WS บทที่ 351 ห้องสมุดเวทมนตร์
ห้องสมุดเวทมนตร์ของราชวงศ์ถูกซ่อนอยู่ในส่วนลึกของพระราชวัง
เนื่องจากเป็นใจกลางของเมืองอิมพีเรียลจึงเป็นธรรมดาที่พระราชวังจะได้รับการปกป้องอย่างแน่นหนาทั้งภายในและภายนอก
ด้านนอกมีเหล่านักดาบธาตุคอยอารักขาอย่างเข้มงวด ด้านในมีนักเวทย์ทรงพลังมากมายในวังที่คอยจับตาดูทุกความเคลื่อนไหวของทุกคนที่เข้ามาในวัง ความจริงที่ว่าเมอร์ลินสามารถสัมผัสได้ถึงอันตรายนั้นหมายความว่าพลังจิตของเขาถือว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเข้มข้นของพลังจิตนั้นดีกว่านักเวทย์ส่วนใหญ่ในระดับเดียวกัน
องค์ชายแปดทรงแสดงท่าทางสงบและไม่กระวนกระวายใจและเห็นได้ชัดว่าคุ้นเคยกับวังเป็นอย่างมาก ทหารยามหลายคนที่พวกเขาพบได้แสดงความเคารพต่อองค์ชายแปด
เมอร์ลินเดินตามหลังองค์ชายแปดอย่างใกล้ชิด เดินผ่านชั้นทางเดิน และผ่านทางลับหลายแห่ง ยิ่งเดินเข้าไปเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกหลงทาง
"อืม? พลังจิตทรงพลังอะไรอย่างนี้!”
ทันใดนั้น เมอร์ลินก็รู้สึกถึงพลังจิตที่ระเบิดออกมาซึ่งมีความรุนแรงอย่างหาตัวจับยาก มันล้อมรอบพวกเขาขณะที่มันพัดผ่านเขาและองค์ชายแปด
พลังจิตนี้ถึงระดับเก้าแล้วและมีความแตกต่างบางอย่างจากพลังจิตของพ่อมดแบมมู เป็นเพราะว่าตัวเมอร์ลินเองมักจะรู้สึกถึงพลังจิตของพ่อมดแบมมูตลอดเวลา ดังนั้นเขาจึงสามารถสัมผัสได้ถึงระดับพลังจิตโดยทั่วไป
ระดับพลังจิตของนักเวทย์ส่วนใหญ่อยู่ในระดับเดียวกับคาถาที่พวกเขาสร้างขึ้น มีเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ที่เป็นเหมือนเมอร์ลินหรือพ่อมดแบมมูที่มีพลังจิตที่แข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ด้วยเหตุผลใดก็ตาม สิ่งนี้ใช้ได้กับนักเวทย์ส่วนน้อยเท่านั้น
ในตอนนี้ที่พลังจิตระดับเก้าระเบิดออกมา หากไม่ใช่พลังจิตซึ่งแข็งแกร่งเป็นพิเศษกว่าระดับของพ่อมด ก็แสดงว่าที่แห่งนี้มีนักเวทย์ระดับเก้าผู้ทรงพลังอยู่ที่นี่!
เมื่อเห็นว่าเมอร์ลินตื่นตัว องค์ชายแปดก็ส่ายหัวและกล่าวออกมา “พ่อมดฟอสส์ ฉันเององค์ชายแปด โปรดเปิดห้องสมุดเวทมนตร์ด้วย”
เมอร์ลินขมวดคิ้ว มีเพียงพื้นที่ว่างที่นี่ ยกเว้นรูปปั้นทองสัมฤทธิ์หล่อสีดำที่ตั้งอยู่ปลายทั้งสองข้าง รายละเอียดของรูปปั้นนั้นค่อนข้างวิจิตรบรรจงและการแกะสลักเสมือนจริง
*ครืน...*
ทันใดนั้น รอยแยกปรากฏขึ้นระหว่างรูปปั้นทองสัมฤทธิ์สีดำบริสุทธิ์อย่างน่าพิศวง รอยแยกกว้างขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับกำลังแยกพื้นที่ออกจากกัน
นอกจากนี้ ลายเส้นของอักษรรูนลึกลับก็ปรากฏบนรูปปั้นทองสัมฤทธิ์ แม้แต่เมอร์ลินก็ยังไม่ทันสังเกตว่ามีอักษรรูนลึกลับสลักอยู่บนรูปปั้น
องค์ชายแปดถอยกลับไปสองก้าวแล้วหันไปหาเมอร์ลินพร้อมรอยยิ้ม “ราชวงศ์แบล็กมูนมีมรดกที่ลึกซึ้งและกว้างขวาง นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนรู้ดี ในฐานะความมั่งคั่งที่สำคัญที่สุดของราชวงศ์ ห้องสมุดเวทมนตร์จึงต้องถูกซ่อนไว้อย่างดีและต้องมีนักเวทย์ระดับเก้าคอยดูแลอยู่ตลอดทั้งปี หากไม่มีเขาที่คอยเปิดวงแหวนเวทย์ รวมถึงกลไกอื่น ๆ มากมายจากภายในล่ะก็ แม้แต่จอมเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่ก็ยากที่จะเข้าไปในห้องสมุดเวทมนตร์ภายในเวลาอันสั้น”
เมอร์ลินหรี่ตาลงเล็กน้อย ระหว่างรูปปั้นทองสัมฤทธิ์สีดำทั้งสองมีบันไดหินยาวและลึกลงไป ปรากฎว่าห้องสมุดเวทมนตร์อยู่ที่นี่ แท้จริงมันถูกซ่อนไว้อย่างดี พลังจิตขนาดมหึมาที่เขาสัมผัสได้ก่อนหน้านี้จะต้องเป็นนักเวทย์ระดับเก้าที่ดูแลห้องสมุดเวทมนตร์
"เข้าไปกันเถอะ" องค์ชายแปดทรงเสด็จนำเมอร์ลินลงบันไดโดยตรง
ในทางเดินที่มืดสนิทของบันไดหิน อากาศเต็มไปด้วยกลิ่นอับ ดูเหมือนว่าแทบจะไม่ค่อยมีคนเข้ามาที่นี่บ่อยนัก
*แปะ แปะ แปะ*
องค์ชายแปดปรบมือเบา ๆ ทันใดนั้น แสงไฟกระพริบปรากฏขึ้นในความมืด ต่อจากนั้น เปลวไฟก็ก่อตัวขึ้นบนผนังทั้งสองข้างที่ขนาบข้างบันไดหิน ส่องสว่างตามทางเดินสีดำสนิท
เมอร์ลินรู้สึกได้ชัดเจนว่าทางเดินกำลังมุ่งหน้าลงด้านล่าง อากาศภายนอกค่อนข้างแห้งแต่ลึกลงไปในใต้ดินที่เย็นยะเยือก มันสามารถบาดลึกถึงกระดูกได้
ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงปลายบันไดหิน ที่นั่นพวกเขาพบประตูทองเหลืองขนาดใหญ่สองบานซึ่งมีตราประทับฝ่ามือ
รอยประทับฝ่ามือนี้ดูแปลกตา นอกจากนี้เส้นอักษรรูนลึกลับยังป้องกันประตูทองเหลืองขนาดใหญ่ การทำลายประตูต้องใช้พละกำลังเหนือมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นเมอร์ลินหรือองค์ชายแปด พวกเขาก็ยังทำไม่ได้ในตอนนี้
ถึงกระนั้น องค์ชายแปดก็ดูเหมือนจะเข้ามาสถานที่แห่งนี้เป็นประจำ เขาเหยียดมือขวาออกและกดเบา ๆ เข้าไปในรอยประทับบนประตูทองเหลืองขนาดใหญ่ หลังจากนั้น อักษรรูนลึกลับที่ประตูค่อย ๆ สว่างขึ้นด้วยแสงสีขาว และประตูทองเหลืองขนาดใหญ่ก็เริ่มเปิดออกช้า ๆ
*ครืน*
ประตูทองเหลืองบานใหญ่เปิดออก เผยให้เห็นโถงใหญ่ที่ตกแต่งอย่างหรูหรา
ผนังทั้งสี่ของห้องโถงใหญ่ปูด้วยหินอ่อนที่ส่องประกายเหมือนกระจกและพื้นทำด้วยทองหลายชั้น เหนือห้องโถง มีโคมไฟแขวนขนาดใหญ่โปร่งแสงจำนวนหนึ่งทำจากไข่มุกเวลูรียา ในตะเกียงเหล่านี้ มีไข่มุกล้ำค่าขนาดเท่ากำปั้น
ไข่มุกเปล่งแสงเจิดจ้าและอ่อนโยน ทำให้ห้องโถงสว่างไสวราวกับเป็นแสงตะวัน ไม่จำเป็นต้องใช้ฟืนไฟเลย
แม้แต่เมอร์ลินเองก็พูดไม่ออกเมื่อได้เห็นห้องโถงขนาดใหญ่ที่หรูหราโอ่อ่า ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ปูด้วยทองหรือหินอ่อนที่เงางามเหมือนกระจกหรือไข่มุกอันล้ำค่าในโคมแขวนที่ทำจากไขมุกเวลูริยา สิ่งเหล่านี้ล้วนประเมินค่าไม่ได้ แค่พวกไข่มุกในตะเกียงหนึ่งเม็ดที่ใช้สำหรับส่องสว่าง มันเป็นสมบัติล้ำค่า หากอยู่ภายนอกมันจะมีมูลค่ามหาศาล
ราชวงศ์แบล็กมูนมักอ้างว่ามรดกของพวกเขามีอายุย้อนไปถึงสามพันหกร้อยปีก่อนและพวกเขาสืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์ของจักรวรรดิมอลต้า สำหรับตอนนี้ ใคร ๆ ก็มองข้ามคำถามที่ว่าราชวงศ์แบล็คมูนแค่อวดอ้างให้ตัวเองดูดีหรือไม่ สำหรับข้อเท็จจริงนี้นี่เพียงแค่ปริมาณทรัพยากรที่พวกเขามีก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ว่าทางราชวงศ์ไม่ควรมองข้ามเพราะพวกเขาเทียบเท่ากับองค์กรนักเวทย์ขนาดใหญ่ได้เลย
องค์ชายแปดจ้องมองไปที่ห้องโถงอันโอ่อ่าและแสงแห่งความกระตือรือร้นก็ส่องประกายผ่านดวงตาของเขา ในฐานะสมาชิกของราชวงศ์ พระองค์เสด็จที่ห้องสมุดเวทมนตร์นับครั้งไม่ถ้วนแต่ทุกครั้งที่พระองค์ยังคงตกตะลึง
อย่างไรก็ตาม แม้แต่เจ้าชายก็ไม่สามารถเข้าไปในห้องสมุดเวทมนตร์ได้ตามใจชอบและจะต้องได้รับอนุญาตจากองค์ราชา มีเพียงราชาแห่งอาณาจักรแบล็คมูนเท่านั้นที่สามารถเยี่ยมชมห้องสมุดเวทมนตร์ได้ตามต้องการ
ในอาณาจักรแบล็กมูน มีสถานที่หลายแห่งที่สำคัญพอ ๆ กับห้องสมุดเวทมนตร์ซึ่งมีเพียงกษัตริย์เท่านั้นที่สามารถเยี่ยมชมได้ ความกระหายในอำนาจขององค์ชายแปดส่วนใหญ่เกิดจากการเยือนพื้นที่หรูหราเช่นห้องสมุดเวทมนตร์ซึ่งกระตุ้นความปรารถนาและความทะเยอทะยานในใจของเขา
“สักวันหนึ่ง ฉันจะได้ครอบครองทุกสิ่งในราชวงศ์!”
องค์ชายแปดพึมพำเบาๆ จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นทันทีและสูดหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นเขาก็ตะโกนว่า
“พ่อมดฟอสส์ แสดงตัวออกมา”
*หวู่ม*
ทันทีที่เจ้าชายแปดพูด ลมสีดำก็ปรากฏขึ้นในอากาศ เมอร์ลินไม่รู้ตัวเลยจนกระทั่งลมสีดำปรากฏขึ้น
หลังจากนั้น ลมสีดำก็หายไป เผยให้เห็นชายชราผมสีม่วงที่ยืนตัวตรงและจิตใจดี
ชายชราผมสีม่วงกวาดสายตามองไปทั่วเมอร์ลินและองค์ชายแปดอย่างเรียบ ๆ จากนั้นจึงเริ่มพูดช้าๆ ว่า “องค์ชายแปดของฝ่าพระบาท ไม่สำคัญว่าพระองค์จะมาที่ห้องสมุดเวทมนตร์ด้วยเหตุผลใดแต่นักเวทย์อยู่ข้างหลังท่านนั้นไม่ใช่ เขาไม่มีสายเลือดของราชวงศ์และไม่ได้เป็นสมาชิกของราชวงศ์ ฝ่าบาททรงลืมกฎเกณฑ์นี้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
เมอร์ลินหรี่ตาลงเล็กน้อยและตรวจสอบชายชราผมสีม่วงที่เพิ่งปรากฏตัวขึ้น ดังนั้นเขาจึงเป็นพ่อมดผู้พิทักษ์แห่งห้องสมุดเวทมนตร์ซึ่งเป็นพ่อมดนักเวทย์ระดับเก้าที่ทรงพลัง ฟอสส์!
ห้องสมุดเวทมนตร์เป็นสถานที่ที่สำคัญสำหรับราชวงศ์และได้รับการปกป้องโดยนักเวทย์ระดับเก้าผู้ทรงพลังของราชวงศ์ซึ่งจะไม่ยอมให้บุคคลภายนอกเข้ามา แม้ว่าเมอร์ลินจะไม่ได้เข้าไปในห้องสมุดเวทมนตร์จริง ๆ แต่องค์ชายแปดได้ละเมิดกฎโดยนำเมอร์ลินไปยังที่ที่ห้องสมุดอยู่ดี
อย่างไรก็ตาม องค์ชายแปดดูไม่แยแสและจ้องมองชายชราผมสีม่วงอย่างมั่นคง ทันใดนั้น เขาพูด "พ่อมดฟอสส์ คุณยังจำได้ไหมว่าคุณเป็นหนี้แม่ของฉันในตอนนั้น"
เมื่อเอ่ยถึงพระชนนีขององค์ชายแปด ใบหน้าของพ่อมดฟอสส์เปลี่ยนไปเล็กน้อยซึ่งทำให้ดูเหมือนไม่สบายใจอย่างยิ่ง เขาทำได้เพียงพยักหน้าอย่างไร้เรี่ยวแรง “แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจำความกรุณาของพระมเหสีได้! คำสัญญาที่กระหม่อมให้ไว้กับพระองค์ยังใช้ได้ อย่างไรก็ตาม องค์ชายแปด ฝ่าบาทต้องจำไว้ว่าคำสัญญานี้ใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น!”
รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากขององค์ชายแปด “ครั้งเดียวก็เพียงพอแล้ว คุณคงไม่อยากฆ่าองค์ชายสี่เพื่อฉัน ดังนั้นฉันจะใช้คำสัญญานี้กับพ่อมดเมอร์ลิน ฉันต้องการให้พ่อมดเมอร์ลินเข้าไปในห้องสมุดเวทมนตร์ เขาจะได้รับวันหนึ่งและสามารถมองดูคาถาที่เขาชอบดังเช่นพวกเราที่เป็นสมาชิกของราชวงศ์ พ่อมดฟอสส์ แบบนี้คุณยอมรับข้อเสนอนี้ได้หรือไม่?”
จากบทสนทนาตรงหน้าเมอร์ลิน เขาไม่น่าแปลกใจที่องค์ชายแปดได้ให้คำสัญญาอย่างเคร่งเครียด อันที่จริง ผู้ที่ไม่ใช่สมาชิกของราชวงศ์ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในห้องสมุดเวทมนตร์แต่นักเวทย์ที่ดูแลห้องสมุดเวทมนตร์เป็นหนี้พระชนนีขององค์ชายแปด
นี่จึงเป็นเหตุผลที่องค์ชายแปดมีความมั่นใจมาก
พ่อมดฟอสส์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็เหลือบมองเมอร์ลินก่อนจะพูดช้าๆ ว่า “ฝ่าบาก หนึ่งวันมันนานเกินไป กระหม่อมสามารถให้เวลาฝ่าบาทมากที่สุดแปดชั่วโมงและเมื่อเห็นคาถาภายใน เขาต้องลงนามสัญญาไม่ส่งต่อให้คนอื่น!”
องค์ชายแปดขมวดพระศก ‘แปดชั่วโมงจะทำอะไรได้?’
การเลือกคาถาเพียงอย่างเดียวอาจใช้เวลาสองสามชั่วโมง ไม่ต้องพูดถึงคาถาที่ซับซ้อนมากกว่านั้นได้เลย มันไม่สามารถดึงออกมาได้ อย่างไรก็ตาม ขณะที่พระองค์กำลังจะเจรจากับพ่อมดฟอสส์ เมอร์ลินก็ก้าวไปข้างหน้าข้างๆ พระองค์และพูดว่า “ผมขอขอบคุณพ่อมดฟอสส์เป็นอย่างสูง แปดชั่วโมงก็เพียงพอแล้ว!”
เมื่อเห็นว่าเมอร์ลินเห็นด้วย องค์ชายแปดก็พยักหน้า “ดีมาก แปดโมงก็พอแล้ว พ่อมดเมอร์ลินรีบลงนามสัญญาเลย ฉันจะรอข้างนอกเป็นเวลาแปดชั่วโมงและคุณจะไม่ต้องกังวลอะไรในช่วงเวลานี้”
ในตอนนี้ที่องค์ชายแปดเพิ่งเอาชนะองค์ชายสี่ได้ พระองค์จึงมีอิทธิพลอย่างมากในหมู่สมาชิกราชวงศ์ภายในเมืองอิมพีเรียล ใคร ๆ ก็รู้ว่าองค์ชายแปดคือผู้ที่มีแนวโน้มจะเสด็จขึ้นครองบัลลังก์มากที่สุด
การที่องค์ชายแปดที่อยู่นอกห้องสมุดเวทมนตร์ แม้ว่าจะมีสมาชิกราชวงศ์คนอื่นมา องค์ชายแปดก็สามารถหยุดพวกเขาได้ ไม่มีใครกล้าเพิกเฉยต่อคำพูดของพระองค์ นอกจากนี้ พวกเขายังได้รับการสนับสนุนจากพ่อมดฟอสส์ซึ่งเป็นพ่อมดผู้พิทักษ์ ความปลอดภัยของเมอร์ลินได้รับการรักษาความปลอดภัยอย่างสมบูรณ์
“กระหม่อมขอขอบพระคุณในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ทรงเสียสละเพื่อกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ!”
เมอร์ลินโค้งคำนับองค์ชายแปดเล็กน้อย จากนั้นเขาก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ และเดินตามหลังพ่อมดฟอสส์ เข้าไปในห้องสมุดเวทมนตร์เบื้องหน้าพวกเขา
*ตึง!*
ประตูบานใหญ่ของห้องสมุดเวทมนตร์ปิดอย่างแน่นหนา ไม่มีใครสามารถสอดแนมสิ่งที่เกิดขึ้นภายในได้