ข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 12 เงาวิญญาณที่น่าหวาดหวั่น
ข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 12 เงาวิญญาณที่น่าหวาดหวั่น
เสียงของเงาประหลาดนั้นทุ้มต่ำ เผยจิตสังหารที่แสนเย็นชา
คงหนิงพุ่งออกนอกหน้าต่างทันที พร้อมตะโกนด้วยน้ำเสียงดุดัน
“ฆ่า!”
ท่ามกลางความมืดมิด เสียงวัตถุพุ่งทะลวงผ่านอากาศดังขึ้นในทันที
ลูกศรจากหน้าไม้ทั้งสิบหกดอก พุ่งออกจากเงามืดในทุกทิศทาง ทั้งหมดพุ่งเป้าไปที่เงาประหลาดตรงกลางลาน
ทันทีหลังจากนั้น โหลเจ็ดใบก็ถูกเปิดออกแล้วโยนเข้าใส่เงาประหลาดอย่างรุนแรง โหลน้ำมันเหล่านี้ถูกโยนโดยคงหนิง หมาลิ่ว และมือปราบมือดีอย่างพร้อมเพรียงกัน แทบจะไม่ได้ช้าไปกว่าลูกศรจากหน้าไม้เลย
ชั่วพริบตา ลูกศรทั้งสิบหกดอกก็แทงทะลุเงาประหลาดและจมเข้าไปในร่างของมัน
ครู่เดียวขวดโหลทั้งเจ็ดใบที่เต็มไปด้วยน้ำมันก็เปิดออก น้ำมันเย็นๆ อาบท่วมร่างเงานั้น
“ไฟมา!”
ห้องข้างลานทั้งสองมีเปลวไฟถูกจุดขึ้นอย่างรวดเร็ว คบเพลิงที่เต็มไปด้วยไฟลุกไหม้ถูกโยนเข้าใส่เงาที่อยู่กลางลาน
เปลวไฟเข้าปะทะกับน้ำมัน ร่างเงาประหลาดที่ยืนอยู่หน้าศพตัวกินวิญญาณก็จมอยู่ในเปลวเพลิงทันที เปลวเพลิงลุกท่วมร่างของมันไม่หยุดหย่อน
ในขณะนั้นเองลูกศรที่ยิงออกจากหน้าไม้รอบที่สองก็พุ่งทะลวงฝ่าความมืดเข้ามา ลูกศรทั้งสิบหกดอกเข้ากระทบเงาดำที่กลางลาน
ที่ว่าการเขตชานหลานที่แต่เดิมเงียบสงัด เกิดไฟลุกโชติช่วง เสียงตะโกนให้ฆ่ายังดังอย่างต่อเนื่อง มือปราบที่ซุ่มโจมตีอยู่ในเงามืด จากทั้งในห้อง และบนยอดไม้ ต่างพากับโบกอาวุธเข้าจู่โจม
เคียวด้ามยาว มีดขอ และอวนจับปลาที่เต็มไปด้วยใบมีดถูกผูกเอาไว้แน่น.......อาวุธทั้งหมดเข้าห้ำหั่นโจมตีเงาประหลาดสีดำที่อยู่ตรงกลางลาน
เงานั้นถูกฝูงชนกลุ้มรุมจนมิด
อย่างไรก็ตาม ในวินาทีต่อมา ที่ใจกลางลานกว้าง เพลิงไหม้ก็โหมทวีความรุนแรงจนน่ากลัว
เงาดำติดไฟเปล่งเสียงหัวเราะออกมา เปลวไฟที่พวยพุ่งก็ระเบิดออก ลามไปทั่วทุกทิศทาง
มือปราบที่เหวี่ยงอาวุธเข้าห้ำหั่นถูกไฟคลอกทันที กลายเป็นมือปราบที่ส่งเสียงกรีดร้องและวิ่งพล่านอยู่ในลาน
แต่เงาตรงกลางลานนั้นไม่เป็นอันตรายใดๆ มองไปยังคงหนิงแล้วหัวเราะเยาะเย้ยพร้อมกับกล่าวว่า “เจ้าเป็นหัวหน้าของคนกลุ่มนี้ใช่หรือไม่? เป็นกับดักที่ละเอียดยิ่ง แต่น่าเสียดายที่มันไม่ได้ผลสำหรับข้า”
ด้านข้างเงาดำ มือปราบที่ถูกปกคลุมไฟด้วยเปลวไฟพากันกรีดร้องและล้มลงไปตายกันอย่างรวดเร็ว
เปลวเพลิงธรรมดาไม่สามารถเผาคนให้ตายได้รวดเร็วขนาดนี้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องหลังจากที่ศพไหม้เกรียมเหล่านั้นล้มลง เปลวไฟที่ลุกไหม้ตามร่างกายก็ดับตามไปอย่างลึกลับ
ทันใดนั้น ศาลาว่าการที่แต่เดิมเต็มไปด้วยเสียงตะโกนฆ่าฟันดุเดือดก็เงียบลงอีกครั้ง
เปลวเพลิงทั้งหมดหายไป กลุ่มมือปราบที่วิ่งเข้ามาเร็วที่สุดก็กลายเป็นซากศพดำทมิฬ ร่วงลงไปอยู่ด้านข้างของเงาประหลาด
ดูเหมือนพวกเขาจะถูกทรมานจนเจ็บปวดแสนสาหัส แม้ว่าศพเหล่านี้จะถูกเผาจนดำเป็นตอตะโก แต่ก็ยังสามารถแยกแยะการแสดงออกทางสีหน้าให้เห็นทั้งความโศกเศร้าและความเจ็บปวด ชวนให้ใจสั่นยิ่ง
ด้านข้างคงหนิง มือปราบทั้งหลายถือมีดสั้นด้วยความประหม่า จ้องตรงไปที่เงาแปลกๆ ตรงหน้า ในตอนที่เปลวเพลิงระเบิดพวยพุ่งเมื่อครู่ นอกจากคงหนิงแล้ว ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รอดชีวิต
ลมหนาวพัดผ่านลานบ้านที่ดูอึมครึมมืดครึ้ม เห็นได้ชัดว่านี่คือช่วงฤดูร้อน แต่อากาศกลับเย็นผิดปกติ
กลิ่นเหม็นเน่าฟุ้งกระจายอยู่เต็มลาน พื้นดินที่อยู่ใต้เงาดำเริ่มกลายเป็นพื้นดินไหม้เกรียมสีดำสนิท และขอบเขตของพื้นดินที่ไหม้เกรียมก็ยังขยายขนาดออกไปเรื่อยๆ
กิ่งก้านใบในสวนเริ่มเหี่ยวเฉา โรยรา ในที่สุดก็แปรเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท กลืนไปกับความมืดยามค่ำคืน
ต้นพุทราที่ปลูกไว้ในสวนก็แห้งเหี่ยวไปอย่างรวดเร็ว ใบไม้เขียวขจีเปลี่ยนเป็นสีเหลืองแล้วหลุดร่วงลงสู่พื้น ท้ายที่สุดต้นพุทราทั้งต้นก็เปลือยเปล่า แม้แต่เปลือกไม้ก็แห้งแตก ไม่เหลือร่องรอยของความมีชีวิตชีวา
เงาที่ยืนอยู่บนพื้นดินไหม้เกรียมเริ่มหัวเราะอย่างน่ากลัว มองไปที่คงหนิงและมือปราบอีกไม่กี่คนที่เหลือ ค่อยๆ ยกมือของมันขึ้น
“อึกอ้าก!”
หมาลิ่วที่ยืนอยู่ถัดจากคนหนิงก็กรีดร้องและพยายามเอามือจับคอตนเองอย่างสิ้นหวัง
คอของเขาดูเหมือนจะถูกจับไว้โดยมือขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็นและไม่สามารถหลุดพ้นได้ไม่ว่าจะดิ้นรนแค่ไหนก็ตาม ขาของเขาเตะปัดป่ายไปมาในอากาศ ใบหน้าแดงก่ำ แขนหนาๆ ของเขาก็แดงเถือก แต่ทำได้แค่มองดูร่างของตนถูกมือล่องหนดึงไปใจกลางลาน สุดท้ายก็มาถึงหน้าเงาดำอันน่าสะพรึง
อย่างไรก็ตาม ร่างสีดำไม่แม้แต่จะมองมา ปีศาจสยองขวัญเพียงโบกมือเบาๆ หมาลิ่วก็หัวสะบัดพร้อมเสียง “แกร็ก”
แทบจะในเวลาเดียวกัน อีกหนึ่งศพก็ร่วงลงอยู่แทบเท้าเงาประหลาด
ภายใต้แสงจันทร์เย็นเยียบ ร่างเงายิ้มกว้างมองไปยังมือปราบที่เหลืออีกไม่กี่คน แล้วพูดอย่างช้าๆ ว่า “จะฆ่าใครเป็นคนต่อไปดี?”
ที่ด้านหลังของคงหนิง หัวหน้ามือปราบจางหรงก็พุ่งตรงไปที่สวนด้านหลังทันที และรีบวิ่งหนีไป
และทันทีที่เขาหันหลังกลับ ปีศาจที่น่าสะพรึงกลัวตรงกลางลานก็ยกมือขึ้นอีกครั้ง และมือที่มองไม่เห็นก็คว้าจับตัวของเหล่าจางที่เป็นหัวหน้ามือปราบเขตชานหลานมานานกว่าสิบปีเอาไว้ เขากรีดร้องและถูกลากไปทั้งเป็นจนไปหยุดอยู่ที่หน้าของปีศาจที่น่ากลัวตนนั้น
ท้ายที่สุด คนอื่นๆ ก็ถูกปีศาจร้ายตนนี้บดขยี้จนตายต่อหน้าคงหนิง
เสียงกรีดร้องของจางหรงก่อนที่จะเสียชีวิตนั้นดังลั่นจนทำให้ขนลุกไปถึงหนังศีรษะ เลือดสาดกระเซ็น และอีกสี่คนที่เหลือก็วิ่งตรงเข้าหาปีศาจร้ายกลางลาน โบกสะบัดคมมีดของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม ด้วยความเร่งร้อน พุ่งเข้าไปฆ่าอย่างไร้เหตุผลของพวกเขา ทำให้ต้องนอนทอดร่างกลายเป็นศพอยู่แทบเท้าของปีศาจที่แสนจะน่ากลัว
ในท้ายที่สุด ศาลาว่าการขนาดใหญ่ ก็เหลือคงหนิงเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่
วิญญาณเงาดำมองไปที่คงหนิงและเย้ยหยันอีกครั้งหนึ่ง
“เหลือเจ้าเพียงคนเดียวแล้ว.......เจ้าคงจะกลัวตายจริงๆ ล่ะสิท่า พอเห็นข้าก็ไม่กล้าตวัดมีดออกมาด้วยซ้ำ?”
“แต่ไม่ต้องกลัวไป ข้าจะส่งเจ้าไปหาเพื่อนๆ ของเจ้าอีกครั้งเอง!”
ผีร้ายน่าสะพรึงกลัวแสยะยิ้ม ยกกรงเล็บที่มีขนสีเขียวขึ้นมา คว้ามือไปยังคงหนิงที่อยู่เบื้องหน้า
แต่คงหนิงก็ไม่ได้เคลื่อนไหวแต่อย่างใด
ภายใต้แสงจันทร์เย็นเยียบ บรรยากาศน่าสะพรึงกลัวดูเหมือนจะสร่างซาลงเล็กน้อย
ผีร้ายตกตะลึง
มันมองคงหนิงที่ยืนอยู่ในลานด้วยความประหลาดใจ ได้ยินเสียงที่ดูไม่ยี่หระของคงหนิงดังแว่วมา
“เป็นภาพลวงตาที่ยอดเยี่ยม......น่าเสียดายที่ไม่สามารถทำให้ข้าสับสนได้”
“แล้วเจ้าก็ลืมไปอย่างหนึ่ง นั่นคือตัวเจ้าและปีศาจกินวิญญาณเป็นปีศาจที่อยู่ในระดับเดียวกัน!”
“เจ้าปีศาจตัวจ้อยที่ไม่สามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ ทำไมถึงสร้างคลื่นลมควบคุมไฟควบคุมน้ำได้? นอกเหนือจากร่างกายที่ทรงพลังแล้ว อย่างมากเจ้าก็ล่อหลอกผู้คนได้ด้วยภาพลวงตาเท่านั้นแหละ!”
“ตอนแรกข้าก็คิดว่าเจ้าจะรีบเข้ามาแล้วสังหารผู้คนในศาลาว่าการ”
“แต่ข้าไม่คิดว่าเจ้าเลือกที่จะซ่อนหัวโผล่มาแค่หาง คิดใช้ภาพลวงตาลากคนเข้าไปในความฝันแล้วฆ่าทีละคน.......”
“ถ้าเดาไม่ผิด ตอนนี้ทุกคนในศาลาว่าการคงหลับหมดแล้วสิท่า? และข้าคงเป็นเป้าหมายแรกของเจ้า? เพราะดูเหมือนจะมีพละกำลังมากที่สุดและคุ้มค่าที่สุดที่จะสังหาร?”
คงหนิงถือมีดเอาไว้ในมือ จ้องมองไปยังผีร้ายในลานกว้างด้วยความเย็นชา เปิดโปงแผนการของฝ่ายตรงข้ามออกมาจนหมด
ภายใต้การคุ้มครองของไหลึกลับสีดำ ภาพลวงตาของวิญญาณฝันร้ายตนนี้ไม่ได้มีผลกับคงหนิงมาตั้งแต่แรก เขาตระหนักได้ชัดเจนว่าตกอยู่ในห้วงความฝัน และทุกอย่างที่เห็นไม่ใช่ความจริง!