394 - งานเลี้ยง
394 - งานเลี้ยง
ในตอนเย็นภายในวังอันวิจิตรงดงามเด็กรุ่นเยาว์ของเผ่าพันธุ์อสูรต่างก็มาถึงแล้ว แม้แต่เอี๋ยนหรูหยูและซิงยี่ก็มาเช่นกัน
ที่กลางห้องโถงมีหญิงสาวงดงามมากมายกำลังร่ายรำท่ามกลางเสียงดนตรีและเสียงโห่ร้องของเด็กหนุ่มหลายคน
ทุกคนดื่มและพูดคุยอย่างสนุกสนาน หลังจากโต๊ะหยกขาวแต่ละโต๊ะคือขุมพลังของเผ่าพันธุ์อสูรยุคใหม่ พวกเขาต่างก็แวะเวียนเข้ามาชนจอกกับเย่ฟ่านและตู้เฟยอยู่บ่อยครั้ง
“งานชุมนุมทะเลสาบหยกกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วไม่ทราบว่าพวกเราในนี้ใครจะไปบ้าง?” เด็กหนุ่มคนหนึ่งถามด้วยความตื่นเต้น
"นอกจากองค์หญิงและซิงยี่ คนที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมดูเหมือนจะมีเพียงหกหรือเจ็ดคนเท่านั้น”
" เผ่าพันธุ์อสูรของพวกเรามีต้นกำเนิดอยู่ที่ภาคเหนือ แม้กระทั่งอยู่ที่นี่พวกเราก็ยังมีผู้ที่มีคุณสมบัติเพียงน้อยนิด เรื่องนี้จะใช้ได้ที่ไหน” เด็กหนุ่มคนแรกไม่พอใจอย่างยิ่ง
“เจ้าจะพูดอย่างนั้นก็ไม่ถูก แม้แต่ราชาเผิงน้อยปีกทองและคนอื่นๆที่อยู่ห่างไกลก็ยังหมายมั่นปั้นมือเข้าร่วมงานชุมนุมในครั้งนี้ แม้ว่าพวกเราอสูรจะมีมากมาย แต่ก็เทียบไม่ได้กับจำนวนของมนุษย์”
“พูดถึงราชาเผิงน้อยปีกทอง ว่ากันว่าเขาต้องการต่อสู้กับบุตรศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วง พวกเจ้าคิดว่าเขามีโอกาสมากเท่าไหร่?” หลังจากที่ทุกคนพูดถึงเรื่องนี้สายตามากมายก็มองไปยังเย่ฟ่าน
“ราชาเผิงน้อยที่บุคคลรุ่นเดียวกันไม่สามารถต่อสู้ได้กลับพ่ายแพ้ให้กับร่างเซียนโบราณของเย่ฟ่าน ร่างศักดิ์สิทธิ์นี้มีพลังมากขนาดนั้นจริงหรือ?” ผู้บ่มเพาะอสูรบางคนไม่ได้เห็นเหตุการณ์ต่อสู้ในครั้งนั้นจึงรู้สึกสงสัย
จินเอี๋ยนเห็นผู้คนให้ความสนใจเย่ฟ่านนางก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เมื่อสบโอกาสนางก็รีบเยาะเย้ยทันที
"น่าเสียดายที่คุณชายเย่ไม่สามารถบุกทะลวงออกจากอาณาจักรตำหนักเต๋าได้ สุดท้ายเขาก็เป็นเพียงแค่คนพิการคนหนึ่ง”
สภาพร่างกายของเย่ฟ่านทุกคนที่อยู่ที่นี่ต่างรู้ดี แต่มันเป็นเรื่องที่เสียมารยาทเกินไปหากจะพูดออกมาตรงๆ
จินเอี๋ยนดูเหมือนจะไม่ได้สนใจเรื่องนี้ นางยังคงกล่าวต่อไปด้วยท่าทางเย้ยหยันว่า
"อันที่จริงพรสวรรค์อันสูงส่งของราชาเผิงน้อยหากจะแสดงความสามารถสูงสุดย่อมต้องอยู่ในอาณาจักรลึกลับที่สี่ ความพ่ายแพ้ก่อนหน้านี้ของเขานั้นหรือเป็นเรื่องไร้สาระที่ไม่ควรค่าแก่การพูดถึง"
“นั่นก็จริง สำหรับเผ่าพันธุ์เผิงสวรรค์ยิ่งมีความแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งสามารถใช้ออกด้วยญาณวิเศษลึกลับของพวกเขาได้ดีเท่านั้น?” มีคนเห็นด้วยกับเรื่องนี้
เย่ฟ่านและตู้เฟยต่างก็นั่งดื่มสุราที่โต๊ะของตัวเองด้วยรอยยิ้ม ในความเป็นจริงเขาไม่สนใจอยู่แล้วว่าคนเหล่านี้จะพูดอะไร พวกเขามาที่นี่ก็ด้วยจุดประสงค์ของตัวเองเท่านั้น
“ไอ้สาระเลวพวกนี้!” ตู้เฟยสาปแช่งด้วยเสียงต่ำ "ข้าอยากเห็นจริงๆว่าตอนที่เจ้าอยู่ในอาณาจักรลึกลับที่สี่จะมีใครในรุ่นเดียวกันสามารถเป็นคู่ต่อสู้กับเจ้าได้"
“เจ้าช่วยจัดหาต้นกำเนิดหมื่นจินให้ข้าได้ไหม?” เย่ฟ่านหยิบอาหารขึ้นมารับประทานด้วยความเพลิดเพลิน
“เว้นแต่เจ้าจะลงมือปล้นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มันไม่มีทางที่จะหาต้นกำเนิดมากมายมหาศาลขนาดนั้นได้” ตู้เฟยส่ายหน้า "ถึงจะอย่างนั้นข้าก็ต้องการให้เจ้าเข้าสู่อาณาจักรลึกลับที่สี่โดยเร็วที่สุด ช่างเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวจริงๆ”
"หากไม่มีทางเลือกอื่นข้าคงต้องปล้นดินแดนศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ไม่ว่าจะอย่างไรตระกูลจี้และดินแดนศักดิ์สิทธิ์แสงโชติช่วงก็ออกตามล่าข้าอยู่แล้ว เพิ่มความขัดแย้งอีกสักหน่อยก็ไม่เห็นจะเป็นไร"
"เจ้าวางแผนอะไรในอนาคต?" ตู้เฟยถามเบาๆ
“คงต้องไปเสี่ยงโชคที่บ่อนพนันของดินแดนศักดิ์สิทธิ์สักแห่ง” เย่ฟ่านตอบอย่างเฉยเมย
"ถ้าอย่างนั้นข้าจะตามไปด้วย!"
ในช่วงดึกของการชุมนุมบุคคลรุ่นเยาว์จากเผ่าพันธุ์อสูรได้ดำเนินมาถึงช่วงสำคัญ ในตอนนั้นเองที่หงส์ขาวลุกขึ้นยืนและส่งเสียงขึ้นว่า
“ครั้งนี้ข้าออกไปพร้อมกับปีกทองและไผ่ขมเพื่อค้นหาซากปรักหักพัง ข้าขุดเจอวัตถุโบราณบางอย่างมาได้ แต่ไม่รู้ว่ามันมีเบื้องหลังอย่างไร ดังนั้นข้าจึงคิดจะถือโอกาสนี้สอบถามกับพวกเจ้าทุกคน?”
พูดจบเขาก็ส่งสัญญาณ หลังจากนั้นอสูรรับใช้ของพวกเขาก็หอบหิ้วสมบัติผุพังมากมายเข้ามาวางบนโต๊ะกลางห้องโถง
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นของที่ไม่สมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นตะเกียงทองแดง เศษน้ำเต้าแตก นอกจากนี้ยังมีหม้อทองแดงขึ้นสนิมอีกด้วย... วัตถุจำนวนมากไม่มีแม้แต่ชิ้นเดียวที่สามารถใช้งานได้
ผู้คนมากมายต่างก็รวมตัวกันเข้ามามุงดูด้วยความสนใจ
“ของพวกนี้น่าจะเป็นคลังสมบัติของสำนักโบราณสักแห่ง น่าเสียดายที่มันผ่านมานานเกินไปสมบัติพวกนี้จึงผุพังไปหมดแล้ว”
“มีบางอย่างผิดปกติ วัตถุเหล่านี้มีน้ำหนักมาก ดูนี่สิรอยประทับของอักขระเต๋าของพวกมันยังคงชัดเจนอยู่”
“มันจะเป็นวัตถุที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์โบราณทิ้งไว้ได้หรือไม่?”
เอี๋ยนหรูหยูและซิงยี่ก็ก้าวไปข้างหน้าเช่นกัน ทุกคนกำลังเฝ้าดูสมบัติผุพังด้วยความสนใจ แต่สุดท้ายพวกเขาก็ไม่สามารถค้นหาความลับของมันได้
“สิ่งเหล่านี้มาจากไหน” ซิงยี่ถาม
"มันถูกพบในแคว้นซ่ง" หงส์ขาวตอบ
“เป็นมันจริงๆ!”
สุนัขสีดำตัวใหญ่สูดหายใจเข้าแรงๆและดวงตาของมันก็สว่างขึ้นเล็กน้อย
หงส์ขาวถามเย่ฟ่านในเรื่องนี้แต่สุดท้ายเย่ฟ่านก็ไม่ได้ให้ข้อมูลใดๆ
ในช่วงหนึ่งของการชุมนุม หงส์ขาวที่สวมชุดสีขาวราวกับหิมะก็หันไปยิ้มให้กับเอี๋ยนหรูหยูที่ใจกลางห้องโถงใหญ่และถามว่า
“องค์หญิงท่านช่วยเล่าบางอย่างเกี่ยวกับอดีตของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ให้ฟังหน่อยได้ไหม ในตอนนั้นท่านอยู่ในอาณาจักรบ่มเพาะเช่นไร นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนต่างก็สงสัยมานาน?”
เอี๋ยนหรูหยูกวาดสายตาไปยังทุกคนที่จับจ้องมายังนางอย่างจริงจัง ฟันขาวของนางเป็นประกาย ริมฝีปากสีแดงเปิดขึ้นเล็กน้อยก่อนจะกล่าวว่า
"หลังจากที่บรรพบุรุษกลายเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ ไม่มีใครสามารถมองดูอาณาจักรของเขาได้ แม้แต่คนที่ใกล้ชิดกับเขามากที่สุดก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่ในอาณาจักรใดกันแน่"
ทุกคนสูดลมหายใจเข้าไปอย่างหนาวเหน็บ แม้แต่ผู้ที่ใกล้ชิดที่สุดก็ยังไม่รู้ว่าเขาแข็งแกร่งแค่ไหน
เรื่องนี้ไม่มีผู้ใดสงสัยในคำพูดของนาง เพราะยิ่งอาณาจักรบ่มเพาะสูงส่งก็ยากที่คนระดับล่างจะทำความเข้าใจได้
เด็กหนุ่มชื่อหมิงหยูสวมชุดคลุมสีทองถามว่า
“จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่เมื่อตอนที่ยังเด็กนั้นแข็งแกร่งเพียงใด”
“บรรพบุรุษล่วงลับไปนานแล้ว หลายสิ่งหลายอย่างพร่ามัว”
เอี๋ยนหรูหยูถอนหายใจเบาๆ หลังจากที่คิดอยู่เล็กน้อยนางก็กล่าวเพิ่มเติมว่า
"ในตอนที่บรรพบุรุษเริ่มมีชื่อเสียงก็ไม่มีคนรุ่นเดียวกันที่สามารถต่อสู้กับเขาได้ หลังจากนั้นไม่กี่ปีเขาเริ่มสร้างญาณวิเศษศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงบางอย่างขึ้น”
ชายหนุ่มชุดเขียวอยู่ไม่ไกล ผู้คนเรียกเขาว่าไผ่ขมก็ลุกขึ้นยืนและกล่าวว่า
“ข้าได้ยินมาว่าจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ได้ครอบครองสมบัติโบราณมากมาย ญาณวิเศษที่ถูกสร้างขึ้นก็เป็นการอนุมานจากความสามารถของสมบัติโบราณพวกนั้น เรื่องนี้จริงหรือไม่?”
เอี๋ยนหรูหยูยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า
"ใช่ ญาณวิเศษอันยิ่งใหญ่ที่บรรพบุรุษสร้างขึ้นส่วนมากมาจากวิธีการนี้"
"น่าเสียดายที่ของวิเศษหลายอย่างหายไปตามกาลเวลาแล้ว" ผู้บ่มเพาะเผ่าพันธุ์อสูรหลายคนถอนหายใจ
งานเลี้ยงดำเนินไปจนดึกดื่น หลายคนเมาแล้ว แม้แต่จินเอี๋ยนที่มีอายุน้อยที่สุดก็ยังเมามายแทบจะไม่ได้สติจนสาวใช้ของนางต้องประคองกลับไปนอน
"องค์หญิงพวกเราอยู่ที่นี่มานานแล้วเห็นทีพรุ่งนี้คงต้องจากลา”
ตามจริงแผนเดิมคือออกเดินทางวันมะรืนนี้ แต่ตู้เฟยก็รู้สึกว่าหากเย่ฟ่านอยู่ที่นี่เพิ่มขึ้นหนึ่งวันก็จะได้รับอันตรายมากขึ้นหนึ่งส่วน ดังนั้นพวกเขาจึงบอกลาตั้งแต่เนิ่นๆ
"ครั้งนี้ข้าสร้างปัญหาให้เจ้า” เย่ฟ่านพยักหน้าด้วยความซาบซึ้ง
ในท้ายที่สุดทุกคนก็แยกย้ายกันจากไป