชายชุดเหลืองก็ยังคงลงมือปิดฉากเชวเฟิงอยู่ดี
ฟุบๆๆ เหยียนจินและลู่เฉิงมาถึง ทั้งสองคนเห็นการต่อสู้จากระยะไกล พวกเขาเองก็เห็นว่าเชวเฟิงนั้นถูกชายชุดเหลืองสังหาร “ศิษย์น้องเชวไม่ต้องการให้คนในเมืองหรือพวกเราต้องโดนลูกหลง เขาจึงหนีออกมาจากเมืองด้วยพลังทั้งหมดที่มี” ลู่เฉิงกล่าวเบาๆ เหยียนจินมองดูหลุมลึกที่เหลืออยู่ด้วยความนิ่งอึ้ง
“คนที่สังหารคือปราชญ์อสูรหวงเหยา” ลี่กวนกล่าว
“ปราชญ์อสูรหวงเหยา?” เมิ่งชวน เหยียนจิน และลู่เฉิงจำชื่อนี้ได้
ลู่เฉิงถาม “จากเอกสารเกี่ยวกับปราชญ์อสูรที่เขาหยวนชูส่งมา ไม่ใช่ว่าหวงเหยามีเขาสองข้างและมีเกล็ดสีดำหรือขอรับ?”
“ในเมื่อมันเข้ามาในโลกมนุษย์แล้ว มันคงจะซ่อนตัวตนของอสูรของมันและปลอมตัวเป็นมนุษย์ แม้รูปลักษณ์จะเปลี่ยนไป แต่วิชานั้นไม่เปลี่ยนแปลง” ลี่กวนกล่าว “มันใช้วิชากระบี่แดนอเวจี มีเพียงหวงเหยาเท่านั้นที่สามารถใช้วิชากระบี่นี้ได้ถึงขั้นนั้น”
ลี่กวนยืนอยู่นิ่งและมองไปที่หลุมขนาดใหญ่ ไม่มีร่างของเชวเฟิงหลงเหลืออยู่สักนิด “พวกเราทำได้แค่สร้างอนุสรณ์ให้เขา” ลี่กวนส่ายหัว “สามปีที่ผ่านมานี้ ราชาอสูรโจมตีใส่เมืองต่างๆครั้งแล้วครั้งเล่า เฟิงโหวฉิงผิง เชวเฟิง เป็นเฟิงโหวเทพอสูรคนที่หกแล้วที่ตายไปในการต่อสู้ ข้าจะปกป้องเมืองลมหวนนี้เองเป็นการส่วนตัวชั่วคราว เขาหยวนชูจะจัดกำลังใหม่สำหรับเมืองลมหวนในไม่ช้า” ลี่กวนมองไปที่ลู่เฉิงและเหยียนจินก่อนที่เขาจะเปลี่ยนเป็นลำแสงและมุ่งตรงไปยังเมืองลมหวน
ลู่เฉิงตบไหล่เหยียนจินเบาๆและกระซิบ “ศิษย์น้องเหยียน ข้าขอแสดงความเสียใจด้วย ตั้งแต่ที่เราปกป้องเมืองแห่งนี้ พวกเราทุกคนก็เตรียมใจที่จะตายในการต่อสู้ไว้แล้ว ศิษย์น้องเชวเสียชีวิตในขณะที่ปกป้องเมืองแห่งนี้ เขาคือผู้กล้าที่เสียสละ”
เมื่อพูดจบ เขาก็เหาะไปยังเมืองลมหวน พวกเขาไม่ใช่เด็กกันแล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรให้มากความ ทุกคนได้พบเห็นและประสบพบเจอความสูญเสียนับตั้งแต่ที่เข้าร่วมสงครามนี้แล้ว
เมิ่งชวนและเหยียนจินยืนอยู่ที่หลุมกว้าง ยืนเหม่อและไว้อาลัยให้เชวเฟิง
“เหยียนจิน” เมิ่งชวนมองไปที่หลุมตรงหน้าเขาและกล่าว “ในเมื่อพี่ชายเจ้าตายไปแล้ว มีบางสิ่งที่ข้าควรจะบอกกับเจ้า”
เหยียนจินหันไปมองเมิ่งชวน
“บัวน้ำแข็งนั้นพี่ของเจ้าเป็นคนได้มา เขาอยากจะให้เจ้าด้วยตัวเอง แต่เพราะเขากลัวว่าเจ้าจะปฏิเสธมันจึงบอกให้ข้าเอามาให้เจ้าแทนและให้เก็บเป็นความลับ” เมิ่งชวนกล่าว “ในเมื่อเขาได้จากไปแล้ว ข้าคิดว่าเจ้ามีสิทธิ์จะได้รู้ในสิ่งที่เขาได้ทำให้เจ้า”
“อืม” ตาของเหยียนจินแดงเล็กน้อยพร้อมกับพูดเบาๆ “เขาเป็นพี่ชายของข้า และจะเป็นพี่ชายของข้าตลอดไป ข้าโชคดีแล้วที่ได้เป็นน้องชายของเขา”
“เขาเป็นผู้กล้า” เมิ่งชวนกล่าว “เป็นเพราะผู้กล้าเช่นพี่ของเจ้าจึงทำให้พวกเราสามารถจัดการกับเหล่าอสูรและปกป้องมนุษย์ในโลกนี้ไว้ได้”
เหยียนจินมองไปในหลุมและกล่าวเบาๆ “ข้าจะช่วยเขาจัดการกับเรื่องนี้เอง”
เมิ่งชวนพยักหน้า “ข้าขอตัวก่อน” เขาเปลี่ยนเป็นสายฟ้าและจากไป เมิ่งชวนยังต้องออกลาดตระเวนใต้ดินและสังหารราชาอสูรอยู่
มีเพียงเหยียนจินที่ยังคงอยู่ด้านนอกเมือง ยืนอยู่ตรงหน้าหลุมขนาดใหญ่เพียงลำพัง