ตอนที่ 229+230 ไม่มีข้อโต้แย้ง
ตอนที่ 229 ไม่มีข้อโต้แย้ง
คุณเฟิงยังกังวลว่าคุณฉินอาจจะไม่สามารถเก็บหุ้นของเขาได้ เมื่อเขาก้าวออกจากห้องประชุมในวันนี้
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เป็นเจ้าของหุ้นของโรงพยาบาลมากนัก แต่โรงพยาบาลก็เป็นทรัพย์สินที่มีค่าที่สามารถสร้างรายได้มหาศาล คนเราสามารถลดต้นทุนด้านอาหารหรือเครื่องนุ่งห่มได้ แต่หากพวกเขาป่วย จะสามารถลดค่ารักษาพยาบาลลงได้อย่างไร?
ภายใต้การบริหารก่อนหน้านี้ของโรงพยาบาลโดยประธานฉี อัตราเงินปันผลตอบแทนสำหรับผู้ถือหุ้นสูงมากในทุก ๆ ปี
คุณเฟิงคิดกับตัวเองว่า ใครก็ตามที่ฉลาดพอย่อมมีความเข้าใจที่จะเก็บหุ้นของพวกเขาไว้อย่างเหนียวแน่น
“ทั้งนี้ไม่มีใครคัดค้านแล้ว ฉันก็ขอปิดการประชุมผู้ถือหุ้นของเรา มีใครมีคำถามอะไรอีกไหมคะ?” เจียงเหยานั่งอยู่บนเก้าอี้และมองไปทางคุณเฉินอย่างเย็นชา มองดูเขาหยิบสิ่งของและรีบเดินออกจากห้องประชุมไป เจียงเหยารู้สึกว่าน่าเสียดายที่อู๋จงปล่อยให้เขามีแรงที่เดินอย่างมั่นคงออกไปได้
“ไม่มีครับ” ที่เหลือตอบพร้อมกัน “คุณเจียง คุณต้องรีบกลับไปที่มหาวิทยาลัยอีกหรือเปล่า ถ้าอย่างนั้นก็รีบกลับเถอะครับ อย่าให้เสียเวลาเรียนเลย”
พวกเขาเริ่มหวังว่าปีศาจเจียงเหยา จะจากไปโดยเร็ว
พวกเขาต้องการออกจากห้องประชุมโดยเร็วที่สุดและอยู่ให้ห่างจากเจียงเหยา พวกเขากลัวว่าหากพวกเขาออกไปก่อนเธอ เธออาจจะหยุดพวกเขาด้วยคำสั่งของเธออีกครั้ง
เจียงเหยายกคางขึ้นเล็กน้อยและมุมริมฝีปากของเธอก็โค้งขึ้น เธอพยักหน้า และออกจากห้องประชุมทันที โดยมีอู๋จงและเฉินจื่อบิ่นเดินตามออกไป
ขณะที่พวกเขากำลังรอลิฟต์ เจียงเหยาถามอู๋จงเกี่ยวกับสภาพร่างกายของอีกฝ่าย เธอกังวลว่าสิ่งที่เธอขอให้เขาทำเมื่อสักครู่จะส่งผลต่อขาของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ อย่างไรก็ตามคุณฉินก็ตีเขากลับเช่นกัน ไม่ใช่เพียงเปล่าให้อู๋จงทุบตีเขาอย่างโง่เขลา เขาใช้กำลังทั้งหมดเพื่อป้องกันตัวเองและต่อสู้กลับ แต่เขาอ่อนแอเกินไปและไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอู๋จง ในที่สุดเลยกลายเป็นถูกอู๋จงกระทำเพียงฝ่ายเดียว – คือการถูกอู๋จงชกจนนอนลงไปกองอยู่บนพื้น
“สบายมากครับ คุณเจียง จริง ๆ แล้วร่างกายผมยังใช้การได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ ผมไม่ค่อยละเลยจากการฝึกตลอดหลายปีที่ผ่านมาและแทบไม่เคยป่วยเลยด้วยซ้ำ” อู๋จงมีช่วงเวลาที่ดีในตอนนี้ เขาสังเกตเห็นว่าไม่มีวี่แววว่าเจียงเหยาจะกังวลเลย เขาจึงไม่กังวลกับผลที่อาจจะเกิดขึ้น
“จากนี้ไป พี่จงเรียกฉันด้วยชื่อของฉันเถอะค่ะ เจียงเหยา ถ้าไม่มีใครอยู่ใกล้ ๆ พี่เรียกฉันว่าน้องสะใภ้เป็นการส่วนตัวก็ได้ค่ะ ไม่จำเป็นต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้ ก็แค่การแสดงต่อหน้าคนนอกไม่ใช่เพื่อตัวเราเองเสียหน่อย” เจียงเหยายิ้ม “พรุ่งนี้พี่จะได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าผู้ดูแลความปลอดภัย พี่ไม่ต้องเข้ากะเหมือนคนอื่น การทำงานเวียนเป็นกะหรือกะกลางคืน จะส่งผลต่อร้ายต่อสุขภาพของพี่ พี่เป็นสหายของชิงสี และเป็นพี่ชายของเขาด้วย หลังจากได้เห็นความสามารถของพี่แล้ว ฉันก็วางใจที่จะมอบตำแหน่งนี้ให้พี่ค่ะ”
เจียงเหยามีรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้าของเมื่อเธอพูด อย่างไรก็ตามมันก็เพียงพอแล้วที่จะบรรเทาหัวใจของผู้คนและดูจริงใจ
รอยยิ้มของเธอทำให้อู๋จงรู้สึกถึงความจริงใจของหญิงสาว เขายอมรับข้อเสนอโดยไม่ลังเลใด ๆ เขาสาบานกับตัวเองว่าเขาจะตอบแทนความไว้วางใจและความเคารพที่เจียงเหยาและลู่ชิงสีมอบให้กับเขาด้วยทุกอย่างที่เขามี
เซียวฟางได้รับคำสั่งโดยตรงจากผู้อำนวยการ ดังนั้นเขาจึงรอเจียงเหยาที่ทางเข้าหลักของโรงพยาบาล เมื่อเจียงเหยาเดินออกมา เขาก็เปิดประตูรถทันทีและรอให้เธอเข้าไปในรถ
“ฉันขอตัวไปก่อนนะคะ พี่ทั้งสองกลับกันได้แล้วค่ะ” เจียงเหยาโบกมือให้ทั้งสองคน กล่าวคำอำลาก่อนที่เธอจะขึ้นรถ
“คุณเจียง จะกลับมหาวิทยาลัยแพทย์หนานเจียงเลยหรือเปล่าครับ” เซียวฟางถาม
เมื่อเจียงเหยากำลังจะตอบว่า ‘ใช่’ มัวก็กระโดดออกมาจากกระเป๋าของเธออย่างกะทันหันและยืนบนเข่าของเธอ มันส่ายหน้าเพื่อที่จะฟูขนที่แบนราบของมันและพูดว่า “ไหน ๆ ก็ออกมาแล้ว ไปช้อปปิ้งกันก่อน แล้วค่อยกลับบ้าน ช้อปปิ้ง ช้อปปิ้ง!”
เจียงเหยาพูดไม่ออก งานอดิเรกของมัวอาจทำให้เธอพูดไม่ออก
มัวตื่นเต้นมากราวกับว่ามันถูกคุมขังมานานหลายทศวรรษและในที่สุดก็ได้รับการปล่อยตัว
__
ตอนที่ 230 ต้องการสิ่งนั้น
“จอดข้างหน้าค่ะ” เจียงเหยาชี้ไปที่สี่แยกข้างหน้าและพูดกับเซียวฟาง เมื่อพวกเขามาถึงสี่แยก เจียงเหยาลงจากรถพร้อมกับอุ้มมัวไว้ที่อ้อมแขน
มัวดูคล้ายกับลูกแมวสีขาวที่ยังไม่โตเต็มวัย ดังนั้นจะไม่แปลกที่เธอจะอุ้มมันไว้ในอ้อมแขนขณะเดินเที่ยวไปตามท้องถนน ในทางกลับกัน มันดึงดูดความสนใจจากเด็ก ๆ มากมาย พวกเขาบอกว่ามันน่ารัก และนั้นทำให้มัวรู้สึกเบิกบานใจกับคำชมของพวกเขา
“อยากจะซื้ออะไรล่ะ” เจียงเหยายืนอยู่ที่สี่แยกโดยอุ้มมัวไว้ “บอกฉันสิ ฉันจะพาไปที่นั่น”
เจียงเหยาคิดและมองไปรอบ ๆ เธอถามว่า “อยากไปร้านขายของสัตว์เลี้ยงและซื้ออะไรหน่อยไหม ของกิน ของเล่น หรือของใช้”
“ไม่ ฉันไม่สนใจของพวกนั้นในร้านขายของสัตว์เลี้ยงหรอกนะ” สิ่งเดียวที่พบในร้านขายของสัตว์เลี้ยงที่สามารถตอบสนองมัวได้น่าจะเป็นเตียงที่มันนอน
หลังจากปฏิเสธที่จะไปร้านขายของสัตว์เลี้ยง มันก็มองไปรอบ ๆ ด้วยดวงตาเป็นประกาย จากนั้นมันก็สุ่มชี้ไปที่ใดที่หนึ่งให้เจียงเหยาเดินไป ดูจากใบหน้าของมัน เห็นได้ชัดว่าคุ้นเคยกับบริเวณนั้นมากกว่าเจียงเหยาเสียอีก
เมื่อไหร่ก็ตามที่มันหายไปในตอนกลางวัน มันต้องเดินเตร่ไปตามถนนในเมืองหนานเจียงเป็นแน่
ถนนเส้นนี้ไม่ใช่ถนนที่มีคนพลุกพล่านที่สุดในเมืองหนานเจียง ในชั่วโมงนี้น่าจะเป็นช่วงเวลาที่พลุกพล่านที่สุดในเอง ทว่าถนนดูเหมือนจะเงียบกว่าปกติ
ถนนทั้งสายไม่ค่อยสะอาดและกว้าง หลังจากที่เจียงเหยาเดินเข้าไปในถนนแล้ว เธอก็รู้ว่านี่เป็นถนนอัญมณีที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองหนานเจียง
บนถนนไม่มีร้านอาหารหรือร้านบูติกใด ๆ ให้เห็น มีเพียงร้านขายเครื่องประดับและของเก่าอยู่รอบ ๆ
“เจียงเหยา! เจียงเหยา! ฉันอยากได้อันนั้น!”
มัวเห็นอะไรบางอย่าง และจู่ ๆ ก็พุ่งออกจากแขนของเจียงเหยาด้วยความตื่นเต้น ก่อนที่เจียงเหยาจะตอบสนอง มันก็กระโดดออกจากแขนของเธอ และร่อนลงบนพื้น จากนั้นก็พุ่งตรงไปที่ชั้นวางในร้านขายเครื่องประดับ
เจียงเหยาไม่สามารถโต้ตอบได้ทันเวลา เธอไล่ตามมัวหลังจากที่เห็นว่ามันหยุดลง เมื่อมัวสังเกตเห็นว่าเธอเพิ่งตามทัน มันก็มองมาที่เธออย่างรังเกียจ “ฉันคิดว่าความแข็งแกร่งทางกายภาพของเธอจะเพิ่มขึ้นแล้วเสียอีก ทำไมยังช้ายืดยาดอยู่ได้?”
เจียงเหยาอุ้มมัวขึ้นมาและโกรธจนอยากจะบีบคอมัว และม้วนมันจนกลมให้กลายเป็นลูกบอล
“นายรู้ไหมว่าอยู่ห่างจากฉันแค่ไหน อยู่ ๆ ก็กระโดดลงจากแขนทันที คิดว่าฉันเป็นเทพแห่งความเร็วหรือไง แค่คาดเดาว่านายจะไปที่ไหนก็เทพมากแล้ว!” เจียงเหยาบ่นก่อนที่จะถามว่า “เห็นอะไรกันแน่ ทำไมถึงได้ใจร้อนขนาดนี้?”
เมื่อได้ยินเจียงเหยาถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ มัวก็เอื้อมมือออกไปที่อุ้งเท้าที่นุ่มและอ้วน ชี้ไปที่แหวนเพชรที่ส่องประกายอยู่ใต้แสงไฟบนชั้นวาง ดวงตาของมันเปล่งประกาย “เพชรนั่นมันแวววาวระยิบระยับมาก! ดูนั่น!”
ดวงตาของเจียงเหยาจ้องมองไปที่แหวนเพชรและเธอก็มองเข้าไปใกล้ ๆ กับสิ่งที่มัวชี้ ดูเพียงแวบเดียว ก็ดึงดูดสายตาให้เธอหยุดนิ่ง
“หนึ่ง สิบ ร้อย พัน หมื่น...”
เจียงเหยาลากมัวออกไปอย่างเงียบ ๆ
“อย่าคิดเลย ฉันไม่มีเงินจ่ายหรอกนะ ฉันจะซื้อปลอกคอเพชรราคาหนึ่งหยวนที่ร้านขายสัตว์เลี้ยงให้นายก็แล้วกัน อีกอย่างนายไม่มีแม้แต่มือ ถ้าฉันซื้อให้ นายจะสวมมันยังไง”
“ฉันไม่สนใจของปลอมพวกนั้นหรอก ฉันอยากได้อันนั้น!” มัวกำลังจับกระเบื้องบนพื้นด้วยอุ้งเท้าทั้งสี่ของมัน มันไม่ต้องการที่จะยอมแพ้ “ถ้าฉันใส่ไม่ได้ ฉันจะเอามันประดับบนที่นอนของฉันก็ได้นี่ ตอนที่ฉันอยู่ในกาแล็กซีอนาคต ของเล่นของฉันเคยเป็นเพชรระยิบระยับแบบนี้ ฉันชอบของที่มันแวววาว!”
“หลอดไฟก็เปล่งประกายได้เหมือนกัน” เจียงเหยาคิดและต่อรองกับมันบ้าง “เอาเป็นว่าฉันจะซื้อหลอดไฟทั้งแถวให้นายเธอดีไหมล่ะ?” เจียงเหยารู้สึกว่าการจ่ายค่าไฟนั้นถูกกว่ามากเมื่อเทียบกับเพชร
นั่นเป็นแหวนเพชรที่มีมูลค่ามากกว่าหมื่นหยวน เธอจะสามารถซื้อมันได้อย่างไร?
มัวพยายามขายเจ้านายสุดที่รักอย่างนั้นเหรอ หือ?
“เธอไม่มีเงินเหรอ?” มัวไม่ได้ดิ้นรนอีกต่อไป มันเขย่าขนบนร่างกายและเริ่มตัดสินเจียงเหยาตั้งแต่หัวจรดเท้า “เธออาศัยอยู่ในคฤหาสน์ ฉันก็ไม่เคยได้ยินเธอบ่นเรื่องเงินไม่พอใช้ด้วย ฉันคิดว่าเธอมีเงินเยอะเสียอีก ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะเจอกับคนจนที่น่าสงสาร หลังจากค้นหามาเป็นเวลานาน! นี่ทำให้ฉันโกรธชะมัด”