392 - คางคกอยากกินเนื้อหงส์
392 - คางคกอยากกินเนื้อหงส์
เย่ฟ่านและจักรพรรดิดำออกจากวังโบราณอู่จิงพร้อมกับลบร่องรอยทั้งหมด
สุนัขสีดำตัวใหญ่มีต้นกำเนิดที่ลึกลับ แม้แต่ค่ายกลโบราณเช่นนี้มันก็ยังสามารถทำลายได้ เย่ฟ่านรู้สึกสงสัยในตัวตนที่แท้จริงของมันเป็นอย่างมาก
ในยามราตรีทุกสิ่งทุกอย่างนิ่งสงบความวุ่นวายที่พวกเขาก่อขึ้นในวังโบราณไม่มีผู้ใดรู้เห็น
เย่ฟ่านกลับไปที่ห้องของเขาอย่างเงียบๆ คืนนั้นเขาหลับสนิทมาก ความกังวลใจทั้งหมดของเขาถูกทำลายไปแล้ว นี่จึงเป็นความผ่อนคลายมากที่สุดในรอบหลายปี
ในตอนเช้าเย่ฟ่านเริ่มเก็บข้าวของของตัวเอง เขาวางแผนที่จะไปในวันนี้
ในส่วนของจักรพรรดิดำมันมีสีหน้าท้อแท้อย่างยิ่ง แม้ว่าจะลงทุนลงแรงค่อนข้างมากแต่สุดท้ายมันก็ไม่ได้รับคัมภีร์จักรพรรดิอสูร
เย่ฟ่านเดินไปสนทนากับตู้เฟย เขาวางแผนที่จะจากไปเพราะงานชุมนุมที่ทะเลสาบหยกก็ใกล้จะมาถึงแล้ว
“น้องเย่ โจ้จะกังวลเรื่องนั้นไปทำไม” ตู้เฟยดื่มด่ำกับความสำราญของดินแดนแห่งนี้โดยไม่ต้องการที่จะติดตามเย่ฟ่านไป
"เจ้าอยากพลาดงานชุมนุมที่ทะเลสาบหยกหรือไม่ บุตรศักดิ์สิทธิ์และสตรีศักดิ์สิทธิ์มากมายมีต่างก็เข้าร่วมงานชุมนุมในครั้งนี้ " เย่ฟ่านไม่พอใจเล็กน้อย
“จะรีบอะไรนักหนา เจ้ารู้หรือไม่ว่าในโลกนี้ยากจะหาหญิงงามที่สามารถแข่งขันกับองค์หญิงเอี๋ยนได้ เจ้าให้โอกาสข้าอยู่ร่วมกับนางอีกสักหน่อยไม่ได้หรือ” ตู้เฟยปฏิเสธที่จะจากไป
เย่ฟ่านรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย อสูรเฒ่าที่เขาปราบปรามเมื่อคืนนี้เป็นสมาชิกของกลุ่มของเอี๋ยนรูหยู เขากลัวว่าหากความลับนี้ถูกเปิดเผยเกรงว่าเขาคงจะออกจากที่นี่ไม่ได้
“จักรพรรดิดำเจ้าอย่าได้ทำรุนแรงกับอสูรเฒ่าตัวนั้นมากเกินไป ขอเพียงพวกเราแข็งแกร่งมากพอไม่ว่ามันจะมีความลับอะไรอยู่พวกเราก็สามารถขุดค้นออกมาได้” เย่ฟ่านส่งเสียงอย่างลับๆ
“เจ้าคิดว่าจักรพรรดิคนนี้โง่เหมือนเจ้าหรือ? วิญญาณอสูรเฒ่าที่น่ากลัวนี้ย่อมไม่ถูกฆ่าตายได้ง่ายๆ เพียงใช้พลังกดดันมันให้อยู่ในระฆังนี้ก็กินแรงมากพอแล้ว!” จักรพรรดิดำสาปแช่ง
“เย่น้อยก็คิดว่าวันนี้พวกเราควรไปเที่ยวเมืองอสูรอีกสักรอบดีกว่า” ตู้เฟยชักชวน
“หากเจ้าอยากไปเที่ยวกับพวกนางเจ้าก็ไปเถอะ ข้ารู้สึกเบื่อแล้ว” เย่ฟ่านยิ้มและส่ายหัว
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะตัดสินใจที่จะไปจริงๆ รออีกสองวันได้ไหมเดี๋ยวพี่น้องคนอื่นๆของข้าจะมาสมทบ”
“ถ้าอย่างนั้นก็รออีกสองวันเถอะ”
เย่ฟ่านไม่อยากให้ผู้ฝึกฝนเผ่าพันธุ์อสูรรู้สึกสงสัยในความร้อนรนของเขา ดังนั้นเขาจึงคิดจะจากไปพร้อมกับตู้เฟย
ก่อนเดินทางเขาและจักรพรรดิดำได้ไปที่เมืองอสูรเพื่อค้นหาทรัพยากรอีกครั้ง เย่ฟ่านคิดว่าค่ายกลของจักรพรรดิดำค่อนข้างใช้ได้ดังนั้นเขาจึงคิดจะรวบรวมและสร้างพวกมันขึ้นมาอีกชุด
เย่ฟ่านใช้เวลาทั้งวันในการรวบรวมวัสดุสำหรับทำค่ายกลในขณะที่ตู้เฟยเดินไปข้างหน้าพร้อมกับหญิงสาวที่มีเสน่ห์คนหนึ่ง ทั้งคู่ต่างก็คลุกคลีกันอย่างสนิทสนมยิ่ง
“ข้าบอกแล้วไงว่าพวกเรามาที่นี่ไม่มีประโยชน์ มันเป็นเพียงก้างขวางคอพวกเขาเท่านั้น” จักรพรรดิดังกล่าวด้วยความเบื่อหน่าย
“สุนัขของเจ้ามีอารมณ์ร้ายอย่างยิ่ง?” หญิงสาวคนนั้นหันกลับมาหัวเราะคิกคัก
ในตลอดทั้งวันนี้เย่ฟ่านสังเกตว่าสายตาของผู้ฝึกฝนเผ่าพันธุ์อสูรต่างก็มองมาที่เขาอยู่ตลอดเวลามันทำให้เขารู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก
หลังจากนั้นไม่นานฉินเหยาก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับยื่นนิ้วที่ขาวผ่องของนางมาบิดเอวของเย่ฟ่านเบาๆ
“เจ้ามาที่เมืองอสูรทำไม เจ้าไม่รู้หรือว่ามีคนมากมายแค่ไหนที่ต้องการสมบัติของเจ้า?” ฉินเหยากล่าวด้วยท่าทางยั่วยวนเหมือนเช่นปกติทุกครั้ง
"พี่สาวเหยา... "
หญิงสาวที่มีเสน่ห์คนนั้นแม้ว่าจะทำตัวน่ารักแต่สายตาที่มองมายังเย่ฟ่านก็มีความเย็นชาอย่างยิ่ง
“อย่ามายุ่งกับพี่สาวฉินเหยา!”
นางแอบส่งคำเตือนมหาเย่ฟ่าน แต่หลังจากนั้นนางก็ส่งเสียงหัวเราะคิกคักและยิ้มอ่อนหวานไปยังฉินเหยา
เย่ฟ่านหัวเราะกับการกระทำของนางแล้วส่งเสียงรับๆถามกลับไปว่า
"ทำไมข้าต้องฟังคำพูดเจ้า?"
"เจ้าก็แค่คางคกที่อยากกินเนื้อหงส์" เด็กสาวส่งเสียงด้วยความรังเกียจแต่ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม
เย่ฟ่านรู้สึกสงสัยอย่างยิ่งเขาจึงส่งเสียงกลับไปหาหญิงสาวคนนั้นว่า
"สาวน้อยนี่ไม่ใช่เรื่องของเจ้าต่อให้เจ้าอยากยุ่งเกี่ยวก็ทำไม่ได้"
หญิงสาวคนนั้นแค่นเสียงอย่างเย็นชาว่า
“ถ้าเจ้ารักพี่สาวฉินเหยาเจ้าก็ไม่ควรทำร้ายนาง เจ้าเป็นเพียงคนพิการคนหนึ่ง ต่อให้เจ้ามีพรสวรรค์มากแค่ไหนเจ้าก็หยุดอยู่เพียงอาณาจักรตำหนักเต๋าเท่านั้น นับวันสถานะของพวกเจ้ามีแต่จะห่างไกลกันยิ่งกว่าสวรรค์และปฐพี”
เย่ฟ่านพูดไม่ออกเล็กน้อย "หากตัวข้าไม่คู่ควรกับนางแล้วใครล่ะที่เจ้าคิดว่าเหมาะสม"
“ปีกทอง ไผ่ขม และหงส์ขาวล้วนเป็นอัจฉริยะตำหนักเต๋าชั้นห้าแม้แต่พวกเขาก็ยังไม่คู่ควรกับพี่สาวฉินเหยา ตอนที่อยู่ภาคใต้สถานะของเจ้าถือว่าใช้ได้อยู่บ้าง แต่เมื่ออยู่ภาคเหนือเจ้าก็เป็นเพียงคนพิการคนหนึ่ง!” หญิงสาวกล่าวอย่างไร้ความปราณี
“ที่แท้เจ้าก็แอบหลงรักคางคกสามตัวนั้น ฮ่าๆๆ!” เย่ฟ่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม
พวกเขาแอบส่งเสียงสนทนากันคนนอกจึงไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“เจ้าจะเป็นเพียงผู้ฝึกฝนอาณาจักรตำหนักเต๋าตลอดชีวิต แม้ว่าเจ้าจะอยู่ยงคงกระพันในรุ่นเดียวกันแต่ก็ไม่มีความแตกต่างอะไรจากคนพิการ ดังนั้นเจ้าควรมีความสำนึกมากกว่านี้”
หญิงสาวสะบัดเสื้อคลุมขนนกของนางด้วยความไม่พอใจ
สิ่งนี้ทำให้เย่ฟ่านพูดไม่ออก เพียงเพราะเขาเดินไปกับฉินเหยา เขาก็กระตุ้นความเป็นศัตรูของผู้อื่นแล้ว โลกนี้ช่างโหดร้ายจริงๆ!
หญิงสาวคนนี้มีชื่อว่าจินเอี๋ยน นางก็มีใบหน้างดงามและรูปกายที่เย้ายวนเป็นอย่างมาก เพียงแต่ว่าคำพูดของนางนั้นน่ารังเกียจจริงๆ
เย่ฟ่านส่ายหัวอย่างเฉยเมยและกล่าวว่า
"เจ้าควรหุบปากได้แล้วถ้าขี้เกียจฟังคำพูดของเจ้า"
“เจ้าคางคกเจ้าไม่มีอะไรเทียบได้กับปีกทอง ไผ่ขมและหงส์ขาวเลย เฮอะ!” หญิงสาวแค่นเสียงอย่างเย็นชาและข้างหลังไม่สนใจเย่ฟ่านอีก
แต่หลังจากผ่านไปสักระยะและเห็นว่าเย่ฟ่านดูเหมือนจะไม่สนใจนางจริงๆ จินเอี๋ยนเด็กสาวสวมเสื้อคลุมขนนกสีทองก็แอบส่งเสียงมาหาเย่ฟ่านอีกครั้ง
"ถ้าเจ้าดีกับพี่สาวฉินเหยาจริงๆเจ้าควรให้อนาคตที่ดีต่อนางด้วย พวกเจ้าเป็นคนที่อยู่กันคนละโลกไม่มีอะไรคู่ควรกันแม้แต่น้อย"
เย่ฟ่านที่ถูกเยาะเย้ยมาตลอดทางต่อให้เป็นคนที่ใจเย็นที่สุดก็ยังอดรู้สึกโมโหไม่ได้
"นี่ไม่ใช่เรื่องของเจ้าหรือว่าแท้ที่จริงแล้วเจ้าแอบหลงรักข้า?"
“เจ้าว่าอะไรนะ!”
จินเอี๋ยนกรีดร้องออกมาด้วยความไม่พอใจ
"ร้านเก่าแก่แห่งนี้ทำให้ข้าเกิดความรู้สึกแปลกๆ พวกเราเข้าไปดูดีกว่า" ตู้เฟยเปิดประตูเข้าไปในร้าน
ริมถนนมีร้านค้าโบราณชื่อว่าหงส์ทะยานฟ้า แม้ว่าจะมีขนาดไม่ใหญ่โตแต่ก็มีลูกค้ามาอุดหนุนอย่างเนืองแน่น
จินเอี๋ยนหันไปยิ้มให้กับตู้เฟยและกล่าวว่า
"นี่คือบ้านหงส์ทะยานฟ้า มันถูกสร้างขึ้นโดยบรรพบุรุษหงส์ทะยานฟ้าเมื่อ 800 ปีก่อนแม้แต่ในเมืองอสูรของเราก็ถือว่าเป็นร้านค้าที่มีชื่อเสียงมากที่สุด”
ผู้ฝึกฝนเผ่าพันธุ์อสูรที่อยู่ด้านในได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าด้วยความภาคภูมิ
"บรรพบุรุษเฒ่าหงส์ทะยานฟ้าเป็นผู้ติดตามรุ่นแรกของราชามังกรเขียว เขาเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญที่สร้างเมืองอสูรแห่งนี้"
"บุคคลเมื่อแปดร้อยปีที่แล้ว หากเขายังมีชีวิตอยู่เขาจะแข็งแกร่งแค่ไหนกันนะ?" ตู้เฟยกล่าวด้วยสีหน้าตกตะลึง
“นั่นเป็นเรื่องปกติ แม้ว่าจะไม่มีทางเปรียบเทียบได้กับผู้สูงสุด แต่ก็ลึกซึ้งและไม่อาจวัดได้เช่นกัน” จินเอี๋ยนก็มีสิน่ายกย่องอย่างเห็นได้ชัด
ฉินเหยาพยักหน้าและกล่าวว่า "บรรพบุรุษผู้ติดตามราชามังกรเขียวในยุคแรกนั้นเหลืออยู่ไม่มากแล้ว แต่บรรพบุรุษผู้เฒ่าหงส์ทะยานฟ้าเป็นหนึ่งในนั้น”
บ้านหงส์ทะยานเต็มไปด้วยเสน่ห์โบราณ สมุนไพรจิตวิญญาณทุกชนิดบรรจุอยู่ในกล่องหยกโปร่งแสง พี่ด้านในนั้นมีผู้ฝึกฝนเผ่าพันธุ์อสูรมากมายชุมนุมกันอยู่
ทันใดนั้นเย่ฟ่านก็สัมผัสได้ถึงสายตาที่จ้องมองเขาอย่างเป็นศัตรูมาจากชั้นสอง ตรงนั้นมีชายหนุ่มชุดขาวรูปงามคนหนึ่งกำลังจับจ้องมายังและฉินเหยาด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย
เมื่อมองเห็นเขาจินเอี๋ยนสาวน้อยเผ่าอสูรสวมเสื้อคลุมขนนกสีทองก็อุทานด้วยความยินดีว่า
“พี่หงส์ขาว เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร”
ในขณะเดียวกันนานก็แอบส่งเสียงมาหาเย่ฟ่านอีกครั้ง
"เจ้าเห็นหรือยังว่านี่คือพี่หงส์ขาว เขาเป็นอัจฉริยะที่อยู่ในอาณาจักรตำหนักเต๋าชั้นห้า เจ้าละอายต่อความต่ำต้อยของตัวเองหรือไม่?”
เย่ฟ่านพูดไม่ออก หญิงสาวที่ชื่อจินเอี๋ยนคนนี้ดูเหมือนจะให้ความสนใจต่อเขาเป็นอย่างมาก แม้ว่าเขาจะไม่ได้สนทนากับนางเลยตลอดเส้นทางที่ผ่านมานางก็ยังส่งเสียงไม่หยุด