ตอนที่ 213+214 รังเกียจ
ตอนที่ 213 รังเกียจ
เจียงเหยานั่งแท็กซี่กลับไปที่มหาวิทยาลัยหลังจากส่งลู่ชิงสีและเฉินซวีเหยากลับไปแล้ว
เธอพบกับเหวินเสวี่ยฮุ่ยและหลี่หรงฮุ่ยที่เพิ่งลงจากรถโดยสารนอกด้านนอกมหาวิทยาลัย เธอเห็นพวกเขาพูดคุยและหัวเราะมาด้วยกัน เหวินเสวี่ยฮุ่ยดูพอใจและมีความสุขมาก
หัวใจของเจียงเหยาตกลงเมื่อเห็นฉากนี้ต่อหน้าเธอ เธอตระหนักว่าคราวนี้หลี่หรงฮุ่ยอาจจะเปลี่ยนกลยุทธ์ของเขาในการตามจีบเหวินเสวี่ยฮุ่ย เมื่อมองไปยังเหวินเสวี่ยฮุ่ยที่ยิ้มจนถึงใบหู เธอคงรักเขาอย่างไม่อาจห้ามใจได้
เพียงสองวัน! เจียงเหยาจากไปเพียงสองวันและสิ่งนี้ก็เกิดขึ้น หลี่หรงฮุ่ยช่างร้ายกาจขนาดไหน!
“เสวี่ยฮุ่ย!” เจียงเหยาก้าวไปข้างหน้า โดยเอาตัวเข้าขั้นกลางระหว่างพวกเขา
“ดูสิใครมา!” เหวินเสวี่ยฮุ่ยดูเหมือนจะลืมการมีอยู่ของหลี่หรงฮุ่ย เมื่อเห็นเพื่อนสนิทของเธอ เธอจับมือกับเจียงเหยาและยิ้ม “ดูเหมือนว่าเธอจะมีวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ดีนะ”
ไม่มีใครนอกจากเหวินเสวี่ยฮุ่ยรู้ว่าเจียงเหยาหายไปไหนหลังจากวันหยุด
เธอได้ยินจากพ่อของเธอว่าสามีของเจียงเหยาก็อยู่ที่หนานเจียงด้วย เธอรอเจียงเหยากลับมา เพื่อจะได้หยอกล้ออีกฝ่าย
“ฉันไม่ใช่คนเดียวที่มีความสุขในช่วงสุดสัปดาห์นี้เสียหน่อย” เจียงเหยายิ้มและเหลือบมองหลี่หรงฮุ่ย
เมื่อเข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร ใบหน้าของเหวินเสวี่ยฮุ่ยก็เปลี่ยนเป็นสีแดงสด เธอบีบแขนเจียงเหยาเล็กน้อย เมื่อหันไปมืองหลี่หรงฮุ่ย เธอกล่าวว่า “ฉันจะไปกลับเจียงเหยานะคะ แล้วพบกันค่ะ!”
โดยไม่รอคำตอบของเขา เหวินเสวี่ยฮุ่ยลากเจียงเหยาไปด้วยและหายตัวไปจากสายตาของหลี่หรงฮุ่ย เธอไม่อยากถูกเจียงเหยาหยอกล้อต่อหน้าหลี่หรงฮุ่ย
ไม่นานพวกเขาก็มาหยุดยืนอยู่ที่ ๆ หนึ่ง เหวินเสวี่ยฮุ่ยหันกลับมามองเจียงเหยา เธอรู้สึกประหลาดใจที่เห็นเจียงเหยาเดินตามเธอมาโดยสวมรองเท้าส้นสูง “ไม่เมื่อยเหรอ?”
“ฉันไม่เป็นไร” เจียงเหยาพยักหน้าแล้วถาม “ตอนนี้เธอคบกับหลี่หรงฮุ่ยแล้วเหรอ?”
สัมผัสที่หกของเธอบอกกับเธอว่าความสัมพันธ์ของเวินเสวี่ยฮุ่ยและหลี่หรงฮุ่ยเพิ่งจะก้าวหน้า
“ยังเสียหน่อย!” เหวินเสวี่ยฮุ่ยหน้าแดง “เขาเพิ่งจะสารภาพรักกับฉันเมื่อกี้ ฉันไม่รู้ว่าเขาเองก็แอบชอบฉันมาพักหนึ่งแล้ว”
“เมื่อไหร่ล่ะ” เจียงเหยาเลิกคิ้วของเธอ “เธอชอบเขาไม่ใช่เหรอ? ถ้าเขาสารภาพรักแล้วทำไมพวกเธอไม่อยู่ด้วยกันล่ะ”
“ฉันเป็นผู้หญิงนะ ก็ต้องสงวนตัวหน่อยสิ ฉันบอกเขาไปว่า ขอกลับไปคิดดูก่อน” เหวินเสวี่ยฮุ่ยตอบ หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เธอถามว่า “เห็นชัดเลยเหรอว่าฉันกำลังแอบชอบเขาอยู่? เธอรู้ได้ยังไง?”
เหวินเสวี่ยฮุ่ยดูเหมือนจะลืมไปว่าเธอได้บอกเกี่ยวกับความรักที่เธอมีต่อหลี่หรงฮุ่ยเมื่อนานมาแล้วเจียงเหยาไปแล้ว
“ชัดยังไงน่ะเหรอ เหมือนแสงตอนกลางวันเลยล่ะ” เจียงเหยากลอกตา “ทุกครั้งที่เธอออกไปกับเขา เธอกลับมาจะยิ้มแฉ่งจนหน้าบาน”
แม้ว่าเจียงเหยาจะจำเรื่องราวในชาติก่อนได้ไม่ทั้งหมด ทว่าเพียงแค่ใส่ใจสักนิดใคร ๆ ก็มองออกว่าเหวินเสวี่ยฮุ่ยชอบเขา
เหวินเสวี่ยฮุ่ยยกมือขึ้นปิดหน้าด้วยความเขินอาย เธอคิดว่าเธอสามารถเก็บซ่อนอารมณ์ของเธอได้เป็นอย่างดี โดยไม่รู้เลยว่าเจียงเหยามองออกอยู่ตลอด “เท่าที่เธอดูออก เธอคิดว่าหลี่หรงฮุ่ยก็รู้ด้วยหรือเปล่า?”
เจียงเหยาเยาะเย้ย “ฉันไม่คิดว่าเขาฉลาดขนาดนั้น”
เหวินเสวี่ยฮุ่ยรู้ดี เห็นได้ชัดว่าเจียงเหยากำลังเยาะเย้ยอยู่ และแสดงความรังเกียจที่มีต่อหลี่หรงฮุ่ยออกมาอย่างเต็มที่ เห็นได้ชัดว่าเจียงเหยาไม่ชอบหลี่หรงฮุ่ยเอาเสียเลย
“เจียงเหยา ทำไมเธอถึงไม่ชอบเขาล่ะ” เหวินเสวี่ยฮุ่ยพยายามคิดแล้วคิดอีก พวกเขาเพิ่งพบกันไม่กี่ครั้ง ดังนั้นการเป็นปรปักษ์เป็นอย่างมากของเจียงเหยาที่มีต่อหลี่หรงฮุ่ย ทำให้เธอรู้สึกงงงวยเป็นอย่างมาก
__
ตอนที่ 214 เขาไม่ใช่คนเดียวเสียหน่อย
เจียงเหยามองดูสภาพอากาศรอบ ๆ แล้ว มันเป็นบ่ายที่อากาศร้อนและไม่มีใครอยากออกไปไหน นักศึกษาส่วนใหญ่จะอยู่ในห้องพักหรือที่ ที่มีเครื่องปรับอากาศเย็น ๆ
“เสวี่ยฮุ่ย หลี่หรงฮุ่ยไม่ใช่คนเดียวสำหรับเธอหรอก เขามีอย่างอื่นปิดบังอยู่” เจียงเหยาพูดต่อหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง "ครั้งหนึ่งฉันได้ยินเขาพูด เพื่อนของเขาถามว่าเขาชอบเธอจริง ๆ เหรอ และเธอรู้ไหม เขาตอบว่ายังไง”
“ว่าอะไร?” หัวใจของเหวินเสวี่ยฮุ่ยวูบไหว เธอไม่พร้อมจะฟังคำตอบเอาเสียเลย
“เขาบอกว่า เขาต้องการทำวิจัยภายใต้พ่อของเธอ อธิการบดีเหวิน เธอก็รู้นี่ว่าพ่อของเธอเข้มงวดกับนักศึกษาที่อยู่ใต้การดูแลของเขามาก เมื่อเร็ว ๆ นี้ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รับนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาเลย นี่คือเหตุผลที่หลี่หรงฮุ่ยต้องการใช้ประโยชน์จากการที่เขาอยู่กับเธอเพื่อให้ตัวเองได้เข้าร่วมทีมวิจัยกับพ่อของเธอ”
ด้วยบุคลิกที่พิถีพิถันของหลี่หรงฮุ่ย เขาะจไม่พูดเรื่องนี้กับคนอื่นหรอก อย่างไรก็ตามเจียงเหยาไม่ได้พูดผิด หลี่หรงฮุ่ยมีแผนแบบนั้นจริง ๆ
ในชีวิตก่อนหน้าของเธอ หลี่หรงฮุ่ยกลายเป็นนักศึกษาคนแรกที่อธิการบดีเหวินยอมรับให้เข้าร่วมทีมวิจัยของเขา ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้รับการเรียนรู้ที่เขาต้องการจากอธิการบดีเหวินมาโดยตลอด จากนั้นอธิการบดีเหวินก็ขอให้เขาอยู่ทำงานต่อและสอนที่มหาวิทยาลัยนี้ แต่เขายังไม่พอใจกับสิ่งที่ตัวเองได้รับ
หลังจากเรียนจบ เขาตั้งเป้าหมายไว้ที่ตระกูลจาง
ในช่วงเวลานั้น การร่วมทุนทางธุรกิจของตระกูลจางเป็นไปด้วยดี หลังจากที่ทำการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องทำให้ธุรกิจของพวกเขาเติบโต ตระกูลจางกำลังมองหาลูกเขยที่มีความสามารถเพราะจางซีชิงเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของพวกเขา หลี่หรงฮุ่ยเข้าใจว่าเขาจะสามารถช่วยจัดการธุรกิจของตระกูลจางได้หลังจากแต่งงานกับจางซีชิง หลี่หรงฮุ่ยจึงเลือกแต่งงานกับเธออย่างรวดเร็ว หลังจากเลิกรากับเหวินเสวี่ยฮุ่ย
เหวินเสวี่ยฮุ่ยเป็นเพียงก้าวสำคัญของหลี่หรงฮุ่ยผู้ซึ่งเห็นแก่ตัวอย่างมากก็เท่านั้น หลังจากเลิกรา เธอได้พบกับจางซีชิงหลายครั้ง แม้ว่าจางซีชิงจะเยาะเย้ยและถากถางเธอ หลี่หรงฮุ่ยก็มองกลับมาอย่างเย็นชาและปฏิเสธที่จะเข้ามาห้าม เขายังเคยตกกลับเวินเสวี่ยฮุ่ยหลายครั้งที่เธอถูกดูถูกและถูกจางซีชิงทำร้ายร่างกาย
ตอนนี้เจียงเหยาจินตนาการว่าหลี่หรงฮุ่ยได้เลือกแล้วระหว่างจางซีชิงกับเหวินเสวี่ยฮุ่ย เมื่อเห็นว่าตระกูลจางกำลังประสบปัญหา หลี่หรงฮุ่ยจึงเริ่มเดินหน้าหันมาหาเวินเสวี่ยฮุ่ย
หลี่หรงฮุ่ยเป็นคนฉลาดและเขารู้ว่าเขามีโอกาสมากขึ้น แม้จะพลาดจากตระกูลจาง
เมื่อมองไปที่ใบหน้าขาวซีดของเหวินเสวี่ยฮุ่ย เจียงเหยาก็รู้สึกเพื่อนสนิทของเธอ
เธอรู้ว่าเหวินเสวี่ยฮุ่ยแอบชอบหลี่หรงฮุ่ยมานานแล้ว คำสารภาพของเขาตอนนี้ทำให้เธอมีความสุขอย่างไม่ต้องสงสัย
คำพูดของเธอเกี่ยวกับหลี่หรงฮุ่ยแม้จะเป็นเรื่องจริง แต่ก็โหดร้ายเกินไปสำหรับคนบริสุทธิ์อย่างเหวินเสวี่ยฮุ่ย
เรื่องนี้หนักหนาเกินไปสำหรับเหวินเสวี่ยฮุ่ยที่จะรับได้ ทว่าเจียงเหยาจำเป็นต้องบอกความจริงกับเธอตอนนี้ โดยไม่อาจเสี่ยงให้เธอต้องทนทุกข์ทรมานในอนาคต
เจียงเหยาไม่ต้องการเห็นหญิงสาวผู้น่ารักที่เคยไปกับหมู่บ้านห่างไกลพร้อมกับเธอ ต้องสูญเสียความรู้สึกและความสุขของตัวเอง โดยการอยู่ให้ผ่านไปวัน ๆ
“นอกจากนี้ เขามีคู่หมั้นที่บ้านแล้วด้วย เขามาจากพื้นเพที่ยากจน ดังนั้นค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ของเขาที่นี่จึงมาจากคู่หมั้นและครอบครัวของฝ่ายหญิง ในขณะที่เขากำลังศึกษาอยู่ที่เมืองหนานเจียง คู่หมั้นของเขาก็พักและดูแลพ่อแม่ที่แก่ชราของเขาอยู่ที่บ้าน” เจียงเหยาเล่าต่อ “ถ้าเธอไม่เชื่อ สุดสัปดาห์นี้เราไปเยี่ยมบ้านเกิดของหลี่หรงฮุ่ยกันไหมล่ะ”