MMORPG : ตอนที่ 37 ราชินีเผ่าเงือก
[ราชินีเงือก (บอสระดับทอง)]
ระดับ : เลเวล 10
ค่าพลังชีวิต : 50,000
พลังโจมตี : 1,000
พลังป้องกัน : 500
ความเร็ว : 200
ทักษะ : ???
บทนำ : ราชินีแห่งเผ่าเงือกที่มีพรสวรรค์อย่างยิ่ง เธอได้สืบสายเลือดมาจากเผ่าเงือกโบราณ ทำให้ครอบครองพลังลึกลับที่ยากจะคาดเดาได้ หลังจากมหาสงครามระหว่างเทพและปีศาจ เธอได้นำเผ่าเงือกที่เสื่อมโทรมลงหลบหนีไปยังสถานที่อื่น จน ในปัจจุบันยังไม่ทราบที่อยู่ที่แน่ชัด
“สูด…”
ฉินลั่วเฉิง ได้สูดลมหายใจเข้าลึก
เขาไม่คิดเลยว่าจะต้องมาเผชิญหน้ากับ BOSS ที่แข็งแกร่งในสถานที่แห่งนี้ อีกทั้งยังเป็นถึงราชินีแห่งเผ่าเงือกที่สืบสายเลือดมาจากเผ่าเงือกโบราณ
นอกจากค่าสถานะที่แข็งแกร่งของเธอแล้ว เธอยังเป็น BOSS ระดับทอง ตัวแรกที่เขาต้องมาเผชิญหน้าด้วย
“ผู้บุกรุก บอกชื่อของเจ้ามา!”
ราชินีเงือก ไม่ได้ขยับ เธอยังคงนั่งอยู่บนบัลลังก์ และ มองลงมาด้วยสายตาที่เย็นชา และ แสดงท่าทีที่เย่อหยิ่งในตัวเอง
“เผ่ามนุษย์ เสียงวิญญาณร่ำไห้!”
ฉินลั่วเฉิง ได้สูดลมหายใจเข้าลึก และ บังคับให้ตัวเองสงบลง เขาได้หรี่ตามองไปยังพื้นที่โดยรอบตัวของราชินีเงือกเล็กน้อย สิ่งนี้ทำให้เขาสามารถตระหนักได้ถึงแรงกดดันจากร่างของ ราชินีเงือก ที่ได้ปลดปล่อยออกมา
“มนุษย์?!!!”
ราชินีเงือก ดูแปลกใจเล็กน้อย กลิ่นอายพลังของเธอได้กลายเป็นเด่นชัดมากยิ่งขึ้น กระทั่งน้ำเสียงของเธอก็ยังเปลี่ยนไปอย่างมาก“ข้าไม่คิดเลยว่าเผ่าเงือกของข้าจะถูกบังคับให้ต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ แม้ว่าพวกเราจะได้หลบหนีมาซ่อนตัวยังสถานที่ห่างไกล แต่พวกมนุษย์ก็ยังไม่คิดจะปล่อยพวกเราไป!”
ฉินลั่วเฉิง“???”
เธอกำลังพูดบ้าอะไร?
เขารู้ทุกคำ แต่ไม่เข้าใจความหมายที่เธอจะสื่อ!
“ไม่ใช่สิ!”
ก่อนที่ ฉินลั่วเฉิง จะตอบโต้ น้ำเสียงของ ราชินีเงือก ก็ได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง“เจ้าไม่ได้ถูกส่งมาโดยตาเฒ่าตายยากพวกนั้น เพราะนักฆ่าของพวกตาเฒ่าตายยากพวกนั้น ไม่ควรจะอ่อนแอขนาดนี้!”
ฉินลั่วเฉิง ได้พึมพัมในใจ“บ้านแกเถอะ!”
ต้องขอโทษที่ฉันอ่อนแอจนเธอมองไม่เห็นหัวก็แล้วกัน!
“ฮ่าฮ่าฮ่า…แต่นั่นก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงในปัจจุบันอยู่ดี!”
ดวงตาของ ราชินีเงือก ได้จับจ้องไปที่ ฉินลั่วเฉิง ราวกับว่าเธอได้มองเห็นอะไรบางอย่างและหัวเราะออกมา“เป็นเพียงแค่มนุษย์ตัวจ้อย ข้าไม่คิดเลยว่า เผ่าเงือกของข้าจะตกต่ำลงถึงขนาดนี้ กระทั่ง เด็กน้อยคนนึงก็บุกเข้ามายังสถานที่แห่งนี้ได้โดยง่าย!”
“เด็กน้อยคนนึง?”
ฉินลั่วเฉิง ได้กลายเป็นขบขันในใจ
อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่สามารถโต้แย้งความจริงนี้ได้
เขาในปัจจุบัน มีสถานะเป็นผู้เล่นใหม่ที่สังกัดหมู่บ้านแห่งการเริ่มต้น
แม้ว่า ราชินีเงือก จะถูกระบบปราบปรามพลังจนเหลือเพียงแค่ระดับเลเวลแค่ 10 แต่เธอก็ยังคงเป็น บอสระดับทอง ที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก และ แทบจะเป็นตัวตนที่อยู่ยงคงกระพันสำหรับผู้เล่นใหม่ในหมู่บ้านแห่งการเริ่มต้น
นี่คือกฏที่ถูกตั้งเอาไว้!
“ที่แท้ก็คือท่านราชินีแห่งเผ่าเงือกนี่เอง! ฉันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะได้มาพบกับราชินีของเผ่าเงือกในสถานที่แห่งนี้ นับเป็นบุญตาของฉันอย่างแท้จริง!”
ฉินลั่วเฉิง ได้กล่าวชมเชยออกมา
“ฮึฮึ”
อย่างไรก็ตาม ราชินีเงือก ได้เผยรอยยิ้มออกมา กระทั่งดวงตาของเธอยังเต็มไปด้วยท่าทีดูถูก“เจ้าไม่จำเป็นจะต้องมาสวมหมวกให้กับข้าราชินีคนนี้ เพราะตัวข้านั้นเข้าใจถึงความหน้าซื่อใจคดของเผ่าพันธุ์มนุษย์เช่นพวกเจ้าเป็นอย่างดี”
ฉินลั่วเฉิง รู้สึกพูดไม่ออก
ตอนนี้เป็นเขาที่จำได้ว่า ราชินีเงือก ดูเหมือนจะไม่ได้มีมุมมองที่ดีเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ เพราะดูจากบางสิ่งที่เธอพูดแล้ว เผ่าพันธุ์มนุษย์ ได้ไล่ตามพวกเธอและพยายามกำจัดพวกเธอทิ้ง
“เมื่อหลายพันปีก่อน หลังจากพวก ปีศาจได้ออกอาละวาด เผ่าพันธุ์นับหมื่น ได้ถูกดึงเข้าไปร่วมการต่อสู้ด้วย มหาสงคราม ในครั้งนั้นได้จุดชนวนไปทั่วทั้งทวีปและทำให้ดินแดนมากกว่าครึ่งล่มสลายกระทั่งเผ่าพันธุ์นับพันก็ยังถูกฆ่าล้างบางไม่มีเหลือ”
ฉินลั่วเฉิง ไม่รู้เลยว่าจะตอบบทสนทนานี้อย่างไร เขาไม่คิดเลยว่า ราชินีแห่งเผ่าเงือก จะเล่าเกี่ยวกับความจริง เมื่อหลายพันปีก่อน
“เพื่อเป็นการป้องกันตัวเอง เผ่าพันธุ์ต่าง ๆ ได้เลือกมารวมตัวกันภายใต้การชี้นำของ 5 เผ่าพันธุ์ใหญ่อย่าง เผ่าพันธุ์มนุษย์,เผ่าเอลฟ์,เผ่าพันธุ์แห่งท้องทะเล,เผ่าพันธุ์มังกร และ เผ่าคนแคระ พวกเขาได้สร้างพันธมิตรขึ้นมาเพื่อป้องกันการโจมตีจากศัตรูที่มาจากต่างแดน”
“ในตอนแรก ภายใต้หายนะของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เผ่าพันธุ์ใหญ่ได้หันมาร่วมมือกันอย่างจริงใจโดยไม่สนใจความบาดหมางในอดีต ในเวลานั้น ทุกคนสนิทสนมกันเหมือนครอบครัว กินข้าวหม้อเดียวกัน ดื่มกินหม้อเดียวกัน กระทั่งนอนเตียงเดียวกัน ในสนามรบ ทุกคนต่างฝากแผ่นหลังให้กันอย่างไว้ใจ”
น้ำเสียงของ ราชินีเงือก เต็มไปด้วยความคิดถึง ราวกับว่าเธอกำลังคิดถึงช่วงปีที่รุ่งเรืองมากที่สุด
ฉินลั่วเฉิง ก็ได้งตั้งใจฟังอย่างหนัก!
การรุกรานของเผ่าปีศาจ การรวมตัวของเผ่าพันธุ์จำนวนมาก
ในช่วงเวลานั้น แน่นอนว่ามี วีรบุรุษจำนวนมากปรากฏตัวขึ้น
โลกที่รุ่งโรจน์เช่นนั้นนับเป็นสิ่งที่ผู้คนโหยหาอย่างแท้จริง
“อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาที่ดีก็คงอยู่ได้ไม่นาน!”
น้ำเสียงของ ราชินีเงือกในเวลานี้ค่อนข้างอ่อนโยน ราวกับว่าเธอกำลังขบคิดถึงเรื่องราวในอดีตที่น่าคิดถึงเหล่านั้น
“กองกำลังพันธมิตรที่ถูกตั้งขึ้น โดยเฉพาะภายใต้การชี้นำของมหาปราชญ์ทั้ง 10 ที่ได้รับพรจากเทพธิดาแห่งโชคชะตา พวกเขาได้ร่วมกันโจมตีจักรพรรดิปีศาจพร้อมกัน”
“จักรพรรดิปีศาจได้รับบาดเจ็บสาหัส กองทัพปีศาจได้ตกอยู่ในความโกลาหล ขวัญกำลังใจของพวกเขาทั้งหมดได้ลดลง ในเวลานี้ กองกำลังพันธมิตรได้ใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ในการโต้กลับเพื่อทวงคืนดินแดนที่สูญเสียไปมากกว่าครึ่งในคราวเดียว”
ยังถือเป็นเรื่องที่ดี!
ฉินลั่วเฉิง ได้มองไปที่ ราชินีเงือก ที่เต็มไปด้วยท่าทีที่สั่นเคือง และ ดูสับสนเล็กน้อย
“ทุกคนต่างกำลังเฉลิมฉลองให้กับชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ พวกเขาได้ดื่มด่ำไปกับชัยชนะอันยอดเยี่ยมนี้ แต่ใครจะไปคิดว่าทั้งหมดนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการสมคบคิดที่ชั่วร้าย!”
ดวงตาของ ราชินีเงือก ได้กลายเป็นสีแดงก่ำ เจตนาฆ่าที่รุนแรงได้ปรากฏขึ้นในทันที แม้ว่า ฉินลั่วเฉิง จะอยู่ห่างไกลออกไปมากกว่า 10 เมตร เขาก็รู้สึกสั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัว และ ร่างกายของเขาได้แข็งค้างเล็กน้อย
“เผ่าพันธุ์มนุษย์!!!”
“เผ่าพันธุ์ที่น่ารังเกียจ ได้วางแผนสมคบคิดที่ชั่วร้ายมาตั้งแต่ต้น!”
“พวกมันได้อาศัยความโดดเด่นของ 5 เผ่าพันธุ์ใหญ่ ในการวางกลยุทธ์ และ ควบคุมสนามรบจากระยะไกล ทำให้ได้รับชัยชนะครั้งใหญ่ และ เอาชนะพวกปีศาจได้อย่างต่อเนื่อง”
“ในสมัยนั้น ทุกเผ่าพันธุ์ต่างยกย่องในความสามารถของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ที่มีความฉลาดและเป็นผู้นำ พวกเขาได้ยกย่องความกล้าหาญวีรบุรุษของเผ่าพันธุ์มนุษย์โดยเฉพาะนักปราชญ์ของเผ่ามนุษย์!”
“เผ่าพันธุ์นับพันที่หวาดกลัวเผ่าปีศาจในตอนแรก พวกเขาไม่ได้ตระหนักถึงเจตนาร้ายของเผ่าพันธุ์มนุษย์ หลังจากที่เผ่าพันธุ์นับไม่ถ้วนถูกทำลายล้างในสนามรบ และ เผ่าพันธุ์ใหญ่ ๆ ต่างได้รับบาดเจ็บสาหัส กระทั่งเผ่าพันธุ์มังกรที่จัดว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังสูญเสียกองกำลังไปมากกว่า 70% ในขณะที่ความเสียหายของเผ่าพันธุ์มนุษย์แทบจะไม่สามารถนำมาเทียบได้ ในเวลานี้เอง ที่ทุกคนเริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนองพร้อมกัน”
“พวกเราถูกหลอกใช้โดยเผ่าพันธุ์มนุษย์!”
“พวกเราไม่สามารถตอบโต้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ เพราะเผ่าพันธุ์มนุษย์ในสมัยนั้นได้กลายเป็นตัวแทนวีรบุรษของมหาสงครามไปแล้ว”
“ในขณะที่เผ่าพันธุ์นับพันต่างเสื่อมถอยลงอย่างรุนแรง ก็มี เผ่าพันธุ์นับสิบ ที่บันดาลโทสะ และ เลือกที่จะหลบหนีออกมาจากสถานการณ์ยุ่งยากเหล่านั้นโดยตรง เช่นเดียวกับ เผ่าเงือก ของข้า”
“เมื่อก่อน ชื่อเสียงของผู้ปกครองทะเล อย่างพวกเรา ค่อนข้างโด่งดัง และ ดูน่าเกรงขาม”
“แต่ทว่าปัจจุบัน เผ่าเงือกของข้ากลับถดถอยลง แม้แต่ ตัวราชินีของเผ่าเงือกเช่นข้า ก็ทำได้เพียงแต่เลือกที่จะหลบซ่อนตัว ไม่กล้าที่จะบัญชาเผ่าทะเลนับพัน และ แข่งขันกับเผ่าพันธุ์อื่น ๆ สิ่งที่พวกเราทำได้ก็มีเพียงแค่การอ้อยอิงอยู่ที่ใต้ทะเลแห่งนี้เพียงเท่านั้น กระทั่ง ไม่รู้ว่าเผ่าพันธุ์ของพวกเราจะสูญสลายไปเมื่อใด”
“ทั้งหมดทั้งมวลนี้เกิดขึ้นจากฝีมือของเผ่าพันธุ์มนุษย์!”
“ดังนั้นเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่น่ารังเกียจสมควรตายไปทั้งหมด!”
ฉินลั่วเฉิง ได้กลายเป็นนิ่งเงียบ
เผชิญหน้ากับ เสียงแหบพร่าของ ราชินีเผ่าเงือก บอสระดับทอง เลเวล 10 เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะตอบสนองต่อสถานการณ์ในตอนนี้อย่างไร
จากจุดยืนของราชินีเผ่าเงือกและเผ่าพันธุ์อื่น ๆ นับพัน เผ่าพันธุ์มนุษย์ในสมัยนั้นค่อนข้างน่ารังเกียจอย่างแท้จริง กระทั่ง เรียกว่า เพชฌฆาตในคราบคนดีก็คงไม่แปลกเกินไป
แต่ทว่าหากมองในมุมกลับกัน ทุกเผ่าพันธุ์ในเวลานั้นต่างหวาดกลัวจากการรุกรานของพวกปีศาจ การร่วมมือกันและเกิดการสูญเสียก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ?
มันไม่ได้เกี่ยวกับการถูกหรือผิด เพียงแค่ตำแหน่งสถานะในการจัดการตอนนั้นค่อนข้างแตกต่างกันเท่านั้น
“เห้อ!”
ฉินลั่วเฉิง รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
จากมุมมองของเขา เผ่าพันธุ์มนุษย์ในอดีต ไม่ได้ผิด แต่พฤติกรรมของพวกเขานั้นน่ารังเกียจเกินไป กระทั่ง ยอมเสียสละกองกำลังพันธมิตรส่วนใหญ่เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
แต่ทว่า เขาก็เป็นเพียง มนุษย์ที่ถือเป็นคนรุ่นใหม่ เผชิญหน้ากับ ราชินีเงือก ที่ผ่านประสบการณ์ยากลำบากในอดีต มา เขาไม่สามารถตอบโต้หรือหักล้างคำพูดของอีกฝ่ายได้
เนื่องจากเขาไม่สามารถสื่อสารได้ ดังนั้น…
ก็คงมีแต่การพูดคุยกันด้วยการปะทะเพียงอย่างเดียว