ข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 16 การเคลื่อนไหวครั้งแรกของทารกในครรภ์
ข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 16 การเคลื่อนไหวครั้งแรกของทารกในครรภ์
หัวหน้าหน่วยกิจการสายตรงจางหรงส่งคนไปแจ้งผู้ว่าการเขตแล้ว และเขาจะกลับมาในเร็วๆ นี้
แต่ผู้ว่าการเขตไม่ได้มา
นี่เป็นเรื่องปกติ ยังไม่ถึงรุ่งสาง ใครจะไปรู้ว่ามีปีศาจเพียงตัวเดียวหรือไม่?
เป็นปกติที่ผู้ว่าการเขตจะระมัดระวังตัว
แม้แต่มือปราบภายในศาลาว่าการก็ไม่กล้าผ่อนคลาย
หลังจากแขวนร่างผีทารกไว้ข้างๆ ปีศาจกินวิญญาณแล้ว ทุกคนก็เข้านอนกันเป็นกะ ครึ่งหนึ่งนอนหลับอีกครึ่งหนึ่งยังคงตื่นตัว และหลังจากผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกะกันไปรอบหนึ่ง ท้องฟ้าก็สว่างเต็มที่
ไม่นานนัก ผู้ว่าการเขตในชุดเครื่องแบบทางการก็นั่งเกี้ยวมาถึง
แสงแดดยามเช้าส่องแสงให้ความสว่างแก่เขตชานหลาน ผู้ว่าการเขตมองดูซากศพปีศาจสองตนที่ถูกแขวนอยู่ในลานแล้วพยักหน้าด้วยความพอใจ
“ดี! เอาล่ะ! สังหารปีศาจได้ถึงสองตัวติดต่อกัน ทุกคนในที่แห่งนี้ล้วนมีส่วนร่วมกับมันอย่างมาก!”
ผู้ว่าการเขตตื่นเต้นมากเมื่อเห็นศพของปีศาจทั้งสองตน และเรียกหาหัวหน้ามือปราบจางหรงทันที เพื่อคัดเลือกคนและเตรียมส่งศพปีศาจทั้งสองไปยังเมืองเหอเจียนในวันพรุ่งนี้
ในทางกลับกัน คงหนิงก็ได้ขึ้นเป็นหัวหน้าหน่วยชั่วคราวในตอนที่จางหรงไม่อยู่
---ถึงจะกล่าวเช่นนี้ แต่ทุกคนรู้ดีว่าตำแหน่งหัวหน้าหน่วยกิจการสายตรงอยู่ในกระเป๋าของคงหนิงเรียบร้อยแล้ว
ถึงแม้ผู้ว่าการเขตจะมีข้อบกพร่องมากมาย แต่เขาไม่เคยกลับคำที่เคยพูดไว้ต่อหน้าสาธารณชน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่หัวหน้ามือปราบจางหรงต้องการจะไปฝู่เฉิง[1]อยู่แล้วตั้งนานนม เรื่องนี้ไม่ได้เป็นความลับอะไร......
ไม่นานนัก หลังการทำพิธีบำเพ็ญกุศลกันเสร็จสิ้น ทุกคนก็แยกย้ายกันไป
จางหรงและคงหนิงถูกเรียกตัวไปโถงด้านหลังโดยผู้ว่าการเขตเพื่อพูดคุย เมื่อทั้งสองออกมาอีกครั้ง จางหรงก็ยิ้มออกมาและอดที่จะแสดงความยินดีกับคงหนิงไม่ได้
คงหนิงยิ้มและแสดงความยินดีกับอีกฝ่ายเช่นกัน
เนื่องด้วยการไปเมืองเหอเจียนของจางหรงในครั้งนี้ เขาอาจจะไม่ได้กลับมาอีก ชายวัยกลางคนผู้นี้ได้เดินทางติดตามผู้ว่าการเขตมายังเขตชานหลาน เขาเป็นเพื่อนร่วมงานคนสนิทของผู้ว่าการเขตและอยู่ในเขตชานหลานนี้มากว่าสิบห้าปีแล้ว
จุดเริ่มต้นคือเมื่อปีที่แล้ว จางหรงทำภารกิจมากมายรอบๆ นี้และต้องการจะกลับฝู่เฉิง ในตอนนั้นก็เผอิญคัดเลือกคงหนิงเข้าสู่ศาลาว่าการพอดี พอมาคิดดู อาจจะเป็นไปได้ว่าจางหรงกำลังช่วยผู้ว่าการเขตหาลูกน้องที่เหมาะสมก่อนจะออกเดินทาง เพื่อให้ผู้ว่าการเขตสามารถดูแลหน่วยมือปราบกิจการสายตรงต่อไปได้ในอนาคต
คราวนี้ หน่วยงานราชการในเขตชานหลานได้สังหารปีศาจไปถึงสองตัว คงหนิงยังปฏิเสธที่จะรับผลงานนี้เอาไว้ด้วย เต็มใจจะซ่อนตัวตนของตนเอง และส่งมอบผลงานให้จางหรงเป็นหลักทั้งในเรื่องการสังหารปีศาจและการจัดการซากศพของปีศาจทั้งสองตนนี้ ผนวกกับผลงานในช่วงหลายปีของจางหรง ครานี้จางหรงต้องได้รับตำแหน่งในเมืองเหอเจียนอย่างแน่นอน
ตราบใดที่แน่ใจว่าจางหรงจะไม่กลับมา คงหนิงก็สามารถเข้าดำรงตำแหน่งหัวหน้าหน่วยกิจการสายตรงได้
นี่เท่ากับว่าทุกคนได้รับผลประโยชน์ ต่างก็มีความสุขเปรมปรีดิ์
ถ้าเป็นก่อนหน้า คงหนิงมั่นใจว่าตัวเองคงจะมีความสุขกับตำแหน่งหัวหน้ามือปราบที่กำลังจะได้รับแน่ๆ
แต่ในเวลานี้เขามีเพียงความเหนื่อยล้าอย่างถึงขีดสุด
เมื่อคืนนี้ เขาได้ใช้เคล็ดเข้าฝันและต่อสู้กับปีศาจภายในความฝัน ซึ่งนับเป็นการบั่นทอนทั้งกำลังกายและพลังทางจิตใจ แม้ว่าเขาจะนอนหลับในช่วงครึ่งหลังของคืนและไม่ได้ทำหน้าที่อะไร แต่ก็ยังรู้สึกว่านอนหลับได้ไม่เพียงพออยู่ดี
หลังจากขี่ม้าสีเหลืองพุทราออกจากศาลาว่าการแล้ว คงหนิงก็ไม่ได้หยุดแวะที่ไหนและมุ่งตรงไปยังตรอกฮว๋ายชู่
ภายใต้แสงแดดยามเช้า ต้นฉัตรจีนขนาดใหญ่หน้าบ้านแผ่กิ่งก้านสาขารับลมในช่วงเช้า พ่อกับแม่นั่งอยู่ใต้ต้นฉัตรจีนรับลมเย็นอยู่เช่นเคย
เมื่อเห็นคงหนิงกลับมา รอยยิ้มใจดีก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของแม่ทันที
หลังจากทักทายผู้เฒ่าทั้งสองแล้ว คงหนิงก็นำม้าสีเหลืองพุทราไปไว้ในคอก หลังจากผูกม้าเรียบร้อย เขาก็ตรงไปยังห้องด้านข้างและผล็อยหลับไป
แม้ปีศาจที่บ้านจะยังไม่กลับมา คงหนิงก็ไม่มีเวลาไปสนใจ
ปีศาจสาวตนนั้น ไม่รู้ว่านางไปที่ไหนเมื่อคืน......แต่คงหนิงยังไม่มีคุณสมบัติไปจัดการอะไรได้ในตอนนี้
ในตอนที่หัวถึงหมอน คงหนิงก็ผล็อยหลับทันที
ท่ามกลางหมอกควัน ดูเหมือนคงหนิงจะเห็นภาพอันพร่ามัววูบไหวอยู่ตลอดเวลา และเห็นเศษเสี้ยวความทรงจำของวิญญาณฝันร้าย
เพียงแต่ภาพความทรงจำเหล่านี้กระจัดกระจายและคลุมเครือ เศษเสี้ยวความทรงจำเกือบทั้งหมดเป็นเพียงภาพจำตอนที่กินมนุษย์ ไม่ได้ทิ้งความประทับใจใดๆ ไว้ภายในใจคงหนิงเลย
ในที่สุดคงหนิงก็ตื่น
บนท้องฟ้านอกบ้าน แสงตะวันยามอัสดงเปล่งแสงประกายจนหมู่เมฆบนฟ้ากลายเป็นสีแดง
หลังจากนอนมาทั้งวัน เขาก็รู้สึกวิงเวียนศีรษะและท้องก็ร้องออกมาด้วยความหิวโหย
เมื่อขยับตัวลุกขึ้นนั่งได้อยู่ครึ่งนาที สติของคงหนิงก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น ความรู้สึกวิงเวียนภายในหัวก็ลดลง เสียงต่างๆ รอบตัวก็เริ่มชัดเจน
คงหนิงสวมชุดคลุมบางๆ เดินออกจากส่วนในของห้อง ได้ยินเสียงมาจากในครัว
---มีคนกำลังทำอาหารอยู่ด้านในนั้น
เสียงอาหารร้อนฉ่าอยู่ในน้ำมันดังขึ้นมาเรื่อยๆ กลิ่นหอมเย้ายวนชวนให้ล่องลอยไปกับสายลมยามค่ำ ทำให้ท้องของคงหนิงยิ่งหิวมากขึ้น
เขาขยี้ตาแล้วเดินไปที่ประตูห้องครัว สิ่งที่เขาเห็นคือสาวงามผมเปียม้วนเป็นมวย สวมชุดสีฟ้ากำลังวุ่นอยู่หน้าเตา
เมื่อเห็นคงหนิงที่ประตู หญิงสาวชุดสีฟ้าก็ยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วพูดว่า “สามี ท่านตื่นแล้วหรือ?”
เสียงเรียกอันไพเราะเสนาะหู ให้ความรู้สึกห่วงใยอย่างมิรู้ประมาณ
คงหนิงที่อยู่ตรงประตูตกใจเล็กน้อย จากนั้นจึงรู้สึกเสียววาบจากการหดตัวอย่างรุนแรงแล่นมาจากช่องท้องส่วนล่าง อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของคงหนิง หญิงในชุดสีฟ้าก็แสดงรอยยิ้มยินดี
“เมื่อครู่เป็นการเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์.......สามี! ท่านและลูกของเราเข้ากันได้ดีมาก! ไข่ปีศาจเพิ่งจะฝังตัวได้เพียงสองวันก็เริ่มเข้ากันดีเพียงนี้ ช่างน่าทึ่ง!”
“นี่สิชายในฝันของหยานเอ๋อ......สามี ท่านไปพักผ่อนเถอะ อย่าได้ออกแรงเลย หยานเอ๋อใกล้จะพร้อมแล้ว เดี๋ยวมากินข้าวกัน”
หญิงในชุดสีฟ้ายิ้มแย้มและผลักคงหนิงออกจากห้องครัวด้วยใจเป็นกังวล
คงหนิงที่สวมชุดบางๆ ยืนอยู่ด้านในลานบ้าน จ้องมองขึ้นไปที่ต้นฉัตรจีนสูงใหญ่กำลังแกว่งไกวไปตามสายลมยามค่ำด้วยสายตาว่างเปล่า และเมื่อได้ยินเสียงฮัมเพลงของหญิงสาวด้านหลัง เขาก็ดึงตัวเองออกจากภวังค์
เมื่อครู่นี้เขานอนมากจนเกินไป
ถ้าไม่ใช่เพราะอาการจุกเสียดภายในช่องท้องอย่างกะทันหันและสิ่งที่หญิงในชุดสีฟ้าพูดออกมา เขาเกือบจะลืมไปแล้วว่าหญิงสาวที่อยู่ในบ้านตนเป็นปีศาจ......
คงหนิงลากร่างกายอันเหนื่อยล้ามาที่ประตู
ขณะทื่ยืนอยู่ใต้แสงอาทิตย์ที่ลาลับขอบฟ้า เขาก็เห็นพ่อแม่กำลังเพลิดเพลินอยู่กับความเย็นสบายใต้ต้นฉัตรจีนริมรั้วบ้าน
พ่อที่ปกติพลิกอ่านหนังสือเล่มสีเหลืองซีดอยู่เสมอ ไม่ค่อยได้วางมันลงเท่าไหร่ บัดนี้จึงค่อนข้างแปลกตา
เพราะมีแขกคนหนึ่งมาหา
ใต้ต้นฉัตรจีนสูงใหญ่ คนที่นั่งอยู่อีกคนตรงนั้นเป็นชายร่างกำยำที่มีใบหน้าถมึงทึง
ในตอนที่คงหนิงเดินมา อีกฝ่ายก็บ่นใส่พ่อแม่ของคงหนิงด้วยความโกรธ
“.......นี่มันข่มเหงรังแกกันเกินไป! บิดาอยากให้นังนั่นตายไปเสีย!”
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของคงหนิงทำให้ทั้งสามคนที่นั่งอยู่ใต้ต้นฉัตรจีนหันศีรษะมามอง
คงหนิงเห็นรอยแผลเป็นสีดำบนใบหน้าซีกซ้ายของชายร่างกำยำที่กำลังโกรธจัด มันทำให้ครึ่งหน้าของเขาดูเละเทะน่าเกลียดอยู่เล็กน้อย และอาการบาดเจ็บนี้เหมือนจะเพิ่งเกิดขึ้นไม่นานนี้เอง......
เมื่อเห็นคงหนิงปรากฏตัวขึ้นมา ชายร่างกำยำที่กำลังตะโกนด้วยความโกรธก็หยุดนิ่ง จากนั้นจึงลุกขึ้นเดินจากไป
ก่อนจากไป เขาจ้องมาที่คงหนิงด้วยความโกรธ
“บิดาไม่สนใจแล้ว! ช่างหัวกฎเกณฑ์ห่าเหวนั่นปะไร!”
ชายร่างกำยำเดินออกไปด้วยความโกรธ
พ่อแม่ที่อยู่ใต้ต้นฉัตรจีนมองชายร่างกำยำจากไปด้วยท่าทางสงบ ไม่ได้รั้งเอาไว้
คงหนิงมองไปที่แผ่นหลังของชายร่างกำยำด้วยความประหลาดใจและสับสนอยู่เล็กน้อย
ชายคนนี้......คือผู้ใดกัน? ในเขตชานหลานเล็กๆ นี้มีคนที่เขาไม่รู้จักด้วยหรือ?
-----------------------
[1] ฝู่เฉิง เป็นเขตการปกครองรูปแบบหนึ่งในสมัยโบราณ เปรียบเทียบได้กับจังหวัด