บทที่ 66 พี่ชายสุดยอดมาก❗️
เชิ่งจื๋อเหยียนรีบพูดขึ้นทันที พร้อมกับถลึงตาใส่เซิ่งเทียนซื่อผู้เป็นอาด้วยความโมโห “อาแย่มาก ทำไมอาถึงไม่ยอมปลุกผมล่ะ แต่กลับมาหาน้องสาวแค่คนเดียว ฮึ่ม…❗️”
“หึ…ไม่ใช่เพราะแกกำลังหลับเหมือนหมูอยู่หรอกเหรอ? อาก็เลยขี้เกียจที่จะปลุกเเกขึ้นมา แล้วยังมีหน้ามาโทษอาอีก?”
เมื่อได้ยินคำของผู้เป็นอา เชิ่งจื๋อเหยียนก็โกรธขึ้นมาทันที “อาน่ะสิที่เป็นหมู❗แถมยังเป็นหมูตัวใหญ่ด้วย❗️”
อ่าาา…อานี้แย่จริงๆ ทำไมถึงบอกว่าเขาเป็นหมูต่อหน้าน้องสาวล่ะ แล้วถ้าเกิดน้องสาวไม่ชอบเขาขึ้นมาจะทำยังไง?
ซูจิ่วถอนหายใจอย่างเงียบๆ นายน้อยคนนี้ไร้เดียงสาและน่ารักจริงๆ
เพื่อเรียกภาพลักษณ์ของตัวเองกลับมา เชิ่งจื๋อเหยียนก็มองไปที่ซูเชิ่งจิ่ง แล้วพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงเหมือนผู้ใหญ่ตัวน้อยว่า “ลุง ผมมีข่าวดีจะมาบอกลุงด้วย ผมได้คุยกับพ่อแล้ว พ่อบอกว่าเขาสามารถช่วยลุงได้ และเร็วๆนี้ลุงก็จะมีงานทำ❗️”
“จริงเหรอ?” ซูเชิ่งจิ่งตอบอย่างไม่ใส่ใจ
ซูเชิ่งจิ่งไม่ได้หวังอะไรมาก และเขาก็รู้ว่าพ่อของเด็กคนนี้เป็นเจ้าของบริษัทบันเทิงขนาดใหญ่ แต่คนพวกนั้นจะยอมทำงานกับคนที่มีข่าวมืดอย่างเขาจริงๆน่ะเหรอ?
“แน่นอน❗️” เชิ่งจื๋อเหยียนพยักหน้าอย่างจริงจัง จากนั้น เขาก็หันไปขอความดีความชอบจากซูจิ่ว “น้องสาว ฉันสุดยอดไหม❗️”
“......”
เด็กชายตัวน้อยคนนี้อยากที่จะได้หน้า?
แน่นอนว่าซูจิ่วไม่สามารถทําลายความกระตือรือร้นของเขาได้ บางทีเขาอาจจะสามารถช่วยได้จริงๆ ดังนั้น เธอจึงยิ้มและพูดว่า “อืม พี่ชายสุดยอดมาก❗️”
เมื่อจบประโยคนั้นของซูจิ่ว แววตาของหรงซื่อก็พลันหม่นหมองลงหลายส่วน และทั่วทั้งร่างก็เปลี่ยนเป็นเศร้าสลด
## ??????? อย่าลืมติดตามเสี่ยวจิ่วนะคะพี่สาว พี่ชาย
ซูจิ่วสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของวายร้ายน้อย ซึ่งเขาเป็นคนที่มีจิตใจค่อนข้างอ่อนไหว และถ้าหากไม่อยากให้เขาเป็นคนดํามืด เธอจะต้องไม่ไปกระตุ้นความเย็นชาของเขาโดยไม่รู้ตัว และจะต้องทําให้จิตใจเล็กๆของเขารู้สึกอบอุ่นขึ้นในเวลาที่เหมาะสม
ซูจิ่วครุ่นคิดยู่สองวินาที จากนั้น เธอก็เข้ามาใกล้เขาแล้วกระซิบว่า “พี่ชาย นายดูแลแม่อยู่คนเดียว และนายก็สุดยอดมากเหมือนกัน❗️ อีกทั้งนายเป็นคนดีที่สุดในใจของเสี่ยวจิ่วเลย”
เมื่อได้ยินประโยคนั้น หรงซื่อก็อึ้งไปเล็กน้อย และเขาก็มองไปที่เธออย่างไม่อยากเชื่อ แล้วพูดออกมาอย่างตะกุกตะกักว่า “จริงเหรอ?”
ดูสิว่าเธอทำให้เด็กกลัวแค่ไหน
“อืม❗️” ซูจิ่วขยิบตาให้กับหรงซื่อ และก็พูดต่ออย่างลึกลับว่า “ยังไงก็ตาม นายเป็นเด็กที่ดีที่สุดที่เสี่ยวจิ่วเคยพบมา”
หรงซื่อเม้มริมฝีปากจนแน่น ถึงแม้ว่าจะไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่แววตาที่เคยหม่นหมองของเขาก็ค่อยๆสว่างขึ้นมาแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่ซูจิ่วกำลังปลอบโยนวายร้ายน้อยอยู่นั้น นายน้อยเชิ่งจื๋อเหยียนก็รู้สึกไม่มีความสุขอีกครั้ง เขาไม่ชอบให้ซูจิ่วกระซิบกับเจ้าขอทานน้อยคนนั้น เพราะเหมือนว่าพวกเขากําลังพูดเกี่ยวกับอะไรบางอย่างอยู่ แต่ทําไมพวกเขาถึงไม่ยอมบอกเขาด้วย?
เชิ่งจื๋อเหยียนตัดสินใจว่าจะไปดึงตัวน้องสาวของตัวเองกลับมา เขาจึงเดินไปจับมือเล็กๆของเธอ และพูดอย่างประจบสอพลอว่า “น้องสาว เธอเคยไปสวนสนุกไหม? ให้ฉันคนนี้พาเธอไปเล่นได้นะ พวกเราจะไปเล่นรถบั๊ม ชิงช้าสวรรค์ และฉันจะคีบตุ๊กตาให้ แล้วจะซื้อขนมให้กับเธอด้วย❗️”
ไม่ต้องรอให้ซูจิ่วกับซูเชิ่งจิ่งเห็นด้วย เชิ่งจื๋อเหยียนก็ดึงซูจิ๋วและวิ่งออกไปข้างนอกทันที “รถรออยู่ข้างนอกแล้ว พวกเราไปกันเถอะ❗️”
เชิ่งเทียนสื่อรีบตะโกนทันที “เฮ้! เจ้าเด็กเหลือขอ เสี่ยวจิ่วได้รับบาดเจ็บ วันนี้คงไปกับแกไม่ได้❗️”
ได้รับบาดเจ็บ?
คำพูดของผู้เป็นอาทำให้เชิ่งจื๋อเหยียนหยุดทันที และเขาก็มองไปที่ซูจิ่วอย่างกังวล “น้องสาว เธอได้รับบาดเจ็บตรงไหน มันร้ายแรงมากไหม?”
ในขณะเดียวกัน หรงซื่อก็มองไปที่ซูจิ่วด้วยท่าทางที่ตึงเครียดเหมือนกัน
และตอนนั้นเอง หรงซื่อเพิ่งสังเกตเห็นว่ามีรอยแดงที่บริเวณคอของซูจิ่ว ซึ่งถูกปิดไปครึ่งหนึ่งโดยคอเสื้อของเธอ และเขาไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร แต่เขารู้สึกจริงจังมาก
เขาอยากจะถามว่าเธอเจ็บไหม แต่เชิ่งจื๋อเหยียนก็พูดขึ้นมาก่อน “อ๊า…น้องสาว คอของเธอเป็นอะไรน่ะ? ใครมันเป็นคนทํา❗️ ไอ้คนนั้นน่าเกลียดมาก ฉันจะไปทุบตีเขาเดี๋ยวนี้❗️”