บทที่ 78 หนูรักป๊ะป๋ามากที่สุด
นั่นเป็นการฝึกของปิศาจใช่ไหม?
ซูจิ่วรู้ว่าเขาเหนื่อยมาก เธอจึงยกมือเล็กๆขึ้นโอบคอของเขาเบาๆ และพูดว่า “ป๊ะป๋าดีที่สุด และหนูก็รักป๊ะป๋ามากที่สุด”
คําพูดนี้ของเกี๊ยวน้อยเปรียบเสมือนลมฤดูใบไม้ผลิในเดือนมีนาคมสําหรับซูเชิ่งจิ่ง ซึ่งมันทําให้เขารู้สึกสบายใจมาก
หยางฟางผิงโทรหาซูเชิ่งจิ่งเมื่อวานนี้ เพื่อแจ้งเขาว่าพรุ่งนี้เช้าจะมีคนไปที่บ้านของเขา เพื่อถ่ายทําหนังนําร่อง
ดังนั้นในตอนเย็น ซูเชิ่งจิ่งที่เสร็จสิ้นการฝึกครั้งสุดท้ายเป็นเวลาครึ่งเดือนแล้ว เขาก็พาซูจิ่วกลับบ้านทันที และเขาก็วางแผนที่จะพักผ่อนสักหนึ่งคืน เพื่อในวันพรุ่งนี้จะได้ถ่ายทําอย่างมีสติครบถ้วน
## ? ? ?
อย่างไรก็ตาม ซูจิ่วเดินเข้ามาและมองไปรอบๆห้อง จากนั้น เธอก็พูดกับซูเชิ่งจิ่งว่า “ป๊ะป๋า ทำไมเราไม่ทําความสะอาดบ้านล่ะ?”
หลายวันมานี้ได้เก็บกวาดไปบ้างแล้ว แต่เฟอร์นิเจอร์ก็ถูกฝุ่นจับจนไม่น่ามอง ส่วนในบ้านก็รกอยู่บ้างเล็กน้อย และหากวันพรุ่งนี้ถูกถ่ายทําออกไปแบบนี้ มันจะทําให้ผู้ชมเกิดความรู้สึกไม่ประทับใจได้
เมื่อได้ยินดังนั้น ซูเชิ่งจิ่งก็อึ้งไปทันที ใช่…ทำไมเขาถึงไม่คิดถึงเรื่องนี้เลยล่ะ?
คงต้องทําความสะอาดบ้านแล้ว
มันยังไม่สายเกินไป ดังนั้น พ่อและลูกจึงเริ่มทําความสะอาดบ้านทันที โชคดีมากที่บ้านมีขนาดเล็กและทําความสะอาดได้ง่าย และเมื่อเขามองไปที่เด็กหญิงตัวน้อย เธอก็พยายามเช็ดโต๊ะและเก้าอี้อย่างขยันขันแข็ง ซึ่งทำให้หัวใจของซูเชิ่งจิ่งดูเหมือนจะเต็มไปด้วยบางสิ่งบางอย่าง
ซูเชิ่งจิ่งไม่เคยคิดมาก่อน ว่าความสุขของเขาจะมาจากเด็กน้อยที่ยังไม่หย่านมตรงหน้า
และความรู้สึกนี้ ไม่ได้เจอมานานแล้ว...
…
ในเช้าวันถัดมา หลังจากฟ้าสางได้ไม่นาน ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นจากด้านนอก
ซูเชิ่งจิ่งรู้สึกกังวลเกี่ยวกับการบันทึกรายการในวันนี้เล็กน้อย จึงทำให้เขานอนไม่ค่อยหลับเท่าไรนัก แต่พอได้ยินเสียงเคาะประตูเขาก็ลืมตาขึ้นมาทันที แล้วเขาก็มองไปที่เด็กหญิงตัวน้อยที่นอนอยู่ข้างๆ ก็ยังเห็นว่าเธอนั้นยังหลับอยู่ เขาจึงค่อยๆลุกจากเตียงอย่างเงียบๆ แล้วรีบไปล้างหน้าให้เร็วที่สุด จากนั้น เขาก็รีบเดินไปเปิดประตู
ในขณะที่ซูเชิ่งจิ่งเดินออกจากห้องไป ซูจิ่วก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมา และภายในดวงตาของเธอก็ฉายแววเจ้าเล่ห์
คนข้างนอกจะต้องเป็นช่างภาพที่มาถ่ายหนังนําร่องอย่างแน่นอน และเธอก็มีความคิดอยู่ในหัวแล้วว่าตัวเองจะต้องทําตัวน่ารักออกไปยังไง❗️
เมื่อช่างภาพที่ยืนอยู่นอกประตูเห็นซูเชิ่งจิ่ง ทุกคนก็ต้องตะลึงงันไปชั่วขณะ
ผู้ชายคนนี้คือซูเชิ่งจิ่งงั้นเหรอ?
แล้วทำไมถึงได้แตกต่างจากภาพถ่ายที่เผยแพร่บนอินเทอร์เน็ตเมื่อเร็วๆนี้?
ดูเหมือนว่าเขาจะผอมลงมาก❗️
มีพนักงานหญิงสองคนที่มาพร้อมกับทีมงาน และเมื่อเห็นซูเชิ่งจิ่งพวกเธอก็หน้าแดงก่ำทันที
ก่อนที่จะมาที่นี่ พวกเธอได้พูดล้อเล่นกันว่า เราไปดูกันว่าอดีตหนุ่มหล่อที่สุดในโรงเรียนแห่งชาติที่ว่าได้กลายเป็นลุงมันเยิ้มนั้นเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า แต่เมื่อได้มาเห็นด้วยตัวเอง พวกเธอก็คิดว่ามันช่างตรงกันข้ามกับลุงมันเยิ้ม แต่ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านี้กลับค่อนข้างหล่อมาก
ใบหน้านั้นคมกริบและสะอาดสะอ้าน และมีกลิ่นอายเหมือนเมื่อหลายปีก่อนไม่มีผิด
ใครกันที่ด่าเขาทางอินเตอร์เน็ตว่าเป็นลุงมันเยิ้ม ยืนขึ้นเดี๋ยวนี้❗️
ซูเชิ่งจิ่งพูดขอโทษขึ้นทันที “ขอโทษนะ พอดีผมเพิ่งตื่น ส่วนเด็กก็ยังไม่ตื่นเลย แล้วจะเป็นอะไรไหม ถ้าจะปล่อยให้เธอได้นอนต่ออีกสักหน่อย?”
ท่าทางที่สุภาพของเขาทําให้ทุกคนที่ยืนอยู่นอกประตูรู้สึกประหลาดใจมาก
ไม่ใช่ว่าซูเชิ่งจิ่งเป็นคนที่หยิ่งยโสหรอกเหรอ?
ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่
หรืออาจจะเป็นเพราะเขาได้รับการขัดเกลานิสัยที่หยาบกร้านมาหลายปีนี้ ดังนั้น อารมณ์ของเขาจึงได้เปลี่ยนไป
ช่างภาพพยักหน้าและพูดว่า “ใช่ พวกเรามาถึงเร็วไปหน่อย แต่นั่นคือสิ่งที่ผู้กํากับหยางต้องการ เพราะเขาบอกว่าให้พวกเราเริ่มถ่ายตั้งแต่ตื่นนอน ดังนั้น พวกเราถึงได้มาเร็วขนาดนี้”
“ไม่เป็นไร พวกคุณเข้ามาก่อนสิ” ซูเชิ่งจิ่งถอยหลังเพื่อให้คนข้างนอกได้เข้ามา
พวกเขานั่งลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่น จากนั้น ก็มองไปรอบๆบ้านหลังเล็กๆนี้อย่างสนใจ
ตอนที่เพิ่งมาถึงที่นี่ พวกเขาก็ต้องตกตะลึงกับสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายนี้มาก ซึ่งใครจะจินตนาการได้ว่าดาราที่เคยโด่งดังขนาดนี้ เขาจะสามารถอาศัยอยู่ในสถานที่แบบนี้ได้?
มันเหมือนสลัม❗️
บ้านหลังนี้มีขนาดเล็กและทรุดโทรมมาก และบนผนังสีเหลืองก็ร้าวเป็นทางยาว ส่วนเฟอร์นิเจอร์ที่มีอยู่ก็เก่ามาก และพวกเขาก็ต้องนั่งเบียดเสียดกันอยู่บนโซฟานั้น ซึ่งมันทำให้พวกเขารู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก
แต่สิ่งที่พวกเขาคิดไม่ถึงก็คือ บ้านหลังนี้สะอาดมาก ซึ่งมันไม่เหมือนผู้ชายที่มีเด็กอาศัยอยู่เพียงแค่สองคนเลย