395 - บังเอิญกินเนื้อหงส์
395 - บังเอิญกินเนื้อหงส์
ในตอนกลางคืนน้ำพุใสไหลผ่านป่าสนเพิ่มความว่องไวให้กับยอดเขาอันเงียบสงบ
"เจ้ารีบกลับมากเกินไป เป็นไปได้ไหมว่าเจ้าทำสิ่งที่ชั่วร้ายบางอย่าง?” ในขณะนี้ฉินเหยาที่เมามายมองเย่ฟ่านอย่างรู้ทัน
นางมีร่างกายที่เร่าร้อนบวกกับรูปร่างที่เพรียวบางจึงทำให้เสน่ห์ของนางนั้นแทบจะอยู่ในจุดสูงสุดของหญิงสาวที่เย่ฟ่านเคยรู้จัก
“ทำไมเจ้าคิดแบบนี้ เจ้าก็รู้ว่าผู้คนเผ่าพันธุ์อสูรของเจ้าต้องการปราณปฐพีต้นกำเนิดของข้ามากแค่ไหน ข้าต้องการจากไปตั้งแต่เนิ่นๆเพื่อลดปัญหาลงอีกส่วนหนึ่ง” เย่ฟ่านก็เหมือนกับนาง เขาเมานิดหน่อย
"อย่าคิดจะโกหกข้า มันต้องมีปัญหาแน่ๆ" ฉินเหยาเป็นเหมือนต้นหลิวในสายลม ร่างกายที่อ่อนนุ่มพลิ้วไหวเอียงเล็กน้อยในขณะที่นางหัวเราะคิกคักอย่างมีเสน่ห์
“องค์หญิงรู้ว่าเจ้ามาที่นี่ก็เพราะผังป๋อ ตอนนี้นางกำลังไปที่วังโบราณอู่จิงเพื่อตรวจสอบว่าผังป๋อยังปกติดีหรือไม่ ส่วนตอนนี้ข้ามีหน้าที่เฝ้าเจ้าไว้ไม่ให้หนีไปก่อน”
จิตใจของเย่ฟ่านตื่นตระหนกเล็กน้อย เอี๋ยนหรูหยูมีไหวพริบสูงส่งจนน่าตกตะลึง ถ้าไม่ใช่เพราะผังป๋อเลือกที่จะอยู่ในวังโบราณอู่จิงต่อไป พวกเขาคงพบเจอกับภัยพิบัติครั้งใหญ่อย่างแน่นอน
แต่ความรู้สึกของเขาก็ผ่อนคลายกลับมาอีกครั้ง เขาเชื่อว่าผังป๋อจะไม่เปิดเผยร่องรอยใดๆ แม้ว่าเอี๋ยนหรูหยูจะฉลาดแต่มันคงเป็นเรื่องยากที่นางจะสืบหาความจริงได้
“องค์หญิงของเจ้าส่งเนื้อมาเฝ้าเสือ นั่นเป็นการกระทำที่ไม่ฉลาดเลย” เย่ฟ่านที่เมามายเล็กน้อยได้ดันตัวเองเข้าไปพัวพันกับฉินเหยาด้วยรอยยิ้ม
ฉินเหยาก็ไม่ได้หลบเลี่ยงความเคลื่อนไหวของเขา นางยิ้มอย่างรู้ทันและกล่าวว่า
"ตอนนี้เจ้าเป็นนักโทษแล้ว ถ้าเจ้าเคยไปที่วังโบราณอู่จิงจริงๆ แม้แต่องค์หญิงก็ไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยของเจ้าได้”
หัวใจของเย่ฟ่านสั่นสะท้าน แต่โชคดีที่เขารู้สึกว่าไม่มีร่องรอยใดๆเหลืออยู่ดังนั้นเขาจึงพยายามทำใจให้สงบ
"ฉินเม่ยเม่ย การมีผู้คุมเช่นเจ้าล้วนเป็นเรื่องที่เหล่าชายชาตรีทั่วโลกต่างก็ปรารถนาทั้งสิ้น”
หลังจากที่จิตใจผ่อนคลายการกระทำของเย่ฟ่านก็ไร้ตำหนิอยากที่จะจับผิดได้
“เด็กน้อยต่อให้เจ้าเป็นร่างเซียนโบราณที่แท้จริง แต่ด้วยระดับการฝึกฝนของเจ้าอย่าคิดว่าจะหนีจากมือข้าไปได้” ฉินเหยาแค่นเสียงอย่างเย็นชา
“ถ้าข้าอยากหนี เจ้าจะฆ่าข้าจริงๆเหรอ?” มือของเย่ฟ่านเลื้อยพันไปที่เอวคอดกิ่วของนางอย่างรวดเร็ว
“แน่นอน การฆ่าเจ้าก็ไม่ใช่เรื่องลำบากอะไร”
“เจ้าเป็นคนรักของข้า ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะตัดใจได้” เย่ฟ่านยิ้มและส่ายหัว
ฉินเหยาหัวเราะอย่างเย้ายวน นางหยิกแก้มของเย่ฟ่านเบาๆและกล่าวว่า
"ถ้าเจ้าไม่เชื่อสามารถลองดูได้"
"น้องสาวฉินคนสวย เจ้าไม่ควรล้อเล่นมากเกินไปไม่เช่นนั้นเจ้าต้องรับผลที่ตามมา"
เย่ฟ่านปัดมือของนางออก จากนั้นริมฝีปากของเขาก็ประทับลงไปที่ริมฝีปากอวบอิ่มของนาง
ฉินเหยาตกตะลึงอยู่ชั่วครู่ก่อนจะดิ้นรนหลุดออกจากอ้อมแขนของเย่ฟ่าน สีหน้าของนางไม่ได้มีความโกรธเคืองอะไร นางยังคงยิ้มอย่างเย็นชาและกล่าวด้วยน้ำเสียงยั่วยวนว่า
“เด็กน้อย เจ้ายังเด็กเกินไป”
หลังจากลิ้มรสริมฝีปากอันหอมกรุ่น เย่ฟ่านก็หัวเราะคิกคักและไล่ตามไป
"ผิวของเจ้าเรียบเนียนและอ่อนนุ่มมาก เจ้าเล่นกับไฟเอง จะโทษว่าผู้แซ่เย่ไม่สุภาพไม่ได้แล้ว”
“บอกแล้วไงว่าเจ้ายังเด็กอยู่ ไม่ว่าเจ้าใช้อุบายอะไรก็ไม่สามารถหนีไปจากมือของข้าได้” ฉินเหยาหัวเราะคิกคักเบาๆและนั่งลงที่เก้าอี้ในห้องของเย่ฟ่าน
“ถ้ามีอะไรผิดปกติกับวังโบราณอู่จิงจริงๆเจ้าจะฆ่าข้าเหรอ?” เย่ฟ่านรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
“แสดงว่าเจ้าไปวังโบราณอู่จิงมาแล้ว?” ฉินเหยามีดวงตาเย็นชา พลังศักดิ์สิทธิ์ในตัวนางปะทุขึ้นอย่างรุนแรง
“ด้วยความแข็งแกร่งของข้าเจ้าคิดว่าข้าสามารถทำลายค่ายกลของวังโบราณอู่จิงได้หรือไม่?”
"ในเมื่อรู้ตัวว่าไม่มีความสามารถก็ช่วยทำตัวดีๆหน่อย" ฉินเหยายิ้มยั่วยวนอีกครั้งพร้อมกับใช้มือลูบไล้ร่างกายของตัวเองเบาๆ
“คนสวยเจ้าช่วยนั่งดีๆได้หรือไม่ หากเจ้ายังคงยั่วยวนข้าอยู่อย่างนี้จะหาว่าข้าเสียมารยาทไม่ได้นะ” เย่ฟ่านปวดหัวกับท่าทางของนาง
"หากเจ้าอยากกินข้าก็เข้ามาเลย " ฉินเหยายิ้มและเขย่าร่างกายของนางเบาๆ
"ลืมไปเถอะถือว่าข้าไม่ได้พูดก็แล้วกัน" เย่ฟ่านถอนหายใจรู้สึกอับจนปัญญาอยู่บ้าง
ฉินเหยาดูเหมือนจะชอบลักษณะการหยอกเย้าเช่นนี้ นางลุกขึ้นจากเก้าอี้ของตัวเองก่อนจะเดินเข้าหาเย่ฟ่านพร้อมกับจูบหน้าผากของเขาอย่างกล้าหาญ
"อย่าพยายามหลบหนี หากองค์หญิงมาถึงแล้วเจ้าไม่อยู่ที่นี่ แม้แต่ข้าก็ช่วยเจ้าไม่ได้"
“ทำไมข้าต้องหนี?”
เย่ฟ่านฉวยโอกาสในตอนที่ฉินเหยาไม่ทันตั้งตัว เขาดึงดึงร่างกายของนางลงมาบนเตียงพร้อมกับบดขยี้ริมฝีปากอันอ่อนนุ่มอีกครั้ง
การต่อต้านเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย ผ่านไปไม่นานฉินเหยาก็หยุดดิ้นรนและตอบสนองอย่างกระตือรือร้น ทั้งสองล้มลงบนเตียงไม้จันทน์สีแดงในขณะที่เสื้อผ้าของพวกเขาก็ถูกถอดออกอย่างรวดเร็ว
“เจ้าหนูพอได้แล้วเดี๋ยวองค์หญิงจะมาเห็น”
แม้ว่าฉินเหยาจะพูดอย่างนั้นแต่สภาพร่างกายที่เปลือยเปล่าของนางยังคงบิดไปมาราวกับงูสาว
"ถ้าข้าปล่อยเจ้าไปตอนนี้เจ้าจะต้องหาว่าข้าเป็นเด็กน้อยอย่างแน่นอน!" เย่ฟ่านปฏิเสธข้อเรียกร้องของนางและยังคงซุกไซ้ใบหน้าไปที่ซอกคอขาวผ่อง
ในห้อง แสงเทียนกะพริบเป็นครั้งคราว ร่างกายที่เปลือยเปล่าทั้งคู่ม้วนพันกันไปมา บางครั้งท่าทางของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความเร่าร้อน ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ต่อสู้กันไม่หยุด
รอยฟันบนแขนของเย่ฟ่านนั้นลึกมากและมันมีมากกว่าหนึ่งแห่ง
ดวงตาที่สวยงามของฉินเหยาเต็มไปด้วยความมึนเมาจากความตื่นเต้นและความสนุกสนาน
นางต่อสู้กับเย่ฟ่านอยู่บนเตียงอย่างจริงจัง แต่มันไม่ใช่การต่อสู้เพื่อชีวิตและความตาย ดังนั้นเมื่อสถานการณ์นี้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องจิตใจของพวกเขาจึงอดที่จะวาบหวามไม่ได้
นี่คือการต่อสู้ระหว่างครึ่งจริงครึ่งเท็จ มันอาจจะพัฒนาไปสู่การต่อสู้จริงหรือมันอาจจะจบลงด้วยรูปแบบอื่น
อย่างไรก็ตามฉากการต่อสู้นี้ดูไม่จริงจังเกินไป พวกเขาอยู่บนเตียง และทั้งสองกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดราวกับคู่รักวิปริตคู่หนึ่ง
โดยธรรมชาติแล้วเย่ฟ่านไม่ต้องการถูกกักขัง ดังนั้นเขาจึงพยายามต่อต้านการจับกุมของฉินเหยาอย่างเต็มที่
ฉินเหยาสะบัดผมให้มีลักษณะคล้ายเส้นเชือก เผยให้เห็นคอสีขาวราวหิมะและผมสีดำสนิทของนางก็ม้วนตัวเป็นน้ำตก
เย่ฟ่านพยายามดิ้นรนแต่ยิ่งเขาดิ้นรนมาเท่าไหร่เส้นผมยิ่งมัดแน่นขึ้น เมื่อไม่มีทางเลือกอื่นเขาจึงได้แต่ดันตัวเองเข้าหาร่างกายอันอ่อนนุ่มของฉินเหยา
ฉินเหยาที่มีระดับบ่มเพาะสูงกว่าได้ปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์ออกมาเพื่อปิดผนึกร่างกายของเย่ฟ่าน
แต่สิ่งที่นางไม่รู้คือสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเย่ฟ่านนั้นแทบจะไม่ใช่สิ่งที่ผู้บ่มเพาะอาณาจักรตำหนักเต๋าสามารถนำมาเทียบได้
ดังนั้นสภาพของพวกเขาทั้งสองจึงมีลักษณะงุ่มง่ามไม่มีผู้ใดได้เปรียบเสียเปรียบ ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันบนเตียงและเจตนาของพวกเขาไม่ได้ต้องการให้อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บ จึงยากที่จะปรากฏผลแพ้ชนะได้
แต่ด้วยธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต เมื่อชายหญิงวัยเจริญพันธุ์กอดเกี่ยวกันอยู่ในลักษณะแบบนี้เป็นเวลานานก็ยากที่จะไม่เกิดความรู้สึกอย่างอื่น
ดังนั้นสุดท้ายร่างกายของฉินเหยาถึงอ่อนแรงลงเรื่อยๆและเย่ฟ่านก็ฉวยโอกาสตรึงแขนทั้งสองข้างของนางไว้ ก่อนที่ริมฝีปากของพวกเขาจะถูกดึงดูดเข้าหากันอีกครั้งอย่างรวดเร็ว