ข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 11 ค่ำมืดดึกดื่น เที่ยงคืนยามสาม
ข้าถูกเลี้ยงในกรงมาร 11 ค่ำมืดดึกดื่น เที่ยงคืนยามสาม
การมาอย่างกะทันหันของปีศาจในบ้านรบกวนอารมณ์ของคงหนิงเล็กน้อย
แม้ว่าจะมีปีศาจมากมายในเขตชานหลาน ซึ่งคงหนิงก็คาดเดาเอาไว้แล้ว แต่ความจริงข้อนี้ได้รับการยืนยันจากปากของปีศาจเอง ก็ทำให้หนาวสั่นอยู่ไม่น้อย
ไม่ใช่แค่คำข่มขู่เหล่านี้ ปีศาจสาวยังทรมานคงหนิงจนได้รับความเจ็บปวดทรมานราวกับถูกมีดแหลมกรีดเข้าที่ท้องอยู่ร่วมครึ่งชั่วโมง
จนกระทั่งนางปีศาจได้จากไป คงหนิงจึงลุกขึ้นได้ ขาที่นั่งแข็งตึงมาเป็นเวลานานก็แอบสั่นเล็กน้อย
เขาไม่มีเวลาตรวจสอบด้วยซ้ำว่าปีศาจที่บ้านตนนั้นกำลังไปไหน
ข่าวการตายของปีศาจกินวิญญาณได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองแล้ว เมื่อพิจารณาจากนิสัยของวิญญาณฝันร้าย ตราบใดที่ฟ้ามืด วิญญาณฝันร้ายก็มีโอกาสโผล่มาได้ทุกเมื่อ คงหนิงต้องจัดการทุกอย่างให้พร้อมสรรพก่อนมืด
หลังจากมองดูซูหยานออกจากศาลาว่าการ คงหนิงก็ลุกขึ้นเดินกลับไปที่ลานด้านหน้า พร้อมกับฉากด้านหลังเป็นพระอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้าเห็นเป็นแสงสีแดงระเรื่อ
ไม่ได้พูดอะไรมาก เมื่อเห็นคนทั้งหลายรับประทานอาหารเย็นกันเสร็จเรียบร้อย คงหนิงก็กระซิบคำ เชื้อเชิญให้ทุกคนนั่งลง
เขตชานหลานไม่ใหญ่แต่ก็ไม่ได้เป็นเขตที่เล็ก มีมือปราบรวมๆ แล้วมากกว่าสามร้อยคนจากทั้งสามหน่วยและหกหมู่ คงหนิงไม่ต้องการจะใช้คนมากขนาดนั้น จริงๆ แล้วการมีคนมากเกินไปจะทำให้ยุ่งยาก และได้ผลตรงข้ามกับใจหวัง
คงหนิงเลือกคนที่เก่งที่สุดและแข็งแกร่งที่สุดหกสิบคน มอบหมายงานให้พวกเขา และให้ซ่อนตัวอยู่ในห้องปีกขวาของลานด้านหน้าทั้งสองห้อง โถงศาลาว่าการ และบริเวณมุมต่างๆ
ส่วนร่างของปีศาจกินวิญญาณนั้นถูกแขวนไว้ตรงกลางด้านหน้าศาลาว่าการเพื่อดึงดูดความสนใจของวิญญาณฝันร้าย
รอบๆ เสาที่แขวนตัวกินวิญญาณเอาไว้นั้น พื้นดินถูกขุดออกเป็นหลุม ใส่กับดักไว้ภายในเป็นกับดักหลุมลึกสองเมตร เต็มไปด้วยคมมีด และกลบปิดหลุมอย่างดี วิญญาณฝันร้ายไม่สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ ตราบใดที่มันก้าวเข้าไปในกับดัก ปีศาจตนนั้นจะต้องบาดเจ็บอย่างแน่นอน
และหลังจากเตรียมพร้อมแล้ว ขั้นต่อไปก็คือรอ
เมื่อพระอาทิตย์ตก ศาลาว่าการเขตชานหลานก็เงียบโดยสมบูรณ์ภายใต้ความมืดมิด
ศาลาว่าการที่ดูเหมือนเงียบสงบและไร้ผู้คนถูกจัดฉากขึ้นแล้ว คงหนิงได้ควบคุมให้มันเป็นกับดักขนาดยักษ์ที่มีการป้องกันแน่นหนา เพียงแค่รอคอยการมาถึงของปีศาจ
เขาซ่อนตัวอยู่ในห้องทางด้านซ้ายพร้อมกับหมาลิ่วและมือปราบหน่วยจู่โจมคนอื่นๆ ปิดไฟมืด ไม่พูดอะไรสักคำเดียว ซ่อนตัวอยู่ในความมืดมิด สามารถมองผ่านหน้าต่างกระดาษออกไปได้เท่านั้น
ลานด้านหน้าว่างโล่ง เงียบกริบดั่งป่าช้า มีเพียงแสงจันทร์เย็นเยียบที่สาดลงมาบนศพของตัวกินวิญญาณที่อยู่กลางลาน
ลมกลางคืนในฤดูร้อนพัดพาความอบอ้าวเข้ามา ใบไม้บนยอดไม้สั่นไหวอยู่ลิบๆ แต่มือปราบที่ซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ก็ทำหน้าที่ได้ดี ทำให้คงหนิงโล่งใจไม่น้อย
สิ่งที่เขาได้ทำไปทั้งหมด ก็จัดเตรียมไว้อย่างเต็มที่สุดกำลังแล้ว
หากการซุ่มโจมตีครั้งนี้ยังไม่สามารถสังหารปีศาจได้ เขาก็ทำได้เพียงโทษตนเองสำหรับชีวิตอันเลวร้ายนี้
ด้านข้างของคงหนิง หมาลิ่วกระซิบถาม “คงหนิง ปีศาจจะมาตอนไหน ข้ายังเหลือเวลาไปหอสายลมใบไม้ผลิหรือไม่?”
หมาลิ่วผู้เที่ยวเตร่เร่ร่อนอยู่ซ่องโสเภณีตลอดทั้งปี เป็นเทพแห่งความสำราญในเขตชานหลาน เขาไปซ่องกับพ่อของเขาตั้งแต่อายุสิบสามขวบปี และไม่มีหญิงสาวคนใดในซ่องที่เขาไม่รู้จัก
นอกจากนี้ ชายคนนี้ยังรู้วิทยายุทธ เป็นรองเพียงแค่คงหนิงเท่านั้นในด้านผลงานการจับกุม ด้วยเลือดเนื้อที่แข็งแกร่งและพลังงานไร้ขีดจำกัด เขาได้ใช้เวลาไปกับซ่องมากยิ่งกว่าอยู่บ้านเสียอีกในรอบปี
เวลานี้ ปีศาจกำลังจะมาหา แต่ก็ยังมิวายคิดถึงซ่อง......
คงหนิงจ้องไปที่ชายคนนี้โดยไม่พูดอะไร
หวางหูกร่นด่าออกไปด้วยเสียงต่ำ “ในเมื่อเจ้าหิวโหยมากขนาดนี้ ถ้าปีศาจมาเมื่อไหร่ เจ้าก็ออกไปก่อนเลยแล้วกัน......ถ้าเป็นปีศาจจิ้งจอกล่ะก็ อาจจะทำให้เจ้าใจเย็นได้บ้าง”
ภายในห้องมีเสียงหัวเราะต่ำๆ ดังออกมา
หลังจากที่จางหรง หัวหน้ามือปราบตำหนิ กลุ่มคนทั้งหมดก็หยุดหัวเราะอย่างรวดเร็ว
คงหนิงนอนอยู่ริมหน้าต่าง มองออกไปที่ลานด้านนอก ดูลานโล่งๆ ใต้แสงดาว รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ
เวลาค่อยๆ ผ่านไปนาทีต่อนาที
เสียงต่างๆ ภายในเขตเมืองค่อยๆ ลดน้อยลงเรื่อยๆ
ในท้ายที่สุดก็เหลือเพียงเสียงที่ดูโรยราและแหบแห้งของยามลาดตระเวนซึ่งดังมาเป็นครั้งคราวในช่วงค่ำคืน
เสียงป่าวประกาศที่ดูไม่พอใจปานประหนึ่งภูตผีร่ำร้อง
“ฟ้ามืด อากาศแห้ง......ระวังเปลวเทียนให้ดี......”
เสียงแหบแห้งนี้ดังมา แล้วก็แว่วไป
กว่าจะรู้ตัว เวลาก็ล่วงเลยมาถึงยามสาม[1]แล้ว
เมืองเล็กๆ ในเขตชานหลานพลันตกอยู่ในความเงียบงัน
ภายใต้แสงจันทร์เย็นเยียบ ลานกว้างหน้าศาลาว่าการ ได้ยินเพียงเสียงลมหวิว พัดใบไม้ปลิวเป็นครั้งคราวเท่านั้น
ในยามนี้ หมาลิ่วที่มีพลังมากล้นก็ยังเอนหลังพิงกำแพงด้วยความเกียจคร้าน ถือมีดพร้อมกับหาวออกมา พยายามจะไม่คิดถึงสาวๆ ในหอสายลมใบไม้ผลิ
คงหนิงยังคงนอนอยู่ข้างหน้าต่าง จ้องมองไปที่ลานด้านนอกผ่านช่องว่างระหว่างหน้าต่างที่ปูทับด้วยแผ่นกระดาษ ไม่กล้าที่จะผ่อนคลาย
พลังปีศาจภายในร่างยังคงโคจรหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง ขจัดความเหนื่อยล้าของตนออกไป
นอกศาลาว่าการเขต ชายชรายังคงตีกลองอย่างเกียจคร้านและตะโกนด้วยเสียงแหบแห้ง
“อากาศแห้ง......ระวังเปลวเทียนให้ดี......”
เมื่อเสียงค่อยๆ จางหายไป มือปราบทุกคนในศาลาว่าการก็ทราบว่ายามสามกำลังจะมาถึง
หมาลิ่วซึ่งนอนพิงอยู่ก็ขยับร่างเข้ามาใกล้คงหนิง กำลังจะพูดบางอย่าง แต่มือของคงหนิงได้หยุดเขาเอาไว้
ดวงตาบ่งบอกถึงความตึงเครียด
เพราะในตอนที่เสียงกลองบอกเวลาได้หายไป ทันใดนั้นเงาดำที่ระบุรูปร่างไม่ได้ก็ปรากฏขึ้นภายในศาลาว่าการ
ในตอนแรก เงานั้นปรากฏขึ้นที่ด้านหลังประตูศาลาว่าการ เกือบจะกลมกลืนไปกับเงาของชายคา ถ้าไม่ใช่เพราะสายตาอันเฉียบคมของคงหนิง เขาก็แทบจะไม่สังเกตถึงการมีอยู่ของสิ่งนั้น
แต่ไม่นาน เงาดำนั้นก็ไหลผ่านออกมาจากใต้ชายคาเหมือนแอ่งน้ำหมึกที่กำลังไหลเข้าลานกว้าง และปรากฏตัวอีกทีใต้แสงจันทร์อันเย็นยะเยือก
คืนนี้ในเขตชานหลาน ท้องฟ้ายามค่ำคืนเต็มไปด้วยดวงดาว ไม่มีเมฆบดบัง แสงจันทร์เย็นสาดส่องลงมาบนลานกว้างของศาลาว่าการ และแม้แต่ผู้ที่มีสายตาปกติก็สามารถเห็นเงาดำที่ปรากฏขึ้นมาได้ในทันใด
ร่างกายของหมาลิ่วเกร็งแน่นขึ้นในทันที และมือของเขาก็กระชับเข้าที่ด้ามมีด
ในห้องมืด ลมหายใจของทุกผู้ทุกคนหยุดนิ่งครู่หนึ่ง เต็มไปด้วยความประหม่า
ท้ายที่สุด สิ่งที่อยู่ด้านนอกคือปีศาจ!
หากปราศจากคำสั่งของคงหนิง กลุ่มมือปราบก็จะไม่เร่งรีบเคลื่อนไหว
ตรงหน้าต่างที่บุด้วยกระดาษ คงหนิงจ้องไปที่เงาแปลกๆ ตรงลานกว้าง เห็นเงา“ไหล”ไปยังเสาไม้ตรงกลางลานอย่างเงียบๆ
จากนั้นร่างบางก็ผุดขึ้นมาจากเงาสีดำสนิท
มันยืนอยู่หน้าเสาไม้ที่แขวนร่างตัวกินวิญญาณเอาไว้ เงยหน้าขึ้นมองศพตัวกินวิญญาณที่ดูน่ากลัวใต้แสงจันทร์ มันหัวเราะเย้ยหยันเบาๆ
“กินเศษวิญญาณมนุษย์มาหลายสิบปี แต่สุดท้ายก็ต้องมาตายด้วยน้ำมือมนุษย์.......น่าอนาถ......น่าอนาถจริงๆ!”
ลูกตาของคงหนิงหดตัวลงเล็กน้อย
เพราะร่างสีดำผอมบางและแปลกประหลาดนั่นยืนอยู่บนขอบของกับดักที่ขุดขึ้นมารอบๆ เสาไม้ ตราบใดที่ก้าวออกไปข้างหน้าอีกสักหนึ่งก้าว เงาดำจะต้องตกลงไปในกับดัก
ซึ่งมันก็ไม่ได้อยู่ไกลมาก กลับเลือกยืนอยู่บริเวณขอบ......
ปีศาจตนนี้รู้ว่ามีกับดักอยู่ข้างหน้า!
หัวใจของคงหนิงบีบตัวแน่น จากนั้นก็เขาก็ได้ยินเสียงเยาะเย้ยของเงาประหลาด
“เดิมทีข้าตั้งใจจะมารับร่างของเจ้าแล้วจากไป เพราะพวกเต่าแก่ๆ ในเมืองนี้ปกป้องอาหารของพวกมันมากเหลือเกิน ทว่าไม่คิดว่าจะมีคนรอข้ามากมายขนาดนี้ในศาลาว่าการ......หึหึ......”
“ถ้าไม่กินอาหารที่ถูกส่งมาถึงหน้าประตูบ้านเช่นนี้ ก็คงจะแย่เกินไปหน่อย!”
“น้องสาว ค่ำคืนนี้ พี่สาวคนนี้จะช่วยเจ้าแก้แค้น การสังหารหมู่ในศาลาว่าการจะเริ่มบัดเดี๋ยวนี้!”
-------------------------------
[1] ยามสามหรือยามจื่อ คือเวลาตั้งแต่ 23.00 – 00.59 น. (1 ชั่วยามจึงเท่ากับ 2 ชั่วโมง)