ข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 19 แขกที่ไม่ได้รับเชิญ
ข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 19 แขกที่ไม่ได้รับเชิญ
ในตอนเช้า คงหนิงลุกขึ้นจากเตียงนอน ผ้าปูที่นอนสีแดงและหมอนหนุนพลันว่างเปล่าอีกครั้ง
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ก็เห็นหญิงสาวในชุดสีม่วงมาพร้อมกับถาดใส่โจ๊กข้าวฟ่างสองชามและผักดองอีกหนึ่งถ้วย
นี่คืออาหารเช้าของคู่แต่งงานใหม่คู่นี้
ซูหยานในชุดสีม่วงนั่งตรงข้ามกับคงหนิง กินโจ๊กกับผักดองท่ามกลางแสงสลัวยามเช้า ไม่ว่าจะมองอย่างไร พวกเขาก็ดูเป็นคู่รักคู่หนึ่งที่เคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกัน
แต่เมื่อคงหนิงกำลังเดินออกไป ปีศาจสาวที่ยืนพิงประตูอยู่ก็พูดขึ้นมา
“สามี คืนนี้ไม่น่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นที่ศาลาว่าการใช่หรือไม่? เราเป็นสามีภรรยาที่เพิ่งจะตบแต่งกัน ถ้าท่านอยู่ข้างนอกทุกวัน หยานเอ๋อจะต้องเหงามากแน่ๆ”
คงหนิงหยุดชะงักไปเล็กน้อย ขณะที่กำลังจะจากไปก็เปิดปากพูดโดยไม่ได้หันกลับมา “เข้าใจแล้ว”
คงหนิงนำม้าสีเหลืองพุทราออกจากลาน กล่าวทักทายพ่อแม่ที่กำลังเพลิดเพลินกับอากาศเย็นๆ ใต้ต้นฉัตรจีน จากนั้นก็ขี่ม้าสีเหลืองพุทราออกจากตรอกฮว๋ายชู่ไป
ยามเช้าตรู่ในเขตชานหลานนั้นเงียบสงบ ร้านค้าสองข้างทางเริ่มเปิดประตูออกมาแต่เช้า บางครั้งก็ได้ยินเสียงร้องของพ่อค้าหาบเร่ ร้านค้าบางแห่งก็ขายดิบขายดีจนของหมด กำลังจะเข็นเกวียนกลับจากตลาดตอนเช้า
ในเขตเมืองส่วนเล็กๆ ยามที่ดวงอาทิตย์ยังไม่ส่องแสงร้อนแรง เป็นช่วงเวลาที่คนพลุกพล่านที่สุดของวัน
ไม่กี่ชั่วโมงต่อจากนี้ไปจนถึงเวลาเที่ยง บนถนนจะไม่เหลือใคร แสงแดดแผดเผาจะไล่ทุกคนให้ไปหลบซ่อนตัว ทั่วทั้งเมืองจะไม่เหลือความคึกคักอีกจนกว่าจะถึงช่วงพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า
สำหรับคงหนิงและคนอื่นๆ งานประจำวันของพวกเขาในฐานะมือปราบนั้นโดยพื้นฐานแล้วก็คือการไปนั่งเพลิดเพลินเล่นไพ่อยู่ในศาลาว่าการ และออกไปลาดตระเวนตามท้องถนนบ้างเป็นบางครั้ง เพียงแต่ว่าในฤดูร้อนเช่นนี้ แม้จะเป็นมือปราบก็เลือกที่จะซ่อนตัวอยู่ในศาลาว่าการอย่างเกียจคร้าน ซึ่งเรื่องนี้ผู้ว่าการเขตก็ไม่ได้ว่าอะไร
ท้ายที่สุดเมืองเล็กๆ อย่างเขตชานหลานนั้นเงียบสงบ มีความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย ไม่มีเหตุฆาตกรรมใดๆ เกิดขึ้น มีเพียงคนหายตัวไปปีละสองสามคนเท่านั้น
ทุกคนเคยชินกับมัน ผู้คนต่างก็ใช้ชีวิตและทำงานอย่างสงบสุขและพึงพอใจอย่างยิ่ง ใครจะไปคิดว่าเมืองเล็กๆ ที่เงียบสงบแห่งนี้จะมีปีศาจแอบซ่อนอยู่มากมาย?
คงหนิงขี่ม้าสีเหลืองพุทราตัวผอมบางไปตามท้องถนน ซึ่งก็ได้รับการต้อนรับทักทายจากผู้คนมากมายตามรายทาง เขายิ้มแย้มให้ทุกคนตลอด แต่ก็ต้องถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
ในเวลานี้ จู่ๆ เขาก็เห็นด้วยกับคำพูดของปีศาจที่บ้าน
“......ความไม่รู้คือความสุขสูงสุดจริงๆ”
หากเขาไม่ได้แต่งงานกับปีศาจและกลับบ้านไปพร้อมกับไข่อสูรที่อยู่ในช่องท้องทุกวัน เขาก็คงใช้ชีวิตในฐานะคนธรรมดาอย่างมีความสุขอยู่ในเมืองเล็กๆ แห่งนี้ โดยที่ไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับปีศาจเลยด้วยซ้ำ และรับหน้าที่เป็น'มือปราบหนุ่มผู้มีอนาคตอันสดใส'ต่อไป
---ทว่า ความสุขของเหล่าสัตว์ที่ถูกเลี้ยงเอาไว้โดยไม่รู้อะไรเลย มันคือ'ความสุข'จริงๆ หรือ?
คงหนิงขี่ม้าสีเหลืองพุทรามาที่ศาลาว่าการ และพบกับหัวหน้าหน่วยจางหรงอยู่ที่นั่น
วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จางหรงจะมาเข้ารายงานตัวในฐานะข้าราชการเขตชานหลาน ยกเว้นจะเกิดเหตุคาดไม่ถึง ถ้าไม่มีเหตุอะไรก็คงเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ
ผู้ว่าการเขตอยู่ในชุดเครื่องแบบอย่างเป็นทางการ ร่วมเป็นประธานในพิธีอำลา และทั่วทั้งลานก็คึกคักกันอย่างมาก แม้แต่เหล่าหัวหน้าเขตอาวุโสที่ไม่ค่อยได้ปรากฏตัวในศาลาว่าการ ก็ยังมาอยู่ที่นี่เพื่ออำลาจางหรง
หลังจากเตรียมการทุกอย่างในตอนกลางคืน จางหรงก็จะรับหน้าที่นำคนคุ้มกันศพปีศาจทั้งสองตนระหว่างเดินทาง ไปพร้อมกับเพื่อนร่วมงานและฉือกุ้ย นักพนันผู้โชคร้าย
ท้ายที่สุด ชายคนนี้ก็เป็นพยานปากสำคัญที่เกี่ยวข้องกับตัวกินวิญญาณ ต้องพาตัวเขาไปที่เมืองเหอเจียนให้ได้
และหมาลิ่วซึ่งทั่วทั้งร่างมีแต่ผ้าพันแผล นั่งอยู่ตรงมุมห้อง มองดูศพปีศาจที่อยู่ใจกลางฝูงชนด้วยสายตาเศร้าสร้อย สมาชิกระดับสูงแห่งซ่องโสเภณีผู้นี้ วันนี้กลับเงียบผิดปกติ
ก่อนหน้านี้มีอยู่ครั้งหนึ่งเขาเคยขอซื้อร่างผีทารกจากผู้ว่าการเขตเพื่อนำไปฝัง แต่คำขอแปลกๆ นี้ย่อมถูกปฏิเสธกลับมาโดยผู้ว่าการเขตเป็นธรรมดา
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าการเขตนั้นรู้สึกเห็นใจ จึงให้รางวัลพิเศษแก่เขาไปอีกห้าตำลึง เพื่อเป็นกำลังใจให้กับมือปราบอันดับสองของศาลาว่าการ
และหมาลิ่วเป็นเพียงมือปราบตัวเล็กๆ ไม่ได้เป็นแม้แต่ขุนนางด้วยซ้ำ แม้ว่าเขาจะรู้สึกไม่พึงพอใจ แต่ก็ไม่กล้าฝ่าฝืนคำสั่งของผู้ว่าการเขต
ในท้ายที่สุด ท่ามกลางผู้คนที่มาแสดงความยินดี ผู้ว่าการเขตก็เริ่มจุดประทัดด้วยตนเอง ส่งจางหรงและมือปราบอีกสิบคนไปคุ้มกันศพของปีศาจระหว่างเดินทาง
เขตชานหลานนั้นเป็นพื้นที่ที่ห่างไกลมาก และการเดินทางไปยังเมืองเหอเจียต้องใช้เวลามากกว่าสิบวัน นอกจากนี้เมื่อพวกเขาไปถึงเมืองเหอเจียนก็ยังต้องติดต่อทำเรื่องอยู่ที่นั่น มือปราบทั้งสิบคนอาจจะกลับมาร่วมเทศกาลวันสารทจีนไม่ทัน
และภายในใจของคงหนิงก็มีความกังวลเพิ่มขึ้นมาอีกเรื่อง
เขตชานหลานเล็กๆ ยังเต็มไปด้วยปีศาจ แล้วโลกภายนอกเล่า? จะมีปีศาจมากกว่านี้หรือไม่? มือปราบทั้งสิบคนจะเดินทางกลับมาอย่างปลอดภัยไหม?
เมื่อมองดูจางหรงและมือปราบคนอื่นหันหลังเดินจากไป คงหนิงก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้
เป็นเพียงแค่ว่า ตอนนี้ตัวเขายังเป็นเหมือนพระพุทธรูปดินเหนียวข้ามแม่น้ำ[1] ไม่สามารถแม้แต่จะปกป้องตนเอง จะไปดูแลเพื่อนร่วมงานเหล่านี้ได้อย่างไร
และหลังจากที่จางหรงจากไป หน่วยกิจการสายตรงก็ถูกส่งมอบมาอยู่ในความดูแลของคงหนิง
ภายในเขตเล็กๆ อย่างชานหลาน ข่าวต่างๆ ได้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าคงหนิงจะไปที่ไหน ผู้คนจะไม่เรียกขานเขาว่า 'ท่านหนิง' อีกต่อไป แต่จะตะโกนเรียกว่า 'หัวหน้ามือปราบหนิง'
ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงหนิงคงจะยินดีไม่น้อย
แต่ตอนนี้เขาหัวเราะไม่ออกจริงๆ
ปีศาจที่บ้านเป็นเหมือนเงาตามตัวที่สลัดไม่เคยหลุด เป็นสิ่งขวางกั้นที่ทำให้เขาหัวเราะไม่ออก แต่สิ่งเหล่านี้คนอื่นไม่ได้รับรู้ด้วยกันกับเขา
หลังจากที่จางหรง อดีตหัวหน้าหน่วยกิจการสายตรงจากไป ที่ว่าการเขตก็กลับเข้าสู่ความสงบดังเดิม
เหล่ามือปราบก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมในทุกๆ วันหลังจากนั้น จับกลุ่มกันเล่นไพ่ นั่งสนทนากัน ในบางครั้งก็จะรวมตัวกันเพื่อไปหอสายลมใบไม้ผลิเพื่อจิบสุราดอกไม้ ฟังเพลงให้อิ่มอกอิ่มใจกันเล็กๆ น้อยๆ
ในยุคที่ขาดสิ่งบันเทิงเริงรมย์ การฟังดนตรีเคล้าสุรานั้นนับเป็นงานอดิเรกที่หาได้ยากยิ่งในเขตเล็กๆ เช่นนี้
หมาลิ่วซึ่งมีอาการซึมเซามาหลายวัน ลือกันว่าเขาฝันร้ายทุกคืน ต่อมาจึงตัดสินใจกลับตัวกลับใจจากการเป็นจอมเสเพล ไม่ไปซ่องโสเภณีอีกต่อไป
เขาทุ่มเงินให้กับพ่อสื่อแม่ชักที่มีชื่อเสียงที่สุดในเขต เพื่อขอให้พ่อสื่อแม่ชักหาหญิงสาวตระกูลดีๆ มาให้เขาตบแต่ง เริ่มต้นครอบครัว ใช้ชีวิตอันแสนสงบสุข
แต่เหล่าพ่อสื่อแม่ชักก็ไม่เต็มใจจะทำ อย่างไรเสียในเมืองเล็กๆ แห่งนี้ มีใครบ้างไม่รู้จักชื่อของสมาชิกระดับสูงแห่งหอนางโลม? ใครกันจะยกลูกสาวให้แต่งงาน? และถึงแม้จะหามาได้ แต่หากสามีภรรยาไม่ได้รักใคร่ปรองดองกันหลังจากนี้ พวกเขาจะมิเสียชื่อแย่หรือ?
แต่ท้ายที่สุดแล้ว หมาลิ่วก็เป็นหนึ่งในมือปราบที่มีฝีมือดีที่สุดในศาลาว่าการ เป็นตัวตนที่ไม่ควรยั่วยุ พ่อสื่อแม่ชักจึงต้องยอมรับเงินของหมาลิ่วและตามหาคู่ให้เขา
ด้วยเหตุนี้ พ่อสื่อแม่ชักคู่หนึ่งจึงช่วยหมาลิ่วหาผู้หญิงที่ดีจากตระกูลที่มีประวัติใสสะอาด ซึ่งพ่อแม่ของอีกฝ่ายก็ไม่ได้ทัดทานแต่ประการใด เต็มใจที่จะลอง
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่หมาลิ่วได้เจอหญิงสาวอยู่ไม่กี่ครั้ง เขาที่พบกับขนบธรรมเนียมอันยุ่งยากก็เริ่มวิงเวียนศีรษะ นอกจากนี้ตัวเขาก็ไม่ได้ลิ้มชิมรสสตรีมาเป็นเวลานานกว่าครึ่งเดือนแล้ว การได้อยู่ร่วมกับหญิงสาวจากตระกูลที่ดีค่อนข้างทำให้ทุกอย่างจำกัดไปเสียหมด ในที่สุดสมาชิกระดับสูงแห่งหอนางโลมก็ได้เริ่มกลับมาใช้ชีวิตภายในหอสายลมใบไม้ผลิอีกครั้ง
แล้วยังประกาศคำอย่างเช่น “บ้านของข้าคือหอสายลมใบไม้ผลิ! การไปหอสายลมใบไม้ผลิไม่ใช่การเยี่ยมชมเตาเผา แต่เป็นการกลับมาบ้าน! แค่กลับมาบ้านจะอับอายอะไรเล่า! พวกเจ้าก็กลับบ้านกันทุกวันมิใช่หรือ?”
การแต่งงานยังไม่เริ่มต้น ก็จบลงด้วยประการฉะนี้
เหตุการณ์นี้ได้กลายเป็นเรื่องตลกภายในศาลาว่าการไป ทุกคนนำมาล้อเลียนกันได้ทั้งวัน
ในที่สุด หมาลิ่วก็ต้องเชิญแขกมาร่วมรับประทานอาหารที่หอสายลมใบไม้ผลิ เพื่อเปิดเผยเรื่องราวต่อหน้าสาธารณชน
หอสายลมใบไม้ผลิอยู่ใกล้กับศาลาว่าการมาก เป็นสถานที่ที่มือปราบจากศาลาว่าการมักจะแวะเวียนมาเป็นประจำ คงหนิงและคนอื่นๆ นั่งอยู่ภายในห้องส่วนตัว ฟังหมาลิ่วบ่นออกมาว่าหญิงสาวที่ตนพูดคุยด้วยนั้นไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก ทุกคนหัวเราะและพากันส่ายศีรษะ
เด็กสาวจากครอบครัวที่ดี บริสุทธิ์ไร้เดียงสา จะให้มีอารมณ์รักใคร่เร่าร้อนเหมือนโสเภณีได้อย่างไร......หมาลิ่วผู้นี้ช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย
คงหนิงที่นั่งอยู่ริมหน้าต่าง มองดูเหล่าเพื่อนร่วมงานดื่มกินหัวเราะร่า ช่วยไม่ได้ที่จะทำให้อารมณ์ของเขาผ่อนคลายมากขึ้น
สิบวันแล้วตั้งแต่ที่จางหรงกับคนอื่นๆ ได้นำร่างของปีศาจออกจากเขตชานหลานไป
ทุกวันนี้ คงหนิงกำลังรอให้หมอกสีขาวภายในไหดำลึกลับก่อตัวเต็มที่ และดูเหมือนว่ามันก็ใกล้จะเต็มแล้วด้วย อีกไม่นานคงหนิงจะสามารถใช้ความสามารถในการค้นหาของไหดำลึกลับได้อีกครั้ง
ด้วยเหตุนี้มันจึงทำให้คงหนิงรู้สึกดีขึ้นมาก แม้แต่รอยยิ้มของปีศาจภายในบ้านก็ไม่ได้ดูน่าเกลียดอีกต่อไป
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ คงหนิงก็ยกตะเกียบขึ้นกำลังจะคีบอาหาร แต่ในขณะนั้น จู่ๆ ก็มีกลิ่นหอมจางๆ ลอยเข้ามาในห้องส่วนตัว
หืม? กลิ่นหอมจางๆ?
จิตวิญญาณของคงหนิงตื่นตะลึง สติกระจ่างชัดในทันใด
คราวนี้เขาไม่ต้องการความช่วยเหลือจากไหสีดำลึกลับด้วยซ้ำ พลังปีศาจภายในร่างโคจรไปทั่ว ทำลายภาพหลอนที่เกิดขึ้นภายในห้องส่วนตัวแห่งนี้จนสิ้น
ในความเห็นของเขา เคล็ดหลอนประสาทชนิดนี้ค่อนข้างหยาบกระด้าง ด้อยกว่าพลังพิเศษเหนือธรรมชาติของสมเสร็จห้วงฝันอย่าง ดอกไม้ในกระจก พระจันทร์บนผิวน้ำไปมาก
เพียงแต่ว่าเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ไม่ได้มีพลังเท่ากับคงหนิง และทุกคนพากันผล็อยหลับไปในเวลาไม่นาน ไม่ว่าจะนอนฟุบอยู่บนโต๊ะหรือเอนหลังพิงเก้าอี้ ทุกคนล้วนหลับอย่างสบายใจเฉิบ
และประตูห้องส่วนตัวก็ถูกผลักเปิดออกเบาๆ
เด็กสาววัยรุ่นคนหนึ่งเดินเข้ามาข้างใน และเห็นคงหนิงจ้องมองตนเองมาจากด้านข้างบานหน้าต่าง ไม่ได้ตกลงไปในภาพลวงตา ซึ่งหญิงสาวก็ไม่ได้แปลกใจแต่ประการใด กลับพยักหน้าให้แทน
“ตามที่คาดเอาไว้ มีร่างกายดั่งมนุษย์ปุถุชน แต่ฝีมือสูงส่งสามารถสังหารปีศาจลงได้......หัวหน้ามือปราบคงหนิง หว่านเอ๋อขอน้อมคารวะ”
หญิงสาวผู้นี้ที่มีกระบี่โบราณสะพายอยู่ที่ด้านหลัง สวมชุดสีขาว ผมสีดำยาวสยายลงมาดุจแพรไหม นางโค้งคำนับให้กับคงหนิงด้วยความสุภาพอย่างยิ่ง
แม้ว่าในมุมมองของคงหนิง การคารวะนี้จะดูไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย แย่กว่าภรรยาอวบอ้วนของฉือหยงเสียอีก......
มองไปยังหญิงสาวเบื้องหน้าด้วยท่าทางแปลกๆ คงหนิงก็เอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าคือผู้ใดกัน?”
เด็กสาวที่อยู่เบื้องหน้านี้มีที่มาที่แปลกประหลาด แต่ไม่ได้แผ่ความเกลียดชังใดๆ และกลิ่นอายของอีกฝ่ายก็แตกต่างไปจากปีศาจที่คงหนิงเคยพบเจอโดยสิ้นเชิง
กลิ่นอายเป็นกลางและสงบเยือกเย็น ทำให้ผู้คนรู้สึกดี.......นี่อาจจะเป็นผู้ฝึกตนที่เขาร่ำลือกัน?
ดวงตาของคงหนิงเร่าร้อนขึ้นมาในทันที
เป็นไปได้ไหมว่าเขตชานหลานที่ถูกปีศาจยึดครองนี้ ในที่สุดก็มีผู้ฝึกตนเดินทางมาเพื่อกำจัดปีศาจ?
นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่จำเป็นต้องกลัวปีศาจในบ้านอีกต่อไปแล้ว? จะสามารถหลุดพ้นออกจากทะเลทุกข์นี่ได้สักที?
--------------------------------
[1] พระพุทธรูปดินเหนียวข้ามแม่น้ำ (หรือพระโพธิสัตว์ดินเหนียวข้ามแม่น้ำ อุปมาว่าแม้จะเป็นพระโพธิสัตว์ที่ต้องการจะช่วยเหลือผู้อื่น แต่เมื่อต้องประสบปัญหาส่วนตน (การข้ามแม่น้ำ) ก็ยากที่จะบอกว่าพระองค์จะสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้หรือไม่)