ตอนที่แล้วบทที่ 543 ปล่อยวาง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 545 สิบวัน

บทที่ 544 ทำไม?(ตอนฟรี)


กำลังโหลดไฟล์

บทที่ 544 ทำไม?

หลายวันต่อจากนั้น จี้เฟิงจะขับรถไปที่บ้านตระกูลเซียวทุกวัน ไม่ว่าสภาพอากาศจะเป็นอย่างไร เขาก็ไม่หยุดพัก อย่างไรก็ตามทุกคนในบ้านไม่เห็นรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเขาเลย นอกเสียจากว่าบางวันเขาได้เจอกับเซียวหยวนฮุยและได้พูดคุยกัน เขาถึงจะยิ้มออกมาบ้างเป็นครั้งคราว

นี่ทำให้เซียวกั๋วเหลียงและคนอื่นๆอิจฉามาก ทั้งอิจฉาและหมั่นไส้ ทำไมลูกชายของน้องรองถึงได้โชคดีขนาดนี้? ทำไมจี้เฟิงกับเซียวซูเหม่ยถึงปฏิบัติกับพวกเขาต่างกัน? สองคนนั้นมองไม่ออกหรือไงว่าเซียวกั๋วชิ่งใช้ลูกชายมาพูดจาประจบสอพลอตามตูดจี้เฟิงทั้งวัน ทำตัวราวกับเป็นพี่น้องท้องเดียวกัน!

ส่วนเซียวซูเพ่ยก็แอบบ่นอยู่ในใจหลายต่อหลายครั้ง ทำไมพวกเขาถึงได้ดิบได้ดีกันขนาดนี้นะ? เธอเป็นผู้หญิงที่ใจง่ายได้กับผู้ชายก่อนที่จะแต่งงานไม่ใช่เหรอ? คลอดลูกออกมาทั้งๆที่ไม่มีคนเซ็นรับเป็นพ่อให้ด้วยซ้ำ! ชื่อเสียงของเธอแย่มากขนาดนี้ ทำไมเธอถึงได้อยู่ดีกินดีนัก?

เมื่อมองดูเซียวซูเหม่ยที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าหรูหรา แม้แต่จะยกถ้วยชาก็มีคนคอยช่วยประคอง อีกนิดก็แทบจะป้อนให้กินแล้ว ลักษณะท่าทางเหล่านี้เป็นบุคลิกของพวกคนใหญ่คนโตของจริง มันทำให้เซียวซูเพ่ยทั้งเกลียดทั้งอิจฉา!

เซียวซูเพ่ยทำธุรกิจเล็กๆน้อยๆด้วยตัวเอง เวลาเธอเรียกใช้คนในโรงงานเธอไม่ต้องมีเหตุผลด้วยซ้ำ ก็ใครใช้ให้เธอเป็นเจ้านายล่ะ?

แต่เธอก็รู้ดีว่าคนที่เธอเรียกใช้แต่ละคนต่างก็รู้สึกไม่พอใจเธอ บางคนถึงกับเรียกเธอลับหลังว่าเป็นไก่แก่แม่ปลาช่อน บ้างก็ด่าว่าแม่มดเฒ่า แต่แล้วยังไงล่ะ? คนพวกนั้นจะกล้าโกรธหรือพูดคำพวกนี้ต่อหน้าเธองั้นหรือ?

ด้วยเหตุนี้ เซียวซูเพ่ยจึงรู้สึกภูมิใจมาโดยตลอด ลองคิดดูสิว่าเธอมีวุฒิการศึกษาแค่ระดับไหน? เธอเรียนจบแค่ชั้นมัธยมต้นเท่านั้นเอง แค่อ่านออกเขียนได้ก็พอแล้ว ส่วนเรื่องความรู้ที่สูงกว่านั้นเธอไม่สนใจหรอก แต่ดูสิว่าคนที่อยู่ภายใต้การดูแลของเธอเป็นใครกัน?

มีตั้งแต่คนที่จบชั้นมัธยมปลายไปจนถึงมหาวิทยาลัย!

เกือบทุกคนมีการศึกษาที่สูงกว่าเธอทั้งนั้น แต่ต้องเชื่อฟังคำสั่งของเธอ!

อันที่จริง เซียวซูเพ่ยรู้สึกอิ่มเอมใจกับเรื่องพวกนี้มาโดยตลอด คิดดูสิว่าจ่ายเงินเดือนให้คนที่จบม.ปลายและจบมหาวิทยาลัยเพียงไม่กี่พันหยวนต่อเดือนมาทำงานให้ แถมยังได้สั่งงานคนพวกนี้โดยที่ไม่มีใครกล้ามีปากมีเสียงเลยซักคน

แต่เมื่อเซียวซูเพ่ยเห็นความโอ่อ่าของเซียวซูเหม่ย เธอก็ไม่มีความสุขอีกต่อไป กลับแทนที่ด้วยความรู้สึกอิจฉาริษยาในหัวใจของเธอแทน

เมื่อมองไปที่หญิงสาวที่อยู่ข้างๆเซียวซูเหม่ย เธอทั้งสาวทั้งสวย การเคลื่อนไหวกระฉับกระเฉงและมีสายตาที่ว่องไวมาก ตราบใดที่เซียวซูเหม่ยแค่ขยับตัวเพียงเล็กน้อย เธอก็รู้ทันทีว่าเซียวซูเหม่ยต้องการอะไร และเธอต้องทำยังไง เธอรู้จนถึงขนาดเตรียมสิ่งที่เซียวซูเหม่ยต้องการไว้ล่วงหน้าได้เลย!

อย่างเช่นตอนนี้ เซียวซูเหม่ยกินผลไม้ไปลูกหนึ่ง และกำลังจะหาอะไรมาเช็ดปาก เด็กสาวคนนั้นก็ยื่นกระดาษทิชชูสีขาวมาให้ก่อนแล้ว แถมยังปฏิบัติด้วยสีหน้าเคารพนบนอบอย่างที่สุด!

เซียวซูเพ่ยยิ่งอิจฉามากขึ้น นี่มันอะไรกัน? เป็นนางพญาหรือยังไง?

เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเธอต่างหากที่ทำตัวเหมือนนางพญา ทั้งๆที่แท้จริงแล้วเธอไม่ได้มีสง่าราศีอะไรขนาดนั้นเลย และเหตุผลที่เสี่ยวอิงรับใช้เซียวซูเหม่ยแบบนี้ไม่ใช่เพราะเซียวซูเหม่ยทำตัวเป็นนางพญา แต่เนื่องจากเซียวซูเหม่ยเป็นคนสำคัญ เวลาที่จะต้องออกไปต่างถิ่น ความปลอดภัยจึงมาเป็นอันดับแรกเสมอ ดังนั้นไม่ว่าจะเสื้อผ้า อาหารหรือที่พัก เสี่ยวอิงต้องลงมือด้วยตัวเองทั้งหมด นี่เป็นหน้าที่ของเธอ

แต่ในขณะเดียวกัน เซียวซูเหม่ยไม่เคยมองว่าเสี่ยวอิงเป็นคนรับใช้เลย แต่รักและเอ็นดูเสี่ยวอิงเหมือนลูกสาวคนหนึ่ง เสี่ยวอิงไม่ใช่คนโง่ เธอย่อมสัมผัสได้เองกับสิ่งที่เซียวซูเหม่ยรู้สึกกับเธอ และนั่นจึงทำให้เธอยิ่งเต็มใจและตั้งใจในการปฏิบัติหน้าที่มากขึ้นไปอีก

ส่วนเซียวซูเพ่ยปฏิบัติต่อลูกน้องของเธอไม่ต่างจากทาส แล้วจะให้คนพวกนั้นรับใช้เธอด้วยความจริงใจก็คงจะแปลกแล้ว!

แต่ตัวเธอเองกลับไม่รู้เรื่องพวกนี้เลยแม้แต่น้อย อันที่จริงต่อให้รู้ เธอก็คงไม่รู้สึกผิดอะไร เจ้านายปฏิบัติต่อลูกน้องก็ควรจะปฏิบัติอย่างเข้มงวดก็ถูกต้องแล้วไม่ใช่หรือ? คนที่อยู่ต่างสถานะกันก็ควรปฏิบัติตัวให้สมกับสถานะ! นี่คือหลักการความคิดของเธอ

แต่ในเมื่อเธอรู้แล้วว่าเซียวซูเหม่ยไม่ใช่เซียวซูเหม่ยเมื่อในอดีตอีกแล้ว เธอจึงไม่กล้าพูดอะไรมาก ในใจแม้จะรู้สึกอิจฉาแต่ก็ทำได้แค่เพียงฝืนใจพูดคำชมเชยออกไป

“ซูเหม่ย ผู้ช่วยของเธอนี่สุดยอดเลยนะ ดูสิ ลักษณะท่าทางไหวพริบดีจริงเชียว ผู้ช่วยแบบนี้หาได้ยากมากเลยนะ มีเพียงคนบุญหนาอย่างเธอเท่านั้นที่จะหาคนแบบนี้มาคอยดูแลได้!” เซียวซูเพ่ยหัวเราะคิกคัก ทั้งคำพูดและเสียงหัวเราะช่างรัวและเร็วเหมือนกับปืนกลจริงๆ

เซียวซูเหม่ยยิ้มตอบและกล่าวว่า “ฉันมองเสี่ยวอิงเหมือนลูกสาวคนนึงมาตลอด”

“โอ๊ย ซูเหม่ย ถ้าเธอพูดขนาดนี้ ฉันว่าเธอรับเสี่ยวอิงเป็นบุตรบุญธรรมเถอะ การมีลูกสาวบุญธรรมที่เฉลียวฉลาดแบบนี้ฉันหาข้อเสียไม่เจอเลยจริงๆ!” เซียวซูเพ่ยหัวเราะคิกคัก

“ใช่แล้วซูเหม่ย เด็กเสี่ยวอิงคนนี้หน่วยก้านไม่เลวเลย ฉันว่าใช้ได้!” ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆเซียวซูเพ่ยก็พูดขึ้นมาเช่นกัน

เสี่ยวอิงชำเลืองมองเขาอย่างเย็นชาและกล่าวเสียงแข็งว่า “อวดดี! คุณเป็นใครถึงกล้ามาเรียกชื่อนายหญิงห้วนๆแบบนี้?!”

ผู้ชายคนนี้เป็นเพียงแค่แมงดาที่เซียวซูเพ่ยเลี้ยงต้อยไว้เท่านั้น ที่สำคัญพวกเขาสองคนยังไม่ได้แต่งงานกัน อาศัยสถานะคู่รักของเซียวซูเพ่ยกล้าเรียกชื่อนายหญิงตรงๆ คิดว่าตัวเองเป็นพี่เขยจริงๆงั้นหรือ?

เสี่ยวอิงจดจำคำพูดของจี้เฟิงที่เคยเตือนเธอไว้ได้ ไม่ว่าใครที่มันกล้าล้ำเส้นนายหญิง เธอไม่จำเป็นต้องไว้หน้า!

ชายหนุ่มคนนั้นหายใจไม่ออกทันที เขาหัวเราะด้วยใบหน้าเจื่อนๆและไม่กล้าพูดอะไรเหลวไหลอีก

เซียวซูเพ่ยถลึงตาใส่เขา จากนั้นก็หันหน้ามายิ้ม “ซูเหม่ย ถึงตอนนี้พวกเราจะรู้แล้วว่าเธอได้ดิบได้ดีขึ้นมาก แต่ก็ยังไม่รู้เลยว่าเธอทำงานทำการอะไรอยู่กันแน่?”

เซียวกั๋วเหลียง เซียวกั๋วเฉียงและคนอื่นๆที่นั่งอยู่ใกล้ๆต่างก็หันมองเซียวซูเหม่ยอย่างอดไม่ได้เช่นกัน พวกเขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าน้องสาวที่หนีออกจากบ้านไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน ตอนนี้ทำอะไรอยู่ข้างนอกถึงได้พัฒนาขึ้นมากขนาดนี้?

น่าแปลกที่วันนี้เซียวกั๋วเฉียงไม่ได้ดื่มเหล้า และไม่มีใครกล้าสูบบุหรี่ในห้องเลย เห็นได้ชัดว่าออร่าของเซียวซูเหม่ยส่งผลได้ดีจริงๆ

เซียวซูเหม่ยส่ายหน้ายิ้มๆ “ที่จริงตัวฉันเองไม่ได้ทำอะไรที่สำคัญ เพราะคนที่ยุ่งๆจะเป็นเสี่ยวเฟิงกับพ่อของเขา ปกติฉันก็อยู่แต่บ้าน บางครั้งก็เล่นไพ่กับคนอื่นๆ ไม่ได้ทำงานทำการอะไรจริงจังหรอก!”

“พ่อของเสี่ยวเฟิง?”

เซียวกั๋วชิ่งตะลึงงันไปชั่วขณะ ก่อนจะเอ่ยอย่างดีใจว่า “อะไรกันซูเหม่ย! ตอนนี้เธอกับพ่อของเสี่ยวเฟิงอยู่ด้วยกันแล้วเหรอ? ดีจังเลย!”

“ถ้าอย่างนั้น... พ่อของเสี่ยวเฟิงต้องเก่งมากแน่ๆเลยใช่มั้ย?” เซียวซูเพ่ยรีบถามทันที “ซูเหม่ย อย่าหาว่าพี่สาวอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ ทำไมตอนนั้นพวกเธอถึงได้แยกทางกันล่ะ? ที่จริงแล้วพ่อของเสี่ยวเฟิงนี่ก็จริงๆเล้ย ถ้าตอนนั้นเขาปฏิบัติต่อเธอดีๆหน่อย เธอกับลูกก็คงไม่ต้องพบเจอกับความทุกข์ทรมานทั้งกายทั้งใจแบบนั้น!”

ดูจากท่าทางเศร้าสร้อยของเซียวซูเพ่ยแล้ว หากเป็นคนที่ไม่รู้นิสัยของเธอจริงๆ คงคิดว่าเธอกำลังบ่นให้เซียวซูเหม่ยด้วยความจริงใจ

ใบหน้าของเสี่ยวอิงเปลี่ยนเป็นเย็นชา ผู้หญิงคนนี้จะพูดอะไรเธอไม่อยากใส่ใจ แต่กลับนินทาหัวหน้าใหญ่ต่อหน้าเธอ!

เซียวซูเหม่ยส่ายหน้าเล็กน้อย “มันไม่ใช่แบบนั้นซะทีเดียวหรอก เพียงแต่ตอนนั้นมีความเข้าใจผิดกันอยู่บ้าง... เฮ้อ ช่างมันเถอะ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว เรื่องมันผ่านไปนานแล้ว อีกเดี๋ยวเสี่ยวเฟิงก็น่าจะออกมาแล้วล่ะ!”

ตรงนี้คือห้องตะวันตกของบ้านตระกูลเซียว และก็เหมือนกับวันก่อนๆ จี้เฟิงไปที่ห้องหลักทุกวันเพื่อรักษาชายชรา ส่วนเซียวซูเหม่ยกับเสี่ยวอิงจะนั่งรออยู่ที่ห้องตะวันตก ส่วนเซียวกั๋วเหลียงและคนอื่นๆย่อมไม่กล้านิ่งเฉย ใครจะกล้าแสดงความเห็นแก่ตัวในช่วงเวลาแบบนี้ จึงมารวมตัวกันอยู่เป็นเพื่อนเซียวซูเหม่ยทุกวัน ไม่ว่าเซียวซูเหม่ยจะว่าอย่างไร พวกเขาก็ยืนยันจะอยู่ที่นี่เป็นเพื่อน

ตอนนี้จี้เฟิงได้เข้าไปที่ห้องหลักมานานกว่าสองชั่วโมงแล้ว และจากการรักษาในหลายวันที่ผ่านมา ตอนนี้ก็น่าจะได้เวลาออกมาแล้ว

ตามที่คาดไว้ เมื่อเซียวซูเหม่ยพูดจบ ประตูห้องตะวันตกก็ถูกเปิดออก จี้เฟิงที่สวมเสื้อโค้ทยาวเดินเข้ามา

เซียวกั๋วเหลียงและคนอื่นๆรีบลุกขึ้นยืน กลิ่นอายของจี้เฟิงนั้นกดดันมาก กดดันเสียจนพวกเขาไม่สามารถนั่งนิ่งๆได้

“แม่ ไปกันเถอะ!” จี้เฟิงพูดสั้นๆ

เซียวซูเหม่ยพยักหน้าเล็กน้อย ตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อไม่กี่วันก่อน เธอก็ไม่มีความหวังใดๆต่อตระกูลเซียวอีก การมาที่นี่ก็เพียงเพราะอยากรับรู้อาการป่วยของพ่อและมาพบกับแม่ของเธอเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นๆเธอก็ไม่สนใจอีกต่อไป

“จริงสิ...”

จู่ๆจี้เฟิงที่กำลังจะเดินกลับไปก็หันกลับมา “ฉันช่วยถามเรื่องงานให้คุณแล้วนะ คุณทำงานเป็นช่างปูนใช่มั้ย? ตอนนี้บริษัทรับเหมาก่อสร้างในอำเภอยังขาดหัวหน้างานอยู่ ถ้าอยากได้งานนี้ก็เข้าเมืองไปกับฉันตอนนี้เลย แล้วไปถึงฉันจะจัดการที่เหลือให้เอง... แน่นอนว่าตำแหน่งนี้ไม่ใช่ตำแหน่งที่สูงมาก มีลูกน้องในทีมแค่ 20 คนเท่านั้น แต่เนื่องจากเขาทำงานเพื่อสาธารณประโยชน์ งานจึงอาจจะน้อยหน่อย แต่ถึงแม้ว่าในหนึ่งปีไม่ว่างานจะมากหรือน้อย แต่รายได้ก็ประมาณสองถึงสามหมื่นหยวน และถ้าหากในปีนั้นมีงาน ส่วนใหญ่แล้วรายได้ก็จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า!”

โอ้วว~

ดวงตาของเซียวกั๋วชิ่งเป็นประกายทันที “จริงเหรอ?!”

“ฉันไม่จำเป็นต้องโกหกคุณ! ส่วนเรื่องงานของภรรยาคุณ เนื่องจากข้อจำกัดหลายๆอย่างของตัวเธอเอง แม้ว่าจะมีหลายตำแหน่งที่เหมาะสม แต่มันก็ไม่ใช่ตำแหน่งที่สูงเกินไป ถ้าพวกคุณไปถึงแล้วก็ไปเลือกด้วยตัวเองน่าจะดีกว่า!”

“นี่... นี่...” เซียวกั๋วชิ่งตื่นเต้นจนแทบจะพูดไม่ออก แต่พูดก็พูดเถอะ เมื่อก่อนแม้ว่าเขาจะออกไปกับทีมก่อสร้างได้ตามปกติ แต่พอครบปีหากเหลือถึงสองสามหมื่นหยวนก็ถือว่าไม่เลวแล้ว แต่ตอนนี้งานที่จี้เฟิงมอบหมายให้ ต่อให้ไม่ได้ทำงานอะไร ก็ยังได้รับเงินมากมายขนาดนี้ นี่มัน...

ไหนจะงานของภรรยาที่สามารถเลือกได้อีก ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาไม่กล้าแม้แต่จะคิดเรื่องพวกนี้เลยด้วยซ้ำ!

จี้เฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น “และเนื่องจากพวกคุณยังไม่ได้ย้ายไปที่นั่น พวกรายละเอียดในการลงทะเบียนเรียนของลูกสาวคุณจึงยังเป็นของบ้านที่นี่อยู่ แต่คุณไม่ต้องห่วง การเตรียมการทุกอย่างจะถูกจัดการไว้เรียบร้อยก่อนที่ฉันจะออกจากหมางซือ”

“โอ้ เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว!” เซียวกั๋วชิ่งพยักหน้าหงึกหงัก “สำหรับเรื่องนี้... ลุงเอ่อ.. ฉันต้องขอบคุณมากจริงๆ!”

“มันควรจะต้องเป็นแบบนี้ เพราะตอนนั้นคุณไม่ได้ทำตัวแย่กับฉันและแม่!” จี้เฟิงหันไปหาแม่ของเขาและพูดว่า “แม่ ถึงเวลาแล้ว!”

เซียวซูเหม่ยพยักหน้าเล็กน้อย เธอยิ้มและกล่าวว่า “พี่รอง รีบไปเตรียมตัวเร็วๆเข้าเถอะ อย่าลืมเอาบัตรประชาชนไปด้วยนะ เผื่อไว้ก่อน ไม่แน่ว่าอาจจะต้องใช้!”

“โอ๊ย โอเคๆ!” เซียวกั๋วชิ่งรีบร้อนกลับเข้าไปในบ้านเพื่อเก็บข้าวของส่วนตัวและไม่ลืมที่จะหยิบบัตรประชาชนมาด้วย รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาฉีกกว้างเสียจนไม่สามารถปิดบังได้

ส่วนเซียวกั๋วเหลียงและคนอื่นๆ ได้แต่ยืนตกตะลึงและรู้สึกแปลกใหม่กับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า ใครจะคิดว่าแค่คำพูดง่ายๆของจี้เฟิงก็สามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตของเซียวกั๋วชิ่งได้ นี่มัน....

“เสี่ยว... เสี่ยวเฟิง หลานมีความสัมพันธ์อันดีกับคนในสำนักงานเขตงั้นเหรอ?” ดวงตาของเซียวซูเพ่ยกลอกไปมา เมื่อเห็นจี้เฟิงกับเซียวซูเหม่ยกำลังจะจากไป เธอจึงได้แต่กัดฟันพูด “พอจะช่วยป้าได้มั้ย?”

จี้เฟิงเหลือบมองเธออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะแสยะยิ้ม “ทำไมต้องช่วย?”

…จบบทที่ 544~❤️

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด